ตอนที่ 147 ชดใช้เงิน
ส่วนตอนที่หลานเสี่ยนยังเด็กก็เติบใหญ่อยู่ข้างกายนางด้วยเช่นกัน อีกทั้งตาของหลานเสี่ยนก็เป็นเหล่าถงเซิง[1] พอมีวิชาความรู้อยู่บ้าง ตัวหลานเสี่ยนเองก็เคยร่ำเรียนตำราเช่นกัน ตั้งแต่เล็ก หลานเสี่ยนก็พูดว่าในอนาคตข้างหน้าจะต้องทำให้หม่าซื่อได้ใช้ชีวิตอย่างร่ำรวยสูงศักดิ์ขึ้นมาให้ได้ หม่าซื่อเชื่อเขา คิดว่าเขากตัญญู จึงทำดีต่อเขาเป็นธรรมดา
ชายชราทอดถอนใจ
เมื่อก่อนรู้สึกว่าตัวเขาเองก็ให้ความสำคัญครอบครัวบุตรคนโตและเอ็นดูบุตรคนเล็กเช่นกัน ฉะนั้นก็ถือได้ว่าแอบเออออต่อแต่ละการกระทำของหม่าซื่อไปโดยปริยาย
แต่ตอนนี้นึกถึงอุปนิสัยของหลานเสี่ยน ก็รู้สึกเจ็บปวดใจเกินยอมรับได้จริงๆ!
“เหล่าโถวจื่อ คำพูดเจ้านี้…ทำให้ข้าปวดใจแล้ว หลายปีมานี้ข้าก็ไม่ได้ทำอะไรนี่? ช่วยกำเนิดบุตรและเลี้ยงดูให้แก่เจ้า เรื่องของลูกๆ ข้าก็ไม่เคยแทรกแซงมาก่อนทั้งนั้น…”
“ไม่เคยแทรกแซง? หลานเสี่ยนตอนแรกถอนหมั้นแล้วไปแต่งกับเผยซื่อเป็นฝีมือใครยุยงล่ะ?” ชายชราตวัดสายตาคมกริบมองไป
หม่าซื่อหดหัวทันที
นางไม่ผิดสักหน่อย…
ตอนนั้นนางเพียงแต่พูดว่า เหยาฮวาของหมู่บ้านข้างๆ ดูหยาบกระด้างไม่เรียบร้อย ผิวพรรณดำคล้ำ หน้าตาก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ยืนคู่กับหลานเสี่ยนแล้วดูไม่คู่ควรกันเลยสักนิด…
หลานเสี่ยนครอบครัวนางรูปลักษณ์เช่นนี้ ก็ควรแต่งภรรยาที่อยู่ในตัวเมือง ภายภาคหน้าจึงจะมีศักยภาพในการตอบแทนคุณผู้อาวุโสในครอบครัว
แล้วผิดหรือ?
เผยซื่อผู้นั้นงดงามเสียยิ่งอะไร? นัยน์ตาดำขลับทอแสงประกายสดใส ฐานะในครอบครัวก็ดีเช่นกัน ช่วยเบาแรงหลานเสี่ยนไปได้ตั้งเท่าใด?!
แน่นอนละว่า คำพูดในใจเหล่านั้น หม่าซื่อไม่ได้เอ่ยพูดสักประโยค นางเหมือนวัวแก่อย่างไรอย่างนั้น ได้แต่ทำงานอย่างเชื่องๆ คอยดูแลชายชราที่ร่างกายเจ็บป่วย
คดีความของที่ว่าการอำเภอไม่ใช่วันเดียวก็จะถึงคราวของนาง หลังจองเรื่องไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอเป็นที่เรียบร้อย ด้วยจำนวนเจ้าหน้าที่มีจำนวนจำกัด จึงเพิ่งได้ขึ้นไปโถงไต่สวนคดีความหลังผ่านไปสามวัน
ซ่งอิงเป็นเด็กสาว ซ่งจินซานจึงไม่ให้นางไป โดยมีเพียงเขาและซ่งหม่านซานออกหน้าแทน นอกจากนั้นก็มีหนังสือลงนามยินยอมของผู้อาวุโสในตระกูล นำสิ่งที่ซ่งเสี่ยนกระทำผิดอธิบายอย่างชัดเจน
ที่ว่าการอำเภอส่งคนไปสอบถามทางด้านตระกูลเผย รับรู้ว่าพวกเขาขายบ๊ะจ่างทองคำจริง เรื่องราวก็พอจะกำหนดบทสรุปออกมาได้
ยามที่พวกซ่งจินซานกลับมา ก็นำผลพิจารณาความของซ่งเสี่ยนมาบอกกล่าวด้วยเช่นกัน
บริเวณใกล้ๆ กับเมืองยงมีเหมืองถ่านหินซึ่งกำลังขาดแคลนคนงานขุดเหมืองอยู่พอดี จึงลงโทษซ่งเสี่ยนให้ไปขุดเหมืองเป็นเวลาสามเดือน
การลงโทษนี้ไม่ถือว่าหนักหนาสาหัส อย่างไรเสียในกรณีเขาก็ถือเป็นการรับสารภาพต่อเจ้าหน้าที่ทางการ มีญาติผู้ใหญ่ชี้แจงสถานการณ์ชัดเจน และเป็นฝ่ายนำคดีความมาฟ้องร้อง นอกจากนั้นก็ตามเอาทรัพย์สินกลับคืนมาได้ด้วย ผู้ร้องทุกข์ไม่ได้เสียหายใหญ่โต การส่งไปทำงานหนักโดยไม่ได้รับค่าจ้างเป็นเวลาสามเดือนเช่นนี้ ถือเป็นการตักเตือนเขาเท่านั้น เพื่อที่ภายภาคหน้าจะได้ไม่กระทำผิดอีก
แน่นอนว่าต้องชดใช้เงินด้วยเช่นกัน ขายได้จำนวนเงินเท่าไรก็ต้องชดใช้ให้ผู้ร้องทุกข์จำนวนเงินเท่านั้น
โดยไปคิดบัญชีกับตระกูลเผย
แต่ตระกูลเผยยืนกรานเสียงแข็งไม่ยอมจ่ายบัญชีนี้ เอ่ยเพียงว่าไม่รู้ว่าบ๊ะจ่างนี้เป็นของที่ซ่งเสี่ยนขโมยมา ดังนั้นจำนวนเงินนี้แน่นอนว่าซ่งเสี่ยนต้องเป็นผู้ชดใช้ด้วยตนเอง หากเขาไม่ชดใช้ เช่นนั้นก็เป็นหน้าที่ของครอบครัวบุตรคนโตตระกูลซ่งอย่างบิดามารดาของเขาเป็นผู้ชดใช้
“เวรกรรมแท้ๆ เลย! อะไรกันเนี่ย ไอ้เผยเหล่าเอ้อร์สารเลวผู้นั้น ทั้งที่ได้เงินไปแล้วแท้ๆ กลับให้ครอบครัวเราชดใช้ มีสิทธิ์อะไรห๊ะ?!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่รู้สึกเพียงคล้ายกับฟ้าจะถล่มทลายลงมาแล้ว
ความสะเทือนใจในหลายวันนี้ช่างมากมายเกินไปแล้วจริงๆ
เผยซื่อหลบอยู่แต่ในห้อง ไม่ปริปากใดๆ ทั้งนั้น
“ข้าจะหย่าร้างนางแทนลูกชายข้า นางเมียชั่วร้ายไร้มโนธรรมผู้นี้!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ร้องห่มร้องไห้อยู่เนิ่นนาน ก่อนจะส่งเสียงตะโกนลั่นขึ้นมากะทันหัน
“พอได้แล้ว ล้วนเป็นเช่นนี้แล้วยังจะอาละวาดให้ได้อะไรขึ้นมาอีก ท่านพ่อพวกเรายังป่วยอยู่เลย ต่อให้เผยเหล่าเอ้อร์เป็นไอ้คนไม่เอาไหนสักเท่าไร แต่นั่นเกี่ยวข้องอะไรกับลูกสะใภ้หรือ อีกอย่าง เผยซื่อตั้งท้องอยู่ หย่าร้างนาง เช่นนั้นพวกเราไม่ต้องการหลานชายกันแล้วหรือ รอเผยซื่อคลอดลูกออกมาแล้ว ท่านพ่อพวกเราเห็นก็คงเอ็นดูอยู่บ้าง!” ซ่งฝูซานถอนหายใจ
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่หย่อนตัวลงนั่งอย่างสิ้นหวัง
จริงสิ ยังมีเด็กอยู่นี่…
หากไม่ใช่เพราะทำให้ลูกของครอบครัวนางเสียคน ก็อยากจะ…กลืนนางทั้งเป็นเสียเลยจริงๆ!
“เช่นนั้นเงินก้อนนี้จะทำอย่างไรล่ะ…ครอบครัวเราจะเอาเงินที่ไหนมาให้เอ้อร์ยา? ในบ้านมีมากมายขนาดนั้นเสียไหนกัน…” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่รู้สึกย่ำแย่
ตอนที่ 148 ล้วนเป็นโชคชะตาทั้งนั้น
ตระกูลเผยขายส่งบ๊ะจ่ายสองพันชิ้น คิดเป็นเงินได้ทั้งหมดหกสิบตำลึงเงิน ขายปลีกเจ็ดร้อยชิ้น สามสิบห้าตำลึงเงิน รวมกันแล้วเป็นเงินทั้งสิ้นเก้าสิบห้าตำลึงเงินที่ต้องชดใช้ให้ซ่งอิง
แน่นอนว่าไม่อยากชดใช้ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องเป็นราวถึงที่ทำการขุนนางแล้ว พวกเขาก็ต้องรักษาภาพพจน์ไว้เช่นกัน หลังนำเงินให้แต่โดยดีแล้ว เรื่องนี้คงพอพลิกผันได้บ้าง หากไม่ให้ จากนี้อยู่ต่อหน้าหลานสาวผู้นี้ คงต้องคอยก้มศีรษะหลบหน้าหลบตาไปชั่วชีวิต!
อีกทั้งหากเพื่อนบ้านละแวกซ้ายขวาถามไถ่ขึ้นมา พวกเขาก็คงเป็นอันต้องอับอายขายหน้า!
“นำบ้านในตัวอำเภอ…ยกให้เอ้อร์ยาเถอะ” ซ่งฝูซานครุ่นคิดแล้วกล่าว
“ยกบ้านให้?!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เกือบกระโดดโหยงขึ้นมา แต่หลังพูดจบ ก็ชักสีหน้าเศร้าโศกแล้วกล่าว “ก็ไม่มีวิธีอื่นแล้วเช่นกัน…”
บ้านหลังนั้น เป็นมูลค่าหนึ่งร้อยตำลึงเงินพอดี…
จะว่าไป บ้านหลังนั้นก็ต้องขอบคุณซ่งอิงจึงได้มันมา ตอนนี้เอากลับคืนไป…ถือเป็นโชคชะตาจริงๆ!
หากรู้เช่นนี้แต่แรก ก่อนหน้านี้ยังต้องขวนขวายดิ้นรนให้เปลืองแรงทำไม ได้รับเงินของซ่งอิงมาแล้ว สุดท้ายปรากฏว่ายังต้องยกบุตรชายให้ตระกูลเผยไปอีก! เงินที่ได้มาเปล่าๆ โดยไม่ได้ทำอะไรนี่ช่างไม่เป็นมงคลเอาเสียเลย!
บ้านหลังนั้น ซ่งอิงรับเอาไว้
สิ่งที่นางควรได้รับ นางจะไม่ปฏิเสธเป็นอันขาด
ทว่าความสัมพันธ์กับตระกูลซ่ง เห็นได้ชัดว่าไร้เยื่อใยลงไปเล็กน้อย
ได้รับคำสั่งที่ออกจากปากพ่อเฒ่าว่าไม่ต้องจ้างคนครอบครัวซ่งทำงานแล้ว ไม่กี่วันที่เหลือจากนี้ ซ่งอิงเลือกป้าๆ ในหมู่บ้านที่ขยันขันแข็งมาจำนวนหนึ่ง และทำงานห่อบ๊ะจ่างกันไปได้อย่างราบรื่นจนถึงวันสุดท้าย
อย่างไรเสียก็เป็นเพียงช่วงเทศกาลบ๊ะจ่าง ทำได้หนึ่งเดือนก็ถือว่าไม่เลวแล้ว อยากจะหารายได้ด้วยสิ่งนี้ไปทั้งชีวิตคงเป็นไปไม่ได้
หลังคิดบัญชีก้อนสุดท้ายกับทางภัตตาคารเย่ว์เฟิงเสร็จสิ้น ซ่งอิงก็มีเงินจำนวนมากมายในมือ
เพียงชั่วอึดใจเดียว ก็ซื้อที่ดินจำนวนยี่สิบหมู่ที่ตกลงไว้กับหัวหน้าหมู่บ้านก่อนหน้านี้มาได้ทั้งหมด
ที่ดินราคาสูง เสียค่าใช้จ่ายไปจำนวนไม่น้อย ประมาณสองร้อยสามสิบตำลึงเงินเห็นจะได้ นอกจากนั้นในเงินเหล่านั้นที่นางหามาได้ ยังมีส่วนหนึ่งที่เป็นส่วนแบ่งของซ่งสวิน เอาไว้ให้ซ่งสวินใช้จ่ายในการสอบภายภาคหน้า ซึ่งแน่นอนว่าต้องเอาเก็บแยกไว้ ด้วยเหตุนี้ส่วนที่เหลืออยู่เหล่านั้น นางมีอยู่เพียงเกือบๆ สี่สิบตำลึงเงินที่นำมาใช้ได้
แน่นอนว่าเมื่อผนวกกับเงินชดใช้สิบตำลึงเงินจากตระกูลหลี่ รวมๆ กันแล้วก็ประมาณห้าสิบตำลึงเงินพอดี
ห้าสิบตำลึงเงินสำหรับครอบครัวคนทั่วไปไม่ถือเป็นจำนวนที่น้อยนิด แต่เรื่องที่ซ่งอิงต้องการจะทำมีมากมายเหลือเกิน
ตอนนี้ได้มีเวลาว่าง ก็รีบพาโสมน้อยไปเริ่มจับจ่ายซื้อของทันที
การต้องเปลี่ยนเครื่องเรือน นี่เป็นสิ่งที่ใช้เงินก้อนโตทีเดียว นอกจากนั้นก็ซื้อสุรา เนื้อหมูและผัก เชิญคนใช้แรงงานในหมู่บ้านมาช่วยกันซ่อมแซมบ้าน
นอกจากนี้ ซ่งอิงคิดว่ายามที่ตนเองเดินทางออกไปไหนมาไหน ช่างไม่สะดวกสบายเอาเสียเลยจริงๆ
ทุกครั้งออกจากบ้าน ล้วนต้องเช่ารถเกวียนวัวลากจูง แต่รถเกวียนในหมู่บ้านมีน้อยมาก เพราะวัวในยุคสมัยนี้ล้วนมีที่ทำการขุนนางเป็นผู้กำกับควบคุม ทุกครั้งที่มีวัวตัวใหม่มาขาย ล้วนถูกครอบครัวคนใหญ่คนโตเหล่านั้นซื้อเอาไปทันที อย่างไรเสียคนเหล่านั้นก็มีแปลงไร่สวนขนาดใหญ่โต ดังนั้นมีความจำเป็นค่อนข้างมาก
ครอบครัวคนที่มีวัวในหมู่บ้าน หากไม่ใช่เพราะมีเส้นสาย ก็เพราะโชคดี
เอาเป็นว่า นางพาภูตโสมไปเดินตลาดติดต่อกันหลายวันก็แล้ว แต่ไม่เจอผู้ใดขายวัวเลย
ไม่มีวัว รถม้าก็ได้เช่นกัน แต่ซ่งอิง…ตอนนี้ไม่มีความสามารถพอที่จะซื้อมัน
ราคาของม้าตัวหนึ่ง…อย่างน้อยๆ ก็อยู่ที่หนึ่งร้อยตำลึงเงินขึ้นไป ทั้งยังเป็นม้าธรรมดาๆ หากเป็นม้าชั้นดีหน่อย ราคาหลายร้อยหลายพันล้วนมีทั้งนั้น
รถม้าของยุคสมัยนี้ ในสายตาชาวบ้านธรรมดาทั่วไปจ ะพอๆ กับรถหรูหราในภพชาติก่อนของนาง
ม้าจึงถูกตัดออกไปเช่นกัน ก็เหลือเพียงงลาและล่อ[2]
ล่อราคาแพง อย่างไรเสียตัวล่อ…นั่นก็มีต้นกำเนิดจากม้า…ซึ่งเป็นสายพันธ์ชั้นสูง
ดังนั้น ซ่งอิงที่ตระหนี่ถี่เหนียว ท้ายที่สุดใช้จ่ายเงินไปสิบเจ็ดตำลึงเงินเพื่อซื้อลาหนึ่งตัว
ลาตัวนี้ราคาแพงมาก ลาทั่วๆ ไปรูปลักษณ์จะค่อนข้างแย่หน่อย สองสามตำลึงเงินก็ซื้อได้แล้ว แต่นางถูกใจสีสันรูปลักษณ์ลาตัวนี้ เป็นตัวหนึ่งที่พบเห็นได้น้อยครั้งมาก
แม้จะตัวเตี้ยกว่าม้า แต่เมื่อเทียบกับลาสีน้ำตาลดำตัวเล็กๆ เหล่านั้น มันมีขนสีขาวปกคลุมทั่วทั้งตัว มองดูมีสง่าราศี อีกทั้งรูปร่างดูกำยำแข็งแกร่ง แม้ว่าลากรถไถพรวนได้ไม่ได้ดีเท่าวัว แต่ก็พอใช้ถูๆ ไถได้แทบทุกอย่างเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม โสมน้อยไม่ชอบมันเอาเสียเลย
เพราะลา…กินหัวไชเท้า
ส่วนโสม…
ลักษณะคล้ายหัวไชเท้ามากเชียวละ
—————————
[1] เหล่าถงเซิง (老童生) หมายถึงผู้ที่อายุมากแล้ว ทว่ายังไม่ผ่านการสอบระดับถงเซิง ซึ่งถือเป็นการสอบระดับขั้นต้น
[2] ล่อ (骡子) สัตว์พันทางที่เกิดจากการผสมระหว่างลากับม้า ใช้เป็นสัตว์พาหนะสำหรับบรรทุกของ