ตอนที่ 211 อ๊บๆๆ
ร้านชุ่ยเหยียนไจคิดไม่ถึงว่า ตนจะถูกโรงอี้จวินแย่งความโดดเด่นไปเสียแล้ว!
โดยเฉพาะตอนนี้ นับวันสภาพอากาศยิ่งอุ่นขึ้นเรื่อยๆ เป็นช่วงเวลาที่ดอกไม้นานาชนิดพากันผลิบาน ช่วงเวลาเช่นนี้ สตรีผู้เกียจคร้านจะออกจากบ้านก็เริ่มออกมาทำกิจกรรมกัน ซึ่งพวกนางจะขาดเยียนจือและแป้งฝุ่นทาหน้ากันไม่ได้!
“ไม่มีจริงๆ นะขอรับ แม้ว่าของสิ่งนั้นจะดูไม่ได้ล้ำค่า แต่อย่างไรก็พบเห็นได้น้อยครั้ง หากมาฝากขายจริง พวกเราต้องให้เถ้าแก่ได้เห็นกับตาก่อนอยู่แล้วขอรับ” ผู้ดูแลงานบอก
“เช่นนั้นคนที่เอาของมาฝากขายเป็นคนมีตาหามีแววไม่สินะ? ได้ยินว่า เป็นสาวชาวชนบท คิดๆ ดู นางคงไม่ค่อยได้รับข่าวสารจึงไม่รู้ว่า โรงอี้จวินตอนนี้ตกต่ำแล้ว เอาแบบนี้แล้วกัน ส่งผู้ดูงานสักคนไปเจรจากับนาง ให้นางนำสิ่งของมาวางขายที่ร้านพวกเรา หากทำให้นางขายตำรับให้ได้ยิ่งดีเข้าไปใหญ่…”
“เกลี่ยกล่อม หว่านล้อมนาง แล้วอธิบายให้นางเข้าใจว่า หากขายสินค้าที่โรงอี้จวินคงขายได้เพียงร้อยอีแปะ แต่ถ้าวางไว้ร้านชุ่ยเยียนไจ ราคาสองสามตำลึงเงินก็ขายได้! ข้าไม่เชื่อหรอกว่า เงินจะเอาชนะใจคนไม่ได้!”
แม้ว่าหลังขายได้ราคาสูงถึงสองสามตำลึงเงิน คนซื้อจะไม่ได้มากขนาดนี้ แต่ก็ทำเงินได้ ทั้งยังเบาแรงไปมาก คงมีเพียงคนโง่ที่จะปฏิเสธ
หาเงินจากตระกูลผู้ร่ำรวยและมีบรรดาศักดิ์เป็นอะไรที่ง่ายดายที่สุด
บรรดาคุณชายและคุณหนูเหล่านั้นล้วนซื้อสินค้าจากชื่อเจ้าผู้ผลิตสินค้าทั้งนั้น ไม่สนว่าของชิ้นนั้นใช้ดีหรือไม่
ดังเช่นอาภรณ์ ผู้มาจากตระกูลร่ำรวยและมีบรรดาศักดิ์เลือกร้านเย็บปักและร้านผ้าไหมที่ขึ้นชื่อมากที่สุด ใช้เงินกันอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง พวกเขาสนใจแค่ภาพลักษณ์เท่านั้น
หากใช้ราคาถูกเกินไป จะกลายเป็นการขายหน้าเสียอีก
สองสามวันนี้ ซ่งอิงไม่ต้องรีบร้อนเคี่ยวยาสระผม จึงใช้เวลาไปกับแปลงนาของนาง ความจริง เป้าหมายของนางคือการเป็นสาวชาวไร่คนหนึ่งที่ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของหญ้าฟาง นางขายบ๊ะจ่าง ยาสระผม เพียงเพื่อหาเงิน แต่การทำนานั้นแตกต่างออกไป คนอื่นเพื่อดำรงชีพ แต่นางทำเพื่อเสพสุข
ดูข้าวสาร ธัญพืชและอากาศที่ไร้มลพิษนี่สิ…
“อ๊บ!”
แล้วฟังเสียงกบร้องนี่สิ ไพเราะเสนาะหู เต็มไปด้วยความเพลิดเพลินท่ามกลางชนบท
“อ๊บ อ๊บ!”
เสียงดังจริงๆ กบของยุคโบราณนี่ส่งเสียงร้องอย่างห้าวหาญกว่ากบในชีวิตก่อนหน้านี้เสียอีก
ซ่งอิงคลี่ยิ้ม สูดลมหายใจเข้าสองเฮือกใหญ่ กวาดตามอง ‘ทิวทัศน์ขุนเขาและลำธาร’ ด้วยแววตาสดใส ทันใดนั้น…
“แม่เจ้า!” ซ่งอิงรีบร้อนถอยทันที “กะ กบเขียวตัวใหญ่!”
ลาของนางล่ะ? ไยจึงไม่มาปกป้องนางอีก?!
เอาเถอะ นางปล่อยลาให้ขึ้นเขาไปหาหญ้ากินด้วยตัวเองแล้วนี่…
“อย่าเข้ามานะ…” ซ่งอิงทำใจกล้าฮึดสู้
ตัวใหญ่ขนาดนี้…ไม่น่าใช่กบ แต่เป็นหนิววา[1]ยักษ์กระมัง! แต่นางจำได้ว่า หนิววาเป็นสัตว์ที่มาจากถิ่นอื่น แม้ข้ามเวลามาเป็นยุคสมัยนี้ แต่เรื่องนั้นไม่น่าส่งผลให้สถานการณ์แตกต่างกันมากเกินไปกระมัง…
ซ่งอิงกลืนน้ำลาย “ผัดเผ็ดกบเขียว ผัดเผ็ดหนิววา ต้มหนิววา…น้ำแกงกบเขียวเห็ดหูหนูขาว…”
ซ่งอิงแยกไม่ออกว่า เจ้าสิ่งมีชีวิตตัวใหญ่ขนาดนี้สรุปแล้วเป็นตัวอะไรกันแน่
ไม่เหมือนหนิววาที่นางเคยกินในภพก่อน และไม่ใช่กบนาตัวจ้อย มันดูเหมือนกบเขียวที่กินแมลงได้ซึ่งเจ้าของร่างเคยเห็นเมื่อตอนเด็กๆ แต่มันตัวใหญ่เกินไปแล้ว!
ลำตัวซ่อนอยู่ในนาข้าว ดวงตาคู่หนึ่งนูนขึ้นมาคอยจับจ้องนาง ส่วนหัวไม่ขยับเขยื้อนราวกับกำลังเตรียมล่าสัตว์ก็ไม่ปาน…
“ขืนเจ้าเข้ามา ข้าก็จะจับเจ้าลงหม้อ…” ซ่งอิงเขยิบถอยหลังอีกหนึ่งก้าว
นางเป็นเพียงหญิงคนหนึ่ง จะมากหรือน้อยก็ค่อนข้างรังเกียจเจ้าสิ่งประหลาดหนังเขียวๆ ประเภทนี้เช่นกัน
แน่นอนว่า หากมันตัวเล็กหน่อย นางย่อมไม่รู้สึกอะไร ถึงขั้นกล้าจับขึ้นมาสำรวจด้วยซ้ำ แต่เจ้าสิ่งนี้กลับใหญ่พอๆ กับศีรษะนาง
กบที่ตัวใหญ่เท่าศีรษะ นางเพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก จะขลาดกลัวสักหน่อย ก็เป็นอะไรที่เข้าใจได้…
ซ่งอิงตระหนกไปชั่วขณะ จึงไม่ทันสังเกตว่า ใจกลางฝ่ามือตัวเองเริ่มอุ่นร้อน
ตอนที่ 212 คุ้มค่าจริงๆ
เมื่อเห็นกบตัวนั้นไม่ขยับเขยื้อน ซ่งอิงราวกับเห็นผี นางถอยหลังฉับพลัน จากนั้นวิ่งเผ่นแน่บ ซ่งอิงกลับถึงบ้านอย่างกระหืดกระหอบ แล้วรีบปิดประตูแน่นหนา
โลกที่บ้าบอนี่ อ่อนโยนกับนางหน่อยไม่ได้หรือไร?
จริงสิ ต้าไป๋ของนางยังไม่ได้กลับบ้านเลยนี่…เมื่อครู่นางบอกไว้ว่า จะรอต้าไป๋ที่ตีนเขา ลาโง่ตัวนั้นหากไม่เห็นนาง จะไม่กลับมาบ้านหรือเปล่านะ?
แต่ซ่งอิงคิดว่า รออีกสักเดี๋ยวค่อยว่ากันดีกว่า
หลังสงบสติอารมณ์อยู่ในบ้านพักหนึ่งก็เริ่มตั้งสติได้
กบเขียวตัวนั้น หัวมันใหญ่ขนาดนั้น เอามาตุ๋นหม้อหนึ่งคงกินได้สองสามวันเชียวละ…
ทว่าในความทรงจำเจ้าของร่าง ชาวชนบทไม่กินกบเขียว อย่างไรเสีย กบเขียวก็เป็นสิ่งที่ดี ช่วยกินศัตรูพืชได้ มีประโยชน์ต่อการเพาะปลูก หากเด็กๆ ซุกซนไปจับมันมาเล่นจะถูกผู้ใหญ่ต่อว่าจนหูชาอีกต่างหาก
ทันทีที่ภูตโสม ซ่งต๋า และซ่งอู่กลับมา ก็เห็นสีหน้าพะวักพะวนของซ่งอิง จากนั้นนางก็ดึงภูตโสมเข้ามาหา
“ลูกชาย” ซ่งอิงคลี่ยิ้ม
“…” ฮั่วหลินหดหัว “ข้าไม่ได้ขโมยน้ำในแปลงหัวไชเท้าต้าไป๋ไปดื่มนะ…”
ซ่งอิงนิ่งอึ้งไป จากนั้นก็เข้าใจทันที เจ้าเด็กนี่ปกปิดราวบางอย่างไว้แล้วคิดว่าความแตกแล้วสินะ
มิน่าล่ะ ระยะนี้ตอนที่ต้าไป๋กินหัวไชเท้าจึงมีสีหน้าขุ่นเคืองเล็กน้อย ที่แท้เพราะเรื่องที่เจ้าเด็กนี่ก่อเรื่องไว้นี่เอง
ซ่งอิงขมวดคิ้วเล็กน้อย นางมีเรื่องขอให้เขาช่วยเหลือ ย่อมต้องให้อภัยเขาเป็นธรรมดา!
ภูตโสมตกใจสะดุ้งโหยงอีกครั้ง “ข้ามิได้ช่วยอาหกคัดลอกการบ้านเพื่อแลกกับขนมของเขาด้วยเช่นกัน…”
“ฮ่าๆ” ซ่งอิงมองผมของเขา “เจ้ารู้จักลอกการบ้านแทนซ่งต๋าแล้วหรือ!”
“เปล่านะ! เปล่าเสียหน่อย!” ภูตโสมรีบกุมศีรษะทันที เขาบอกว่า เปล่า ไม่ใช่หรือ แล้วทำไมท่านแม่จึงรู้ได้!
“พูดโกหกรากฝอยจะร่วงหนึ่งพันเส้นนะ!” ซ่งอิงขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน
“คัดแค่สองครั้งเท่านั้นเอง!” ภูตโสมรีบส่งเสียงตะโกนทันควัน
หนึ่งพันเส้นอย่างนั้นหรือ ตอนที่รากฝอยของเขายังไม่เปลี่ยนเป็นเส้นผมก็ไม่ได้มีมากขนาดนั้นเสียหน่อย!
“สองครั้งก็คือการคัดแล้วเช่นกัน เดี๋ยวต้องลงโทษพวกเจ้าให้หนักๆ เสียแล้ว!” ซ่งอิงส่งเสียงฮึดฮัด ไม่ใจดีด้วยแล้ว จากนั้นก็กล่าวต่อ “ในที่ดินบ้านเรามีกบเขียวตัวใหญ่โผล่มาหนึ่งตัว เจ้าไปดูเป็นเพื่อนข้าหน่อย แล้วก็รับต้าไป๋กลับบ้านด้วย…”
ภูตโสมเงยหน้าทันใด มองนางอย่างประหลาดใจ “ท่าน ท่านเรียกข้าเพื่อเรื่องนี้สินะ!”
“แล้วเจ้าคิดว่าอะไรล่ะ!” ซ่งอิงมองค้อนใส่เขา
“ข้าคิดว่า ท่านจะตำหนิที่ข้าแอบกินขนมที่ท่านซ่อนเอาไว้เสียอีก!” ภูตโสมส่งเสียงตะโกนตามจิตสำนึก
หลังพูดจบ เขาเองถึงกับนิ่งอึ้งไป
เขาไม่รู้เช่นกันว่าตนเป็นอะไร ครั้นเห็นมารดา ปากนี่ก็ใช้งานไม่ได้ดั่งใจเสียเลย คิดไม่ถึงว่า จะพูดจาซื่อตรงขนาดนี้ ปกติแล้วเขาไม่ได้โง่เง่าขนาดนี้เสียหน่อย!
รอยยิ้มซ่งอิงทำให้เขาขนลุกชัน
“ท่านแม่ ลูกจะไปดูกบเป็นเพื่อนท่าน ตกลงหรือไม่” ฮั่วหลินคลี่ยิ้มแหยคล้ายจะร้องไห้
“นั่นเป็นกบเขียวตัวใหญ่ เจ้าไม่กลัวว่ากบตัวนั้นจะชอบกินโสมหรือ” ซ่งอิงข่มขวัญ
“แน่นอน…ไม่กลัวหรอก!” ไม่กลัวก็แปลกแล้ว!
แต่ตอนนี้ ฮั่วหลินไม่กล้าสร้างความไม่พอใจให้ซ่งอิง เขากินเก่ง ขนมอบที่ซ่งอิงให้เป็นรางวัลจึงไม่พอสำหรับเขา เขาต้องแอบขโมยกินอีกสามสี่ชิ้น ฮั่วหลินรู้ดีว่า หากทำให้ซ่งอิงไม่พอใจ เขาอาจต้องอดอยากปากแห้งไปหลายวันเชียวละ!
นอกจากอดขนมอบ ไม่แน่ว่าซ่งอิงอาจจะเว้นให้น้ำแก่เขา ไม่ให้เขามุดดิน ไม่ให้อาบแดด และอาจถึงขั้นไม่ให้เขาซึมซับแสงจันทร์อีกด้วย!
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ภูตโสมก็รู้สึกว่าตนไม่มีอนาคตอีกแล้ว…
สู้ถูกกบเขียวกินไปเลยดีกว่า!
“ไปเถอะ ข้าเพียงแค่เรียกหาเจ้าเพื่อให้เกิดความกล้าขึ้นมาหน่อย ไว้ถึงเวลาเจ้าก็หลบไปอยู่ไกลๆ เสีย ยังมีต้าไป๋อยู่ด้วยนี่ ต้าไป๋ถือเป็นผู้คุ้มกันที่เก่งกาจ หากกบนั่นกล้าแลบลิ้น ต้าไป๋เตะมันทีเดียวก็ลอยละลิ่วแล้ว!” ซ่งอิงกล่าว
ซ่งอิงคิดได้เยี่ยงนี้ก็รู้สึกว่า การเลี้ยงต้าไป๋ไว้ช่างคุ้มค่าจริงๆ!
[1] หนิววา (牛蛙) กบบูลฟร็อก หรือ กบอเมริกัน