ตอนที่ 231 เชิดหน้าชูตา
ในหมู่บ้าน ซ่งเหล่าเกินถือว่าเป็นผู้ชราที่คุณธรรมสูงส่งและผู้คนให้ความสำคัญ วันคล้ายวันเกิดอายุครบหกสิบปีวันนี้ จะอย่างไรก็ต้องมีชาวบ้านบางส่วนที่สนิทสนมกันมาอวยพร ของขวัญที่มอบให้ก็ไม่ได้ล้ำค่าอะไรมากมายนัก เป็นของจำพวกลูกกวาดเอย ไข่ไก่เอย
ตระกูลซ่งไม่ใช่ตระกูลคนร่ำรวยสูงศักดิ์ ความมีหน้ามีตาอยู่ในระดับทั่วไป แต่ความมีระบบระเบียบไม่นับว่าแย่
ซ่งอิงในฐานะหลานสาวจึงมาถึงแต่เช้าตรู่ เป็นลูกมือคอยช่วยพวกหร่วนซื่อทำอาหาร
แน่นอนว่าโอกาสที่นางจะได้จับนู่นทำนี่น้อยครั้งมาก
ภายใต้สถานการณ์ที่เพื่อนบ้านซ้ายขวามาเป็นแขกเหรื่อ ตระกูลซ่งให้ความสำคัญกับพิธีการและมารยาทอย่างยิ่ง ซ่งอิงเป็นหลานสาวที่ออกเรือนไปแล้ว กล่าวตามตรงคือนางเป็นน้ำที่สาดออกไปแล้ว มาเยือนก็ถือเป็นแขกเหรื่อ จึงไม่มีเหตุผลให้นางต้องช่วยงาน
“ต้ายาก็มาแล้ว เจ้าไปพูดคุยกับต้ายาเถอะ มายืนอยู่ตรงนี้ทำไม ทางด้านนี้แม่ไม่ต้องการให้เจ้าช่วยงานอะไร หากถูกท่านปู่เจ้าเห็นเข้า ไม่แน่ว่ายังจะต่อว่าเจ้ายุ่งไม่เข้าเรื่องอีก” หร่วนซื่อดันนาง ออกแนวรำคาญอย่างยิ่ง
ซ่งอิงลูบๆ จมูก
นางก็แค่คิดว่ามารดาและญาติตัวเองกำลังทำงานกันอยู่ หากนางไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไรนัก
ทว่าพูดถึงขั้นนี้แล้วซ่งอิงทำได้เพียงเชื่อฟัง ไปหาบริเวณหนึ่งนั่งลง
ไม่ใช่แค่ซ่งต้ายากลับมาแล้ว ซ่งสวินพี่ชายนางก็กลับมาแล้วเมื่อคืนเช่นกัน
คนมากมาย ญาติจำนวนไม่น้อยรวมตัวกันพูดคุยอยู่ตรงหน้าพี่ชาย นางจึงไม่มีโอกาสไปพูดคุยด้วย
ซ่งสวินเห็นนางแต่แรกแล้ว หลังผ่านไปครู่หนึ่งจึงหาเวลาปลีกตัวออกมาอยู่ตรงหน้านางได้เสียที มิหนำซ้ำยังอดปาดหยาดเหงื่อที่หน้าผากไม่ได้ “อาอิง อีกเดี๋ยวเจ้าไปอยู่กับท่านปู่ข้างในนั้น อย่าเที่ยวเดินไปทั่ว”
เมื่อคืนมารดาเขากำชับเอาไว้แล้ว
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” ซ่งอิงพยักหน้าอย่างว่าง่าย
ซ่งสวินมองนางแวบหนึ่ง ก่อนจะควานหากำไลเงินวงหนึ่งออกมาจากอกเสื้อแล้วยัดใส่มือนาง “นี่เป็นของที่ข้าคัดลอกตำราหาเงินเอามา เจ้าใส่มันไว้”
เขาอยู่ในตัวอำเภอ มีหรือจะไม่รู้ว่ายาสระชิงซือที่น้องสาวขายได้รับความนิยมมากมายขนาดไหน
เดิมทีคิดว่าน้องสาวได้ใช้ชีวิตสุขสบายไม่น้อยก็ควรจะหันมาดูแลตัวเองบ้าง แต่กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่พบเจอนาง บนศีรษะนางก็ยังคงเป็นปิ่นไม้ไร้สีสันเช่นเดิม ในมือไม่มีเครื่องประดับสักชิ้น แต่งตัวล้าสมัยไร้รสนิยม มองดูไม่เหมือนแม่นางน้อยวัยสิบเจ็ดสิบแปดปีเอาเสียเลย
ซ่งอิงขมวดคิ้ว “ท่านไปคัดลอกตำราอีกแล้วหรือ ท่านพี่ ตอนนี้ท่านควรเอาใจจดจ่ออยู่ที่การเล่าเรียนต่างหาก เรื่องหาเงินท่านไม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจไป อีกทั้งก่อนหน้านี้ข้าก็แบ่งส่วนแบ่งให้ท่านแล้ว…”
เงินส่วนแบ่งของการขายบ๊ะจ่างก่อนหน้ามีประมาณหนึ่งร้อยตำลึงเงินเห็นจะได้นี่?
เงินก้อนนั้น นางต้องใช้ความพยายามอย่างมากจึงทำให้หร่วนซื่อยอมเป็นตัวแทนรับเงินเอาไว้
“เงินก้อนนั้นข้าอยากเก็บเอาไว้เผื่อใช้ ข้าคัดลอกตำราก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการเรียนแต่อย่างใด เจ้าวางใจได้ อีกทั้งข้าอายุขนาดนี้แล้ว ไม่ใช่เด็กสิบขวบที่ต้องให้คนในครอบครัวส่งเสียเลี้ยงดู ข้ามีมือมีเท้า ไม่คิดจะเอาแต่กินโดยไม่รู้จักทำอะไรหรอก” ซ่งสวินกล่าวอย่างจริงจัง
เงินก้อนนี้ เขาอยากเก็บไว้เผื่อกรณีฉุกเฉิน หากภายภาคหน้าน้องสาวไม่มีเงินใช้จ่าย ในฐานะที่เป็นพี่ชาย อย่างน้อยๆ เขาก็ยังหยิบยื่นอะไรให้ได้บ้าง
ซ่งอิงเม้มปาก
นางมองออกว่าคนร่ำเรียนหนังสือมักหัวรั้น
ทว่าการที่ซ่งสวินมีความนึกคิดเช่นนี้ก็เป็นอะไรที่พบได้ยาก ต้องเข้าใจว่ามีคนบางคนที่ยังเล่าเรียนหนังสือแม้อายุสามสิบสี่สิบปีแล้ว ตลอดวันทั้งวันไม่ใส่ใจการหาเลี้ยงชีพ ถึงขั้นยอมกัดก้อนเกลือกินก็ว่าได้!
ขณะที่นางพูดคุยกับซ่งสวินอยู่ก็เห็นซ่งหม่านซานย่างก้าวเข้ามา ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุขใจ
ยังไม่ทันเดินมาถึงตรงหน้าก็ตะโกนใส่ซ่งอิง “หลานสาวเด็กดีของข้า เจ้าช่างรู้จักเชิดหน้าชูตาให้ข้าดีจริงๆ!”
ต่อให้ซ่งอิงหน้าหนา ยามมีผู้คนไม่น้อยจับจ้องก็อดหน้าแดงก่ำขึ้นมาไม่ได้
“อาสี่” นางและซ่งสวินพร้อมใจกันส่งเสียงเรียกขานอย่างว่าง่าย
ระหว่างนั้น ซ่งอิงสัมผัสได้ว่าซ่งสวินเนื้อตัวสั่นเทา ใบหน้าดูหวาดกลัวเล็กน้อย
ตอนนี้สีหน้าของซ่งสวินรวมไปถึงน้ำหนักร่างกายตามจริงล้วนดีขึ้นมาก อย่างไรเสียทุกครั้งที่นางไปตัวอำเภอก็จะนำหัวไชเท้าที่ผ่านการบำรุงด้วยน้ำผ่านจิตไปให้ซ่งสวิน แล้วยังมีน้ำที่ฮั่วหลินอาบอีกด้วย…
ตอนที่ 232 ชาติก่อนทำเวรทำกรรมอะไรไว้
แต่ตอนนี้เขาแข็งแรงกำยำขนาดนี้แล้ว มองเห็นซ่งหม่านซานก็ยังกลัวเนื้อตัวสั่นเช่นนี้อีก เห็นได้ชัดว่าเงาร้ายในวัยเด็กมีผลต่อเขามากมายเพียงใด
“หลานสาวเด็กดี ข้าได้ยินอาสะใภ้สี่เจ้าบอกเล่าหมดแล้ว ได้ยินว่าไอ้สวะหน้าไม่อายจากร้านชุ่ยเหยียนไจผู้นั้นไปหาถึงที่เพื่อให้เจ้านำสินค้าให้ร้านพวกเขา! ข้าก็รู้อยู่แล้วว่าเด็กสาวอย่างเจ้าผู้นี้มีความซื่อตรงหนักแน่น! ครั้งนี้เจ้าช่วยอาสี่เจ้าอย่างข้าทำให้บรรดาจิ้งจอกเฒ่าจอมเจ้าเล่ห์แห่งร้านชุ่ยเหยียนไจนั่นเดือดดาลอกแทบแตกตาย ข้าต้องเลี้ยงสุราเจ้าเสียหน่อยแล้ว!” ซ่งหม่านซานใบหน้าแดงก่ำ
ดีใจโว้ย!
ตอนเขารู้ว่ายาสระชิงซือเป็นฝีมือหลานสาวคนรองก็แทบจะกระโดดสูงสามฉื่อด้วยความดีใจ!
ภายหลังต่อมาก็ได้ยินอีกว่าคนของร้านชุ่ยเหยียนไจมาหาถึงที่แล้วถูกไล่กลับไป นั่นก็ยิ่งทำให้เขายินดีเข้าไปใหญ่ อยากจะจับหลานสาวคนรองผู้นี้อุ้มชูขึ้นสูงๆ เสียด้วยซ้ำ!
เขาเคียดแค้นร้านชุ่ยเหยียนไจแห่งนั้นมาสี่ปีแล้ว ตอนนี้เพลิงแค้นเป็นอันมอดดับลงได้เสียที อย่าให้บอกเลยว่าสะใจขนาดไหน!
ซ่งอิงแคะหู รู้สึกว่าตัวเองเกือบหูหนวกอยู่แล้ว
อะไรจะเสียงดังขนาดนี้!
“วันนี้ก็เป็นวันดีที่จะได้ดื่มสุรากันพอดีมิใช่หรือ ต้องให้อาสี่เลี้ยงที่ไหนกันเล่า!” ซ่งอิงปั้นหน้าฉีกยิ้มเริงร่าเช่นกัน
“ก็จริง!” ซ่งหม่านซานคลี่ยิ้มอย่างเป็นกันเอง “เมื่อครู่พ่อเฒ่าตามหาเจ้าอยู่น่ะ ไปดูหน่อยสิ อีกเดี๋ยวงานเลี้ยงก็จะเริ่มแล้ว”
ซ่งอิงพยักหน้าตอบรับทันที
นางไปถึงตรงหน้าชายชราพร้อมกับซ่งสวิน บัดนี้ข้างกายพ่อเฒ่ามีแขกคนสำคัญจากสี่ห้าครอบครัวนั่งอยู่
อันดับแรกเป็นพี่ชายของเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ฝั่งตระกูลมารดา มองดูซื่อสัตย์และสง่าผ่าเผยอย่างยิ่ง สมกับเป็นถงเซิง จากนั้นคือคนตระกูลมารดาของหร่วนซื่อ ตระกูลหร่วนมีสมาชิกในครอบครัวมากมาย ดังนั้นจึงไปมาหาสู่กับตระกูลซ่งน้อยครั้งมาก ลุงและป้าสะใภ้ผู้นี้ซ่งอิงและซ่งสวินไม่ค่อยคุ้นเคย ยามนี้ก็จงใจเอ่ยเรียกขานทั้งสองอย่างสนิทสนม ถือเป็นการไว้หน้าพวกเขา
ถัดมาคือตระกูลมารดาเจียวซื่อ ครอบครัวมารดายากจน คนที่มาเยือนมีจำนวนเยอะสุด ซึ่งส่วนใหญ่มาเพราะอยากร่วมกินเลี้ยง เทียบกับบ้านใหญ่ บ้านสอง และแม้กระทั่งบ้านสี่ที่มีแซ่เหยาเช่นเดียวกับบ้านใหญ่ ดูไม่มีเกียรติมากสักเท่าไร ก็ไม่น่าแปลกใจที่เมื่อครู่ครอบครัวเจียวดูเหมือนไม่มีตัวตนอะไร
แม้ให้กำเนิดทายาทมากมาย แต่ยามนี้ถูกคนตระกูลมารดาทำให้พลอยติดร่างแหไปด้วย จึงไม่มีหน้าไปสู้พี่สะใภ้น้องสะใภ้
หลังพบปะทักทายตระกูลญาติๆ เหล่านี้กันแล้ว ถัดมาจึงเป็นตระกูลเผย
วันนี้คนตระกูลอื่นที่มาเยือนล้วนเป็นเด็กรุ่นหลังทั้งสิ้น
ยกเว้นก็แต่ตระกูลเผยที่แตกต่างออกไป ผู้มาเยือนคือย่าของสะใภ้ใหญ่เผยซื่อ และผีซื่อมารดาผู้ให้กำเนิดเผยซื่อ
สองท่านนี้ไม่เคยเห็นซ่งอิงมาก่อน แต่ครั้นได้ยินคนอื่นเรียกนางว่าเอ้อร์ยา ย่อมเป็นอันรู้จักแล้ว
“โอ้ นี่น่ะหรือซ่งเอ้อร์ยาที่มากความสามารถผู้นั้นของตระกูลพวกเจ้า ไฉนพบเจอผู้หลักผู้ใหญ่ยังต้องใส่หมวกด้วยล่ะ มีอะไรไม่อาจให้ผู้คนเห็นได้หรือ” ผีซื่อสายตาราวกับคมมีดก็ไม่ปาน อยากจะกรีดเฉือนซ่งอิงให้รู้แล้วรู้รอด
น่าสงสารลูกเขยผู้นั้นของนาง แค่เอาบ๊ะจ่างไปไม่กี่ชิ้นก็ถูกนางเจ้าเล่ห์จิตใจโหดเหี้ยมส่งไปที่ว่าการอำเภอเสียแล้ว!
คนตระกูลซ่งกลุ่มนี้ก็ไม่เอาไหน ไม่ขัดขวางเลยสักนิด ปล่อยให้เด็กนอกคอกคนหนึ่งเป็นใหญ่ในบ้านไปเสียได้!
บุตรสาวนางผู้นั้นตอนนี้ท้องใหญ่แล้ว กลับกลายเป็นว่าไม่มีบ้านในตัวอำเภอให้อยู่ ทำได้เพียงกลับไปบำรุงครรภ์ที่บ้านมารดา ไม่มีหน้าไปเผชิญหน้ากับเพื่อนบ้านซ้ายขวา!
ผู้ร้ายตัวดีก็คือนางร้ายกาจตรงหน้าผู้นี้!
เรื่องของซ่งอิง ตามจริงบรรดาตระกูลญาติๆ ต่างก็รับรู้กันอยู่บ้าง
“สะใภ้ผี หลานสาวข้าผู้นี้ใบหน้าได้รับบาดเจ็บ ใส่หมวกก็เพราะเกรงว่าจะปะทะลม” ป้าสะใภ้ฝั่งตระกูลหร่วนเอ่ยปากบอกกล่าว
เมื่อก่อนไม่ได้ไปมาหาสู่กันบ่อยครั้ง แค่เคยพบเจอกันช่วงเทศกาลฉลองปีใหม่เพื่อนำของขวัญไปให้กันเท่านั้น แต่กระนั้นตระกูลหร่วนก็เป็นญาติใกล้ชิดที่สุดกับบ้านสอง ยามนี้หากไม่ช่วยซ่งอิงเอ่ยปากพูด เช่นนั้นก็จะเกิดความบาดหมางกับหร่วนซื่อเอาได้
ยิ่งไปกว่านั้นได้ยินว่าตอนนี้หลานสาวผู้นี้มากความสามารถและหาเงินได้ไม่น้อย
หากภายภาคหน้าเจริญรุ่งเรืองแล้ว ไม่แน่ว่ายังจะช่วยเหลือเกื้อกูลตระกูลลุงได้สักหน่อย
ผีซื่อแสยะยิ้มเยาะ “ดังนั้นคนเราต้องมีคุณธรรมดีงามในใจเข้าไว้ จิตใจไม่ดีงามก็ต้องถูกเวรกรรมตามสนอง! ไม่รู้จริงๆ ว่าชาติที่แล้วเด็กสาวผู้นี้ไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้ ชาตินี้ไม่มีหน้าพบเจอผู้คนก็ไม่เท่าไร แต่ยังต้องเฝ้าคนตาย ได้ยินว่าแม้แต่ลูกชายก็ยังไม่ใช่ลูกแท้ๆ แล้วนี่จะยังใช้ชีวิตได้อย่างไรอีก อย่ารอจนถึงแก่เฒ่าแล้วไม่มีแม้แต่คนอยู่เคียงข้างในวาระสุดท้ายเสียล่ะ!”