ตอนที่ 235 รู้สึกดีขึ้นมาก
ซ่งอิงพูดรวดเดียวจบ แต่ยังรู้สึกไม่ค่อยหนำใจเท่าไรนัก
เห็นแม่เฒ่าเผยตรงหน้าผู้นี้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันและดวงตาดุดันด้วยความโกรธจัด นางจึงสบถฮึเบาๆ “ท่านดูชราแล้วจริงๆ และเหมือนว่าพออายุมากสมองก็เลยใช้การไม่ได้แล้ว มิเช่นนั้นจะพูดจาน่าขันขนาดนั้นออกมาได้อย่างไรกันล่ะเจ้าคะ ข้าว่านะ หากท่านอายุมากจนไม่ไหวแล้ว เช่นนั้นก็อย่าออกจากบ้านเลย ก็อย่างข้า ตอนนี้ข้าไม่กล้าพูดจารุนแรงกับท่านแม้แต่ประโยคเดียว ด้วยเกรงกลัวว่าจะทำให้หน้าชราๆ ของท่านคะมำลงพื้นมาทับตัวข้า…”
ซ่งอิงพร่ำพรรณนาอย่างเนิบๆ ขึ้นมาอีกครา
หญิงชราผู้นั้นโกรธเกรี้ยวจนแทบกระอักเลือด หายใจหอบหนักด้วยความเดือดดาล
ซ่งเหล่าเกินนิ่งอึ้ง พลันคิดว่าตัวเองหูแว่วไปแล้ว
คนที่พูดเมื่อครู่…
นั่นคือหลานสาวคนรองของเขาหรือ ไฉนจึงรู้สึกเหมือนเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ไปเสียได้ล่ะ!
ไม่สิ เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ก็ไม่เหมือนนางเช่นนี้ ลูกสะใภ้ใหญ่อารมณ์เกรี้ยวกราด หากเอ่ยปากทีจะต้องฟ้าถล่มดินทลายเป็นแน่ เหมือนดั่งเด็กสาวผู้นี้เสียที่ไหน น้ำเสียงนุ่มนวลเหมือนลูกแมว แต่คำพูดที่หลุดรอดออกมาแต่ละถ้อยค่ำทิ่มแทงใจยิ่ง
แน่นอนว่าซ่งเหล่าเกินรู้สึกสะใจอยู่ลึกๆ
“อะแฮ่ม!” ชายชราส่งเสียงกระแอมไอ “เอ้อร์ยา พูดจาเหลวไหลอะไรน่ะ? แม่เฒ่าตระกูลดองเป็นคนประเภทนั้นที่ไหนกัน เจ้าเป็นเด็กเป็นเล็กแม้พูดจาไม่น่าฟัง แต่แม่เฒ่าตระกูลดองเคยพบเห็นอะไรมานักต่อนักแล้ว ยังไม่ถึงขั้นล้มคะมำลงบนพื้นหรอกด้วยถ้อยคำเหล่านี้หรอก!”
ซ่งอิงเม้มมุมปาก
ชายชราก็เป็นคนหนึ่งที่ร้ายกาจไม่เบา
“ท่านยายตระกูลเผยโปรดอภัยให้ด้วย น้องสาวบ้านข้าใสซื่อมาแต่ไหนแต่ไร มีอะไรก็พูดออกไปเช่นนั้นเสมอ ท่านอย่าได้เก็บเอามาใส่ใจเลย แม้เด็กสาวผู้นี้ดูปากคอเราะราย แต่ในความเป็นจริงจิตใจดีงามยิ่งนัก ก่อนหน้านี้ที่ส่งพี่ใหญ่ไปตัวอำเภอนั่นก็เป็นข้อสรุปของคนครอบครัวพวกเราหารือกัน พี่ใหญ่สร้างครอบครัวแล้ว ในฐานะลูกผู้ชายเต็มตัวทั้งยังเป็นสามีแล้วอีกด้วย ย่อมต้องแบกรับผลการกระทำผิดของตนเอง ซึ่งนี่ก็คือคำสั่งสอนของตระกูลซ่งข้า คนครอบครัวพวกเราก็ไม่อาจโกรธเคืองน้องสาวเพราะเรื่องนี้ ดังนั้น…ก็ไม่ลำบากให้ตระกูลเผยต้องเปลืองแรงกายแรงใจมาสั่งสอนน้องสาวข้าจะดีกว่าขอรับ” ซ่งสวินรีบกล่าวเสริม
“ก็อย่างที่ว่านี้ละ เรื่องของครอบครัวพวกเรา เอาไว้พูดคุยกันเองในครอบครัว พวกท่านตอนแรกไม่ยินดีชดใช้ค่าเสียหายบ๊ะจ่าง เช่นนั้นก็อย่าได้สนใจเลย” ซ่งฝูซานกล่าวทันควัน
หยิบยกเรื่องลูกชายของเขามาทิ่มแทงใจเขาให้น้อยๆ หน่อยเถอะ!
ซ่งจินซานรีบพยักหน้าเสริมทัพพี่ชายคนโตและบุตรชายทันทีทันใด
บัดนี้ชายชราซ่งเล็งเห็นความสำคัญของหลานชายคนรอง รู้สึกพึงพอใจในคำพูดของเขาเมื่อครู่อย่างเหลือล้น
พูดได้ตรงประเด็นและมีน้ำหนักอย่างยิ่ง
แม้ว่าซ่งเสี่ยนกระทำผิด แต่กลายเป็นได้บอกกล่าวผู้อื่นเช่นกันว่าพวกเขาตระกูลซ่งมีความรับผิดชอบ ไม่ใช่วงศ์ตระกูลที่ชอบปัดความรับผิดชอบเช่นนั้น
ทั้งยังเอ่ยไว้อีกว่าจะไม่ตำหนิโทษเอ้อร์ยาด้วยเหตุนี้ นั่นเท่ากับการกล่าวว่าครอบครัวพวกเขาไม่เพียงแต่ว่ากันตามเหตุและผล แต่ยังรักและเอ็นดูหลานสาวอีกด้วย
ประเด็นสำคัญที่สุดก็คือ เรื่องนี้เป็นเรื่องในครอบครัว
ตระกูลเผยถือเป็นอะไร ไม่มีสิทธิ์มาจุ้นจ้านเสียหน่อย
ซ่งเหล่าเกินคิดว่าตนเองสบายเนื้อสบายตัวไปหมด
วันนี้วันคล้ายวันเกิดอายุครบหกสิบปี เดิมทีเขายังไม่ค่อยมีหน้าพบเจอผู้คนสักเท่าไร เนื่องจากเกรงกลัวว่าผู้อื่นจะถามไถ่ว่าไฉนหลานชายคนโตจึงไม่อยู่…
แต่ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว
ตระกูลซ่งเขามีหลานชายหลายคน แต่ดูสิว่ารักใคร่กลมเกลียวกันขนาดไหน
ชายชรายิ้มตาหยี “อีกเดี๋ยวงานเลี้ยงจะเริ่มแล้ว แม่เฒ่าตระกูลดองก็ทำใจให้สบายๆ กินเยอะๆ หน่อยล่ะ!”
กินบ้ากินบออะไร!
หญิงชราเกือบหลุดก่นด่าออกมา!
ตระกูลซ่งนี่ช่างรังแกผู้คนเกินไปแล้ว คนแล้วคนเล่าอาศัยความคนมากเล่นงานนาง!
ซ่งเอ้อร์ยาผู้นั้นพูดถ้อยคำที่ล่วงเกินผู้อาวุโสมากมายขนาดนั้น นางยังไม่ได้ตำหนิเลยสักประโยคก็จะปล่อยเรื่องราวผ่านเลยไปแล้ว?!
“ข้าจะบอกอะไรให้นะพ่อเฒ่าตระกูลดอง ครอบครัวเจ้านี่…”
แม่เฒ่าเผยเพิ่งปริปาก ซ่งเหล่าเกินก็มองไปยังหลานชายแล้วเอ่ยถาม “เอาละ เรียกบรรดาเด็กๆ เข้ามาสิ ได้เวลาน้อมคำนับแล้ว ไว้คำนับเสร็จสิ้นจะได้กินข้าวกัน เดี๋ยวจะทำให้แม่เฒ่าตระกูลดองหิวเสียเปล่าๆ!”
ซ่งเหล่าเกินสามารถกำราบหม่าซื่อให้ไม่กล้าหืออือได้หลายสิบปี ย่อมไม่ใช่คนซื่อบื้อ
เอ่ยปากเพียงประโยคเดียว แม่เฒ่าเผยก็ไม่อาจพูดจาใดๆ ได้อีกแล้ว
ตอนที่ 236 มอบของขวัญ
วันนี้เป็นวันสำคัญยิ่งของตระกูลซ่ง คนเขาพูดขึ้นมาแล้วว่ายามนี้ต้องการให้เด็กรุ่นหลังเข้ามาน้อมคำนับ หลังจากนั้นจะเริ่มงานเลี้ยง ในฐานะแม่เฒ่าตระกูลดอง หากขัดขวางเช่นนั้นจะกลายเป็นอะไรไป?
จะไม่เท่ากับจงใจก่อปัญหาขึ้นมาแล้วหรือ
อีกทั้ง…
ซ่งเหล่าเกินผู้นี้ให้คนไปเรียกหลานๆ ทั้งหมดเข้ามา ถึงเวลา…นั่นก็ยิ่งเป็นการผนึกกำลังมหาศาล เมื่อครู่ยังเอาเปรียบอะไรไม่ได้เลยสักนิด อีกเดี๋ยวพวกตระกูลซ่งพากันมาอีก นางก็ยิ่งทำอะไรไม่ได้เข้าไปใหญ่!
หญิงชราเดือดดาลจนหน้าตาแดงก่ำ กัดฟันแน่นและพ่นลมหายใจอย่างเงียบๆ
คนอื่นๆ ล้วนไว้หน้าซ่งเหล่าเกินผู้เป็นเจ้าของวันคล้ายวันเกิด จึงไม่ไปสร้างความไม่พอใจใดๆ ให้เป็นธรรมดา
ไม่ทันไร ลูกๆ หลานๆ ตระกูลซ่งก็มากันพร้อมหน้าพร้อมตา
พวกเขาคุกเข่าลงตรงหน้าชายชราตามลำดับอาวุโส ก้มคำนับก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นส่งมอบของขวัญ และเป็นดังเช่นที่ซ่งอิงคิดเอาไว้ สิ่งของที่ลุงใหญ่ บิดานาง อาสาม และอาเล็กมอบให้ดูพอประมาณกัน
สิ่งที่ลุงใหญ่มอบให้คือผ้าผืนใหม่สองพับ บิดานางมอบไม้ค้ำยันหัวจับรูปทรงสิงโตหนึ่งด้ามและแหวนสวมนิ้วโป้งมือซึ่งทำจากกระดูกกวางหนึ่งวง ไม่ถือว่ามีราคาสูงนัก แต่มองดูเข้าท่าไม่น้อย
ของที่ครอบครัวอาสามมอบให้คือเก้าอี้โยกทำเอง ชายชราหรี่ตาหยี ดูสุขใจอย่างยิ่ง
ส่วนซ่งหม่านซานดูเกินหน้าเกินตาไปหน่อย ที่มอบให้คืออาภรณ์ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวอย่างละชุด ของฤดูอื่นไม่เท่าไร ไม่ค่อยดึงดูดสายตานัก แต่เสื้อคลุมหนังกระรอกสีเทาสำหรับสวมใส่ในฤดูหนาวตัวนั้นดูจะสร้างความสุขใจให้ผู้รับไม่น้อย
“ท่านพ่อ ข้าไม่มีเงินอะไรมากมาย ของที่ซื้อไม่ได้แพงแต่ก็มีความตั้งใจยิ่ง ขอเพียงให้ท่านพ่อได้สวมอาภรณ์ตัวใหม่ทุกๆ ปี ไม่ท้องหิวไม่เหน็บหนาว!” ซ่งหม่านซานยังมีหน้ามาเอ่ยพูดอย่างใสซื่ออีก
ก็ไม่แปลกที่ซ่งหม่านซานจะได้รับความโปรดปราน?
กล่าวถึงใจกตัญญูกตเวที บิดานางและอาสามมีสิบส่วนแสดงออกห้าส่วน ขณะที่อาสี่มีห้าส่วนทว่าต้องการแสดงออกถึงสิบส่วน
เอาชนะพี่ชายทั้งสามคนได้ขาดลอย
ดูซ่งหม่านซานพูดจาเข้าสิ ที่พูดก็แค่คำเฉยๆ คล้ายว่าชักเริ่มไม่จริงใจเสียแล้ว แต่ในความเป็นจริงกลับทำให้ชายชรารู้สึกมั่นคงได้มากที่สุด
ชายชราอายุปูนนี้แล้ว ที่กังวลใจก็คือเด็กรุ่นหลัง บุตรชายคนเล็กของเขาผู้นี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากำลังให้คำมั่นสัญญาว่า ภายภาคหน้าเขาแก่เฒ่าเดินเหินไม่ไหวแล้ว จะยังคอยปรนนิบัติเขาให้อิ่มท้องและดูแลเขาให้อบอุ่น!
แล้วจะไม่ชนะใจได้อีกหรือ!
เดิมทีเก้าอี้โยกของซ่งอิ๋นซานเป็นสิ่งของที่ชนะเลิศ ทว่าตอนนี้ถูกซ่งหม่านซานบดบังไปเสียแล้ว
เจียวซื่อบังเกิดเปลวไฟแห่งความริษยา ถลึงตามองอาเล็กผู้นี้แต่กลับไม่อาจทำอะไรได้
เก้าอี้โยกตัวนี้ไม่ได้ทำกันได้ง่ายๆ และขายได้เงินจำนวนไม่น้อย สามีนางเริ่มเตรียมมันเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ทุกครั้งที่ทำงานเสร็จก็จะลงมือทำมันอย่างประณีต ด้วยเกรงว่าตามเก้าอี้โยกตัวนี้จะมีเสี้ยนไม้และไม่ราบเรียบ!
กลับกลายเป็นว่าเทียบกับปากซ่งหม่านซานผู้นี้ไม่ได้เสียนี่!
“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมทั้งหมด!” พ่อเฒ่าดีใจจนยิ้มไม่หุบ
แขกเหรื่อที่มาเยือนย่อมกล่าวชื่นชมว่าบุตรชายทั้งสี่คนนี้กตัญญูรู้คุณ และกล่าวว่าซ่งเหล่าเกินช่างมีบุญวาสนายิ่งนัก
ซ่งเหล่าเกินผู้หลงใหลในภาพลักษณ์รู้สึกพึงพอใจมาก
จากนั้นก็เป็นหลานๆ มอบของขวัญ นอกจากหลานชายคนโต หลานชายคนอื่นๆ ล้วนยังไม่ได้แต่งงาน ดังนั้นจึงไม่ได้มีเงื่อนไขที่สูงนัก มอบของเล็กๆ น้อยๆ ให้ตามใจก็เป็นอันใช้ได้แล้ว
ที่ซ่งสวินมอบให้คือไม้ช่วยใส่รองเท้า…
แต่จะดูถูกว่าเป็นแค่ไม้ช่วยใส่รองเท้าไม่ได้เชียว นี่เป็นถึงสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน เอาวางไว้หลังส้นเท้าก็จะสวมรองเท้าได้สบายขึ้นมาก ที่ชายชราใช้อยู่คือไม้ แต่ที่ซ่งสวินมอบให้กลับเป็นของที่ทำจากเขาวัว…
เขาวัวใช่ว่าจะได้มาโดยง่ายดาย…
ไม้ช่วยใส่รองเท้าขนาดเล็กๆ หนึ่งด้าม ส่วนบนยังสลักลวดลายอย่างคำว่าจี้เซียงหรูอี้[1]เอาไว้อีกด้วย ค่อนข้างแพงไม่แพ้กัน
ซ่งเสี่ยนไม่อยู่ ซ่งสวินจึงเป็นคนเปิด ย่อมขายหน้าไม่ได้ ชายชราดีอกดีใจขึ้นมาอีกครั้งหลังได้รับของไป เอ่ยปากเชยชมยกใหญ่
จากนั้นเด็กคนอื่นๆ ก็เดินขึ้นมาข้างหน้า หลานเซิ่งมอบรองเท้าให้ น่าจะเป็นของที่เจียวซื่อทำ หลานเวยมอบผ้าขนหนู หลานอู่และหลานต๋ายังเด็ก ทั้งสองคนมอบอักษรมงคลอวยพรให้อายุยืนยาวซึ่งเขียนด้วยตนเอง การเขียนตัวหนังสือได้ก็เป็นการเชิดหน้าชูตาให้ชายชราเช่นกัน จึงได้รับคำชมไปเช่นเดียวกัน
ที่เหลือก็คือหลานคังของครอบครัวบุตรลำดับที่สี่ซึ่งยังเป็นเด็กเล็ก พูดแค่ประโยคมงคลสองสามประโยคก็ใช้ได้แล้ว
————————-
[1] จี้เซียงหรูอี้ (吉祥如意) หมายถึง มงคลโชคสมดังปรารถนา