ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล – ตอนที่ 115 คนดี ตอนที่ 116 สับมันเสียเลย

ตอนที่ 115 คนดี ตอนที่ 116 สับมันเสียเลย

ตอนที่ 115 คนดี

เดิมทีเขาไม่อยากแบ่งซ่งอิงด้วย ในเมื่อมุมมองเขา ทางครอบครัวเลี้ยงดูซ่งอิงจนเติบใหญ่แล้ว เช่นนั้นการที่ซ่งอิงเสียสละบ้างก็คือสิ่งที่พึงกระทำ

ซ่งเสี่ยนมองซ่งหม่านซานด้วยแววตากระตือรือร้น สายตาเต็มไปด้วยการโน้มน้าวใจ

อาสี่เป็นพวกไม่สนเหตุผลมากที่สุด ขอเพียงอาสี่เห็นด้วย ก็จะพานให้ซ่งอิงไร้ทางเลือกไปโดยปริยายแน่นอน

อีกทั้งตอนเด็กๆ ซ่งอิงก็กลัวอาสี่ ตอนนี้ต้องไม่ต่างจากเดิมเป็นแน่

“ทำเงินได้มากเลยหรือ ทำได้เท่าไหร่ล่ะ” ซ่งหม่านซานตาลุกวาว แสดงออกอย่างคนละโมบโลภมาก

“ตามการคาดคะเนของข้า เราแต่ละคนอย่างน้อยๆ ก็จะได้ร้อยตำลึงเงิน! นี่ไม่แน่ว่ายังน้อยกว่าความเป็นจริงด้วยซ้ำ!” ซ่งเสี่ยนกล่าวทันควัน

บ๊ะจ่างทองคำธรรมดาๆ ชิ้นละสามสิบห้าอีแปะ รวมกับบ๊ะจ่างชั้นยอดชิ้นละสองร้อยอีแปะ ต่อให้วันหนึ่งขายเพียงหนึ่งพันชิ้น นั่นก็เป็นเงินตั้งเท่าไรแล้ว? นั่นก็เกือบๆ สองร้อยตำลึงเงินแล้ว แต่ทำไมจะขายวันหนึ่งเพียงแค่พันชิ้นล่ะ? เขาหาคนมาทำเพิ่มมากขึ้นได้ แล้วเอาไปขายให้ทั่วทุกหนแห่ง ห้าพันชิ้นไม่มีปัญหาหรอกกระมัง? เช่นนั้นก็เกือบๆ หนึ่งพันตำลึงเงินแล้ว!

ต่อให้เขาแบ่งเป็นสามส่วน ก็ยังเป็นจำนวนเงินที่มากมายอยู่ดี!

ซ่งอิงยิ้มเยาะ

ย่างก้าวเดินเข้าไป ไม่พูดอะไรทั้งนั้น ฟาดฝ่ามือตบเข้าไปที่ใบหน้าของซ่งเสี่ยนหนึ่งฉาดเต็มแรง เสียง‘เพียะ’ ดังกังวานใส

ซ่งเสี่ยนนิ่งอึ้งไปชั่ววูบ จากนั้นระเบิดอารมณ์เกรี้ยวกราด “ซ่งเอ้อร์ยา! เจ้ากล้าตบข้า!?”

“พี่ใหญ่ท่านช่างกล้าดีนักนี่ รู้จักชักชวนคนอื่นให้ทำงานที่เป็นการหลอกลวงผู้คนแล้วหรือ ท่านเห็นอาสี่ข้าโง่เขลาใช่หรือไม่ หากมีกิจการค้าขายที่ดีงามเพียงนั้นจริง ยังจะตกมาถึงมือพวกท่านอีกหรือ อีกอย่าง อาสี่ข้าเป็นคนเช่นไร หา จะไปเหมือนคนประเภทสัตว์เดียรัจฉานอย่างท่านได้อย่างไร เขาเป็นคนดีที่มีศักดิ์ศรีสง่าผ่าเผย ต่อให้ท่านถือมีดมาจ่อบนลำคอเขา เขาก็ไม่มีทางหาเงินอย่างไม่สุจริตประเภทนี้หรอก!” ซ่งอิงหัวเราะเยาะ “ขืนท่านยังใส่ร้ายอาสี่ข้าอีก ข้าก็จะตบท่านอีก!”

“เขาเป็นคนดี?! ซ่งเอ้อร์ยา ข้าว่าเจ้าป่วยจนบ้าแล้ว เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเมื่อก่อนเขา…”

“เพียะ!” ซ่งอิงฟาดมือตบลงไปอีกหนึ่งฉาด

“ข้าบอกแล้วอย่างไรว่าห้ามใส่ร้ายป้ายสีอาสี่ข้าอีก!” ซ่งอิงมองดูเอาจริงเอาจังอย่างยิ่ง ครั้นพูดจบก็กล่าวขึ้นอีกครั้ง “ท่านไม่ได้จะพูดว่าตอนเด็กๆ อาสี่ข้ามักไปแย่งสิ่งของของคนอื่นหรอกหรือ ท่านจะไปรู้อะไร! ตอนนั้นข้ากับพี่ชายข้าไม่ได้กินของดีๆ กับเขาบ้างเลย อาสี่เห็นข้าแล้วสงสารจึงทำอย่างนั้น! อาสี่ข้าต้องแบกรับความไม่เป็นธรรมตั้งเท่าไร หลายปีมานี้ต้องแบกรับชื่อเสียงเสียหายนี้ลำพังคนเดียว เมื่อก่อนข้าไม่เข้าใจความทุกข์ใจของเขา ตอนนี้ข้าเข้าใจทั้งหมดแล้ว หากเขาไม่เห็นข้าเป็นหลานสาวแท้ๆ คนหนึ่ง ตอนนี้จะช่วยเล่นงานท่านแทนข้าหรือ!?”

ลูกตาซ่งเสี่ยนแทบทะลักออกมาแล้วก็ว่าได้

ซ่งอิงโง่เขลาไปแล้วหรือ?

นี่ซ่งหม่านซานชกต่อยคนเขาเพื่อนางน่ะหรือ?!

อาสี่รู้สึกไม่ชอบขี้หน้าเขามาตั้งนานแล้ว จึงจ้องหาโอกาสเอาเรื่องเขามาโดยตลอดต่างหากล่ะ ดังนั้นหลังกลับมาบ้านเขาจึงคิดหาวิธีหลบหน้าอาสี่ ใครจะรู้ว่าคนผู้นี้จะตามมาด้านหลังเสียได้!

อาสี่ก็แค่ริษยาที่เขาซื้อบ้านหลังใหม่ในตัวอำเภอ ดังนั้นจึงอยากระบายความโกรธเคือง!

ซ่งอิงกลับกล้าดี คิดว่าซ่งหม่านซานเป็นผู้อาวุโสที่มีความชอบธรรม?!

น่าขันสิ้นดี!

ซ่งหม่านซานพลันละอายใจชั่ววูบ แต่ไม่ทันไร ก็หัวเราะร่าออกมา หลานสาวเขาพูดถูก!

เขาคนผู้นี้น่ะ ชอบปกป้องเด็กรุ่นหลัง ถือเป็นคนดีคนหนึ่งอย่างแน่แท้!

“ที่ตบไปสองฉาดเมื่อครู่ถือเป็นฝีมือข้าแล้วกัน อีกเดี๋ยวหากเขาไปฟ้องพ่อเฒ่า เจ้าอย่าได้ยอมรับโดยเด็ดขาด ดูสิว่าเขาจะทำอะไรเจ้าได้!” ซ่งหม่านซานกล่าวอย่างเห็นใจ

คิดไม่ถึงว่าจะหน้าไม่อายเพียงนี้เสียด้วย

ซ่งอิงก็เลียนแบบตัวอย่างความหน้าไม่อายนี้เช่นกัน กล่าว “อาสี่ ท่านดีต่อข้าเพียงนี้ ข้าจะให้ท่านรับผิดชอบคนเดียวได้อย่างไรกัน? ไว้อีกเดี๋ยวข้ากับท่านร่วมมือกัน เราไม่ต้องกลัวเขา อย่างมากก็แค่ถูกท่านปู่ตำหนิว่ากล่าวสักหน่อยเท่านั้น ถึงอย่างไรท่านปู่ก็ไม่อาจเฆี่ยนตีหลานสาวที่ออกเรือนไปแล้วได้หรอกกระมัง”

นางตบก็ตบไปแล้ว จะไปให้คนอื่นมารับผิดแทนได้ที่ไหนกันล่ะ?

ซ่งหม่านซานมองนางอย่างชื่นชม “วันนี้ข้าไปหาเป่าไล่จื่อมาเป็นการเฉพาะ แล้วเล่นงานเขาระบายความโกรธแค้นแทนเจ้าไปยกหนึ่ง แม้จะได้รับความบาดหมางจากคนเขา แต่ตอนนี้เห็นทีว่าคุ้มค่าไม่น้อยเช่นกัน!”

“หืม?” ซ่งอิงนิ่งอึ้งไป “อาสี่ท่าน…วันนี้ไปหาเป่าไล่จื่อมาหรือ”

ตอนที่ 116 สับมันเสียเลย

ลงมือรวดเร็วถึงเพียงนี้เลยหรือ!

“ใช่น่ะสิ เปาไล่จื่อฉวยโอกาสที่ข้าไม่อยู่ในหมู่บ้าน คิดไม่ถึงว่าจะพูดจาเหลวไหลให้ร้ายตระกูลซ่งพวกเรา ข้าจะใจดีกับเขาได้ที่ไหนกัน!? หากข้าแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว เขาคงได้คิดว่าข้าไม่มีอำนาจในหมู่บ้านอีกต่อไปแล้ว!” ซ่งหม่านซานพูดอย่างไม่แยแส

เขาย้ายไปในตัวอำเภอเกือบสองปีแล้ว คิดถึงการใช้ชีวิตตอนแรกที่อยู่ในหมู่บ้านอย่างหายใจทิ้งไปวันๆ จริงๆ!

ตอนนี้กลายเป็นว่า สหายเมื่อก่อนเหล่านั้นต่างไปหาที่พึ่งพิงใหม่!

เดิมทีวันนี้เขาไปเที่ยวเล่นหาสหายที่สนิทสนมที่สุดเมื่อก่อน แล้วยังนำบ๊ะจ่างติดมือไปด้วยเป็นการเฉพาะ ใครจะรู้ว่าสหายผู้นั้นกลับนั่งดื่มสุราอยู่กับเป่าไล่จื่ออย่างสุขสำราญ หลังเห็นเขายังคร้านจะส่งเสียงทักทายกันสักหน่อยอีกด้วย เช่นนั้นยังจะทนไหวหรือ! บารมีของเขาซ่งหม่านซานหายไปไหนแล้ว?!

ไม่พูดพร่ำทำเพลง จัดการเล่นงานสองคนนั้นในคราวเดียว

พวกเขาทั้งสองดื่มสุรากันมากมาย มึนงงไม่ทันได้ตั้งตัว จึงเป็นธรรมดาที่จะสู้เขาผู้นี้อย่างที่ว่ารบร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้งไม่ได้

ซ่งอิงปรายตามองเขาอย่างฉงนสงสัย

ไม่จริงหรอก

แววตาของซ่งหม่านซานไม่ได้แสดงออกเช่นนั้น ดูลักษณะเหม่อลอยเล็กน้อย ไม่กล้าสบตาเขาโดยตรงเลยสักนิด ดังนั้น คำพูดของเขาต้องไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน

ต่อให้เขาชกต่อยเป่าไล่จื่อแล้วจริงๆ นั่นก็ไม่ใช่เพื่อนางโดยเด็ดขาด!

ซ่งอิงครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน กว่าสองปีก่อน ซ่งหม่านซานและเป่าไล่จื่อน่าจะไม่ค่อยถูกกันเท่าใดนัก อีกทั้งตอนบ่าย ซ่งหม่านซานถือบ๊ะจ่างออกจากบ้านไปด้วย ยามกลับมาก็เอาบ๊ะจ่างกลับมาด้วย ดังนั้น…

ซ่งอิงนึกถึงความเป็นไปได้บางอย่าง

ซ่งหม่านซานไม่ได้จงใจสรรหาเหตุผลสวยหรูในการทะเลาะวิวาทให้ตัวเองอยู่หรอกกระมัง?

มีความเป็นไปได้อย่างมาก

“เดิมทีเรื่องที่เป่าไล่จื่อปล่อยคำเหลวไหลข้าก็ไม่ได้เก็บเอาไว้ใส่ใจแต่อย่างใด ทว่าในเมื่ออาสี่เล่นงานเขาแล้ว เช่นนั้นจากนี้เขาก็คือคู่อริตัวฉกาจของข้า ครั้งหน้าหากข้าเห็นเขา ข้าค่อยถีบเขาเพิ่มอีกสักทีแล้วกัน!” ซ่งอิงคลี่ยิ้ม

“…” ซ่งหม่านซานรู้สึกสังหรณ์ใจคล้ายจะเกิดปัญหาบางอย่าง

นางเด็กสาวอัปลักษณ์นี่ช่างเจ้าเล่ห์นัก

ซ่งเสี่ยนก็เอือมระอาแล้วเช่นกัน ขณะสดับรับฟังท่าทีของ ‘อาหลานทั้งสองดูเข้ากันดี’ พลันรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนเกิน

ก็เหมือนเป็นการเยาะเย้ยเขาว่าไม่มีคนคบอย่างไรอย่างนั้น

ยามนี้ เล่นงานคนเขาไปแล้ว จะไปทั้งทีก็ไม่อาจทิ้งขว้างซ่งเสี่ยนให้อยู่ด้านนอกโดยไม่แยแสได้ ดังนั้นซ่งหม่านซานจึงกระชากเสื้อของซ่งเสี่ยน แล้วลากคนเขากลับเข้าบ้าน ซ่งอิงในฐานะคู่กรณี ก็ทำได้เพียงย้อนกลับเข้าไปอีกครา

ทันที่ที่พ้นประตูบ้านเข้าไป เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่และเผยซื่อดาหน้ากันเข้ามันทันที

“ลูกแม่!?”

“ต้าหลาง[1]!”

สตรีสองคนดวงตาแดงระเรื่อในชั่วพริบตา หลังเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่มองสำรวจอาการบาดเจ็บ ก็พุ่งเข้าไปห้องครัวถือมีดด้ามหนึ่งออกมา “ไอ้สารเลวตัวไหนทำร้ายลูกข้า! น้องสี่ เจ้านำทางข้าไป ข้าจะไปสับมันให้แหลก!”

“…”

“…“

ซ่งหม่านซานและซ่งอิงพร้อมใจกันรู้สึกถึงปัญหาที่กำลังจะตามมา

“ท่านแม่! ก็อาสี่นั่นละที่ต่อยข้า แล้วก็เอ้อร์ยา นางก็ลงไม้ลงมือด้วยเช่นกัน!” ซ่งเสี่ยนกล่าว

ครั้นคำพูดนี้หลุดออกไป แววตาของสะใภ้ใหญ่เหยาซื่อก็จดไปที่เรือนร่างของซ่งอิงและซ่งหม่านซาน ความน่าหวาดเสียวของมีดหั่นผักด้ามนั้น มองดูแล้วชวนให้คนตกใจกลับเล็กน้อย ทว่าเพียงชั่วครู่เดียว เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ก็วางมีดลง

“ลูกเสี่ยนบ้านข้าไปทำอะไรให้พวกเจ้าไม่พอใจแล้วหรือ น้องสี่ วันนี้เจ้าต้องมีคำอธิบายให้ข้า!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่กล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว

“ลูกชายท่านไม่ได้เรื่องเอง รังแกเอ้อร์ยา ข้าผู้นี้ในฐานะอาชายจะมองดูหน้าตาเฉยได้หรือ” ซ่งหม่านซานรีบนำทัพทันที “เมื่อครู่ข้าเพิ่งผ่านทางมา เห็นหลานเสี่ยนชักสี่หน้าดุดันข่มขู่เอ้อร์ยา ให้เอ้อร์ยามอบสูตรตำรับลับบ๊ะจ่างให้ เป็นธรรมดาที่เอ้อร์ยาจะไม่ยอมให้ หลานเสี่ยนกลับกล้าดี ยื่นมือออกไปหมายบีบคอเอ้อร์ยา ข้าเห็นดังกล่าว ตกใจแทบแย่ เพื่อช่วยชีวิตน้อยๆ ของเอ้อร์ยาจึงถีบเขาเข้าไปหนึ่งที”

“หลานเสี่ยนไม่ยอมแต่โดยดี ด่าทอข้าขึ้นมาอีกว่าเป็นไอ้คนไม่เอาไหน ดังนั้น…” ซ่งหม่านซานหัวเราะ “จะอย่างไรข้าก็เป็นผู้อาวุโส หากท่านพ่อท่านแม่และบรรดาพี่ชายพี่สะใภ้ไม่อยู่แล้ว เช่นนั้นฐานะอาเล็กอย่างข้าผู้นี้ก็ไม่ต่างจากบิดาเขา ต่อยเขาสักสองสามทีจะเป็นไรไป?”

——————–

[1] ต้าหลาง (大郎) คำที่ภรรยาเรียกผู้เป็นสามีที่ตนรักใคร่กลมเกลียวกันในยุคสมัยจีนโบราณ

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

Status: Ongoing

นิยายสโลว์ไลฟ์แฟนตาซีที่นางเอกมุ่งมั่นทำไร่หาเงินและจับปีศาจเพื่อช่วยเหลือคน เพื่อตายไปจะได้เป็นเซียน!

ซ่งอิง คิดว่าชีวิตนี้ตนเองจะเป็นเพียงหญิงสาวชาวนาเรียบง่ายคนหนึ่งที่ไม่ออกเรือนไปตลอดชีวิต

แต่บัดนี้ที่ดินของครอบครัวมีภูตโสมโผล่มาตนหนึ่ง จากนั้นไม่นานก็ตามมาด้วยปีศาจกบเขียว

พอเลี้ยงไก่มันก็บินได้ เลี้ยงลามันก็หัวเราะได้…

เพราะขวดหยกที่ติดตัวมาด้วยครั้งทะลุมิตินำมาซึ่งมิติพิเศษและความสามารถในการจับปีศาจ

แม้จะไม่ออกเรือนไปตลอดชีวิตแต่แค่สิ่งนี้ปณิธานของนางที่ว่า

‘ยามมีชีวิตอยู่ขอให้เงินตำลึงทองเต็มห้อง ตอนที่ตายไปแล้วก็ขอให้คุณงามความดีเจิดจรัสจนได้ขึ้นสวรรค์กลายเป็นเซียน!’

ของนางจะต้องเป็นความจริงอย่างแน่นอน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท