ตอนที่ 249 ความผิดมหันต์
แม้ชาวบ้านชนบทไม่มีเวลาอบรมสั่งสอนเด็กๆ สักเท่าไร ทั้งยังไม่รู้เกี่ยวกับหนังสือทั้งสี่และคัมภีร์ทั้งห้า แต่ใช่ว่าจะไม่รู้มารยาทรวมไปถึงระเบียบพิธีการต่างๆ ไม่ว่าผู้ใดต่างก็เคยวิพากษ์วิจารณ์ลับหลังกันทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม ความหนักเบาของเรื่องราวก็แตกต่างกันไป
โดยปกติแต่ละวันทุกคนพูดคุยสัพเพเหระและหัวเราะกันเล็กๆ น้อยๆ เพราะว่างงาน สร้างความครื้นเครงกันชั่วครู่ชั่วคราวก็เลิกรา
แต่กรณีหลี่จิ้นเป่าแตกต่างออกไป
เขาไม่เพียงแต่กล่าวว่าผู้อื่นในแง่ลบ ยังยุยงให้คนอื่นกระทำเรื่องไม่ดีอีกด้วย ถึงขั้นเอาแต่เข้าไปยุ่มย่ามเรื่องครอบครัวคนอื่นเขาไม่เข้าท่า คนประเภทนี้ชวนให้ผู้คนรังเกียจเสียยิ่งกว่าสตรีปากร้ายด้วยซ้ำไป อีกอย่าง ก็เหมือนดั่งที่ซ่งอิงพูด ทุกคนกลัวว่าหลี่จิ้นเป่าจะพาลพาให้บรรดาเด็กๆ เดินไปในทางที่ผิด!
หลังหลี่จิ้นเป่าครุ่นคิดทบทวนแล้วหนึ่งรอบ กลับหาเด็กมาถามไถ่ไม่ได้สักคน
ย่างก้าวไม่ทันระวังไปเตะกอผักป่าเข้าจำนวนหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีหญิงภรรยากระโดดโหยงออกมา “ไอ้เด็กหนุ่มตระกูลหลี่ผู้นี้ ไยเจ้าจึงเดินไม่ดูตาม้าตาเรือเสียบ้าง?! ของที่อยู่ใต้เท้าเจ้านั่นเป็นถึงของที่เอาขึ้นโต๊ะอาหารได้ พ่อแม่เจ้าไม่สั่งสอนเลยหรือว่าจะสิ้นเปลืองพืชพันธุ์อาหารไม่ได้? อายุสิบเจ็ดสิบแปดปีแล้วแท้ๆ ยังสู้เด็กเล็กคนหนึ่งไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
วันนี้สิ้นเปลืองพืชพันธุ์อาหารได้ พรุ่งนี้ก็เผาแปลงเพาะปลูกวายวอดได้
“…” หลี่จิ้นเป่ามองอย่างตะลึงงัน
โกรธเกรี้ยวจนหน้าแดงก่ำ หลังเดินต่อไปอีกไม่กี่ก้าว มาถึงริมแม่น้ำ ได้ยินเสียงกบน่ารำคาญ รู้สึกหงุดหงิดใจเกินบรรยายจึงหยิบก้อนหินแล้วขว้างออกไป
“ทำอะไรน่ะ!?” ก้อนหินเพิ่งตกลงก็มีเสียงคนผู้หนึ่งตะโกนขึ้นจากด้านหลัง ทำหลี่จิ้นเป่าตกใจสะดุ้งโหยงเกือบเสียหลักล้มลงไปในน้ำ!
ครั้นหันไปมอง เป็นลุงที่ไม่คุ้นเคยคนหนึ่ง ลุงผู้นั้นมองเขาสีหน้าโกรธเกรี้ยว “กบตัวนี้จับแมลงศัตรูพืช! เด็กสามขวบยังรู้เลย ไยเจ้าจึงใช้ก้อนหินขว้างมันเสียได้ หากมันตายไปตัวหนึ่ง เจ้ารู้หรือไม่ว่าพืชผลจะลดน้อยลงไปเท่าไร!”
“…” หลี่จิ้นเป่าคางสั่นระริก รู้สึกสติกระเจิดกระเจิงเล็กน้อย
เขาก็แค่หงุดหงิด อยากระบายอารมณ์สักหน่อย เกี่ยวอะไรกับพวกเขาด้วยเล่า!
หลี่จิ้นเป่าเดือดดาลแทบแย่ แต่เรื่องราวยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้
หัวหน้าหมู่บ้านเดินมาหา มองเขาด้วยสีหน้าอันยากจะคาดเดา
หัวหน้าหมู่บ้านซิ่งฮวากำกับดูแลหมู่บ้านซิ่งฮวาอย่างเข้มงวด แต่เช้าตรู่วันนี้ก็มีหญิงภรรยาสูงวัยหลายคนพูดต่อหน้าภรรยาและลูกสะใภ้ของเขาว่าหลี่จิ้นเป่ากระทำเรื่องไม่ถูกต้อง เขาฟังโดยละเอียด คิดเช่นกันว่าเด็กคนนี้นอกลู่นอกทางเกินไปหน่อยแล้ว
“หลานเป่า นับแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าต้องไปหอบรรพบุรุษทุกวันเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม ท่องจำระเบียบประจำหมู่บ้านและเช็ดถูป้ายบรรพชน” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าว
“ทะ ทำไมกันขอรับ” หลี่จิ้นเป่าแทบคลั่ง
หัวหน้าหมู่บ้านถอนหายใจ “เจ้าเด็กคนนี้จนถึงตอนนี้ยังไม่รู้อีกหรือว่าตัวเองทำความผิดอันใด เที่ยวพูดจาเหลวไหล ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ความนึกคิดไม่ซื่อตรง หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่ความที่เจ้ายังเยาว์วัย มีหรือจะปรานีเจ้าได้”
หลี่จิ้นเป่าไม่ใช่คนโง่เขลา ครั้นเอ่ยพูดเช่นนี้ก็เข้าใจได้ในทันที
“เรื่องนั้นเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ใส่ร้ายข้าต่างหาก!” หลี่จิ้นเป่ากล่าวอย่างบันดาลโทสะ
“ข้าตรวจสอบได้ยืนยันแล้ว หลายปีมานี้เป็นความจริงที่เจ้าหลอกล่อเด็กๆ ในหมู่บ้านให้กระทำเรื่องที่ไม่ค่อยดีนัก เจ้ายังไม่ยอมรับอีกหรือ” หัวหน้าหมู่บ้านโมโหเล็กน้อย
หลี่จิ้นเป่าไม่ใช่หัวโจกที่ใสซื่อบริสุทธิ์
เขาบงการเด็กหลายคนให้ขโมยไก่ แหย่สุนัข ให้เด็กๆ ขว้างปาของใส่ซ่งอิง ให้หนิวซานซานรังแกข่มเหงฮั่วหลิน เรื่องราวเหล่านี้เขาถามไถ่ได้ความกระจ่างมาหมดแล้ว
หากไม่ใช่เพราะไม่ได้ก่อให้เกิดผลที่ร้ายแรงตามมา ยามนี้เขาคงไม่เพียงแค่ให้หลี่จิ้นเป่าเช็ดถูป้ายบรรพชนเป็นแน่
หลี่จิ้นเป่าได้แต่ตะลึงงัน ในหมู่บ้านมีการทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อยครั้ง แล้วเหตุใดการที่เขาต่อปากต่อคำกับเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ไม่กี่ประโยคถึงได้กลายเป็นเรื่องราวถึงหัวหน้าหมู่บ้านเสียได้?
นักเลงในหมู่บ้านอย่างเปาไล่จื่อ หรืออย่างซ่งหม่านซาน หัวหน้าหมู่บ้านไม่เคยสนใจอะไรมากมาย แล้วทำไมตอนนี้กลับไม่ปล่อยเขาไปเลยตามเลย!?
หัวหน้าหมู่บ้านซ่งเป็นคนที่มีหลักเกณฑ์เป็นของตนเอง
ตัวอย่างเช่นเปาไล่จื่อ
คนผู้นี้แม้นิสัยเสีย แต่ก็มีวิธีปิดปากผู้อื่น จะไม่มีคนมาฟ้องร้องอะไรต่อหน้าเขาเป็นแน่ ไร้พยานไร้หลักฐาน และเปาไล่จื่อไม่ได้ละเมิดกฎหมาย เขาก็เลยไม่สนใจมากมาย
เมื่อเทียบกันหลี่จิ้นเป่ายังห่างชั้นกับเปาไล่จื่อมาก แต่ถึงกระนั้น…ลักษณะของปัญหามีความแตกต่างกัน
ความผิดเขามีเครื่องยืนยัน หากได้รับการฟ้องเหตุการณ์จากบิดามารดาของเด็กๆ หลายคน เขาในฐานะหัวหน้าหมู่บ้านซิ่งฮวาก็ไม่อาจมองดูตาปริบๆ ได้ ที่สำคัญสุดคือ เด็กๆ คืออนาคต หลี่จิ้นเป่าพาเด็กเสียคนถือเป็นความผิดมหันต์!
ตอนที่ 250 เสียหน้าถึงขีดสุด
คำพูดของหัวหน้าหมู่บ้านมีอำนาจบารมีอย่างยิ่งมาแต่ไหนแต่ไร หลี่จิ้นเป่าหูหน้าตาแดง ไม่รู้ควรโต้แย้งอย่างไร
ทำได้เพียงตอบรับอย่างว่าง่าย
หลังกลับบ้าน ให้หลี่ผัวจื่อเสาะถามอยู่พักใหญ่จึงได้รู้ว่าคำพูดของซ่งอิงไม่กี่ประโยคเมื่อวานนี้ทำให้บิดามารดาของเด็กๆ หวั่นกลัวเขา!
เดิมทีหลี่จิ้นเป่าคิดเพียงว่าเพราะตนเองทำเรื่องใดไปโดยไม่ทันระวัง กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเพราะลูกไม้ของซ่งอิง!
เขารู้สึกเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นทันทีทันใด
“ทั้งหมดที่ข้าทำไปเพราะหวังดีต่อนางทั้งนั้น!” หลี่จิ้นเป่าได้ยินคำพูดของย่าตัวเอง นึกอยากปลิดชีพคนแล้วด้วยซ้ำ
เขาเข้าใจในตัวซ่งต๋าเสียยิ่งกว่าซ่งอิง!
ซ่งต๋าเหมือนหางเล็กๆ ที่คอยส่ายไปมาตามหลังเขาอยู่หลายปี ข้อบกพร่องติดตัวกองเบ้อเร่อ จิตใจละโมบโลภมาก เห็นแก่กิน เห็นแก่ตัว ถึงขั้นว่ามีความฉลาดแกมโกงเล็กๆ ในสมองอีกด้วย!
ว่ากันตามตรง หลังซ่งต๋าเติบใหญ่จะต้องร้ายกาจและไม่เอาไหนยิ่งกว่าอาสี่ของเขาเป็นแน่!
เด็กคนนั้นเป็นจอมโลภมาก ตอนที่ซ่งอิงไปเมืองหลวง ซ่งต๋าเอ่ยเรียกเขา คำก็พี่เขยสองคำก็พี่เขย ถางเกาที่เขามอบให้มากมายไม่รู้ตั้งเท่าไร! รับขนมจากเขาแต่กลับทำงานไม่ค่อยได้เรื่องได้ราว ทุกครั้งเอาแต่หลบอยู่ด้านหลัง ให้หนิวซานซานออกหน้า ไม่รู้ว่าเอาเปรียบไปแล้วเท่าไร!
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่มารดาเขายังมีหน้ามาจีบปากจีบคอต่อว่าเขาถึงบ้านอีก? ช่างน่ารังเกียจจริงๆ!
ซ่งอิงเป็นคนที่เขาอุตส่าห์ไว้หน้าแล้วแต่ยังหน้าไม่อายที่สุด ซ่งต๋าเป็นเด็กลักษณะนี้คงผลาญเงินนางไม่น้อยเลยกระมัง? เขาหวังดีช่วยขับไล่ ซ่งอิงกลับไม่รู้สำนึกบุญคุณ!?
หลี่จิ้นเป่ารู้สึกโกรธเกรี้ยวในใจ กระทั่งตัวเขาไปท่องกฎระเบียบที่หอบรรพบุรุษ ความโกรธนี้ก็ทะยานถึงเพดาน
เดิมทีเขาคิดอยู่ว่าจะให้เด็กๆ ในหมู่บ้านปล่อยข่าวลวงเกี่ยวกับเขาและซ่งอิงเสียหน่อย แต่ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้แล้ว คนจำนวนไม่น้อยในหมู่บ้านนี้จับจ้องเขาเสมือนหัวขโมย เขาเข้าใกล้เด็กคนไหนไม่ได้สักคนด้วยซ้ำไป
แม้แต่หนิวซานซาน…
หลี่จิ้นเป่าเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟในใจ พยายามอดกลั้นมากว่าครึ่งเดือน
หลังผ่านไปครึ่งเดือน เขาไปหาหัวหน้าหมู่บ้านแสดงออกว่ายอมรับผิด ช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาไม่ได้กระทำเรื่องแย่ๆ เลยสักนิด ซื่อตรงเสียยิ่งกว่าอะไรดี ไม่เพียงแต่เช็ดถูป้ายบรรพชนของหอบรรพบุรุษจนสะอาดเอี่ยมแล้ว ยังปัดกวาดเศษธูปเทียนทุกวัน สิ่งเหล่านี้หัวหน้าหมู่บ้านซ่งก็เห็นทั้งสิ้นเช่นกัน
“จากนี้ก็เดือนละครั้ง” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวทิ้งท้าย
หลี่จิ้นเป่ากัดฟัน คิดไม่ถึงว่าหัวหน้าหมู่บ้านยังคงไม่เลิกราวีเขา
เขาทำดีปานนี้แล้ว ยังไม่วางใจอีก!
นี่ครึ่งเดือนแล้ว เขาเสียหน้าสุดๆ !
แม้คิดเช่นนี้ในใจ ทว่าหลี่จิ้นเป่ายังคงไม่แสดงสีหน้าอาการใด แสร้งพยักหน้าอย่างว่าง่าย
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ตอนนี้เขาก็มีโอกาสออกนอกหมู่บ้านแล้ว ก่อนหน้านี้ต้องมาหอบรรพบุรุษทุกวัน ส่งผลให้เขาไปไหนมาไหนไม่ได้ แต่ละหนแห่งในหมู่บ้านมีแต่สายตาของหัวหน้าหมู่บ้านคอยจับจ้อง แต่ละวันผ่านไปอย่างทุกข์ระทมจริงๆ
…
ระยะนี้ซ่งอิงรายรับเพิ่มขึ้นไม่น้อย
รายรับจากยาสระชิงซือแทบเป็นที่แน่นอนแล้ว ยาสระชิงซือที่นำไปเร่ขายหลังผ่านไปหนึ่งเดือน โรงอี้จวินก็ให้ส่วนแบ่งมาทั้งสิ้นหนึ่งร้อยสี่สิบกว่าตำลึงเงิน ขณะที่ส่วนแบ่งของพ่อค้าต่างถิ่นเป็นเงินประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึง
หากไม่ใช่เพราะขนย้ายสินค้าไม่ค่อยสะดวกนัก จำนวนขายส่งของพ่อค้าต่างถิ่นจะต้องเพิ่มขึ้นอีกเป็นแน่
นางกับเจ้าของกิจการฮวาต่างลำบากใจเล็กน้อย เพราะสาเหตุที่พ่อค้าต่างถิ่นเหล่านั้นยอมขายยาสระชิงซือเป็นเพราะมิตรสัมพันธ์อันดี แต่ตอนนี้ยาสระชิงซือนี่แม้ทำเงินได้ไม่น้อย แต่กลับค่อนข้างเปลืองแรงเปลืองเวลามาก
ยาสระชิงซือมากมายเพียงนั้น ขืนเกิดอุบัติเหตุระหว่างทางก็เสียหายหมด อีกทั้งทุกครั้งหลังมารับยาสระชิงซือก็ไม่สะดวกรับสินค้าอย่างอื่นติดไปด้วย
พ่อค้าหลายคนหวังว่าโรงอี้จวินจะส่งสินค้าให้ รับผิดชอบในความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นและแรงงานคน แน่นอนว่าพวกเขายินดีเช่นกันที่จะลดส่วนแบ่งลงหน่อย…
แต่ยังมีวิธีที่ดียิ่งกว่า
นั่นคือโรงอี้จวินหรือไม่ก็ซ่งอิงต้องไปเปิดโรงผลิตในอำเภออื่นเอาไว้ เช่นนี้ก็จะลดความยุ่งยากในการไปมา เพราะมีมิตรสัมพันธ์กับโรงอี้จวิน พวกเขาจึงแสดงออกอย่างเกรงใจมาก หากโรงอี้จวินต้องการเปิดร้านสาขาย่อยที่อื่นเสียเลยก็คงได้เช่นกัน