ตอนที่ 85 เมื่อเรื่องต่างๆ มาเยือน ย่อมมีทางออกเสมอ
เขาเป็นผู้บีบบังคับให้หลานสาวผู้นี้ออกเรือนไป ยามนี้ในหมู่บ้านยังกล่าวว่าเขาใจร้ายใจดำอยู่เลย
หากหลานสาวดำเนินชีวิตอย่างยากลำบาก ซึ่งหนทางดังกล่าวเป็นสิ่งที่นางเลือกเอง แม้จะร้องห่มร้องไห้ก็ต้องก้าวเดินต่อไป หากใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบาย เขาก็ไม่หวังขอมีส่วนตักตวงผลประโยชน์ใดๆ เช่นกัน
“ท่านปู่รับของจากข้า ภายภาคหน้าจึงจะช่วยเหลือข้าได้ มิเช่นนั้นข้าตัวคนเดียว ไม่มีคนช่วยคิดช่วยจัดการ เรื่องภายในบ้านก็คงทำให้สำเร็จมิได้” ซ่งอิงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
“บ้านเจ้าหลังนั้นมีเรื่องอันใดหรือ” ซ่งเหล่าเกินขมวดคิ้ว
“แม้จะมีบ้านให้อยู่อาศัย แต่ก็ต้องซื้อ ต้องทำโฉนดเอาไว้ เรื่องนี้ยังต้องให้ท่านปู่ช่วยออกหน้าถึงจะดี มิเช่นนั้นข้าคงต้องใช้เงินจำนวนมากเชียวละ อีกอย่าง เรือนข้าหลังนั้นก็ทรุดโทรมเก่าแก่จริงๆ ไว้จัดการเรื่องโฉนดเสร็จสิ้น ยังต้องซ่อมแซมบ้านให้ดีๆ อีก ท่านปู่ฝีมือดี จำเป็นต้องขอให้ท่านและพ่อข้าไปร่วมด้วยช่วยเหลือเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
คำพูดนี้จากปากนางล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น เพียงแค่ซ่อมแซมบ้านเท่านั้นเอง ไม่จำเป็นต้องเชิญคนงาน
ไม่ใช่นางตระหนี่ถี่เหนี่ยว แต่เป็นเพราะไม่ค่อยเหมาะสมจริงๆ
เรือนที่สร้างขึ้นของแต่ละบ้านแต่ละครอบครัว ส่วนใหญ่ล้วนเป็นการช่วยเหลือจากบ้านใกล้เรือนเคียง เลี้ยงอาหารสักมื้อก็เป็นอันใช้ได้ หากนางใจกว้างโดยการจ่ายเงินค่าแรงให้ ในสายตาคนอื่นจะกลายเป็นฟุ่มเฟือยและโง่เขลา
นางเยาว์วัย ทั้งยังจากบ้านไปสองปี ไม่สนิทสนมกับบ้านใกล้เรือนเคียง คนบางส่วนยังกดดันให้นางจากไปด้วยซ้ำ ดังนั้น…จำเป็นต้องให้ผู้อาวุโสออกหน้าจึงจะได้เรื่อง
ซ่งเหล่าเกินบีบบังคับนางออกเรือน หากเป็นเจ้าของร่าง จะต้องโกรธเคืองเป็นแน่ แต่นางไม่
เพราะไม่มีความรู้สึกใด ดังนั้นจึงไม่มีความเคืองโกรธ
อีกทั้ง นางรู้สึกว่าตอนนี้ตนได้ตั้งครอบครัวออกมาอยู่ลำพังเป็นเรื่องดีมาก เพราะไม่ต้องคอยอยู่ภายใต้การควบคุม
“เจ้าอาศัยอยู่กับหลานหลินเท่านั้น ห้องในทุกวันนี้ก็เพียงพอแล้ว ไยยังต้องซ่อมแซมอีก” ซ่งเหล่าเกินไม่เข้าใจ “เอ้อร์ยาโถว เจ้ายังไม่เก็บคำพูดของข้าเอาไปใส่ใจสินะ บ๊ะจ่างนี้ทำเงินได้บ้างก็จริง แต่เมื่อขายหมดแล้วล่ะ ถึงเวลาเจ้าตั้งใจว่าจะทำอันใดหรือ”
“ไว้ถึงเวลาค่อยว่ากันอีกทีเจ้าค่ะ เมื่อเรื่องต่างๆ มาเยือน ย่อมมีทางออกเสมอละเจ้าค่ะ” ซ่งอิงคลี่ยิ้ม
ซ่งเหล่าเกินอึดอัดใจ ท่าทางราวกับต้องการไปมีเรื่องกับใครอย่างไรอย่างนั้น “เหลวไหล! บ๊ะจ่างทองคำของเจ้านี้เป็นของที่พบเห็นได้น้อยครั้ง ในเวลาอันสั้น คนรอบข้างอยากรู้ว่าทำอย่างไรก็คงเป็นเรื่องยาก แต่เมื่อถึงเทศกาลตวนอู่ปีหน้า ก็คงไม่เป็นความลับไปได้อีกแล้วเป็นแน่ ประเด็นนี้เจ้าเองก็น่าจะรู้อยู่?”
“รู้เจ้าค่ะ ข้าก็คิดไว้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ไว้รอเดือนนี้ข้าได้เงินเรียบร้อยแล้ว ก็จะนำวิธีการบอกกล่าวบรรดาป้าสะใภ้อาสะใภ้” ซ่งอิงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
สัญญาของนางกับภัตตาคารเย่ว์เฟิงมีเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น หลังจากหนึ่งเดือน นางจะทำอย่างไรกับสูตรตำรับลับบ๊ะจ่างนี้ก็เป็นเรื่องของนาง
เก็บวิธีทำเอาไว้ก็ไร้ประโยชน์ ไม่สู้เอามาทำเป็นสินน้ำใจแก่ผู้อื่นจะดีกว่า
ได้ยินคำพูดนี้จากปากนาง ซ่งเหล่าเกินยิ่งอึดอัดใจ “เจ้ามีน้ำใจนี้ก็เป็นสิ่งที่ดี แต่หลังจากนี้ล่ะ เอ้อร์ยา เลี้ยงเด็กคนหนึ่งมิใช่เรื่องง่าย เด็กผู้นั้นแม้ไม่ใช่ลูกในสายเลือดเจ้า แต่ภายภาคหน้าหากให้เจ้าเลี้ยงดู ก็ควรปฏิบัติต่อเขาให้ดีๆ เก็บเงินเอาไว้ใช้จ่ายเพื่อเขา เมื่อเขาเติบใหญ่แล้ว ก็จะรู้จักทำดีต่อเจ้า”
คิดไม่ถึงว่า ชายชราผู้นี้จะขี้บ่นไม่น้อยเลย
“เข้าใจเจ้าค่ะ แต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการซ่อมแซมบ้านข้าหรอกเจ้าค่ะ” ซ่งอิงดื้อดึงอย่างยิ่ง
ซ่งเหล่าเกินเห็นนางไม่รู้ความ ถอนหายใจฟึดฟัด “ช่างเป็นคนที่ดื้อดึงจริงๆ! ช่างเถอะ บุตรหลานสาวที่ออกเรือนไปแล้วก็ไม่ต่างจากน้ำที่สาดออกไป อยากจะทำอย่างไรข้าเองก็บังคับไม่ได้เช่นกัน! ก็อย่างที่เคยกล่าวว่า ตัวเองไม่นึกเสียใจภายหลังก็เป็นพอ!”
“ผ้านี้ข้าจะรับเอาไว้แล้วกัน เจ้าไปดูพี่ชายเจ้าทางด้านนั้นเถอะ คงห่อบ๊ะจ่างกันไปพอประมาณแล้วเช่นกัน” เหล่าซ่งเกินกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ซ่งอิงเดินออกมาจากเรือนหลังกลางอย่างสงบเสงี่ยม
บ๊ะจ่างห่อเสร็จแล้วจริงๆ ในเมื่อมีจำนวนคนไม่น้อย
ถึงคราวที่ซ่งอิงต้องจ่ายเงินค่าแรงแล้ว
ซ่งอิงตรวจสอบบ๊ะจ่างเป็นอันดับแรก พบว่าห่อได้ดีเยี่ยมทีเดียวเชียว ฝีมือของมารดานางว่าดีแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่า ฝีมือของเจียวซื่อดียิ่งกว่าอีก บ๊ะจ่างทุกชิ้นห่อโดยมีสันแหลมๆ ชวนตกตะลึง ดูงดงามเป็นพิเศษ
คนของบ้านอื่นๆ ที่เหลือ ล้วนจ้องมองนาง เกรงว่านางจะผิดหวังแล้วไม่จ่ายเงินให้
ตอนที่ 86 จ่ายเงินค่าแรง
มีการกำกับดูแลงานโดยซ่งสวิน ซ่งอิงจึงวางใจได้ แต่อย่างไรเสียก็เป็นวันแรก ต้องเคร่งครัดเสียหน่อย
ทำการตรวจสอบเป็นเวลาครึ่งชั่วยามเต็มๆ นี่จึงได้จงใจกล่าวอย่างพึงพอใจ “บ๊ะจ่างของบรรดาป้าสะใภ้และอาสะใภ้ล้วนผ่านเกณฑ์ทั้งหมด ฉะนั้นจึงจะได้รับเงินโดยยึดตามจำนวนที่พี่ชายข้าบันทึกไว้เจ้าค่ะ”
สิ้นเสียงพูดของซ่งอิง คนของแต่ละบ้านล้วนหน้าชื่นตาบาน
หม่าซื่อเป็นผู้อาวุโส แน่นอนว่าให้ความเคารพนอบน้อมต่อนางไม่ได้ ดังนั้นหลังซ่งอิงมองดูจำนวน ก็เป็นฝ่ายนำเงินยื่นให้ถึงมือและกล่าว “ลำบากท่านย่าช่วยข้าทำงานแล้วเจ้าค่ะ”
หม่าซื่อห่อได้จำนวนไม่ถือว่ามากนัก เพียงแค่หกร้อยกว่าชิ้นเท่านั้น ทว่าซ่งอิงให้เงินมากกว่าจำนวนที่ทำได้หน่อย เป็นเงินหนึ่งร้อยอีแปะ “จากนี้คงยังต้องรบกวนท่านย่าช่วยข้าดูแลเรื่องบ๊ะจ่างในบ้านด้วยนะเจ้าคะ”
ในฐานะผู้อาวุโส หม่าซื่อช่วยได้มากมาย ต่อให้นางเป็นแม่สามีที่ไม่ค่อยพูดมากมายมาแต่ไหนแต่ไร ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่กดขี่ข่มเหงผู้คน แต่บรรดาลูกสะใภ้ล้วนจำเป็นต้องให้ความเคารพยำเกรงนางมากพอตัว ต่อหน้านาง ต้องว่านอนสอนง่าย มิเช่นนั้นชายชราก็จะโกรธเกรี้ยว
หม่าซื่อขานรับอย่างเมตตา
จากนั้นเป็นเหยาซื่อบ้านใหญ่ ห่อได้หนึ่งพันห้าสิบชิ้น
เงินของมารดานางและพี่ชายต้องเอาไว้ให้เมื่อกลับถึงเรือนส่วนตัว
เจียวซื่อห่อได้เก้าร้อยกว่าชิ้น
เหยาซื่อบ้านเล็กยังสาวยังแส้หน่อย ดังนั้นความรวดเร็วจึงช้ากว่าเล็กน้อย แต่ก็ห่อได้ถึงเก้าร้อยชิ้นเช่นกัน
ส่วนบ๊ะจ่างที่เหลือหนึ่งพันสี่ห้าร้อยชิ้น ล้วนเป็นฝีมือการห่อของมารดาและพี่ชายนาง
ซ่งสวินไม่เหมือนกับบุรุษทั่วไป เขามีน้ำใจและช่างเข้าอกเข้าใจตั้งแต่ยังเล็ก ไม่ว่างานอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น เพียงแต่สุขภาพร่างกายย่ำแย่ไปหน่อย…
นึกมาถึงตรงนี้ ซ่งอิงนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ นางจำได้ว่ายามที่เจ้าของร่างยังเด็ก มารดานางเคยเอ่ยไว้ว่า พี่ชายนางไม่ถือว่าป่วยอะไรร้ายแรง ก็แค่เลือดลมไม่ค่อยเพียงพอ ต้องบำรุงเลือดลมก็เท่านั้น เพียงแต่ฐานะตระกูลซ่งธรรมดา แน่นอนว่าไม่อาจหาของกินดื่มดีๆ มามอบให้เขาได้ ดังนั้นตลอดที่ผ่านมาจึงไม่หายดีเสียที
ซ่งอิงลอบมองซ่งสวินแวบหนึ่ง
สีหน้าเขาขาวซีด มองดูไม่มีชีวิตชีวาอะไรเลยจริงๆ ตอนนี้ก็ปลายเดือนสี่แล้ว อากาศค่อยๆ อบอุ่นขึ้นมาก แต่ที่ซ่งสวินสวมใส่เอาไว้บนเรือนกายยังหนากว่าคนอื่นไม่น้อย โดยปกติแล้วเขาจะทำงานจำพวกคัดลอกตำราและคำนวณบัญชี ซึ่งไม่ได้เปลืองเวลามากมาย สาเหตุหลักก็เป็นเพราะทำงานนานๆ แล้วจะมึนหัว หลังเจ้าของร่างกลับมาจากเมืองหลวง ยังเคยเห็นซ่งสวินวิงเวียนหน้ามืดกับตาตัวเองด้วยครั้งหนึ่ง
นางคิดว่าจำเป็นต้องหาหมอมาตรวจรักษาซ่งสวินอย่างละเอียดสักหน่อย หากมั่นใจว่าร่างกายอ่อนแอเพราะขาดเลือดลมก็จำเป็นต้องบำรุง เช่นนั้น…
โสมน้อย…
ซ่งอิงคลี่ยิ้ม ผมของสหายคู่หูตัวน้อยก็ดูเยอะดีเหมือนกัน…
หากเสียดายผมเกินไปจริงๆ เช่นนั้นน้ำที่แช่อาบก็ใช้ได้เช่นกัน แม้ฟังดูน่าสะอิดสะเอียด แต่อย่างไรเสียภูตโสมก็ไม่ใช่คนนี่?
อีกอย่าง สหายคู่หูตัวน้อยตนนั้นก็มีนิสัยใจคอพิลึกบางอย่าง ทุกวันต้องฝังตัวลงดินอาบแดด ซึ่งก็ไม่เท่าไรหรอก ทว่ายามแช่น้ำเป็นอันต้องเปลี่ยนรูปลักษณ์ทุกที โสมหัวเบ้อเร่อลอยอยู่ในน้ำ รากฝอยที่ละเอียดนั่นก็เสมือนมือเท้าแหวกว่ายไปมา มีชีวิตไม่ต่างกับแมงกะพรุนทะเลลึกตัวหนึ่ง
“อาอิง มีปัญหาอันใดหรือ” ซ่งสวินเห็นนางจับจ้องไม่วางตา จึงเอ่ยถามด้วยความงุนงงเล็กน้อย
ซ่งอิงดึงสติกลับมา ส่ายหน้าพันลวัน “ท่านพี่ ข้าเห็นสีหน้าท่านไม่ค่อยดี รู้สึกร่างกายไม่สบายใช่หรือไม่ พรุ่งนี้เชิญหมอมาตรวจดูสักหน่อยเป็นอย่างไร”
ซ่งสวินตะลึงงันชั่วครู่
สีหน้าเขาไม่สู้ดี? ไม่น่านี่? วันนี้เขารู้สึกร่างกายสบายดีทีเดียว ไม่ได้รู้สึกอึดอัดบริเวณหน้าอกแล้วด้วย และไม่มีความรู้สึกหายใจไม่เต็มอิ่มอย่างปกติอีกแล้วเช่นกัน…
“ไม่เป็นไร อาจเพราะตากลมเมื่อครู่กระมัง” ซ่งสวินเหมือนบรรดาสาวๆ คนหนึ่ง แม้แต่พูดจาก็น้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยน
บรรดาแต่ละบ้านเคยชินต่อการเห็นลักษณะที่บอบบางอ่อนแอและมีมรรยาทเช่นนี้ของซ่งสวินกันแล้ว วันนี้ได้รับเงินของซ่งอิง การพูดการจาจึงนุ่มนวลขึ้นไม่น้อยเป็นธรรมดา
“น้องสาวเจ้าก็เพราะหวังดี หาหมอมาตรวจดูก็ได้ นี่ปลายเดือนสี่แล้ว ดูเจ้ากลับยังหนาวไม่เลิก ปล่อยทิ้งไว้นานวันเข้าคงไม่ดี อีกอย่าง เจ้าก็อายุสิบเจ็ดปีแล้วนี่? จะช้าจะเร็วก็ต้องแต่งภรรยา รักษาร่างกายให้ดีจึงจะหาภรรยาดีๆ สักคนได้ หรือว่าเจ้าอยากเป็นเหมือนเด็กหนุ่มของครอบครัวหลี่ซานผู้นั้นที่ถูกผู้คนรังเกียจ?” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ถือโอกาสเอ่ยพูด