ตอนที่ 117 น่าสนใจจริงๆ
ซ่งอิงได้เปิดโลกทัศน์ใหม่อย่างการได้เห็นความหน้าไม่อายถึงที่สุด
หลังข้ามภพมาอยู่ในอีกร่างหนึ่ง นางจะอยู่ให้ห่างจากผู้คนจำนวนมากเข้าไว้มาโดยตลอด นางรู้สึกเฉยๆ ต่อทุกคน ไม่มีความรู้สึกผันผวนอย่างเข้าถึงมากเกินไป แต่เวลานี้…
มองดูละครดราม่าฉากนี้ จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าชีวิตคนเราช่างน่าสนใจจริงๆ!
อาศัยจังหวะที่ซ่งเสี่ยนยังไม่ได้เอ่ยพูด ซ่งอิงรีบกล่าวเสริมขึ้นมาทันที “ที่อาสี่พูดไม่มีผิดเลยสักนิด พี่ใหญ่เลอะเลือนไปแล้ว คิดจะแย่งสูตรตำรับลับของข้า หากเพียงแค่เพื่อแย่งตำรับลับข้าก็ไม่ถึงขั้นใช้กำลังเช่นกัน แต่พี่ใหญ่อยากทำบ๊ะจ่างทองคำออกมาหลอกลวงผู้คนด้วย พวกเราตระกูลซ่งครอบครัวชาวนาชาวไร่ ความซื่อสัตย์จริงใจไม่เป็นสองรองใคร จะทำเรื่องลักไก่ประเภทนี้ได้อย่างไร? ข้าเกลี้ยกล่อมพี่ใหญ่ดีๆ ก็แล้วหลายประโยค พี่ใหญ่กลับไม่ยอมฟัง ยิ่งไปกว่านั้นก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง เพื่อให้พี่ใหญ่สงบลง ภายหลังข้าจึงตบหน้าพี่ใหญ่ไปสองฉาด…”
ซ่งหม่านซานแอบชูนิ้วโป้งให้ซ่งอิง
นางสาวน้อยนี่ยอดเยี่ยมจริงโว้ย!
แม้พ่อเฒ่าจะอยู่ในห้อง แต่คำพูดดังกล่าวนี้ก็ได้ยินชัดเจนแจ่มแจ้ง
ซ่งเหล่าเกินปรากฏตัวออกมา
ซ่งเสี่ยนรีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้ามา “ท่านปู่! คำพูดของอาสี่เชื่อมิได้! ข้ามีความต้องการขอตำรับลับของเอ้อร์ยา แต่ไม่ได้บีบบังคับนาง! อาสี่ก็พุ่งเข้ามาลงไม้ลงมือกับข้าหน้าตาเฉย ไม่เห็นใจกันเลยสักนิด ข้าเป็นถึงหลานชายคนโตของครอบครัวบุตรคนโตในบ้านนะขอรับ อาสี่ต่อยหน้าข้าก็ไม่เท่ากับต่อยหน้าของท่านด้วยหรือ! ข้าสภาพเช่นนี้ หลังฉลองเทศกาลเสร็จสิ้นแล้วยังจะกลับไปตัวอำเภอพบเจอผู้คนได้อย่างไร มิหนำซ้ำพรุ่งนี้ยังต้องไปมอบของขวัญให้ตระกูลเผยอีกด้วย หากให้พวกเขาเห็นเข้าคงได้คิดไปเรื่อยเปื่อย แล้วครอบครัวพวกข้าจะทำอย่างไรล่ะขอรับ!”
ซ่งหม่านซานสบถฮึเหยียดหยัน
น่าเอือมระอาจริงๆ
ตระกูลเผยอยู่อาศัยในตัวอำเภอ ดังนั้นของขวัญประจำเทศกาลที่ว่านี่ต้องเอาไปมอบให้ก่อนกลับมาที่หมู่บ้านแล้วเป็นแน่
เพื่อให้พ่อเฒ่าเข้าข้างเขา ช่างเข้าใจพูดปดมดเท็จจริงๆ!
“ท่านพ่อ!” ซ่งหม่านซานก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน คุกเข่าลงพื้นดังปึก แล้วตบหน้าของตนเองดัง ‘เพี้ยะ’ “ข้าต่อยหลานชายคนโตของท่านแล้ว ท่านเฆี่ยนตีข้าให้ตายไปเสียสิ้นเรื่อง! ทว่าแม้แต่ข้าก็รู้ว่าเรื่องที่หลานเสี่ยนทำคราวนี้ไม่ถูกต้อง เห็นได้ชัดว่าเขาทำผิดจนเกินปล่อยปละละเลย! ท่านพ่อ ท่านไม่รักข้าแล้วกระมัง? ครั้นได้ยินว่าเผยซื่อตั้งท้องแล้วท่านกลายเป็นทวดแล้ว ตอนนี้ข้าไม่มีสิทธิ์มีปากเสียงในครอบครัวแล้วใช่หรือไม่ขอรับ?”
ซ่งอิงชักสีหน้าห่อเหี่ยว “ท่านปู่ ข้าเป็นหลานสาวคนหนึ่งที่ออกเรือนแล้ว ไม่มีสิทธิ์ไปตบตีพี่ใหญ่…หรือไม่เอาเป็นว่า…”
ซ่งอิงหยิบมีดที่ป้าสะใภ้ใหญ่โยนทิ้งไว้บนพื้นขึ้นมา “ท่านให้พี่ใหญ่ตัดหูข้าแล้วกัน ข้าตายไปแล้ว ตำรับลับของข้าเขาจะใช้อย่างไรก็ใช้ไป ต่อให้ทำเรื่องชั่วช้าถูกคนประณาม ถูกเจ้าหน้าที่อำเภอจับได้ ก็ไม่เป็นไร!”
เมื่อนางพูดเช่นนี้ หร่วนซื่อหรือจะยินยอมได้?
รีบก้าวเดินเข้ามาแย่งมีด “จะสับก็สับข้าเลย! อาอิงชีวิตทุกข์ยากลำบากมากพอแล้ว…เหตุใดพวกท่านยังรังแกนางได้ลงคออีก”
หร่วนซื่อร้องไห้
“ร้องอีกแล้ว ร้องไห้อีกแล้ว! ใครเขาจะสับนางหรือ เป็นนางที่ตบลูกข้า แม่นางที่ออกเรือนไปแล้วตบพี่ชายในตระกูลมารดา นี่มันใช้ได้หรือ!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่โวยวายขึ้นมาเช่นกัน
ฉากเบื้องหน้าเต็มไปด้วยเสียงโหวกเหวกโกลาหล
บ้านสามงุนงงมากที่สุด
ในบ้านไม่ได้ครึกครื้นเพียงนี้ตั้งนานแล้ว…การทะเลาะกันคราวนี้ ไยจึงน่าสนใจเพียงนี้นะ?
ชายชราปวดหัวเล็กน้อย
ในลานบ้านนี้ เกิดการกระทบกระทั่งขึ้นมาทีละระลอก ระลอกหนึ่งผ่านไปอีกระลอกตามมา ช่างเป็นอะไรที่…ทำให้คนหัวเราะเยาะได้จริงๆ
“พอได้แล้ว!” ชายชราตะโกนด้วยความโมโห ในลานบ้านพลันเงียบสงัดลงทันใด
“ไม่ว่าจะพูดอย่างไร การทำร้ายร่างกายคนก็ไม่ถูกต้อง!” พ่อเฒ่าเอ่ยปาก “เอ้อร์ยา เจ้าในฐานะน้องสาวเหตุใดจึงตบพี่ชายเจ้าได้ล่ะ ขืนแพร่งพรายออกไปคนอื่นคงได้คิดว่าตระกูลเราไม่สั่งสอน!! ครั้งหน้าห้ามทำเช่นนี้อีก!”
“เหล่าซื่อ[1] คุกเข่าอยู่ในลานบ้านเสีย! ดูสิ่งที่เจ้าทำลงไปสิ หลานเสี่ยนทำผิด เจ้าไม่รู้จักบอกกล่าวข้าหรือ จำเป็นต้องลงไม้ลงมือด้วยตนเองหรือไร? เขาเป็นเด็กรุ่นหลัง สั่งสอนดีๆ ก็ย่อมได้ ชกต่อยหน้ากันข้างนอก เจ้าจะกระทำการตามอำเภอใจเกินไปแล้ว!”
เดิมทีชายชราก็เห็นความสำคัญครอบครัวบุตรคนโตเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ยามนี้ว่ากล่าวซ่งอิงทั้งสองคนเสร็จสิ้น ถึงได้หันไปกล่าวกับบุตรชายคนโตของตนเอง “ยังไม่ไปใส่ยาให้หลานเสี่ยนอีก? หน้าประดับไว้ด้วยบาดแผลขนาดนี้มันขายหน้าคนอื่นเขาไหม! การที่หลานเสี่ยนคิดจะคว้าตำรับขนมคนอื่นเขา ล้วนเป็นเพราะพ่ออย่างเจ้าไม่รู้จักสั่งสอน! อีกเดี๋ยวมานั่งคุกเข่ากับน้องสี่เจ้าด้วยกันเลย!”
ตอนที่ 118 ชวนให้ข้าโมโหยิ่งนัก
หลังชายชราตำหนิซ่งฝูซานเป็นที่เรียบร้อย ก็ไม่มีท่าทีว่าจะจัดการเรื่องราวนี้ต่อไป ดูไม่มีความตั้งใจที่จะลงโทษซ่งเสี่ยนเลยสักนิด แม้แต่ซ่งฝูซานยังตะลึงงันเล็กน้อย
ที่ทำผิด เป็นลูกชายของเขามิใช่หรือ?
แล้วทำไมกลับเป็นเขาผู้นี้เป็นคนมานั่งคุกเข่าคู่กับน้องสี่ไปได้?
นี่ไม่เป็นธรรมเลย?
แต่อย่างไรเสียตนก็รักและเอ็นดูบุตรชายมากที่สุด เขารับผิดชอบตามเช็ดล้างความผิดให้ก็ไม่เป็นไร เวลานี้จึงทำได้เพียงขานรับอย่างไร้ปากเสียง
ซ่งอิงและซ่งหม่านซานต่างฝ่ายต่างชำเลืองมองกันแวบหนึ่งตามสัญชาตญาณ ทั้งสองต่างคาดเดาได้ว่าจะเป็นจุดจบประเภทนี้ แต่ในใจต่างก็คิดว่าหากซ่งเสี่ยนไม่ได้รับโทษ ซ่งเสี่ยนจะได้ใจเกินไป
หลังครุ่นคิดอย่างหนักชั่วครู่ ซ่งหม่านซานกล่าว “หลานเสี่ยน เจ้าอย่าได้คิดว่าพ่อเจ้าช่วยรับโทษแทนเจ้าแล้วเรื่องนี้ก็จะเป็นอันปล่อยเลยตามเลย! ไว้เดี๋ยวหากเจ้าเอาสิ่งของจากทางครอบครัวเราไปค้ำจุนครอบครัวเผย ข้าก็จะเล่นงานเจ้าให้น่วมอีกเช่นเดิม!”
ซ่งอิงรีบดึงรั้งไว้ “อาสี่ ไยท่านจึงไม่ยอมเลิกแล้วต่อกันถึงเพียงนี้ล่ะเจ้าคะ พี่ใหญ่ให้ความเคารพกตัญญูต่อพ่อตาเป็นสิ่งที่สมควรแล้ว ไม่ผิดเลยสักนิด! เป็นข้าน้องสาวผู้นี้เองที่ไม่ดี ลงนามสัญญากับภัตตาคารเย่ว์เฟิงไว้แต่เนิ่นๆ แล้ว มิเช่นนั้นก็ไม่ใช่ว่าเอาตำรับบ๊ะจ่างให้ร้านขนมของตระกูลเผยไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”
“ตระกูลซ่งเราไม่มีคนแล้วหรือ!? ญาติฝ่ายบิดาของตระกูลตัวเองก็มีที่ทำกิจการเช่นกัน จะขายให้ใครก็ไม่ขาย ต้องขายให้ตระกูลเผยเท่านั้นหรือ! เช่นนั้นหลานเสี่ยนก็เป็นไอ้คนโง่เง่าคนหนึ่งเห็นๆ! นับแต่ไปอยู่ในตัวอำเภอ หนึ่งปีจะกลับมาเพียงสองสามครั้งเท่านั้น ทุกครั้งล้วนมามือเปล่า แม้แต่วอวอโถว[2]สักลูกเอามาแสดงความเคารพกตัญญูก็ไม่มีติดไม้ติดมือมาด้วย คนที่ตระหนี่ถี่เหนียวเยี่ยงนี้ยังริอาจคิดเอาตำรับขนมของน้องสาวที่ออกเรือนไปแล้วไปประจบสอพลอพ่อตาอีก ช่างชวนให้ข้าโมโหยิ่งนัก!” ซ่งหม่านซานกล่าวขึ้นอีกครั้ง
เมื่อพูดจบ แสดงท่าทีปวดใจผุดขึ้นมาอันดับแรก จากนั้นเดือดดาลเสียยิ่งอะไรดี หมายเล่นงานคนเขาอีก
ซ่งอิงแสร้งตีหน้าซื่อต่อไป “แต่นั่นเป็นพ่อตาของพี่ใหญ่ อย่าว่าแต่ตำรับขนมเลยเจ้าค่ะ ต่อให้เป็นเงินพันตำลึงหมื่นตำลึง หากเรามี จะเอาไปแสดงความกตัญญูสักสามสี่ส่วนก็ไม่เป็นไร แล้วนับประสาอันใดกับพี่ใหญ่อยู่ในตัวอำเภอมาเป็นเวลาเนิ่นนานแล้ว ระยะทางไปมาหาสู่กับตระกูลเผยก็ใกล้กันยิ่งกว่า ตระกูลเผยดูแลพี่ใหญ่ได้มากยิ่งกว่าพวกเรา กินดื่มในชีวิตประจำวันแต่ละวันให้ความสะดวกสบายไม่น้อย หากเปลี่ยนเป็นครอบครัวคนอื่น ก็มีแต่ลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูลฝ่ายหญิงเท่านั้นจึงเป็นได้ขนาดนี้ แล้วพี่ใหญ่จะไม่ควรเคารพกตัญญูต่อคนครอบครัวเขาได้อย่างไรล่ะเจ้าคะ”
ชายชราไม่ใช่คนโง่เขลา เขาฟังความหมายคำพูดนี้ที่ต้องการสื่อได้เข้าใจชัดเจน รู้ว่าสองคนนี้กำลังถากถางอยู่ต่างหากล่ะ
แต่กลับอดคิดมากไม่ได้
หลานชายเขาผู้นี้ ย้ายออกไปนานเท่าใดแล้วหรือ ไม่ถึงสองปีแต่ก็ปีครึ่งได้แล้วกระมัง จำนวนครั้งที่กลับมานับครั้งได้ถ้วน
ตัวเมืองอำเภอกับหมู่บ้านซิ่งฮวามีระยะทางห่างกันพอตัว แต่ไปกลับในวันเดียวได้ไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิด…
อีกอย่าง ที่บุตรชายคนเล็กพูดก็ถูก ช่วงที่ผ่านมานานเนนี้ เขาไม่เคยได้รับการตอบแทนคุณใดๆ จากหลานชายเลย แน่นอนว่าในฐานะผู้อาวุโสก็ไม่ร้องขอสิ่งนี้เช่นกัน แต่…
หากมีความตั้งใจนั้น ไม่ว่าจะมากจะน้อย ต่อให้เป็นวอวอโถวชิ้นเดียว เขาผู้นี้ก็อบอุ่นใจแล้ว
เมื่อครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน นับแต่หลานชายแต่งงานไป เทศกาลใหญ่เทศกาลยิบย่อย ก็ให้ของขวัญตระกูลเผยไม่เคยขาด
คนครอบครัวอื่นในหมู่บ้าน การไปมาหาสู่ของครอบครัวเครือญาติแม้ค่อนข้างสนิทชิดเชื้อ แต่บางเทศกาลเล็กๆ ที่ลดได้ก็จะลดไป อีกทั้งหากอยากค้ำจุนตระกูลเผย เพียงแค่เผยซื่อไปทำด้วยตนเองก็ได้แล้ว ถือว่าเป็นการเคารพและกตัญญูเช่นกัน แต่จำเป็นต้องให้หลานเสี่ยนไปลงมือขอตำรับด้วยตนเองด้วยหรือ
พ่อเฒ่ารู้สึกไม่ค่อยพึงพอใจเท่าใดเสียแล้ว
แววตาที่พ่อเฒ่ามองซ่งเสี่ยนเย็นชาขึ้นเล็กน้อย
“ท่านปู่ ข้าเพียงแค่ร่วมงานกับตระกูลเผย ใช่การค้ำจุนพวกเขาเสียที่ไหนกันขอรับ อีกอย่าง ตอนนี้เผยซื่อตั้งท้องลูกของข้าอยู่ด้วย ข้าก็แค่อยากทำดีต่อตระกูลเผยเข้าไว้หน่อย แล้วจะเป็นอะไรไปหรือ อาสี่ต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตถึงขั้นนี้ด้วยหรือ!” ซ่งเสี่ยนอึดอัดใจอย่างยิ่ง
“เจ้าเป็นหลานชายของตระกูลซ่งข้า จะเคารพกตัญญูก็ควรเป็นบิดามารดาเจ้า ปู่ย่าเจ้า!” พ่อเฒ่าพูดออกมาทันควัน เมื่อเอ่ยพูดจบ ปรายตามองเขาแวบสายตาหนึ่ง “เจ้าก็คุกเข่าด้วยเช่นกัน คิดได้เมื่อใดค่อยลุกขึ้นมาเมื่อนั้น!”
ซ่งอิงกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
ซ่งหม่านซานพึงพอใจแล้ว นั่งคุกเข่าอย่างว่าง่าย ไม่ขยับเขยื้อนไปไหนเช่นกัน เหยาซื่อสะใภ้เล็กปวดใจถึงขั้นน้ำตานอง คล้ายว่าตกอยู่ในเรือนร่างหร่วนซื่ออย่างไรอย่างนั้น
—————————–
[1] เหล่าซื่อ (老四) คำเรียกบุตรชายในครอบครัวลำดับที่สี่
[2] วอวอโถว แป้งนึ่งชนิดหนึ่งมีลักษณะคล้ายหมั่นโถว