เป็นเช่นนั้น กองทัพทหารม้าและกองธงปรากฏตัวเป็นกลุ่มดำทะมึนอยู่ที่ปลายทาง มองเห็นธงที่อยู่หน้าสุดนั้นมีตัวอักษร เยี่ยน ตัวใหญ่ๆ
“เยี่ยน..เยี่ยน…เยี่ยนอ๋อง…” หลังจากเอ่ยประโยคนั้น สิ่งที่ได้รับคือลมที่พัดเข้าสู่ปากที่อ้าค้างไว้ของเขา จนเกือบสำลัก พี่น้องด้านข้างมองขัดตา ควบม้าเข้ามาใกล้เขา “พี่ใหญ่รีบไป พวกเป่ยหยวนจะตามมาทันแล้ว” หนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วควบม้านำไปด้านหน้าตั้งนานแล้ว
มองเห็นกองทัพของต้าเซี่ย กองกำลังของเป่ยหยวนจึงหยุดชะงักลงไม่ได้ติดตามต่อ ดังนั้น กองกำลังสองฝ่ายจึงเว้นห่างกันเพียงไม่กี่ลี้เท่านั้น
“จวินมั่ว อู๋สยา” เยี่ยนอ๋องอยู่ในชุดเกราะพลิกตัวลงจากหลังม้า เอ่ยเรียก
หนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วควบม้ามาหยุดอยู่ตรงหน้ากองทัพ ทั้งสองลงจากหลังม้าทำความเคารพพร้อมเพรียง “เสด็จลุง”
“เสด็จลุง”
ได้ยินเพียงคำว่าเสด็จลุง หวังป้าที่เพิ่งควบม้านำเข้ามาแทบมุดหัวลงบนหลังม้า เจ้าสองคนนี้…เรียกเยี่ยนอ๋องว่าเสด็จลุง เป็นถึงเชื้อพระวงศ์แต่กลับไปวิ่งเที่ยวเล่นอยู่ในทุ่งหญ้านอกด่าน ซ้ำยังทำให้พวกเขาไร้ที่อยู่ ว่างมากหรืออย่างไร
เยี่ยนอ๋องมองทั้งสองคนก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆ ตบไหล่เว่ยจวินมั่ว เอ่ย “ไม่เป็นอันใดก็ดี ลำบากพวกเจ้าแล้ว”
เว่ยจวินมั่วพยักหน้าเบาๆ ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด
“พี่ชาย พี่สะใภ้ นอกด่านนั่นสนุกหรือไม่” เซียวเชียนเหว่ยและเซียวเชียนจย่งอยู่ในชุดเกราะเช่นกันต่างยืนอยู่ด้านหลังเยี่ยนอ๋อง เซียวเชียนจย่งเอ่ยถามออกมาอย่างอดไม่ได้ เซียวเชียนเหว่ยเอ่ยขึ้นอย่างจนปัญญา “พี่ชายกับพี่สะใภ้ไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่น เสด็จพ่อเป็นห่วงความปลอดภัยของพี่ชายและพี่สะใภ้มาก สองวันก่อนก็พาคนมาปักหลักเตรียมตัวรอรับอยู่ที่นี่แล้ว หากมิใช่เพราะเหล่าแม่ทัพห้ามเอาไว้ เกรงว่าคงอยากเข้าใกล้เป่ยหยวนมากกว่านี้เสียอีก” เช่นนั้นแล้วต่อให้พวกเป่ยหยวนไม่อยากทำสงครามอย่างไรก็ต้องทำ
“ทำให้เสด็จลุงเป็นห่วงแล้ว” หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ตลอดการเดินทางมิได้มีอันตรายอันใดมากเพคะ”
“พี่สะใภ้ คนพวกนี้…” เซียวเชียนเหว่ยมองผู้คนนับร้อยด้านหลังพวกนางด้วยความแปลกใจ
เยี่ยนอ๋องกวาดตามองไป ปราดเดียวก็พอรู้ถึงตัวตนของคนเหล่านี้แล้ว ตบไหล่บุตรชายคนรองเบาๆ เอ่ยเสียงเข้ม “กลับไปก่อนค่อยว่ากัน”
“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”
กลุ่มคนเดินทางกลับมาถึงในด่านกำแพงแล้ว พวกหนานกงมั่วถูกเรียกตัวเข้าไปพบที่กระโจมใหญ่ของเยี่ยนอ๋อง พวกเฉินอวี้และจูหงเองก็อยุ่ด้วย ได้ข่าวว่าเว่ยจวินมั่วพาหนานกงมั่วเข้าไปสืบข่าวในเป่ยหยวนสามสี่วันยังไม่กลับมา เยี่ยนอ๋องก็นำทัพมาปักหลักเฝ้ารออยู่ที่ชายแดนด้วยตนเอง เตรียมตัวรอรับอยู่ตลอดเวลา หากอีกสองวันทั้งสองคนยังไม่กลับออกมา เยี่ยนอ๋องก็คงเตรียมรวมกำลังลิ่นฉังเฟิงวังจื่อเซียวเข้าไปช่วยแล้ว
“ท่านอ๋อง”
มองเห็นเยี่ยนอ๋องพาคนเข้ามา เฉินอวี้และจูหงจึงรีบลุกขึ้นต้อนรับ จากนั้นมองเลยไปยังหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วพลางพ่นลมหายใจออกมา เยี่ยนอ๋องให้ความสำคัญกับคุณชายเว่ยเพียงใดหากมีตาก็คงรู้ได้ ตัวคุณชายเว่ยเองก็เป็นแม่ทัพที่มีความสามารถ หากเกิดอันใดขึ้นมาไม่เพียงจะอธิบายกับต้าจั่งกงจู่ได้ยาก ยังนับเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ต่อกองทัพโยวโจวอีกด้วย
เยี่ยนอ๋องพยักหน้า โบกมือบอกให้พวกเขานั่งลง
มองไปยังเว่ยจวินมั่วทั้งสองคนที่นั่งถัดลงมา จากนั้นสายตาหยุดอยู่ที่หนานกงมั่ว เอ่ย “ว่ามาสิ พวกเจ้าเข้าไปตั้งหลายวัน เกิดเรื่องอันใดบ้าง”
หนานกงมั่วกวาดตามองเหล่าคนสนิทของเยี่ยนอ๋องอยู่ชั่วครู่ เอ่ยเล่าเรื่องราวที่พบเจอตลอดการเดินทางไปหนึ่งรอบ ได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของทุกคนพลันเปลี่ยน แม้แต่เฉินอวี้ผู้เงียบขรึมที่สุดยังอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ “จวิ้นจู่เอ่ยจริงหรือ พวกท่าน…หาค่ายของจอมทัพฮูตุนเจอแล้ว ยังสังหารฮูตุนแล้วด้วยอย่างนั้นหรือ”
หนานกงมั่วส่ายศีรษะอย่างเสียดาย “จวินมั่วบอกว่า นั่นเป็นฮูตุนตัวปลอม”
ทุกคนชะงักนิ่ง หันมามองเว่ยจวินมั่ว เว่ยจวินมั่วพยักหน้าช้าๆ บ่งบอกว่าหนานกงมั่วเอ่ยไม่ผิด
เฉินอวี้ไม่เข้าใจ “ฮูตุนจะเป็นตัวปลอมได้เยี่ยงไร หรือว่าพวกเขารู้ว่าคุณชายเว่ยและจวิ้นจู่จะไปลอบสังหารหรือ” นี่เป็นไปไม่ได้ พวกเขาบุกไปกะทันหันมิใช่หรือ
หนานกงมั่วเงียบไปชั่วครู่ “พวกเป่ยหยวนคงเตรียมป้องกันจวินมั่วอยู่ก่อนแล้ว อย่างไรเสีย…” จึงเล่าเรื่องเว่ยจวินมั่วและกงอวี้เฉิน วังจื่อเซียวและสำนักหอธาราให้ฟังหนึ่งรอบ เยี่ยนอ๋องขมวดคิ้ว “กงอวี้เฉินผู้นี้ ร่วมมือกับเป่ยหยวนอย่างนั้นหรือ”
หนานกงมั่วพยักหน้า “คงจะเป็นเช่นนั้นเพคะ ยามนี้อำนาจของสำนักหอธาราอยู่เต็มไปทั่วนอกด่านกำแพง เว่ยจวินมั่วปลอมตัวเป็นคนสำนักหอธาราบุกเข้าไปในกองทัพ พวกเป่ยหยวนก็ไม่คิดสงสัยอันใด เห็นได้ว่า…พวกเขาเชื่อใจต่อคนของสำนักหอธารา กงอวี้เฉินเองก็คงมีอิทธิพลอยู่ในราชสำนักเป่ยหยวนอยู่ไม่น้อย เพียงแต่น่าเสียดายที่หาราชสำนักเป่ยหยวนยังไม่เจอเพคะ และไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ในราชสำนักเป่ยหยวนด้วยสถานะใด”
เยี่ยนอ๋องโบกมือ เอ่ย “พวกเจ้าสืบมาได้มากพอแล้ว จะคาดหวังให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบคงเป็นไปไม่ได้”
“ท่านอ๋องกล่าวไม่ผิดเลย” เฉินอวี้เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้อมูลที่คุณชายเว่ยและจวิ้นจู่นำกลับมา ต่อให้พวกเราส่งสายลับเข้าไปมากเพียงใดก็ไม่แน่ว่าจะสืบได้”
หนานกงมั่วนึกอันใดบางอย่างขึ้นมาได้ หยิบกระดาษหนึ่งแผ่นออกมาจากแขนเสื้อ “คนที่อยู่บนนั้น น่าจะตายหมดแล้วเพคะ”
เยี่ยนอ๋องรับมาดู อดตื่นตกใจไม่ได้ เฉินอวี้และจูหงเห็นท่าทีของเยี่ยนอ๋องก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมา แต่ด้วยฐานะของเยี่ยนอ๋องไม่อาจเร่งได้ โชคดีที่เยี่ยนอ๋องเพียงชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นจึงยื่นกระดาษส่งให้จูหง เฉินอวี้เองก็เอี้ยวตัวเข้ามาดูด้วย ทั้งสองมีสีหน้าตกตะลึงโดยไม่อาจห้ามได้
“อาซู่แม่ทัพเจิงหนาน น่าเซินแม่ทัพใหญ่เจาหย่ง อีกทั้งเมิ่งเหอแม่ทัพหมิงเวย คนพวกนี้…คนพวกนี้ตายหมดแล้วอย่างนั้นหรือ” ปลายนิ้วชี้ไปยังเจ็ดแปดรายชื่อที่ถูกเขียนเอาไว้ แต่ตอนนี้การแลกเปลี่ยนระหว่างเป่ยหยวนและจงหยวนนั้นไม่ปกติ รายชื่อแม้แต่ยศตำแหน่งที่เฉินอวี้เรียกมานั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ธรรมดา รายชื่อในนั้น เฉินอวี้รู้จักไปแล้วสามคน สังหารแม่ทัพใหญ่ขั้นสองไปหนึ่งคนและแม่ทัพใหญ่ขั้นสามสองคนในครั้งเดียว นี่มัน… มองรายชื่อที่เหลือและตำแหน่ง เห็นว่าล้วนแล้วแต่เป็นแม่ทัพขั้นสี่เป็นอย่างน้อยทั้งนั้น
หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เอ่อ…คงตายแล้วใช่หรือไม่” ขอเพียงเว่ยจวินมั่วไม่พลาด
เว่ยจวินมั่วเงยหน้าขึ้นมา เอ่ยเสียงเรียบ “ตายแล้ว”
“ดี เยี่ยมไปเลย” จูหงหัวเราะเสียงดังขึ้นมา ลุกขึ้นยกมือประสานหันไปยังเยี่ยนอ๋อง เอ่ย “ท่านอ๋อง คุณชายเว่ยสร้างความดีความชอบใหญ่หลวง เหมาะสมที่จะเลื่อนขั้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เอ๋” เยี่ยนอ๋องเลิกคิ้ว มองไปยังจูหง
จูหงไม่ชอบเว่ยจวินมั่วเยี่ยนอ๋องนั้นรู้ดี ยามนี้จูหงกลับออกหน้าขอเลื่อนขั้นให้เว่ยจวินมั่วด้วยตัวเอง ช่างน่าสนใจยิ่งนัก แน่นอนว่าจูหงเองก็เข้าใจความหมายของเยี่ยนอ๋อง ยกมือขึ้นมาลูบจมูก เอ่ย “เอ่อ…กระหม่อมเพียงคิดว่า ต้องแยกแยะการลงโทษและให้รางวัลให้ชัดเจนมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ” ไม่ว่าเขาจะมีความรู้สึกต่อเว่ยจวินมั่วอย่างไร มีความผิดต้องลงโทษ มีความดีความชอบต้องให้รางวัล ยิ่งไปกว่านั้น…ความคิดเห็นที่มีต่อเว่ยจวินมั่วก่อนหน้านี้ก็ใช่ว่าจะถูกต้อง
เยี่ยนอ๋องเองก็ไม่คิดจะให้คนของตนเองไม่มีทางลง พยักหน้าหันไปเอ่ยกับเว่ยจวินมั่วด้วยรอยยิ้ม “จวินเอ๋อร์ ลองบอกมาว่าเจ้าอยากได้อันใด”
เว่ยจวินมั่วตวัดดวงตาขึ้นมองเยี่ยนอ๋องนิ่ง เอ่ย “คนที่กระหม่อมพากลับมา ขอท่านอ๋องละเว้นโทษให้พวกเขาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”