ชวีเหลียนซิงเผยรอยยิ้มโล่งใจขึ้นมา เอ่ย “เช่นนั้นก็ดีเจ้าค่ะ จวิ้นจู่และคุณชายเองก็จะได้วางใจแล้ว”
เซี่ยลี่พยักหน้าเอ่ยถาม “จวิ้นจู่และแม่ทัพเว่ยมีสิ่งใดต้องการความช่วยเหลือ พวกเขาต่างก็เป็นคนหนุ่มเพิ่งมาถึงคงไม่อาจเลี่ยงที่จะไม่คุ้นเคย มีอันใดก็ให้คนมาบอกข้าก็พอ”
ชวีเหลียนซิงย่อตัวอีกครั้ง เอ่ย “ขอบคุณแม่ทัพเซี่ยเจ้าค่ะ จวิ้นจู่และคุณชายต่างก็เคยอยู่ในกองทัพเป็นเวลานาน ไม่มีอันใดไม่คุ้นชิน เป็นปกติเจ้าค่ะ ข้าคงต้องขอตัวก่อนแล้ว”
เซี่ยลี่พยักหน้า “แม่นางเดินทางระวังด้วย” เรียกองครักษ์ส่งชวีเหลียนซิงกลับไป มองแผ่นหลังของชวีเหลียนซิงหายลับไป เซี่ยลี่จึงถอนหายใจ เอ่ย “คนข้างกายของซิงเฉิงจวิ้นจู่ แม้แต่สาวใช้ยังเก่งกาจเพียงนี้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ” สาวใช้คนหนึ่งเผชิญหน้ากับแม่ทัพที่บัญชากองกำลังทหารสามกองยังไม่สะทกสะท้าน มีระบบระเบียบ มิใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
ชายวัยกลางคนเดินมาจากด้านหลังห้องโถง เอ่ยเสียงเข้ม “สตรีผู้นั้นแซ่ชวี ปีที่แล้วซิงเฉิงจวิ้นจู่ช่วยมาจากสงคราม เดิมทีเป็นสตรีมีชื่อเสียงมีความสามารถของหลิงโจว เพียงแต่ตกไปอยู่ในหอนางโลม คิดไม่ถึง…”
เซี่ยลี่เอ่ย “สตรีหอนางโลมธรรมดาจะมีความรอบรู้เพียงนี้หรือ ไม่เพียงแต่สตรีนางนี้ที่มีความสามารถไม่ธรรมดา ซิงเฉิงจวิ้นจู่ช่างรู้จักฝึกฝนคน” คนที่ติดตามซิงเฉิงจวิ้นจู่และเว่ยจวินมั่วเหล่านั้นล้วนแล้วแต่ไม่ธรรมดา แม้กระทั่งคุณชายใหญ่ตระกูลลิ่นแห่งจินหลิงยังยอมติดตามคุณชายเว่ยไม่ห่าง มิน่าเล่าฝ่าบาท…
“พวกเขาหมายความเช่นไรหรือ” ชายวัยกลางคนเอ่ยถาม
เซี่ยลี่ส่งเสียงหยัน ยิ้มพลางเอ่ยอธิบายว่า “ยังจะมีอันใดอีกเล่า กำลังบอกพวกเราว่าพวกเขารู้ว่าในคนเหล่านั้นล้วนคอยสอดแนมเป็นหูเป็นตา บอกเราว่าไม่ต้องเสียเวลาแล้ว ตอนนี้เจ้าเข้าใจแล้วหรือไม่ คิดจะส่งคนเข้าไปนั้นเป็นไปไม่ได้ หากเจ้าไม่กลัวตาย จะลองไปดูอีกสักครั้งก็ได้”
ชายวัยกลางคนก้มหน้า รีบเอ่ยมิกล้า
เซี่ยลี่เอ่ย “มิกล้าก็ดี ช่วงนี้ก็อยู่เฉยๆ ไปก่อน อย่าพึ่งก่อเรื่องอันใด หากเกิดเรื่องอันใดขึ้น ใครก็ทำอันใดคุณชายเว่ยไม่ได้ เจ้าอย่าลืมเสียว่าโยวโจวเป็นถิ่นของใคร”
“ขอรับ ท่านแม่ทัพ” สีหน้าของชายวัยกลางคนเคร่งขรึม เอ่ยเสียงเข้ม
คุณชายเว่ยเข้ารับตำแหน่งใหม่อย่างราบรื่น แม้จะเลี่ยงไม่ได้ที่นายทหารชั้นสูงเก่าๆ จะไม่ชอบเขา แต่อย่างไรเล่าในเมื่อนอกจากเซี่ยลี่แล้วก็เป็นเขาที่มีตำแหน่งสูงที่สุด อีกทั้งยังมีข้อบังคับของเซี่ยลี่ ระยะเวลาสั้นๆ ยังไม่มีใครกล้ามาหาเรื่องวุ่นวายกับเขา มองเห็นใบหน้าเย็นชาของคุณชายเว่ยพาคนเดินไปมาอยู่ในเมืองทุกวัน บรรดานายทหารชั้นสูงคนเก่าแก่ทำได้เพียงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันบ่นงึมงำและจ้องเขม็ง หนานกงมั่วอยากหัวเราะออกมาแทบอดไม่ได้
ท่าทางของคุณชายเว่ยในตอนนี้ บนโลกใบนี้ตำแหน่งสูงก็ไม่แข็งแกร่งเท่าคนหนุนหลังข้า คนที่คนหนุนหลังแข็งแกร่งก็ไม่มีตำแหน่งสูงเท่าข้า คนที่ตำแหน่งสูงคนหนุนหลังแข็งแกร่งมิได้รูปงามเท่าข้า เอ่ยง่ายๆ…ยั่วโทสะ
หนานกงมั่วเองก็รู้ว่าความสมดุลนี้รักษาอยู่ได้ไม่นาน แต่ว่า…เขาไม่มาหาเรื่องพวกนางที่เป็นผู้น้อยจะไปยั่วยุก็คงไม่ได้ใช่หรือไม่
หลังจากมาอยู่ในเมืองเล็กๆ แห่งนี้แล้ว แม้หนานกงมั่วไม่อาจไปเดินเล่นในกองทัพได้บ่อยครั้ง แต่อย่างอื่นในค่ายที่นี่กลับสบายกว่ามาก แม้ว่าที่นี่จะเต็มไปด้วยค่ายทหารแต่ในเมืองไม่ขาดอันใด อยู่ใกล้โยวโจวอีกด้วย ดังนั้นหนานกงมั่วจึงได้เริ่มต้นกิจการสำนักแพทย์ในเมืองขึ้นมา แน่นอนว่าคนที่อยู่ประจำสำนักแพทย์ได้คือจางจวีอานและติงเสียวเถี่ย หนานกงมั่วเพียงไปดูเรื่อยๆ ก็เท่านั้น
ในจวนเว่ย หนานกงมั่วนั่งอยู่ในเรือนชมธรรมชาติ ห่างออกไปไม่ไกล ชวีเหลียนซิงนั่งทำงานเย็บปักถักร้อยอยู่ใต้ต้นไม้ ห่างออกไปอีกนิด ภายใต้ชายคาซิงเวยยืนกอดกระบี่พิงเสาเหม่อลอย
เพิ่งเข้าเดือนแปด ทางเหนือเริ่มอากาศหนาวแล้ว แดดอุ่นๆ ของฤดูใบไม้ร่วงสาดส่องมาบนร่างทำให้คนง่วงงุน
เห็นท่าทางเกียจคร้านของนาง ชวีเหลียนซิงวางเข็มกับด้ายในมือเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “หลายวันมานี้จวิ้นจู่ดูไม่มีชีวิตชีวาเลยนะเจ้าคะ”
หนานกงมั่วเลิกคิ้ว เอ่ยอย่างจนปัญญา “หลายเดือนมานี้ยุ่งวุ่นวายทุกวันจนชิน พอว่างขึ้นมากลับไม่รู้ว่าควรทำอันใด” ชวีเหลียนซิงครุ่นคิด เอ่ย “แม่ทัพเซี่ยไม่ยอมให้จวิ้นจู่ยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องในกองทัพหรอกเจ้าค่ะ” นางคิดว่านี่หาใช่เพราะเซี่ยลี่ดูถูกสตรี ทว่าเซี่ยลี่คงจะรับรู้ถึงความเก่งกาจของจวิ้นจู่มาจากฝั่งจินหลิงแล้ว ที่ปล่อยให้จวิ้นจู่เดินไปมาในกองทัพโดยไม่ต้องกังวลใดๆ อยู่เช่นนี้ นั่นมิใช่เพราะพวกเขาต้องป้องกันอันตรายจากพวกคุณชายเว่ยทั้งสองคนไปพร้อมกันหรอกหรือ
หนานกงมั่วเองก็ถอนหายใจ “เป็นสตรีช่างน่าสงสาร…”
ชวีเหลียนซิงยิ้มร่า เอ่ย “คงจะมีเพียงจวิ้นจู่ที่คิดเช่นนี้ สตรีนางอื่นแทบอยากได้รับการปรนนิบัติอยู่สบายไปทั้งชีวิต ยิ่งไปกว่านั้น ธุระในแต่ละวันของจวิ้นจู่ก็มิใช่น้อยๆ เป็นเพราะก่อนหน้านี้จวิ้นจู่นั้นลำบากเกินไป ตอนนี้จึงรู้สึกสบาย คุณชายเองก็ไม่อยากให้จวิ้นจู่เหน็ดเหนื่อยจนเกินไป”
หนานกงมั่วกลอกตา เอ่ย “ก็ใช่น่ะสิ ดังนั้นถึงได้ให้เจ้ากับหลิ่วหันช่วยจัดการทุกอย่างให้ข้าไปจนหมด”
“พวกเราช่วยจวิ้นจู่จัดการได้เพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเองเพคะ เรื่องใหญ่ไม่อาจตัดสินใจได้” ชวีเหลียนซิงเม้มปากยิ้ม หนานกงมั่วเอ่ยอย่างเสียดาย “น่าเสียดาย…ตั้งแต่ต้นจนปลายปีก็เกิดเรื่องใหญ่ไม่ถึงสองเรื่องด้วยซ้ำ ดังนั้น…ไม่มีอันใดที่เกี่ยวกับข้า”
ชวีเหลียนซิงเอ่ย “ข้าคิดว่า จวิ้นจู่คงต้องมีคุณชายน้อยหรือคุณหนูเล็กสักคนนะเจ้าคะ มีลูกแล้วจวิ้นจู่ก็คงไม่เบื่อแล้ว”
“เด็กหรือ” หนานกงมั่วประเมินสถานการณ์ ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ “เรื่องแบบนี้…คงต้องพึ่งวาสนาหรือไม่” นางไม่ได้ใช้ยาคุมกำเนิดอีกแล้ว เพียงแต่นางใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน คงยังไม่อาจตั้งครรภ์ได้ง่ายๆ บางทีหนานกงมั่วก็สองจิตสองใจ บางครั้งคิดว่ามีลูกเป็นของตนเองก็เป็นเรื่องคุ้มค่าที่จะตั้งตารอ บางครั้งรู้สึกว่าการมีลูกเรื่องแบบนี้ควรเลื่อนออกไปก่อน
ชวีเหลียนซิงเห็นใบหน้ายุ่งยากของนาง แม้ไม่เข้าใจว่าสตรีตั้งครรภ์มีอันใดยุ่งยาก สุดท้ายจึงให้ความร่วมมือเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เดี๋ยวจะถึงวันไหว้พระจันทร์แล้ว จวิ้นจู่และคุณชายจะไปฉลองที่โยวโจวหรือไม่เจ้าคะ”
หนานกงมั่วครุ่นคิด ส่ายศีรษะ เอ่ยตอบ “ไม่ล่ะ ปีนี้เสด็จลุงและเชียนเหว่ยเชียนจย่งเองก็คงไม่กลับไป จวินมั่วเพิ่งขึ้นรับตำแหน่งก็กลับ คงไม่ใช่การดี”
ชวีเหลียนซิงครุ่นคิดพลางเห็นด้วย พยักหน้าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นพวกเราก็ต้องเตรียมตัวเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้วเจ้าค่ะ”
หนานกงมั่วพยักหน้า “เจ้าจัดการตามที่เห็นสมควรเถิด”
“เจ้าค่ะ จวิ้นจู่”
“จวิ้นจู่” ด้านนอก หลิ่วหันเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน เพียงเห็นสีหน้าของหลิ่วหันหนานกงมั่วก็รู้ว่าเกิดเรื่อง ทว่ายังเอ่ยถามด้วยท่าทางเนิบนาบ “มีอันใดหรือ”
หลิ่วหันเอ่ยเสียงเข้ม “มีคนก่อเรื่องวุ่นวายที่สำนักแพทย์เจ้าค่ะ”
หนานกงมั่วเลิกคิ้ว เมืองเล็กๆ ที่นี่ไม่ได้ใหญ่โตแต่อย่างใด มีคนอาศัยอยู่เพียงหนึ่งพันกว่าครอบครัวเท่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นครอบครัวของทหาร คนพวกนี้แน่นอนว่าไม่มีใครไม่รู้ว่าสำนักแพทย์นั้นเป็นของนาง กล้ามาหาเรื่องถึงที่นับว่ามีความกล้าไม่น้อย
“เกิดอันใดขึ้น”
หลิ่วหันเอ่ยเสียงเข้ม “ว่ากันว่าอนุที่รักของคุณชายตระกูลแม่ทัพจ้าว มารักษาที่สำนักแพทย์ของเราไม่นานก็ตาย คุณชายตระกูลจ้าวอุ้มร่างมายืนโวยวายอยู่ด้านหน้าประตูสำนักแพทย์เจ้าค่ะ”