ตอนที่ 269 ตกลงอยู่ร่วมกันชั่วชีวิต
มาเป็นแม่สื่อในช่วงเวลาเช่นนี้คงไม่ได้มีเจตนาดีสักเท่าไร
คนเราโดยทั่วไปรู้ทั้งรู้ว่าลูกหายตัวไป จิตใจของคนเป็นแม่ย่อมทุกข์ทรมานที่สุด ช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ยังจะมีความนึกคิดหาคู่ครองอีกหรือ
นางคิดว่าคนผู้นี้ไม่ได้มาแนะนำคู่ครอง หากแต่มาด้วยความอาฆาตเสียมากกว่า
“แม่นางเอ้อร์ยา ท่านก็อย่าตำหนิที่ข้าพูดจาตรงไปตรงมาเลยนะ อย่างไรเสียก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆ เลี้ยงดูไปก็ไม่ทำให้วางใจได้หรอก…คือเช่นนี้ พ่อค้าเร่หลิวหมู่บ้านข้างๆ ให้ข้ามาเป็นแม่สื่อ ขอเพียงเจ้าแต่งเข้าไป ไม่ว่าเรื่องน้อยใหญ่ในครอบครัวล้วนให้เจ้าเป็นผู้ตัดสินใจทั้งหมด เงินก็มอบให้เจ้าจัดการทั้งหมดเช่นกัน! เขาไม่มีมารดา ไม่มีบุตร ในบ้านก็พอมีที่นาอยู่จำนวนหนึ่ง ถือว่าเป็นคนขยันขันแข็งอย่างยิ่งเชียวละ!” แม่สื่อคลี่ยิ้มแล้วบอกกล่าว
“พ่อค้าเร่หลิวหมู่บ้านข้างๆ?” ผู้คนที่มาล้อมรอบมุงดูอดเอ่ยปากขึ้นมาไม่ได้ “ถุย! ข้ารู้จักพ่อค้าเร่หลิวคนนั้น ตอนหนุ่มยามที่เร่ขายของ เจอหมาจรจัดตามทางไม่ว่ากี่ตัวก็ถูกหมากัด ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยกัดไม่รู้ตั้งเท่าไร! ขาสองข้างก็ใช้การได้ไม่ค่อยดีแล้ว หากไม่ใช่เพราะพอมีเงินติดบ้านอยู่บ้างคงอดตายไปนานแล้ว!”
สิบกว่าปีก่อน คนผู้นั้นเลิกเร่ขายของไปแล้ว!
“เป็นเขาเองหรือ! อายุสี่สิบแล้วกระมัง คนระดับนี้จะคู่ควรเอ้อร์ยาได้อย่างไรกัน!?” มีคนกล่าวขึ้นอีก
“โอ้ย แม้ขาใช้การได้ไม่ค่อยดีแล้ว แต่ยังมีน้ำยานี่? พ่อค้าเร่หลิวผู้นั้นก็อยากมีลูกเช่นกัน แต่มันตบมือข้างเดียวไม่ได้นี่สิ! อีกทั้งพ่อค้าหาบเร่ขาพิการ ส่วนแม่นางเอ้อร์ยา…ก็หน้าเสียโฉมแล้วเช่นกัน หากแต่งให้ผู้อื่น เกรงว่าคงไม่ได้รับความรักใคร่อยู่ดี…” แม่สื่อกล่าว
ซ่งอิงอยากเตะคนสักทีเสียแล้ว
แต่นางอดกลั้นไว้ เพราะ…
รู้สึกว่าไม่ชอบมาพากลเอาเสียเลย
เรื่องราวในหมู่บ้านตนเพิ่งเกิดเพียงสองวันเท่านั้นเอง ไฉนจึงแพร่งพรายไปหมู่บ้านข้างๆ ชัดเจนอย่างนี้ได้ ถึงขั้นหาแม่สื่อมาแล้วด้วย?
ใครเป็นผู้แนะนำนางให้กับพ่อค้าเร่หลิว คงต้องมีคนในหมู่บ้านสักคนไปพูดกระมัง ไม่เช่นนั้นคนผู้นั้นจู่ๆ จะถูกตาต้องใจนางโดยไร้สาเหตุได้อย่างไร
“หุบปาก!” เสียงตะโกนลั่นจากคนผู้หนึ่งดังขึ้นกะทันหัน
หลี่จิ้นเป่าเดินปรี่เข้ามาท่ามกลางฝูงชน ชี้หน้าแม่สื่ออย่างโกรธจัด “น้องอาอิงแม้หน้าเสียโฉมแต่ก็เป็นคนที่สะอาดผุดผ่องดุจดวงจันทร์ก็ไม่ปาน! พ่อค้าเร่หลิวที่เจ้าเอ่ยถึงก็แค่คนไม่เอาไหนคนหนึ่ง จะคู่ควรกับนางได้อย่างไร! เจ้าอย่าได้พูดจาเหลวไหลทำลายชื่อเสียงของน้องอาอิงเชียว!”
ซ่งอิงเลิกคิ้ว
“โอ้ย! หน้าก็กลายเป็นสภาพเช่นนี้แล้ว มิหนำซ้ำยังเป็นแม่ม่าย ยังจะช่างเลือกอีกหรือ! ข้าไม่ได้พูดเกินไปหรอกนะ ในใต้หล้านี้ คนที่จะถูกตาต้องใจนาง หากไม่ใช่พ่อค้าเร่หลิวที่ไม่ต่างจากของเหลือ ก็คงเป็นพวกไร้ประโยชน์คนอื่น คนที่ปกติเขาย่อมอยากได้แม่นางที่ปกติอยู่แล้ว” แม่สื่อชักสีหน้าดูถูกดูแคลน
แต่ซ่งอิงรู้สึกว่าคำพูดนี้เหมือนท่องจำมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น
“เจ้าจะไปรู้อะไร! ข้า ข้าก็ชอบน้องอาอิง! ข้ากับอาอิงตกลงกันไว้ตั้งนานแล้วว่าจะอยู่ร่วมกันชั่วชีวิต เจ้าคิดจะใช้คนอย่างพ่อค้าเร่หลิวมาทำให้นางอับอายสินะ?!” หลี่จิ้นเป่ากล่าวอย่างบันดาลโทสะ
“พ่อหนุ่มน้อย เจ้าเห็นข้าเป็นคนโง่เขลาหรือ เจ้าพูดว่าได้ตกลงจะอยู่ร่วมกันชั่วชีวิต นั่นหมายความว่าได้ตกลงอยู่ร่วมกันชั่วชีวิตแล้วจริงหรือ ไร้พยานไร้หลักฐาน อย่าได้พูดจาเหลวไหลสิ” แม่สื่อกล่าวขึ้นอีกตามที่คาดคิดไว้
ซ่งอิงไม่โมโหแล้วเช่นกัน เอนหลังพิงบานประตูรับชมละครอยู่ข้างๆ
การแสดงคู่คราวนี้ ขับร้องได้ไม่เลวทีเดียว
บุตรชายเพิ่งถูกขโมยตัวไปหยกๆ ไม่ทันไรก็มีคนมาเอ่ยสู่ขอถึงหน้าประตู
เพราะมั่นใจว่าตอนนี้นางเศร้าโศกถึงขีดสุด ไร้ที่พึ่งพิง จิตใจย่ำแย่ ผนวกกับได้รับความอับอายจากแม่สื่อจึงอยากตายๆ ไปเสีย? เมื่อเอ่ยปากช่วยชีวิตนางจาก ‘ทะเลแห่งความข่มขื่น’ นางก็จะทราบซึ้งในพระคุณอย่างยิ่ง?
หากนางเป็นเด็กสาวหน้าบางคนหนึ่งๆ ได้ยินคำพูดเหล่านี้ของแม่สื่อ เกรงว่าคงได้อับอายจนไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วจริงๆ
หญิงสาวคนไหนจะยินดีถูกคนอื่นชี้หน้าว่าอัปลักษณ์และคู่ควรกับคนไร้ประโยชน์กันเล่า
ต่อให้ก่อนหน้านี้หลี่จิ้นเป่ากระทำเรื่องผิดๆ ไว้มากมายเพียงใดก็ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยไปแล้วเมื่อเทียบกับคนพิการ
ฮ่าๆ
ซ่งอิงจัดหลี่จิ้นเป่าอยู่ในตำแหน่งผู้ต้องสงสัยลำดับที่หนึ่ง ยิ่งก่อนหน้านี้ไอ้หมอนี่อยากให้หนิวซานซานเล่นงานบุตรชายนางด้วย เข้าใจวางแผนดีนี่!
ตอนที่ 270 หลักฐานยืนยัน
หลี่จิ้นเป่าหูหน้าตาแดง อ้ำอึ้ง ครุ่นคิดอย่างหนักอยู่พักหนึ่งแล้วจึงล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาจากซอกอก
ซ่งอิงกวาดตาไปเห็น…
อุ๊ย เป็นของนางจริงๆ เสียด้วย เข้าใจเตรียมมานี่!
ต้องเป็นเขาแน่ หนีไม่รอดแล้ว!
ผ้าเช็ดหน้านี้เป็นของที่เจ้าของร่างปักลวดลายเอาไว้ตอนก่อนจะไปจวนโหว ตอนนั้นงานฝีมือเย็บปักของนางอยู่ในระดับธรรมดา บางครั้งก็จะปักผ้าเช็ดหน้าฝึกปรือฝีมือ หร่วนซื่อสงสารบุตรสาว หลังบุตรีไปจวนโหว จึงเก็บสิ่งของที่เคยใช้แยกเอาไว้ ไม่ได้นำไปกำจัดทิ้ง
เมื่อเจ้าของร่างกลับมาย่อมต้องมองดูของเก่าๆ และนึกถึงเรื่องราวในอดีตเป็นธรรมดา
นางอยู่จวนโหวเป็นเวลาสองปี งานฝีมือเย็บปักถักร้อยจึงเข้าขั้นยอดเยี่ยม แวบแรกที่มองเห็นฝีเข็มซึ่งดูไม่ค่อยสละสลวยนักก็อดปวดใจไม่ได้
ภายหลังนางข้ามภพเข้ามาอยู่ในร่างนี้แล้ว
ความรู้สึกตลอดจนความทรงจำของนางหล่อหลอมเข้ากับเจ้าของร่าง แทบจะเรียกได้ว่าเป็นคนคนเดียวกัน ดังนั้นสิ่งของเหล่านี้จึงทำให้ความทรงจำเก่าๆ ผุดขึ้นมาเช่นกัน
แม้ไม่ได้ใช้แต่ก็ทำใจทิ้งไม่ลง
ตนเก็บผ้าเช็ดหน้าไว้สองผืน ส่วนที่เหลืออีกจำนวนหนึ่งก็เอาไปมอบให้บุตรสาวลำดับที่สามของครอบครัวอาสะใภ้สาม
เจียวซื่อเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียวไม่ค่อยซื้อหาอะไรให้ลูกๆ สักเท่าไร ซ้ำแล้วกับเด็กสาวอย่างน้องเสี่ยน แค่ผ้าเช็ดหน้าไม่กี่ผืน ยกให้นางใช้ก็ไม่เห็นจะเป็นไร
บนผ้าเช็ดหน้าที่เห็นอยู่นี้ปักเป็ดป่าเอาไว้หนึ่งตัว
ไม่ใช่หงส์ มันคือเป็ดป่าจริงๆ
เจ้าของร่างเดิมแยกความแตกต่างระหว่างเป็ดป่ากับหงส์ไม่ออก
เพียงแต่ ส่วนล่างสุดของผ้าเช็ดหน้ามีอักษรเล็กๆ ว่า ‘อิง’ ในหมู่บ้านไม่มีคนชื่อเดียวกับนาง ดังนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ นี่ค่อนข้างชวนให้ผู้คนหลงเชื่อได้ดีทีเดียว
“ถุย! แลกกันไว้กระทั่งของอันเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักด้วย? นึกว่าจะเป็นหญิงที่ซื่อสัตย์รักเดียวใจเดียวอะไรพวกนี้เสียอีก คิดไม่ถึงว่าจะต่ำช้าถึงขั้นแอบมีชู้! ช่างเถอะ คนเช่นนี้ข้าก็ไม่ยินดีจะเป็นแม่สื่อให้เช่นกัน เดี๋ยวจะเป็นการสวมเขาให้พ่อค้าเร่เสียเปล่า! ชีวิตนี้ขืนได้แต่งกับหญิงที่ไม่รู้จักสงบเสงี่ยมเจียมตัวประเภทนี้ มีหวังได้เสียใจภายหลังชั่วชีวิต!” แม่สื่อยังไม่ลืมพูดทิ้งท้าย
“เจ้าไม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจแทนไปหรอก ตัวอาอิงดีที่สุดอยู่แล้ว พวกเราสองคนรักกัน ความรักเหนือทุกสิ่งอย่าง นางไม่เหมือนอย่างที่เจ้าพูดเช่นนั้นสักหน่อย…”
แปะๆๆ! ซ่งอิงปรบมือ
หลี่จิ้นเป่าและแม่สื่อล้วนตะลึงงัน
“พูดได้ดี” ซ่งอิงยิ้มกล่าว “ทั้งสองท่านแสดงละครได้สนุกจริงๆ เกรงว่าเมื่อแม่สื่อไปแล้ว อีกเดี๋ยวเรื่องงานแต่งของข้ากับหลี่จิ้นเป่าก็จะกลายเป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้วกระมัง”
“อาอิง…ข้ารู้ว่าเจ้าโทษที่ข้าพูดความจริงเหล่านี้ออกมา แต่…แต่หากข้าไม่บอกทุกคนเกี่ยวกับเรื่องของเรา ภายหลังก็จะยังมีแม่สื่อมาอีก พวกนางจะพูดคำเหล่านี้ที่ทำให้เจ้าอับอายอีก ข้าจะทนได้อย่างไรกันเล่า!” หลี่จิ้นเป่าลอบถอนหายใจในใจ
วาจาคนช่างน่ากลัวยิ่งนัก
ขอเพียงคนอื่นหลงเชื่อ ซ่งอิงไม่อยากแต่งก็จำเป็นต้องแต่ง ไม่เช่นนั้นแต่ละคนจะพากันคิดว่านางเป็นคนมักง่าย ใจไม้ไส้ระกำ!
“เจ้าพูดถูก นางเปล่งวาจาที่น่ารังเกียจกับข้าตั้งมากมายขนาดนี้ จะอดทนได้อย่างไรกัน เดี๋ยวข้าจะไปเรียกท่านแม่กับป้าสะใภ้ใหญ่ให้มาจัดการแทนข้า!” ซ่งอิงรีบกล่าวทันควัน จากนั้นก็มองดูผ้าเช็ดหน้านั่น “ผ้าเช็ดหน้านี้…เป็นของข้า”
หลี่จิ้นเป่าพลันดีใจยกใหญ่
“แต่น่าแปลกจริง ข้ายกผ้าเช็ดหน้าให้น้องสาวในตระกูลไปหมดแล้ว ที่ใช้อยู่ปัจจุบันเป็นผืนที่เพิ่งปักเมื่อปีนี้เอง ของที่อยู่กับเจ้านี่ ไม่ใช่ว่าขโมยของน้องสาวข้ามากระมัง แต่ก็จริง เด็กสาวนั่นวันๆ ต้องสับหญ้าจู่ฉ่าวต้องเก็บเห็ดอยู่งก ๆ คงต้องทำผ้าเช็ดหน้าหายกันบ้าง ถึงอย่างไรก็เป็นของเก่า ข้าเองก็ไม่เสียดายเช่นกัน”
ขณะพูด ซ่งอิงหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมา
เพียงพริบตาก็นำไปเทียบเคียงกับผ้าในมือหลี่จิ้นเป่า
ผ้าเช็ดหน้าหลี่จิ้นเป่านั้นทอด้วยไหมผืนบางธรรมดา สิ่งที่ปักเอาไว้บนนั้น…ไม่ถือว่ามีความโดดเด่นเลยสักนิด
ทว่าผ้าเช็ดหน้าในมือซ่งอิงเป็นผ้ากำมะหยี่สีทองปักลายหงส์ คุณภาพดีงดงามยิ่งกว่า ใช้ในช่วงฤดูร้อนก็ช่วยให้รู้สึกสบายเพราะระบายอากาศได้ดี นอกจากนี้ด้านบนยังปักบางอย่างเอาไว้ คือ…โสมหนึ่งกอที่มีใบประดับลูกปัด?
แม้ประหลาดไปหน่อย แต่ฝีเข็มนั้นดูมีความแตกต่างอย่างใหญ่หลวง