ตอนที่ 219 ร่ำรวยและบรรดาศักดิ์สูงส่ง
ซ่งอิงไม่ใช่คนเชื่อคนง่าย นางมักสังเกตสีหน้าและแววตาอีกฝ่ายมากกว่าเชื่อจากคำพูดเพียงอย่างเดียว หากมองผิวเผิน หลี่จิ้นเป่าอาจดูไม่มีพิรุธอะไร แต่ยามที่ซ่งอิงเพิ่งมา นางสัมผัสถึงแววตาดุร้ายของหลี่จิ้นเป่าที่มองต้าไป๋ของนางอยู่ได้ชัดเจน
ต่อให้เขาปรับปรุงตัวไปในทิศทางที่ดีแล้วจริงๆ แต่นั่นเกี่ยวอะไรกับนางหรือ
“ลาของข้าบาดเจ็บ ข้าย่อมจัดการด้วยตัวเองได้อยู่แล้ว เจ้าไม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจไปหรอก” ซ่งอิงเดินเข้าไปแล้วนั่งยอง มองบาดแผล
หลังครุ่นคิดก็หันไปมองภูตโสม “เจ้าไปเชิญเสี่ยวชิงมาที บอกเขาว่า ข้าต้องการยาห้ามเลือด”
ภูตโสมรับคำ ก่อนจะสาวเท้าวิ่งลงไปด้วยแข้งขาน้อยๆ
ที่นี่จึงเหลือเพียงหลี่จิ้นเป่าและซ่งอิง รวมถึง…ต้าไป๋
หลี่จิ้นเป่าคลี่ยิ้มจนตาหลีแล้วขยับเข้าใกล้ซ่งอิงอีกเล็กน้อยอย่างระแวดระวัง “น้องอาอิง ก่อนหน้านี้ข้าไม่ดีเอง ข้าขอโทษเจ้าตรงนี้เลยแล้วกัน! ขอโทษด้วย!”
“จะขอโทษทั้งที หยิบความจริงใจออกมาใช้เสียหน่อยไม่ดีหรือ ตรงนั้นมีก้อนหินอยู่ หยิบมันขึ้นมาทุบหน้าผากตัวเองเสีย เลือดออกเมื่อไรค่อยหยุด” ซ่งอิงกล่าว
พูดจาไร้สาระอะไรแบบนี้!
หลี่จิ้นเป่าเปลือกตากระตุก หัวใจสั่นไหว
ทุบหัว? แน่นอนว่าเขาไม่โง่ขนาดนั้น
เพียงแต่กลัดกลุ้มเล็กน้อยเช่นกัน ซ่งอิงผู้นี้มองข้ามความหวังดีของผู้อื่นเสียได้ เขาอุตส่าห์จะคบหาสมาคมดีๆ ด้วย นางกลับช่างเลือก ไม่สมเหตุสมผลเลยจริงๆ
แต่ถึงอย่างไรก็ต้องทำให้นางหายโกรธ
เมื่อก่อนเขานึกว่า ซ่งอิงมีเพียงแค่ตำรับบ๊ะจ่าง คิดไม่ถึงว่า หลายวันที่ผ่านมานี้ นางจะทำยาสระผมขึ้นมาอีก ทั้งยังขายดิบขายดีในเมืองเสียด้วย!
เป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ไม่ว่านางจะขายอะไรก็ไม่อาจปิดปังได้
อีกอย่าง เป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียง อย่างไรก็ต้องมีของติดไม้ติดมือยามไปมาหาสู่ พูดคุยกันบ้าง
ซ่งอิงนำสิ่งของไปมอบให้ตระกูลซ่งและเพื่อนบ้านนางเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ไม่มีส่วนของตระกูลหลี่เลย ไม่สิ ซ่งอิงยังคบหากับครอบครัวลุงใหญ่ของเขาอยู่ มีเพียงเขาที่ซ่งอิงไม่คบค้าสมาคมด้วย
คงเพราะบิดาเขาล้มป่วย มารดาเสียชื่อเสียง ย่าเป็นคนเข้มงวดและใจดำ ซ่งอิงจึงไม่เห็นเขาในสายตา!
“น้องอาอิง เมื่อวานข้าขอให้สหายคนสนิทซื้อยาสระชิงซือที่เจ้าทำมาจากตัวเมืองขวดหนึ่ง เอามาสระผมดู ปรากฏว่าผมนุ่มลื่นสุดๆ น้องอาอิงช่างมีความสามารถจริงๆ” หลี่จิ้นป่าวกล่าวเชยชมอีกครั้ง
ซ่งอิงปรายตาขึ้นมอง “ไยต้องสิ้นเปลืองของดีๆ ด้วย บนหัวเจ้ามีผมเผ้าอยู่เพียงเท่านี้ อย่าว่าแต่ใช้ยาสระชิงซือเลย ต่อให้ใช้ยาสระเทพเซียนก็ช่วยรักษาอาการหัวล้านของเจ้าไม่ได้”
หลี่จิ้นเป่าหนังตากระตุก
ขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน พยายามอดกลั้น
ผมของเขา…ไม่ล้านเสียหน่อย
หน้าผากเขาแค่สูงเหมือนแม่เท่านั้นเอง แต่นี่เป็นโหงวเฮ้งที่ดี ตอนเด็กๆ แม่เขาเคยดูดวงชะตาให้ คนอื่นก็เชยชมว่า ภายภาคหน้าจะต้องร่ำรวยและมีบรรดาศักดิ์สูงส่งเป็นแน่!
ไฉนซ่งอิงพูดจึงฟังดูย่ำแย่เช่นนี้ล่ะ!
“น้องอาอิงช่างเข้าใจล้อเล่นจริงๆ” หลี่จิ้นเป่าฝืนพูด แล้วรีบกล่าวต่อโดยไม่รอให้ซ่งอิงเล่นงานเขาอีก “คนที่น้องอาอิงต้องรอจะมาเมื่อใดหรือ อย่างไรเสีย เจ้าก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ย่อมต้องหวาดกลัวเป็นแน่ ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าตรงนี้แล้วกัน”
สิ้นเสียงพูด ภูตโสมก็กลับมาแล้ว
มิหนำซ้ำยังพาปีศาจกบเขียวมาด้วย
หลี่จิ้นเป่าตะลึงงัน เจ้าเด็กน้อยนี่ไปตามคนจากไหนกัน รวดเร็วเกินไปแล้ว
เขายังคิดว่า จะอาศัยท้องนภาที่มืดขึ้นเรื่อยๆ บ่มเพาะความรู้สึกดีๆ กับซ่งอิงเสียหน่อย!
อย่างไรเสีย หลังตกเย็น ขุนเขาแห่งนี้ค่อนข้างน่ากลัว ผู้หญิงส่วนใหญ่ล้วนขี้ขลาดตาขาวกันทั้งนั้น หากอาศัยโอกาสนี้ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดนางสักหน่อย
ใครจะรู้ว่าไอ้เด็กเวรนี่…
หลี่จิ้นเป่าหงุดหงิดใจ จากนั้นจึงมองคนที่ฮั่วหลินพามา
พลันรู้สึกคล้ายพบไหน้ำส้มสายชูพลิกคว่ำลงมา!
ตอนที่ 220 ชายชู้
ชายผู้นี้เป็นใครกัน!?
ซ่งอิงเป็นหญิงไร้จริยธรรมและไม่รู้จักวางตัวเป็นภรรยาที่ดีสินะ!
หลายวันก่อน เพิ่งเชื้อเชิญบุรุษหลายคนเข้าบ้าน ตอนนี้คิดไม่ถึงว่า จะมีหนุ่มน้อยในชุดสีเขียวโผล่มาอีกคน!
ชายผู้นี้ดูไม่คุ้นตา เขาสวมชุดสีเขียวสง่างามทั้งเรือนร่าง แม้หน้าตาไม่ถือว่าหล่อเหลาเกินบรรยาย แต่ก็สะดุดตาไม่น้อยเช่นกัน!
มาจากไหนกัน?!
“น้องอาอิง ผู้นี้คือ?” หลี่จิ้นเป่าอดถามไม่ได้
ซ่งอิงขมวดคิ้ว “เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วยหรือ ไสหัวไป อย่ามัวเกะกะข้า มิเช่นนั้นข้าจะเตะเจ้ากลับบ้านในทีเดียวเลยเชื่อหรือไม่”
หลี่จิ้นเป่าโกรธเกรี้ยวอยู่ในใจ
มีอย่างนี้ที่ไหนกัน!
เขากัดฟันแน่น แต่ไม่ยอมเดินจากไป
หลังซ่งอิงปลดกับดักออก ปีศาจกบประคองเมือกสีเขียวๆ ไว้ในอุ้งมือมาทาลงบนปากแผลของต้าไป๋
บริเวณปากแผลที่เคยมีเลือดรินไหล เมื่อถูกเมือกป้ายลง เลือดก็หยุดไหลทันที
ซ่งอิงโล่งใจ “ขอบใจเจ้ามาก”
“ท่านอาจารย์อย่าเกรงใจเลย คนกันเองทั้งนั้น อีกอย่าง เพราะท่านอาจารย์ ข้าจึงฟื้นฟูตัวเองได้ดีขนาดนี้” ปีศาจกบกล่าวอย่างจริงใจ
ต้องเข้าใจว่า ปลาดุกกินกบ
ตอนแรกเขาอยู่หมู่บ้านสือโถว ปลาดุกแก่เคยคิดจะกินเขาไปหลายครั้ง เพียงแต่เขาบำเพ็ญเพียรมาบ้าง แม้ไม่สูงส่ง แต่ก็เอาชีวิตรอดมาได้ทุกครั้ง แต่เพื่อช่วยชีวิตผู้คนก็เลยอยู่ในน้ำและเคยต่อกรกับปลาดุกไปหลายต่อหลายครั้ง
พลังในร่างกายได้รับความเสียหายไปไม่น้อย
หากไม่ใช่เพราะพลังที่เสริมสร้างจิตวิญญาณและสติปัญญาจากนาข้าวของท่านอาจารย์ที่เลี้ยงดูแมลงเหล่านั้นจนมีกลิ่นอายเซียน แล้วเขาจะดีขึ้นอย่างรวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร
“ท่านอาจารย์?” หลี่จิ้นเป่าตะลึงงัน “เขาเรียกเจ้าว่าอาจารย์? หรือว่า เจ้านำตำรับของเจ้าให้เขาแล้วหรือ”
มีหัวหน้าพ่อครัวแม่ครัวจำนวนไม่น้อยที่ถ่ายทอดทักษะฝีมือให้ลูกศิษย์เช่นกัน
ซ่งอิงเห็นเขายังไม่ไป จึงชักสีหน้าถมึงทึง
นางรู้ว่า ปีศาจไม่ทำร้ายคนอย่างไร้สาเหตุ หากจะสั่งสอนคน คงยกให้เป็นหน้าที่บุตรชายและเสี่ยวชิงไม่ได้
ซ่งอิงหันไปมองเขา แสยะยิ้มเย็นชา เดินเข้าไปใกล้ ก่อนจะหยุดตรงหน้าเขาแล้วคลี่ยิ้มเล็กน้อย “พี่จิ้นเป่า?”
หลี่จิ้นเป่าพลันดีใจ
แต่ยังไม่ทันได้คลี่ยิ้มกว้าง ซ่งอิงก็ถีบเข้าที่หน้าอกเขาแล้ว!
เกิดเสียงดัง “ปึก” คนล่วงลงพื้น ก่อนจะกลิ้งลงเขาไปหลายตลบ
“มัวแต่แสดงละครอยู่ได้ เจ้าเห็นข้าเป็นคนโง่หรือไร สันดานเจ้าเป็นเช่นนี้ ไม่แน่ว่า ที่ต้าไป๋บ้านข้าบาดเจ็บก็เพราะฝีมือเจ้า!” ซ่งอิงแสยะยิ้มเยาะ
หากไม่ใช่เพราะทุกคนรู้ดีว่าซ่งอิงและหลี่จิ้นเป่ามักขึ้นมาบนเขา ซ่งอิงก็อยากปล่อยเขาตากลมเย็นในป่าลึกเหมือนที่เคยทำกับบิดาหลี่จิ้นเป่าเช่นกัน
นี่ไม่ได้ออกแรกมากมาย แต่หลี่จิ้นเป่าก็ยังล้มคะมำหมดท่า
หลังพยุงตัวลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก ก็ได้ยินคำพูดของซ่งอิง เขาอับอายไปชั่วขณะ
เมื่อเห็นนางเดือดดาลก็ยิ่งโกรธเกรี้ยวขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
ดูท่า แผนเดิมที่วางไว้จะไม่สำเร็จเสียแล้ว!
เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี!
จะให้เขาดูซ่งอิงร่ำรวยอย่างหน้าตาเฉย? ดูซ่งอิงใช้เงินเหล่านั้นเลี้ยงดูชายชู้?
หลี่จิ้นเป่าจ้องมองซ่งอิงไม่วางตา เดือดดาลเกินบรรยาย แม้ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ในใจ แต่หลี่จิ้นเป่าก็เดินลงเขาไปอย่างรีบร้อน
“โอ๊ะ จิ้นเป่า นี่เจ้าเป็นอะไรไป? หกล้มแล้วหรือ” ระหว่างทางลงเขา เจอคนหมู่บ้านเดียวกัน อีกฝ่ายจึงเอ่ยถาม
หลี่จิ้นเป่าสีหน้าบึ้งตึง แต่ครั้นครุ่นคิดบางอย่างได้กลับเผยรอยยิ้มอ่อนๆ ออกมา “ข้าบังเอิญเห็นน้องอาอิงกับชายที่สวมใส่ชุดเขียวคนหนึ่งเข้า…”
“ไม่สิ ข้าคงตาฝาดไป ไม่ทันระวังเลยหกล้ม” หลี่จิ้นเป่ากล่าวต่อ
“ซ่งเอ้อร์ยาน่ะหรือ?” ชาวบ้านประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน “แล้วนางล่ะ จะมืดค่ำแล้ว นางยังอยู่บนเขาอีกหรือ?”
“ก็อยู่ตรงนั้นล่ะ ไม่ไกลหรอก เพียงแต่…อย่าไปดูเลย ไม่ค่อยดีเท่าไร” หลี่จิ้นเป่าพูดจบก็ถอนหายใจแล้วเดินจากไป
บริเวณใกล้เคียงมีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยเช่นกัน แต่ละคนเพิ่งตัดหญ้าจูฉ่าวและตัดฟืนกันเสร็จเลยเตรียมตัวกลับบ้าน ครั้นได้ยินคำพูดนี้ก็เกิดความอยากรู้ขึ้นมา
สรุปแล้วเป็นเรื่องอะไรกันแน่ หลี่จิ้นเป่าจึงตระหนกตกใจจนสภาพเป็นเช่นนี้?
หรือว่ามีผู้ชายอยู่จริงๆ!?