ตอนที่ 75 ค้าขายใหญ่โต
สีหน้าฮั่วเจ้ายวนเรียบเฉย “ ปล่อยเอาไว้เถอะ จะช้าจะเร็วก็ต้องตั้งหลุมฝังศพขึ้นมาอยู่ดี ในเมื่อทำให้หัวหน้าหมู่บ้านเสียใจแล้ว ก็อย่าให้สูญเปล่า”
“หากท่านมีชีวิต หัวหน้าหมู่บ้านผู้นั้นคงจะดีใจมากนะขอรับ? แม้พวกเขาไม่รู้ฐานะตัวตนท่าน แต่เงินที่ท่านให้หมู่บ้านซิ่งฮวาทุกปีก็มิใช่ในน้อยๆ เมื่อก่อนหมู่บ้านซิ่งฮวานี้แม้ไม่ถือว่ากันดาร แต่ถนนหนทางก็ขรุขระ คลองน้ำในหมู่บ้านก็ไม่มากมาย บัดนี้ด้วยวาสนาของท่าน พวกเขาจึงได้สร้างคลองน้ำและซ่อมแซมถนน…” สีหน้าฮั่วซื่อเซี่ยงค่อนข้างตื่นตัว
“เรื่องภายใน เหตุใดต้องพูดมากไปด้วย” ฮั่วเจ้ายวนกลับยังคงเผยสีหน้าสงบเยือกเย็นเช่นเดิม
ในฐานะผู้ใต้บัญชา ฮั่วซื่อเซี่ยงเคยชินมาตั้งนานแล้ว
“เช่นนั้นจากนี้ยังต้องส่งเงินให้ทุกปีหรือไม่ขอรับ” กล่าวขึ้นอีกครั้ง
“ก็อาศัย… นามสหายร่วมงานบริจาคให้ก็แล้วกัน” อย่างไรเสียนั่นก็เป็นเงินของเขา แต่ก็ไม่อาจมอบให้มากมายจนเกินไปเช่นกัน
เงินที่เขามอบให้ จะมอบให้พวกเขาเอาไว้ทำเรื่องสำคัญอันเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมในหมู่บ้านเท่านั้น ทุกปีล้วนมีจำนวนชัดเจน ไม่มากไม่น้อย ก็เพราะเกรงว่าหากให้มากเกินไป จะนำมาซึ่งจิตใจละโมบโลภมากและเกียจคร้านของบรรดาชาวบ้านในหมู่บ้าน และจะได้ไม่ทำให้คนกลุ่มหนึ่งเอาแต่เฝ้าหวังผลประโยชน์ตกลงมาโดยไม่ต้องทำอะไร
“ยามเทศกาลฉลองปีใหม่ของปีนี้ไม่ได้มอบให้ เช่นนั้นวันหน้า ข้าจะให้คนนำไปชดเชยให้แล้วกันขอรับ” ฮั่วซื่อเซี่ยงกล่าวทันที
เจ้านายหน้าตาเย็นชาทว่าจิตใจดีงาม วัยเด็กดำรงชีวิตอยู่อาศัยในหมู่บ้านเพียงแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น
ตอนนั้นตระกูลฮั่วเผชิญภัยครั้งใหญ่ ข้ารับใช้ผู้จงรักภักดีแห่งตระกูลฮั่ว พานายเข้าไปหลบซ่อนอยู่ในหมู่บ้านชนบท หลายปีให้หลัง ตระกูลฮั่วกลับคืนสู่ความสงบสุข แต่ถึงกระนั้น เจ้านายตระกูลฮั่วทั้งหมดก็ตายจากไปแล้ว เหลือเพียงเหล่าไท่จวิน[1]ของตระกูลฮั่ว ซึ่งก็ตื่นเต้นดีใจจนเสียชีวิตไปในวันที่กลับคืนสู่ความสงบวันนั้นไปเสียอีก
แม้กล่าวได้ว่าทุกวันนี้เพื่อชดเชยให้ตระกูลฮั่ว อีกทั้งก็เพื่อปิดปากคำพูดนินทาเรื่อยเปื่อย จึงแต่งตั้งนายเป็นอู่เฉินหวัง[2] ถึงกระนั้นทั้งครอบครัวก็เหลือเพียงเขาผู้เดียว ในสายตาคนภายนอก แน่นอนว่าเขาก็คือดาวร้ายที่ค้ำฟ้าคำดิน
หลายปีมานี้ ผู้เป็นนายก็เติบใหญ่ภายใต้การเลี้ยงดูของข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ มีความชาญฉลาดมาตั้งแต่เยาว์วัย
ต่อผู้คนต่อสรรพสิ่งต่างๆ นานา ล้วนไม่มีรู้สึกอะไรมากมายนัก นอกเสียจากหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ ดูให้ความเอาใจใส่มากหน่อย
ยามนี้ ซ่งอิงไม่ได้สังเกตเห็นคนที่อยู่ชั้นบน
หลังกินดื่มอิ่มหนำสำราญ ก็ไปจับจ่ายซื้อหาวัตถุดิบต่อ ครั้งนี้ใช้จ่ายไปทั้งสิ้นกว่าหกตำลึงเงิน ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือเพียงหนึ่งตำลึงเงินสามร้อยอีแปะเท่านั้น
จากนั้นก็ใช้จ่ายไปอีกหนึ่งร้อยหกสิบอีแปะ เช่าเกวียนเทียมวัวสี่คัน
ของที่นางซื้อในครั้งนี้ มีข้าวเหนียวสามร้อยจิน เนื้อหมู เกาลัด ถั่วแดง น้ำตาลทราย ล้วนซื้อมาจำนวนไม่น้อย ซึ่งก็ยึดปริมาณตามจำนวนที่จะทำ ไข่เป็ดที่ผ่านการดองเค็มแล้วหาซื้อได้จากในหมู่บ้าน อีกทั้งยังราคาถูกกว่าหน่อย
นี่เป็นปริมาณสำหรับวันเดียวเท่านั้น
ข้าวเหนียวสามร้อยจิน ทำบ๊ะจ่างได้ปริมาณห้าพันชิ้นโดยประมาณ
จากนี้ทุกวัน นางต้องเติมของอยู่เสมอ
แน่นอนว่า ปริมาณที่นางซื้อนี้ถือว่ามากทีเดียว ดังนั้นจึงหาร้านข้าวสารอาหารแห้งเจ้าประจำ ให้พวกเขามาส่งของถึงที่
เงินที่เหลือเหล่านี้ก็ไม่ได้ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย ต้องเหลือเงินที่เอาไว้จ้างคนมาทำงาน
ซ่งอิงนำสิ่งของมากมายเพียงนี้กลับไป ยามที่เจอกับซ่งจินซาน เล่นเสียเขาตกอกตกใจ เพื่อไม่ให้เขากังวลใจ ซ่งอิงจึงหยิบสัญญาที่ลงนามไว้เรียบร้อยออกมาให้ซ่งจินซานดู
ในใจซ่งจินซานนี้ต้องไม่สบายใจอย่างยิ่งเป็นธรรมดา
บ๊ะจ่างห้าพันชิ้นต่อหนึ่งวัน นี่เป็นการค้าขายใหญ่โตเชียวนะ!
หลังกลับไป รีบนำข้าวเหนียวแช่ไว้ในลานหลังบ้าน มีซ่งจินซานช่วยเหลือ จึงจัดการได้อย่างรวดเร็ว ยามนี้จึงไปบ้านตระกูลซ่งตรวจสอบสถานการณ์
วันนี้บ๊ะจ่างที่ให้มารดาห่อมีจำนวนมาก นอกจากซ่งสวินแล้วยังมีหญิงชราช่วยอีกแรง อย่างไรเสียก็เป็นงานที่ให้เงินค่าแรง ดังนั้นจึงทำได้อย่างดีเยี่ยม บ๊ะจ่างสองพันกว่าชิ้น ทำเสร็จทั้งหมดแล้ว วางเรียงรายเอาไว้อย่างเรียบร้อย
“ท่านพ่อท่านแม่ พวกเราไปทางด้านท่านปู่ท่านย่าเสียหน่อย จะได้เรียกป้าสะใภ้ใหญ่และบรรดาอาสะใภ้มาเจรจาหารือเรื่องบ๊ะจ่างนี้ให้ดีๆ” หลังซ่งอิงกลับมาบ้านซ่ง ก็เอ่ยพูดขึ้นทันที
“หาพวกนางเพื่อเจรจาหารือ?” หร่วนซื่อไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก
แน่นอนว่าซ่งจินซานเข้าใจเป็นอย่างดี “ลูกสาวบ้านเราได้รับงานชิ้นใหญ่มา ต้องส่งสินค้าให้ภัตตาคารเย่ว์เฟิงในอำเภอ เป็นบ๊ะจ่างจำนวนห้าพันชิ้นทุกวัน ลำพังบ้านสองพวกเรา จะทำไหวที่ไหนกันล่ะ”
ตอนที่ 76 เรื่องใหญ่
หร่วนซื่อตกใจลุกขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำพูดของซ่งจินซาน “เจ้า…เหตุใดเจ้าจึงใจกล้าเพียงนี้ บ๊ะจ่างจำนวนมากขนาดนี้ เกิดพวกเราทำออกมาไม่ทันจะทำอย่างไร บ้านอื่นก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะช่วยงานพวกเราหรอกนะ!?”
“ทำไมจะทำออกมาไม่ทันล่ะเจ้าคะ” ซ่งอิงยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ท่านแม่ นี่เป็นงานที่ได้เงิน คนที่กล้าเสี่ยงไม่มัวกังวลนั่นกังวลนี่ เช่นนั้นจึงประสบความสำเร็จ ดังคนที่มีให้กินอย่างเหลือเฟือจนจุกตาย นับประสาอะไรกับห้าพันชิ้นซึ่งตามจริงก็ไม่ถือว่ามากมายแต่อย่างใด ต่อให้บรรดาป้าสะใภ้ อาสะใภ้ไม่ยินดีทำ คนอื่นในหมู่บ้านที่ยินดียื่นมือเข้ามาก็มากโขเจ้าค่ะ”
โดยทั่วไปหญิงที่ออกเรือนแล้วจะอยู่แต่กับบ้าน ซึ่งก็ได้แต่เย็บปักถักร้อย เลี้ยงไก่เลี้ยงเป็ดเอามาจุนเจือเล็กน้อยเท่านั้นเอง
หากนางเชิญคนเขามาห่อบ๊ะจ่าง ก็ต้องให้เงินด้วยแน่นอนอยู่แล้ว
ส่วนการเชิญคนตระกูลซ่งมาช่วยงาน…
นี่เป็นสิ่งที่จำเป็น ไม่ใช่ว่านางมีใจบุญสุนทาน
สองชั่วชีวิตนี้ของนาง แม้กล่าวได้ว่ามีความเห็นแก่ตัวอยู่บ้าง แต่กลับไม่ถึงขั้นใจร้ายใจดำ ความร้ายกาจในแต่ละวัน อย่างมากสุดก็คือต่างฝ่ายต่างเอาเปรียบกันเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น แต่ถึงกระนั้น ครอบครัวใครบ้างที่พี่น้องและพี่สะใภ้น้องสะใภ้จะไม่แข่งขันแก่งแย่งเพื่อครอบครัวตนเอง?
หากตอนนี้นางมีงานแต่ไม่ชักชวนคนของตระกูลซ่งเป็นอันดับแรก นี่จะดูไม่เหมาะสมเอาได้
แน่นอนว่า นางก็ไม่ได้หน้าเลือดถึงเพียงนั้น หากบรรดาป้าสะใภ้อาสะใภ้ทำได้ดี นางก็จะให้เงินค่าแรง แต่หากรับเงินค่าแรงของนางแล้วไม่ตั้งใจทำ หรือคิดวิธีการอันเป็นการก่อปัญหาให้วุ่นวาย นางก็จะไม่เกรงใจโดยเด็ดขาด
สองสามวันมานี้ เดิมทีซ่งสวินควรเข้าอำเภอไปทำงานแล้ว แต่ก็เพราะเป็นห่วงน้องสาว ดังนั้นจึงอยู่แต่กับบ้าน ยามนี้ได้ยินคำพูดของนาง กลับเห็นดีเห็นงามด้วยเช่นกัน “ท่านแม่ น้องทำถูกแล้วนะขอรับ งานห่อบ๊ะจ่างไม่ได้ยากเย็นมากนัก สตรีที่ออกเรือนแล้วรวมไปถึงหญิงชราทั้งหลายในหมู่บ้านล้วนทำได้ทั้งนั้น ต่อให้คนในบ้านไม่ช่วย ก็มีคนนอกที่ต้องการทำเยอะแยะขอรับ”
“แม่เพียงแค่ตกใจ คิดว่าเจ้าจะเป็นเหมือนคนอื่นเขาที่ขายบ๊ะจ่างเล่นๆ ไปเท่านั้น…” หร่วนซื่อแทบไม่รู้จักตัวตนบุตรสาวของบ้านเสียแล้ว
ทว่าคิดๆ ดูก็จริง อยู่ที่จวนโหวเกือบสองปีเชียวนะ จะไม่เปลี่ยนได้อย่างไรหรือ
“นี่ก็เสียเวลาไปมากแล้ว เรารีบไปพูดคุยเถิด” ซ่งจินซานเอ่ยเสริมขึ้นมาประโยคหนึ่ง
เมื่อเอ่ยเช่นนี้ สมาชิกทั้งครอบครัวก็รีบไปทางด้านเรือนหลังกลาง ขอให้ท่านปู่ท่านย่าออกหน้า เรียกคนของแต่ละบ้านมารวมตัวกัน
หลังซ่งอิงออกเรือน ซ่งเหล่าเกินก็มีความละอายแก่ใจต่อทางด้านครอบครัวบุตรคนรองนี้ขึ้นมาก หลายวันนี้มองดูบุตรคนรองของบ้านตนเอง อากัปกิริยาก็เลยเป็นมิตรมากกว่าเมื่อก่อน
ที่ผ่านมา เป็นเพราะไม่ชอบที่บุตรชายคนรองผู้นี้รักและทะนุถนอมภรรยามากเกินไป ทั้งยังไม่ชอบที่ลูกสะใภ้ผู้นี้ให้กำเนิดหลานชายเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ตอนนี้ การบีบบังคับซ่งอิงให้ออกเรือนทำให้เขาปั้นหน้าไม่ถูกเพราะความละอายใจ จึงคิดว่าไม่ดีนักหากจะทำให้บุตรชายและลูกสะใภ้คู่นี้ไม่สบายใจอีก
ซ่งสวินและซ่งอิง เป็นผู้ไปเรียกทุกคนมารวมตัวกัน
“ครอบครัวเหล่าเอ้อร์ เรื่องใหญ่ที่เจ้าว่าคืออันใดหรือ” ซ่งเหล่าเกินเอ่ยปากพูด
“ท่านพ่อ เป็นเรื่องของอิงยาโถวขอรับ ท่านให้นางพูดด้วยตนเองเถิดขอรับ!” ซ่งจินซานถูมือ อากัปกิริยาดูตื่นเต้นเล็กน้อย
กี่ปีมาแล้วที่เขาไม่ได้เห็นบิดาเขาแสดงท่าทีอย่างโอบอ้อมอารีถึงเพียงนี้ต่อเขา
มีคนมองไปทางซ่งอิง
ผู้เฒ่าทั้งสองไม่เอ่ยพูดใดๆ อยู่ในลักษณะท่าทีที่ร้อนตัวเล็กน้อย ส่วนคนอื่นๆ ใช้สายตาแปลกประหลาดทั้งยังสับสนมองนาง
แม้ซ่งอิงไม่ใช่บุตรที่เกิดจากตระกูลซ่งโดยแท้จริง แต่อย่างไรเสียก็เลี้ยงดูในครอบครัวกว่าสิบห้าปี
แม้จะถูกทิ้งขว้างมาซึ่งไม่ขอเอ่ยถึง แต่ก็ยังเป็นญาติในวงศ์ตระกูลอยู่ดี ผู้เฒ่าจึงเห็นนางเป็นเด็กรุ่นหลังของครอบครัวตนจริงๆ และไม่ได้ปฏิบัติต่อนางอย่างเมินเฉยห่างเหินราวกับเป็นเด็กครอบครัวคนอื่น
“เอ้อร์ยา เรื่องใหญ่อันใดหรือ บ้านที่อยู่อาศัยนั่นมีปัญหาหรือไร” ผู้เฒ่าขมวดคิ้วเล็กน้อย
สาเหตุที่เขาไม่เห็นด้วยต่อการที่ซ่งอิงแต่งงานกับป้ายหลุมฝังศพ ก็เพราะกลัวว่าพวกพฤติต่ำทรามไม่เอาไหนในหมู่บ้านจะมาเยือนถึงที่!
แม่ม่ายมีคำครหาตั้งมากมาย หมู่บ้านซิ่งฮวาพวกเขาใหญ่โตขนาดนี้ แม่ม่ายก็ไม่ใช่น้อยๆ ซึ่งบรรดาแม่ม่ายหลายคนต่างก็มีชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดีกันทั้งนั้น!
ใครจะรู้ว่าเด็กสาวผู้นี้จะดื้อดึงเช่นนี้!
[1] เหล่าไท่จวิน (老太君) คำเรียกผู้นำตระกูลอาวุโสหญิง
[2] อู่เฉินหวัง (武辰王) อู่ (武) หมายถึง วรยุทธ์การต่อสู้ เฉิน (辰) นอกจากเป็นคำที่ไว้ใช้บอกเวลา ชั่วยาม (辰时) แล้วยังหมายถึง ลำดับที่ห้าของแผนภูมิสวรรค์ (干支) ซึ่งก็คือธาตุดินนั่นเอง และ หวัง (王) หมายถึง ราชันย์