ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล – ตอนที่ 81 ชะตาชีวิตที่ต้องฝากปากท้องไว้กับจอบเสียม ตอนที่ 82 โลกกลมเสียยิ่งอะไรดี

ตอนที่ 81 ชะตาชีวิตที่ต้องฝากปากท้องไว้กับจอบเสียม ตอนที่ 82 โลกกลมเสียยิ่งอะไรดี

ตอนที่ 81 ชะตาชีวิตที่ต้องฝากปากท้องไว้กับจอบเสียม

เอ่ยพูดมาถึงตรงนี้ เจียวซื่อถอนหายใจด้วยความอิจฉาริษยา

“สูตรตำรับลับเป็นของที่ใครๆ ต่างก็มีกันทั้งนั้นหรือ หากเจ้ากล้าไปขโมยสูตรลับของเอ้อร์ยาเอามาทำเอง พ่อเฒ่ามีหวังเฆี่ยนเจ้าตายแน่!” ซ่งอิ๋นซานเอ่ยข่มขู่อย่างดุดัน

เจียวซื่อตัวสั่นเทิ้มขึ้นมาชั่ววูบ “ข้าก็ไม่ได้คิดอย่างนี้เสียหน่อย คนอื่นหาเงินได้ จะให้ข้าอิจฉาสักหน่อยมิได้หรือ”

“อิจฉาใครก็ได้แต่จะอิจฉาเด็กรุ่นหลังมิได้! ชะตาชีวิตเอ้อร์ยาทุกข์ยากลำบาก แม้ครอบครัวเราเลี้ยงดูนางจนเติบใหญ่ แต่ในความเป็นจริงก็ไม่ได้ใช้จ่ายเงินไปสักเท่าใด แต่บิดามารดาแท้ๆ ของนางก็อุตส่าห์ให้เงินครอบครัวพวกเรามาหนึ่งร้อยตำลึงเงิน เพียงพอสำหรับเลี้ยงดูนางอีกสองสามคนด้วยซ้ำ! คนเขาไม่ได้ติดค้างพวกเรา ตอนนี้ใบหน้าก็เสียโฉมแล้ว เพื่อชีวิตอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือก็ควรคิดหาเงินไว้ให้มากๆ หน่อย เจ้าจะมัวแต่มีความคิดต่ำช้าเหล่านั้นอยู่ไม่ได้!” ซ่งอิ๋นซานดีดตัวลุกขึ้นนั่งตรงทันที จ้องเขม็งใส่เจียวซื่อขณะกล่าว

ที่เขาเอ่ยไม่ใช่เพื่อเอ้อร์ยา หากแต่คำนึงถึงมารดาและภรรยาของครอบครัวตัวเขาเอง

แม้จะเห็นว่าเรื่องที่พ่อเฒ่าขับไล่ออกไปโดยการบีบบังคับให้ออกเรือนเป็นเรื่องขาดคุณธรรม แต่ชายชราทำไปเพื่ออะไรเขาเองก็รู้อยู่แก่ใจชัดแจ้ง!

เขาคำนึงถึงหลานชายโดยไม่แยแสชื่อเสียงของตนเอง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าบิดาเขาจะไม่มีขีดจำกัด!

หากเจียวซื่อก่อความนึกคิดใดต่อเอ้อร์ยา บิดาเขาจะต้องเป็นคนแรกที่ไม่พึงพอใจแน่นอน

บิดาเขาเป็นคนรู้จักยางอาย

“หนึ่งร้อยตำลึงเงิน…อย่างไรก็ตาม ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” เจียวซื่อสบถฮึ “ถูกบ้านใหญ่ใช้จ่ายไปหมดแล้วมิใช่หรือ”

ซ่งอิ๋นซานจ้องนางเขม็ง

“ข้ารู้หรอกน่า ไม่นึกถึงสูตรลับของเอ้อร์ยาแล้ว!” เจียวซื่อเอ่ยพูดทันทีทันใด “ข้าก็แค่ทำใจยอมรับไม่ได้ บ้านรองมีอิงยาโถวคนหนึ่ง กลับมาจากตระกูลคนใหญ่คนโตจะนำของดีๆ ติดไม้ติดมือมาด้วยไม่น้อยก็ช่างปะไร แต่เจ้าลองนึกถึงบ้านใหญ่กับบ้านสี่สิ?”

“พี่ใหญ่ไม่เหมือนกับพวกเรา พวกเราอาศัยที่ดินเหล่านี้ พี่ใหญ่ผู้นั้นเป็นช่างชำนาญการในโรงย้อมสี ได้รับเบี้ยรายเดือนทุกเดือน หลานเสี่ยนบ้านเขาตอนนี้ก็เข้าทำงานในโรงย้อมสีแล้วเช่นกัน ภายภาคหน้าก็จะมีเงินมากยิ่งขึ้น หลานต๋าแม้จะเกเร แต่ก็ยังถือว่าชาญฉลาด วันข้างหน้ารู้จักตัวอักษรบ้าง แล้วมีหรือจะทำอะไรไม่ได้”

“น้องสี่ชะตาชีวิตดี ท่านพ่อท่านแม่โปรดปราน ทั้งที่เป็นคนไม่เอาไหนมากที่สุด กลับได้งานเจ้าหน้าที่ทางการหลวง สบายยิ่ง แล้วยังได้เงินมากด้วย ทุกเดือนก็มีเงินสองตำลึงเงินเห็นจะได้ น้องสะใภ้สี่ก็เป็นคนหนึ่งที่เก่งกาจงานฝีมือ ดอกไม้ที่ปักออกมาล้วนขายได้ในราคาแพง มีเพียงพวกเรา นอกจากมีลูกเยอะแล้ว ก็ไม่มีกิจการอื่นใด…การดำรงชีวิตนี้ จะดำเนินไปถึงเมื่อไหร่นะ? เมื่อใดที่ข้านึกถึงลูกชายทั้งสามของเราซึ่งภายภาคหน้าก็คงไม่ต่างกับเจ้า ในใจนี้ช่างกลัดกลุ้มเหลือเกิน” เจียวซื่อทุบๆ หน้าอก รู้สึกไม่สบายใจจริงๆ

ลูกชายทั้งสามคน ล้วนฝากชะตาเลี้ยงปากท้องเอาไว้กับจอบเสียม

แม้ลูกชายคนที่สามเข้าโรงเรียนแล้ว แต่ก็อายุสิบปีแล้ว จะทำอะไรล้วนสายไปแล้ว!

ไม่เหมือนกับบ้านใหญ่บ้านสอง หลานเสี่ยน หลานต๋า และหลานสวิน คนเขาเข้าเรียนตั้งแต่ยังเด็กๆ เรียนส่งเดชไป สิ่งที่ได้เรียนรู้ก็พอให้ใช้การได้แล้ว

เริ่มแรกซ่งอิ๋นซานค่อนข้างโมโห แต่ครั้นได้ยินนางเอ่ยพูดจนจบ ก็ทำได้เพียงทอดถอนใจ

“ลูกเซิ่งอายุสิบห้าปีแล้ว จะอยู่แต่บ้านเกียจคร้านไม่เรียนรู้ทักษะฝีมือสักหน่อยก็คงมิได้เช่นกัน ข้าคิดๆ ดูแล้ว…รอเขาเด็ดใบหลูในเดือนนี้เสร็จสิ้น ก็ส่งเขาไปเรียนผู้คุ้มกันทางด้านอำเภอนั่น เหน็ดเหนื่อยหน่อย แต่ทำเงินได้มาก ทำไปสักสามถึงห้าปีก็ค่อยแต่งภรรยา…”

เจียวซื่อได้ยินดังกล่าว รู้สึกกังวลใจเล็กน้อย

ผู้คุ้มกัน…นั่นอันตรายยิ่ง?

แต่คิดดูอย่างละเอียด คนในชนบท ยังจะมีหนทางอื่นอีกหรือ

“ตางเจีย เจ้ารู้สึกหรือไม่ว่า…หลังเอ้อร์ยากลับมา ดูไม่ค่อยเหมือนเมื่อก่อนเลย” เจียวซื่อนึกอะไรบางอย่างได้กะทันหันจึงเอ่ยถาม

“จะเหมือนเมื่อก่อนได้อย่างไรล่ะ ในเมื่อเป็นคนที่เคยเป็นคุณหนูแห่งตระกูลบรรดาศักดิ์ผู้ร่ำรวยมาก่อน อย่างไรเสียก็ไม่เหมือนเด็กสาวชาวป่าชาวเขาไปได้หรอก” ซ่งอิ๋นซานกล่าวน้ำเสียงเรียบเฉย

“จะว่าเช่นนั้นก็มิได้เสียทีเดียว! ข้าคิดว่าภาพลักษณ์และท่าทีนั้นค่อนข้างชวนให้ผู้คนเกรงกลัว…เฮ้อ ลูกเสี่ยนของบ้านเราหากมีความสามารถถึงเพียงนี้ก็ดีสิ…เจ้าว่าเหตุใดข้าจึงให้กำเนิดลูกสาวที่ไม่เอาไหนเพียงนี้นะ? หรือว่าเด็กที่เกิดจากตระกูลบรรดาศักดิ์กับตระกูลผู้ยากจนอย่างพวกเราแตกต่างกันมากนักหรือ นึกถึงลักษณะของลูกเสี่ยนที่ทำอย่างกับเผชิญโลกภายนอกไม่ได้ ข้าก็เป็นอันต้องเดือดดาล!” เจียวซื่อกล่าวขึ้นอีกครั้ง

ตอนที่ 82 โลกกลมเสียยิ่งอะไรดี

เจียวซื่อพร่ำบ่นโอดครวญ ครั้นนึกถึงบุตรสาวของตนเอง นั่นเป็นสิ่งที่ไม่พึงพอใจอย่างยิ่ง

วันรุ่งขึ้น ซ่งอิงนำข้าวเหนียวกับไส้ขนมทั้งหมดมาส่งให้ ใบหลูมีบางส่วนที่ซื้อเอามาจากในตัวอำเภอ หากไม่เพียงพอ ให้เด็กๆ ทางด้านบ้านสามนี้ไปเด็ดเอามาอีกก็ย่อมได้

บ๊ะจ่างรสชาติอื่นจะมีซ่งสวินเป็นผู้จัดสรรแบ่งให้ไปตามปริมาณ ส่วนบ๊ะจ่างชั้นยอดเยี่ยมให้บ้านสองพวกเขาทางด้านนี้ห่อเท่านั้น

แล้วยังมีบ๊ะจ่างไส้เนื้อหมู ก็ให้บ้านสองห่อเป็นหลักก่อน หากบ้านสองห่อไม่เสร็จ ค่อยส่งมอบให้อีกสามบ้านอื่น

พ่อเฒ่ากลัวขายหน้า จึงให้ลูกสะใภ้แต่ละบ้านไปทำงานรวมกันที่ลานหน้าบ้าน และเป็นการสะดวกต่อซ่งสวินในการกำกับดูแล

ซ่งอิงไม่มัวพิรี้พิไร หลังจัดการธุระเรียบร้อย ก็นำบ๊ะจ่างสองพันชิ้นของเมื่อวานไปส่งให้ภัตตาคารเย่ว์เฟิงทันที

คนทั่วไปส่วนใหญ่ชอบกินบ๊ะจ่างไส้พุทราน้ำผึ้ง

ดังนั้นไส้ในบ๊ะจ่างเหล่านี้ โดยทั่วไปล้วนเป็นรสพุทราน้ำผึ้ง ส่วนที่เหลือ จึงจะเป็นไส้ไข่แดง และเนื้อหมูเม็ดเกาลัด

เงินที่ภัตตาคาเย่ว์เฟิงให้แบ่งเป็นสองส่วน ส่วนที่หนึ่งคือส่วนที่คงค้างทั้งหมดของวันนี้ ทั้งหมดเป็นเงินสามตำลึงเงินห้าร้อยอีแปะ ส่วนที่สองคือห้าตำลึงเงิน เป็นเงินมัดจำของบ๊ะจ่างวันพรุ่งนี้

หลังจากวันนี้ ไม่รวมบ๊ะจ่างชั้นยอดเยี่ยม นางจะมีรายรับอย่างน้อยก็เป็นเงินสิบห้าตำลึงเงิน แน่นอนว่า หลังหักต้นทุนแล้วเงินที่ได้ก็ไม่มากนัก กำไรทั้งสิ้นยังไม่ถึงห้าตำลึงเงินด้วยซ้ำ

แต่ซ่งอิงก็พึงพอใจแล้ว

วันหนึ่งห้าตำลึงเงิน หนึ่งเดือน ก็เป็นเงินหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงเงิน

“หัวหน้าจ้าว ไม่ทราบว่ากำหนดราคาของบ๊ะจ่างชั้นยอดแล้วหรือไม่เจ้าคะ” เมื่อส่งสินค้าเรียบร้อย ซ่งอิงก็รีบเอ่ยถามทันที

“กำหนดเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นไปตามที่แม่นางคิดไว้ก่อนหน้าเช่นนั้น สองร้อยอีแปะต่อชิ้น เมื่อวานบ๊ะจ่างเหล่านั้นที่ท่านส่งมา นำไปส่งให้ตระกูลบรรดาศักดิ์สามสี่ตระกูลลิ้มชิมรสเป็นการเฉพาะ วันนี้ก็มีคนมารอแต่เช้าตรู่ ทันทีที่บ๊ะจ่างนี่มาถึง ไม่ทันไรก็ขายหมดเกลี้ยงแล้ว” หัวหน้าเจ้ายิ้มกล่าว

ทว่าเพื่อหลีกเลี่ยงจะมีคนซื้อบ๊ะจ่างเหมาไปหมด ดังนั้นที่ซื้อบ๊ะจ่างนี้ได้ ล้วนเป็นบรรดาลูกค้าเก่าแก่ไม่กี่ตระกูล แล้วยังกำหนดปริมาณอีกด้วย

ซ่งอิงดีใจอย่างยิ่งเมื่อได้ยินดังกล่าว

บ๊ะจ่างชั้นยอดทำเงินได้มากที่สุด สองร้อยอีแปะต่อชิ้น นางจะได้รับเงินครึ่งหนึ่ง เดือนหนึ่งก็จะทำเงินได้เกือบๆ สามร้อยตำลึงเงิน นี่ถือเป็นกำไรระเบิดระเบ้อเห็นๆ

เมื่อมีเงินก้อนนี้แล้ว นางก็จะซื้อบ้าน ซ่อมบ้าน แล้วยังซื้อที่ดินได้อีกหลายหมู่!

ทว่า จะทำอย่างไรให้บิดามารดาและซ่งสวินยอมรับสิ่งของที่นางมอบให้อย่างไร้ข้อโต้แย้งล่ะ?

ซ่งอิงคิดว่าค่อนข้างยากทีเดียว

หลังกล่าวลาหัวหน้าจ้าว ซ่งอิงไปยังร้านค้าสองสามร้านที่กำหนดไว้เมื่อวานนี้ ทำการซื้อสินค้าตามเดิมแล้วให้พวกเขาส่งไปยังหมู่บ้าน

จากนั้น ไปร้านผ้า นางตั้งใจว่าจะทำเสื้อผ้าให้ภูตโสมสักสามสี่ชุด

อาภรณ์ของมันมีไม่มาก ล้วนเป็นของที่เหลือจากซ่งสวินทั้งนั้น แต่ที่ซ่งสวินเหลืออยู่เหล่านั้นก็มีไม่กี่ตัว ยามนี้ ที่เขาสวมใส่อยู่ล้วนเป็นเสื้อผ้าเก่าๆ ที่ปะแล้วปะอีก มองดูน่าเวทนาเป็นพิเศษ ลดทอนความสดใสบนดวงหน้าเล็กจ้ำม่ำลงไปมาก

เพียงแต่โลกช่างกลมเสียยิ่งอะไรดี

ครั้นเข้าไปในร้านผ้า ซ่งอิงก็มองเห็นอริคู่อาฆาต

เจียงจื่อชางสหายพี่ชายนาง ที่ถูกนางหลอกโกยเงินมาสี่ตำลึงเงินนั่นเอง

ทันทีที่เจียงจื่อชางมองเห็นนาง ความโกรธเกรี้ยวนั้นดุจดังเพลิงลุกโหม ถึงขั้นแววตาเต็มไปด้วยลูกไฟก็ว่าได้ เขากล่าวกับสตรีสาวที่อยู่ข้างๆ “เหนียงจื่อ[1] ครั้งก่อนเจ้าถามข้าว่าเอาเงินไปใช้จ่ายอันใดมิใช่หรือ…นี่อย่างไรละ เป็นนางผู้นี้ พี่ชายนางร่ำเรียนหนังสือร่วมกับข้าสองสามปี ตอนนี้ชีวิตน่าสงสาร ข้าก็เกรงใจเกินกว่าจะไม่เหลียวแลน่ะสิ…”

คำพูดยังไม่ทันสิ้นเสียง หญิงผู้นั้นก็โยนสิ่งของในมือลง แล้วเดินพุ่งเข้าใส่ซ่งอิง

ปากก็เอ่ยพูดขึ้น “ต่อให้เจ้าน่าสงสารสักเท่าใดแล้วเกี่ยวอันใดกับครอบครัวข้าด้วย?! อย่าว่าแต่เป็นน้องสาวของสหายร่วมชั้นเรียนคนหนึ่งเลย ต่อให้เป็นน้องสาวแท้ๆ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะเอ่ยปากขอเงินถึงสี่ตำลึงเงิน! วันนี้ต่อให้ไม่เจอเจ้า วันข้างหน้าข้าก็จะไปเอาเรื่องถึงหมู่บ้านซิ่งฮวาอยู่ดี! รีบนำเงินคืนมาเดี๋ยวนี้ ยืมไปไม่กี่วันก็คิดจริงจังแล้วหรือว่าเป็นของของครอบครัวตนเอง?”

เจียงจื่อชางยืนอยู่ด้านหลัง กระตุกยิ้มมุมปาก

ภรรยาผู้นี้ของเขา ตระหนี่ถี่เหนี่ยวและเจ้าคิดเจ้าแค้น ลักษณะไม่ต่างจากสตรีปากตลาด แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีประโยชน์เช่นกัน

นี่อย่างไรล่ะ? ประโยชน์ที่ว่าแสดงออกมาให้เห็นแล้วมิใช่หรือ

[1] เหนียงจื่อ (娘子) คำเรียกขานหญิงที่เป็นภรรยาของตนเอง

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

Status: Ongoing

นิยายสโลว์ไลฟ์แฟนตาซีที่นางเอกมุ่งมั่นทำไร่หาเงินและจับปีศาจเพื่อช่วยเหลือคน เพื่อตายไปจะได้เป็นเซียน!

ซ่งอิง คิดว่าชีวิตนี้ตนเองจะเป็นเพียงหญิงสาวชาวนาเรียบง่ายคนหนึ่งที่ไม่ออกเรือนไปตลอดชีวิต

แต่บัดนี้ที่ดินของครอบครัวมีภูตโสมโผล่มาตนหนึ่ง จากนั้นไม่นานก็ตามมาด้วยปีศาจกบเขียว

พอเลี้ยงไก่มันก็บินได้ เลี้ยงลามันก็หัวเราะได้…

เพราะขวดหยกที่ติดตัวมาด้วยครั้งทะลุมิตินำมาซึ่งมิติพิเศษและความสามารถในการจับปีศาจ

แม้จะไม่ออกเรือนไปตลอดชีวิตแต่แค่สิ่งนี้ปณิธานของนางที่ว่า

‘ยามมีชีวิตอยู่ขอให้เงินตำลึงทองเต็มห้อง ตอนที่ตายไปแล้วก็ขอให้คุณงามความดีเจิดจรัสจนได้ขึ้นสวรรค์กลายเป็นเซียน!’

ของนางจะต้องเป็นความจริงอย่างแน่นอน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท