ตอนที่ 5 เสวยสุข
ซ่งอิงปากคอแห้งผาก พูดคุยเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วยาม จึงนำเรื่องราวที่เมืองหลวงบอกเล่าจนพอประมาณ
“หากไม่ใช่เพราะนายหญิงชราทางด้านนั้นล้มป่วย นึกเกรงกลัวความโชคร้ายและต้องการสั่งสมความดีก็คงไม่ปล่อยข้ากลับมา ท่านแม่ ท่านพี่ ซ่งอิงในอดีตตายจากไปแล้ว ตายเพราะจวนโหว…” ซ่งอิงทอดถอนใจ
เจ้าของร่างเดิมแม้เสียชีวิตจากการที่เด็กๆ ในหมู่บ้านกลั่นแกล้ง ทว่าหากไม่ใช่เพราะจวนโหว ร่างกายของเจ้าของร่างเดิมก็ไม่มีทางย่ำแย่เพียงนี้ ซึ่งก็จะไม่ถึงขั้นล้มคะมำคราวเดียว ได้รับแรงกระแทกนิดๆ หน่อยๆ ก็สิ้นใจเสียแล้ว
แน่นอนละ คนในหมู่บ้านที่รังแกเจ้าของร่างเดิม นางก็จดจำได้เช่นกัน
ซ่งสวินกำหมัด มองดูคล้ายอดกลั้นความโกรธเกรี้ยวไว้ตลอดเวลา
“บรรดาเด็กๆ ที่รังแกข้าวันนี้ ในมือแต่ละคนล้วนถือถางเกา[1]หนึ่งชิ้น ข้าคิดว่า… อาจเป็นไปได้ว่ามีคนให้พวกเขาทำเช่นนี้ นี่ก็เป็นอีกสิ่งที่ต้องถามไถ่ให้กระจ่าง เพียงแต่…หลังเกิดปัญหาก็ไปเอาเรื่องถึงที่ไม่ได้ทันที อีกฝ่ายคงต้องไม่ยอมรับเป็นแน่” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ซ่งสวินได้ยินดังกล่าว เดินมุ่งออกไปทันทีโดยไม่พูดไม่จาอะไรทั้งสิ้น
“ลูกที่น่าสงสารของข้าอา!” หร่วนซื่อโอบกอดซ่งอิงสะอื้นไห้ต่อ
ซ่งอิงถอนหายใจ “ท่านแม่ ตอนนี้ข้ารู้สึกดีขึ้นแล้ว ก็แค่หน้าเสียโฉมมิใช่หรือ ก็แค่เสียเวลาช่วงแห่งการออกเรือนจนอายุมากแล้วเท่านั้นเองมิใช่หรือ ไว้หลังพี่ชายแต่งงานแล้ว ข้าก็แยกออกไปใช้ชีวิตตามลำพัง ราชวงศ์ต้าติ้งเราขนบธรรมประเพณีเปิดกว้าง ข้าเป็นสตรีผู้นำครอบครัวได้ และข้าเองก็ไม่เกรงกลัวว่าผู้อื่นจะติฉินนินทาใดๆ ด้วยเช่นกัน ใบหน้าข้ากลายเป็นเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องกลัวว่าผู้อื่นจะคอยเซ้าซี้ตอแย ไม่เป็นอะไรจริงๆ เจ้าค่ะ”
หร่วนซื่อร้องห่มร้องไห้หนักหน่วงยิ่งขึ้น
“แม่ไม่ให้เจ้าแยกออกไป พี่ชายเจ้าก็ไม่มีทางยอมเช่นกัน!” หลังผ่านไปพักใหญ่ หร่วนซื่อปาดน้ำตา
ซ่งอิงอมยิ้มเล็กน้อย เมื่อใดที่ซ่งสวินแต่งงาน การปลีกตัวไปใช้ชีวิตลำพังเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำอยู่แล้ว
การอยู่อาศัยกับพี่ชายและพี่สะใภ้เป็นเวลาสามปีห้าปีอาจไม่มีปัญหาอะไร ทว่าเวลานานวันเข้าล่ะ ทั้งชีวิตยาวนานเพียงนั้น ใครจะทนแบกรับไหว
ทำได้เพียงภายภาคหน้าค่อยๆ พูดกับหร่วนซื่อให้เข้าใจชัดแจ้ง
ส่วนจวนโหวห่างไกลถึงเพียงนั้น คิดจะแก้แค้นคงเป็นไปไม่ได้
จำต้องรอให้ชีวิตภายภาคหน้าสุขสบายแล้ว ค่อยวางแผนให้ดีอีกที!
“รอพ่อเจ้ากลับมา พวกเราค่อยปรึกษาหารือกัน หากไม่ได้เรื่องเราก็โยกย้ายไปที่อื่นเสียเลย ไปที่ไกลๆ ให้จวนโหวนั่นตามหาไม่เจอ” หร่วนซื่อกล่าวปนความโกรธเคือง
ซ่งอิงส่ายหน้า เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะตามหาไม่เจอ หากต้องย้ายไป แน่นอนว่าต้องไปหาหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อจัดการหาลู่ทาง ไม่ว่าย้ายไปลงหลักปักฐานแห่งหนใด ล้วนจำต้องผ่านกระบวนการทางที่ทำการเจ้าหน้าที่ขุนนาง ถึงจะเป็นประชากรอย่างถูกต้องเป็นทางการ
จวนโหวฐานะสูงส่งมากด้วยอำนาจอิทธิพล อยากตามหาชาวบ้านสักคนมีหรือจะไม่ใช่เรื่องง่ายดาย
“ท่านแม่ พวกเขาไม่มาหาข้าแล้วละ สำหรับพวกเขาตัวข้าไม่มีคุณค่าแล้ว” ซ่งอิงหัวเราะเล็กน้อย สภาพอารมณ์ดูผ่อนคลาย ทำให้หร่วนซื่อนอกจากปวดใจแล้วยังโกรธเกรี้ยว ทั้งยังรู้สึกวางใจในขณะเดียวกัน
โกรธความไร้ยางอายของจวนโหวนั่น แต่ก็หวังว่าจากนี้คนของจวนโหวจะไม่มาหากันอีกจริงๆ
สาวน้อยไปอยู่ที่จวนโหวนั่นเป็นเวลากว่าหนึ่งปี แล้วกลับมาพร้อมสภาพที่ดูไม่ได้ หากไปอีกครั้ง เช่นนั้นไม่ต้องเอาชีวิตน้อยๆ ไปทิ้งที่นั่นเลยหรอกหรือ?!
“ต่อให้พวกเขามาหา พวกเราก็ไม่มีทางให้เจ้ายอมรับเป็นอันขาด! รู้แต่แรก หากรู้แต่แรกว่าพวกเขาหน้าเนื้อใจเสือเช่นนี้ ตอนแรกต่อให้ข้าต้องสู้จนตัวตายก็ไม่ให้เจ้ากลับไปเชียว! แม่คิดว่า…แม่คิดว่าเจ้าจะได้ไปเสวยสุขจริงๆ…” หร่วนซื่อรู้สึกเสียใจภายหลังอย่างยิ่ง
เกือบสองปีที่บุตรสาวถูกรับตัวไป แม้นางทำใจยอมรับมิได้ แต่ก็ยังรู้สึกดีใจอยู่บ้าง
คิดว่าบุตรสาวลำบากตรากตรำมามากแล้ว ภายภาคหน้าจะได้หาบุรุษหนุ่มดีๆ สมใจปรารถนาสักคน!
นางถึงขั้นจับมือบุตรสาว บอกกล่าวให้บุตรสาวเชื่อฟังคำของฮูหยินจวนโหว เมื่อเอ่ยถึงหมู่บ้านซิ่งฮวาทางด้านนี้ อย่าเรียกขานนางเป็นมารดาผู้ให้กำเนิด ต้องแยกแยะให้เหมาะสม จะให้หัวใจของฮูหยินแห่งจวนโหวเย็นชามิได้เชียว…
ทว่าผลสุดท้าย?!
หร่วนซื่อยิ่งคิดยิ่งปวดใจ ซ่งอิงถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “ท่านแม่ ล้วนผ่านพ้นไปแล้ว ภายภาคหน้าพวกเราจะสุขสบายแน่นอน ตอนนี้ข้าฉีกตัวตนชั้นนั้นทิ้งไปหมดจดแล้ว จากนี้ก็ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้แล้ว ใช่หรือไม่เจ้าคะ”
ตอนที่ 6 ขวดหยกและช่องว่างระหว่างมิติ
หากไม่มีปัญหาก่อนหน้าเหล่านั้น เจ้าของร่างเดิมอยู่อาศัยในบ้านนี้ ก็คงใช้ชีวิตอย่างไม่อิสระเท่าใดนักเช่นกัน เพราะพวกเขาคำนึงถึงฐานะตัวตนของนางที่เป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ ไม่กล้าให้ทำอะไรหนักหนาเกินไป ถึงขั้นระหว่างการสนทนาพูดคุยล้วนแฝงไว้ซึ่งประโยคที่ฟังดูห่างเหิน เมื่อก่อนเจ้าข้องร่างเดิมก็คิดว่าตนเองเหมือนคนนอกคนหนึ่ง
“ท่านแม่ ท่านอย่าทำให้ข้าร้องไห้สิเจ้าคะ” ซ่งอิงกล่าว
หร่วนซื่อเช็ดน้ำตา
“อืม แม่ไม่ร้องแล้ว จากนี้จะไม่ให้ซ่งอิงของข้าได้รับความไม่เป็นธรรมอีกแล้ว” หร่วนซื่อรีบกล่าวต่อทันควัน “ข้าไปดูเตาปรุงอาหารเสียหน่อย พ่อเจ้าจะกลับมาแล้ว เจ้าพักผ่อนให้เต็มที่ อีกเดี๋ยวจะได้กินข้าวกัน”
ซ่งอิงพยักหน้า
เมื่อหร่วนซื่อเดินออกไป ภายในห้องพลันตกอยู่ในความว่างเปล่า
ยามนี้เองซ่งอิงถึงได้รู้สึกโล่งใจ กวาดสายตามองไปทั่วทั้งสี่ทิศ
ภายในห้องนี้มืดสลัวไปหน่อยเพราะเป็นห้องฝั่งตะวันตก ดังนั้นนอนหลับจึงรู้สึกไม่ค่อยสบายนัก ด้านหน้าบานหน้าต่างเป็นลานบ้านส่วนรวมของครอบครัวซ่ง ง่ายแก่การถูกแอบมองละเมิดความเป็นส่วนตัวอย่างยิ่ง
ไว้มีโอกาสในภายภาคหน้าจะต้องก่อห้องขึ้นมาให้ได้
ซ่งสวินอายุสิบเจ็ดปีเข้าไปแล้ว ถึงตอนนี้ยังไม่กล้าหมายปองผู้อื่นใด หลักๆ ก็เพราะในบ้านไม่มีที่พอให้รับคนเข้ามาใหม่นั่นเอง
ซ่งจินซานและหร่วนซื่อ หรือแม้กระทั่งซ่งสวินเอง ปฏิบัติต่อเจ้าของร่างเดิมโดยเป็นอะไรที่ทำให้ผู้คนไม่อาจหาคำใดมาว่ากล่าวได้จริงๆ
หมู่บ้านซิ่งฮวาแม้อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง แต่กลับเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ข้างเมืองยง อำเภอหลี่ ซึ่งการคมนาคมสะดวกสบาย และนับได้ว่าเจริญรุ่งเรืองมากเช่นกัน ชาวชนบทปฏิบัติต่อบุตรสาวไม่ถือว่าตั้งเงื่อนไขเข้มงวดเสียมากมาย อาจเทียบได้พอๆ กับเจ้าของร่างเดิม หรืออาจน้อยกว่าด้วยซ้ำ
แม้แต่นางก็ยังรู้สึกอิจฉาเจ้าของร่างเดิมที่ได้รับความรักและเอาใจใส่ถึงขั้นนี้ ชีวิตก่อน ยามที่นางวัยเจ็ดปี บิดามารดา และปู่ย่าล้วนเสียชีวิตไปเพราะเหตุเพลิงไหม้บ้าน ส่วนนาง เพราะอยู่โรงเรียน ถึงโชคดีรอดพ้นมาได้
ภายหลังต่อมา หลังญาติพี่น้องแบ่งทรัพย์สมบัติของบิดามารดาแล้ว นางก็ถูกส่งไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
แต่ยามที่วัยสิบขวบ นางก็ถูกญาติตนเองพาตัวกลับไป เพราะของสิ่งหนึ่ง…
นั่นเป็นของล้ำค่าที่บรรพบุรุษตระกูลซ่งส่งต่อกันมา ขวดหยกขาวที่มีบางสิ่งอัดแน่นขวดหนึ่ง ขวดหยกขาวนี้มีความประหลาดอย่างยิ่ง ขนาดเพียงแค่นิ้วหัวแม่มือ กล่าวกันว่า ภายในขวดหยกขาวนี้เมื่อก่อนบรรจุของเหลวที่แปลกประหลาดเอาไว้เต็มเปี่ยม แน่นอนละว่านี่เป็นเพียงคำบอกเล่าต่อๆ กันมาเท่านั้น
นางพกขวดหยกขาวใบนั้นมาหลายปี แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยสัมผัสถึงว่ามีอะไรบรรจุอยู่
นางไม่ใช่คนโง่ จึงนำของดังกล่าวไปแอบซ่อนไว้อย่างดีแต่แรกแล้ว นางถูกจับตาดูจนกระทั่งเติบใหญ่ ต่อมาภายหลัง อาศัยความสามารถของตนเองกลายเป็นนักเรียนผู้มากความสามารถของศาสตราจารย์คณะค้นคว้าวิจัย คนเหล่านั้นก็ทำการใดๆ ต่อนางไม่ได้อีก
สาเหตุที่นางข้ามภพมาอยู่ในร่างนี้ ก็เพราะขวดหยกเช่นกัน
เพราะมีวันหนึ่ง ขวดหยกมีบางอย่างบรรจุอัดแน่นอยู่จริงๆ!
นางเพิ่งเตรียมจะทำการวิจัยส่วนประกอบของสิ่งที่อัดแน่นอยู่ ผลปรากฏว่าหัวใจก็เริ่มปวดแปลบขึ้นมาอย่างน่าประหลาด พอลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็มายังสถานที่ประเภทนี้แล้ว
นางมาเยือนที่นี่ ไม่รู้เช่นกันว่าโลกเดิมจะเป็นอย่างไรบ้าง ไม่รู้เช่นกันว่าอาจารย์ที่ปรึกษาของนางจะค้นพบความประหลาดในขวดหยกของนางหรือไม่…
ขวดหยก…
เฮ้อ นั่นเป็นถึงของล้ำค่าที่บรรพบุรุษส่งทอดต่อกันมาของตระกูลนาง หากนำติดมาด้วยได้ก็คงดี…
ขณะนึกคิดอยู่ ภาพฉากเบื้องหน้าซ่งอิงก็พลันสว่างวาบ!
ซ่งอิงตะลึงงันในทันใด
นางขยี้ตา คิดไม่ถึงว่าตนจะมาโผล่ยังสถานที่อันแปลกประหลาดแห่งหนึ่ง เบื้องหน้าเป็นทะเลสาบขนาดเล็ก บนทะเลสาบปรกคลุมด้วยไอหมอกควัน ท่ามกลางไอหมอกควัน มองเห็นขวดหยกขนาดใหญ่ที่เอียงอยู่ใบหนึ่งรางๆ ตามมาด้วยน้ำจากในขวดไหลออกมา รินลงสู่ทะเลสาบ ประดุจแดนสวรรค์!
บริเวณโดยรอบมีเพียงต้นไม้หนึ่งต้น ทั่วสี่ทิศไร้สิ่งอื่นใด มีเพียงพื้นที่โล่งประมาณหนึ่งร้อยตารางเมตรเท่านั้น
ที่นี่คือที่ไหนกัน?
ซ่งอิงตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นสายตาก็พลันสว่างจ้า ช่องว่างระหว่างมิติ?!
ขวดหยกที่อยู่บนทะเลสาบนั้นแม้ขนาดใหญ่ไปหน่อย แต่เห็นได้ชัดว่าลักษณะเหมือนกับของล้ำค่าที่บรรพบุรุษของตระกูลนางส่งทอดต่อกันมาไม่ผิดเพี้ยน!
ดังนั้น…
ขวดหยกข้ามภพมาพร้อมกับนางจริงๆ หรือ ไม่เพียงเท่านั้น มันยังกลายเป็นของล้ำค่าติดกายหนึ่งชิ้นไปแล้วด้วย?
เมื่อก่อนซ่งอิงรู้จักแต่ตั้งหน้าตั้งตาเล่าเรียน แต่ก็เคยได้ยินนิทานปรัมปราต่างๆ นานามาบ้างเช่นกัน ดังนั้นจึงเกิดความตื่นเต้นขึ้นมาในทันใด อากาศท่ามกลางช่องว่างระหว่างมิตินี้สะอาดสดชื่นเป็นพิเศษ สูดดมเข้าไปช่วยให้ร่างกายจิตใจปลอดโปร่ง และน้ำในทะเลสาบนี้…มองๆ ไปคล้ายคลึงกับสสารที่บรรจุอยู่ในโลกก่อนหน้า ซึ่งคุณลักษณะสสารดังกล่าวมีความเหนียวหนืดเล็กน้อย…
————————–
[1] ถางเกา (糖糕) ขนมจีนโบราณที่ทำจากแป้ง น้ำตาลทรายขาว และน้ำตาลทรายแดง มีต้นกำเนิดในเหอเป่ย (河北) ทอดแล้วรับประทานทันทีจะอร่อย กรอบ และน่ารับประทานอย่างยิ่ง