ตอนที่ 271 ต่างรู้ต่างเอาใจใส่กัน
ซ่งอิงสะบัดผ้าเช็ดหน้าตัวเองสองสามที คลี่ยิ้มแล้วกล่าว “ในเมื่อเป็นของที่มอบให้เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าเป็นคู่รักกัน เช่นนั้นก็ต้องมอบของติดตัวหรือของล้ำค่าให้กัน หลังข้ากลับจากเมืองหลวงหลายเดือนมานี้ผ้าเช็ดหน้าที่ใช้อยู่ลักษณะเป็นเช่นไร คิดว่าบรรดาป้าๆ ก็น่าจะเห็นเช่นกัน มีที่ไหนตัวเองใช้ของดี แต่กลับเอาของไม่ดีโยนออกไปเป็นของแทนใจ?”
ผ้าเช็ดหน้าในมือหลี่จิ้นเป่าไม่ถือว่าแย่ เพียงแต่เทียบไม่ได้กับที่อยู่ในมือซ่งอิง
ซานยาอายุยังน้อย โดยปกติแต่ละวันจำเป็นต้องช่วยเจียวซื่อทำงาน ต่อให้มอบผ้าเช็ดหน้าดีๆ ให้ นางก็ไม่กล้าใช้อยู่ดี
ดังนั้นสิ่งของธรรมดาๆ นั่น สำหรับซานยาเป็นอะไรที่คุ้มค่าแก่การใช้ที่สุดแล้ว
ซานยากับนางไม่ใช่พี่น้องท้องเดียวกัน ต่อให้นางมีใจอยากช่วยเหลือ แต่ด้วยความที่อยู่คนละครอบครัวก็ทำอะไรได้ไม่มาก นอกเสียจากวันไหนที่เจียวซื่อเปลี่ยนนิสัยตระหนี่ถี่เหนียวได้แล้ว ซานยาก็ไม่อาจอยู่อย่างว่างงานได้
อีกทั้งเด็กๆ มากมายในหมู่บ้านล้วนเป็นเช่นนี้ทั้งสิ้น
“ข้าจำได้ว่าเอ้อร์ยามีผ้าเช็ดหน้าไม่น้อยเลยกระมัง ก่อนหน้านี้ข้ายังพูดอยู่ว่า เด็กสาวคนนี้เห็นเปลี่ยนผ้าเช็ดหน้าทุกวัน บ้างก็สีแดง บ้างก็สีเหลือง บ้างก็สีขาว อีกทั้งดูวัสดุผ้าดีเยี่ยมทั้งนั้น!”
“ข้าเคยเห็นซานยาตระกูลซ่งใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้จริงๆ ข้ายังหยิบมาดูด้วย ถามนางว่าเป็นเป็ดป่าหรือหงส์ เด็กนั่นบอกว่าเป็นเป็ด ข้าดูเป็ดตัวนั้นค่อนข้างมีชีวิตชีวา ยังรู้สึกชอบมากเลย หากไม่ใช่เพราะบนผ้าเช็ดหน้าปักชื่อของเอ้อร์ยาเอาไว้ ข้าก็จะขอจากนางสักผืน” มีหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งเอ่ยปากพูด
คำพูดของป้าคนนี้เป็นความจริง
แม้เจ้าของร่างเติบโตจากครอบครัวชาวนา แต่ที่ผ่านมาตระกูลซ่งไม่มีใครบังคับให้นางทำงานใช้แรงงาน ต่อให้เป็นช่วงยุ่งอยู่กับการทำไร่นา หากเจ้าของร่างไม่ยินดีทำก็พักผ่อนอยู่ในเรือนได้สบายๆ
ซ่งเหล่าเกินยังรู้สึกว่านางเป็นบุตรสาวตระกูลบรรดาศักดิ์อยู่ไม่มากก็น้อย การให้ทำงานใช้แรงงานดูจะใจร้ายเกินไป ดังนั้นจึงไม่เคยตั้งเงื่อนไขใดๆ กับนาง
ดังนั้นเจ้าของร่างจึงมีเวลาค่อนข้างมาก ส่วนใหญ่ใช้ไปกับการเรียนปักลวดลาย
ฝีเข็มไม่สละสลวย นั่นเป็นเพียงมุมมองของนางในปัจจุบัน หากเทียบกับคนในหมู่บ้าน นั่นเรียกว่าอันดับต้นๆ แล้ว!
หลี่จิ้นเป่าหน้าเสียเล็กน้อย
“สิ่งนี้…ก็คือของที่น้องอาอิงให้ข้า เป็น…ตอนก่อนที่นางจะไปเมืองหลวง นางกล่าวว่าชั่วชีวิตนี้จะแต่งงานกับข้าให้จงได้ พวก…พวกเราต่างรู้ต่างเอาใจใส่กัน…” หลี่จิ้นเป่ากระวนกระวายใจเล็กน้อย กล่าวขึ้นอีกครั้ง
ซ่งอิงมองเขาอย่างพินิจ ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ต่างรู้ต่างเอาใจใส่กัน บ้าบอน่ะสิ หลี่จิ้นเป่าเจ้าคงไม่ลืมไปแล้วกระมังว่าตัวเองเคยหมั้นหมายแล้ว?”
“…” หลี่จิ้นเป่าพลันใจสั่น
เขาลืมไปแล้วจริงๆ!
อย่างไรเสีย…งานแต่งคราวนั้นก็กำหนดอย่างเร่งรีบ ยื้อไว้ได้ไม่นานก็ถูกถอนหมั้น จากนั้นในครอบครัวก็เกิดเรื่องราวมากมาย เรื่องเล็กๆ อย่างการถอนหมั้นสำหรับเขาจึงไม่ถือเป็นประเด็นอะไรเลย!
แม่สื่อผู้นั้นหันมามองด้วยสีหน้าแววตาประหลาด “โอ้ย นี่แม่นางยังจะไม่ชายตาแลหนุ่มน้อยผิวพรรณขาวผ่องหน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้อีกหรือ! คงไม่ได้ไปถูกตาต้องใจคนของผู้ใดเขาเข้าแล้วกระมัง?”
ซ่งอิงขมวดคิ้วแน่น ปรี่ตรงเข้าไป
เสียงตบดัง ‘เพี้ยะ’ ตวัดเข้าที่ใบหน้าของแม่สื่อ “หลังเจ้าเห็นหน้าข้าก็เอาแต่พูดจาต่ำตมใส่ ข้าคิดว่าเจ้าไม่ใช่คนดีเด่อะไรหรอก สร้างความไม่พอใจให้ข้าปานนี้ยังมีหน้าเอ่ยว่ามาเป็นแม่สื่ออีกหรือ ไม่แน่ว่าผู้ใดให้เจ้ามายุยงก่อเรื่องเสียมากกว่า!”
“เจ้า นางเด็กสารเลว…” แม่สื่อผู้นั้นตระหนกตกใจ จากนั้นก็ระเบิดอารมณ์เดือดดาล ยื่นมือออกมาหมายกระชากผมของซ่งอิง
ซ่งอิงสบถฮึเบาๆ เอี้ยวตัวหลบซ้ายหลบขวาก่อนจะฟาดมือตบเข้าไปดัง ‘เพี้ยะๆ’ อีกครั้ง “หากวันนี้เจ้าไม่บอกว่าใครเป็นคนจ้างเจ้ามา ข้าก็จะตบเจ้าให้ฟันร่วงทั้งแถว!”
ขณะพูด ซ่งอิงบีบคางของแม่สื่อผู้นี้อย่างเอาเป็นเอาตาย
เรี่ยวแรงนั้นเหมือนต้องการจะบีบให้ตายไปข้างอย่างไรอย่างนั้น
ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ แน่นอนว่าจะบีบให้ตายไปจริงๆ ไม่ได้ ซ่งอิงยังพอรู้จักชั่งใจ
สำหรับคนอย่างนาง การตบหน้าตีเข่าประเภทนี้ทำให้คนอื่นฟันหลุดสักสามสี่ซี่ ต่อให้อีกฝ่ายไปฟ้องร้องยังหน่วยบังคับใช้กฎหมายก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เช่นกัน อย่างมากก็แค่ชดใช้เงินเล็กน้อย
แต่หากนางถามจนได้ความทั้งหมด เช่นนั้นก็ไม่ต้องจ่ายเงินชดใช้แล้ว!
ตอนที่ 272 ให้อภัยผู้อื่นได้ก็พยายามให้อภัยเถิด
ทุกคนตระหนกตกใจกับสิ่งที่ซ่งอิงทำ
ไม่เคยเห็นนางดุดันเกรี้ยวกราดขนาดนี้มาก่อน ต่อให้ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าเด็กสาวผู้นี้จัดการส่งซ่งเสี่ยนไปยังที่ทำการขุนนาง ก็รู้สึกเพียงแค่เป็นเพราะผู้เฒ่าซ่งคือผู้ตัดสินใจ ไม่ได้นึกถึงหลานสาวคนรองผู้นี้เลยสักนิด
แต่เวลานี้ เอ้อร์ยาแววตาดุดันเย็นเยียบ มองดูชวนหวั่นกลัวเล็กน้อยจริงๆ
“ไอหยา เอ้อร์ยาอา เจ้าอย่าได้พลั้งมือบีบคนเขาจนตายไปจริงๆ เชียว นางตายไปก็ไม่เท่าไรหรอก แต่นี่จะไม่ทำให้เจ้าติดร่างแหไปด้วยหรือ!”
“พวกเราป้าๆ ก็รู้เช่นกันว่าเจ้าเสียใจและรู้สึกแย่ แต่อย่าได้สร้างความลำบากให้ตัวเองเลย!”
“…”
แม่สื่อผู้นั้นเกลือกลูกตามองบน ครั้นซ่งอิงคลายมือออกก็ฟาดมืออีกข้างเข้าไปรับช่วงต่อ ตบเข้าไปหนึ่งทีก่อนจะตวัดนางลงไปกองบนพื้น!
แม่สื่อส่งเสียงอุทาน ทันใดนั้นรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวในปาก ก่อนจะ ‘ถุย’ ออกมา ปรากฏว่าฟันซี่หนึ่งหลุดออกมาด้วย นี่จะเกินไปแล้ว งานของนางคือการใช้ปากและลิ้นในการทำมาหากิน เมื่อฟันหายไปซี่หนึ่ง จะพูดจาลื่นไหลได้อย่างไร
“พวกเจ้าคนหมู่บ้านซิ่งฮวาต้องการจะฆ่าคนสินะ!” นางส่งเสียงตะโกนดังลั่นขึ้นมา
อย่างไรก็ตามไม่มีใครกล้าเดินเข้าไปห้ามการทะเลาะวิวาท
เพราะเวลานี้รังสีความโกรธเกรี้ยวของซ่งอิงชวนให้ผู้คนตกใจกลัวไม่น้อยจริงๆ ท่าทีปานจะกินคนได้ทำให้ทุกคนไม่กล้าเข้าใกล้ ได้แต่ค่อยพูดค่อยจาเกลี้ยกล่อมเท่านั้น
ซ่งอิงกลับไม่ฟัง ดึงแม่สื่อเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย “เจ้าหอนดีนัก ก็หอนให้เต็มที่ วันนี้หากเจ้าหนีพ้นเงื้อมมือข้าไปได้โดยไม่บาดเจ็บ ข้าก็จะคุกเข่าให้เจ้าเป็นบรรพบุรุษ!”
“น้องอาอิง…” หลี่จิ้นเป่าลุกลี้ลุกลน
ซ่งอิงคว้าเอาสิบตำลึงเงินออกมาจากอกเสื้อแล้วแสยะยิ้ม “มีสองทาง เจ้าเลือกให้ดี ทางแรก เจ้าทำลายชื่อเสียงข้า ถึงอย่างไรข้าก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้แล้ว ไม่สู้จัดการเจ้าให้ตายๆ ไปตรงนี้เลยจะดีกว่า จะได้มีคนไปสู่ดินแดนหลังความตายเป็นเพื่อนข้าด้วย ส่วนทางที่สองน่ะ…เจ้าบอกข้ามาให้ชัดเจนเสียดีๆ ว่ามาหาข้าได้อย่างไร หากที่พูดมีเหตุผลมีหลักฐาน เงินนี่ก็จะเป็นของเจ้า”
ถือเงินหลอกล่ออีกฝ่าย ให้ความรู้สึกที่ไม่เลวเหมือนกันแฮะ
เดิมทีซ่งอิงคิดจะเชิญบรรดาผู้อาวุโสตระกูลซ่งมา อย่างเช่นเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ผู้ช่ำชองในการตบตี ไม่มีทางพ่ายแพ้ให้แก่แม่สื่อผู้นี้เป็นแน่
แต่ยามนี้นางคิดว่าวิธีการนี้ดีกว่า
ง่ายและได้ผลรวดเร็ว
หลี่จิ้นเป่าสีหน้าเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว “น้องอาอิง ให้อภัยได้ก็ให้อภัยเถิด ป้าคนนี้ปากเสียแต่เจ้าก็สั่งสอนนางไปแล้ว ขืนรังแกนางอย่างนี้อีก เกิดคนครอบครัวนางมาเอาเรื่องจะทำอย่างไร”
ซ่งอิงกลับแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของหลี่จิ้นเป่า มองแม่สื่อด้วยแววตาที่แฝงความอำมหิตเอาไว้
“หากเจ้าไม่อยากได้เงิน เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว ทุกคนเป็นพยานให้ข้าได้เช่นกันว่าวันนี้เจ้าเป็นฝ่ายมาด่าทอข้าถึงที่ ต่อให้ไปฟ้องร้องกับทางการขุนนาง นายอำเภอก็จะเลือกจัดการอย่างมีเหตุมีผล อีกทั้งเจ้าก็น่าจะได้ยินแล้วเช่นกันว่าในมือข้าพอจะมีเงินอยู่บ้าง หากใช้จ่ายไปกับการซื้อเส้นสายเสียหน่อย จะทำให้เจ้ากลายเป็นหญิงแก่ที่ไร้ฟันก็ยังได้!” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ทำร้ายคนบาดเจ็บสาเหตุย่อมต้องได้รับโทษอยู่แล้ว
แต่ความผิดบางอย่างก็ใช้เงินจัดการให้เรื่องราวจบลงได้เช่นกัน
แม่สื่อสีหน้าเปลี่ยนไป
จากที่ซ่งอิงตบนางไปสองสามทีอย่างแรง นางก็มองออกว่าเด็กสาวผู้เป็นคนโหดเหี้ยมไม่เบา!
“ข้าพูดแล้วเจ้าจะให้เงินข้าจริงหรือ” แม่สื่อเลือดห้อในปาก
“นั่นน่ะแน่นอนอยู่แล้ว คนอยู่ตรงนี้ตั้งมากมาย ข้าจะพูดโกหกได้หรือ” ซ่งอิงคลี่ยิ้มเล็กน้อย
แม่สื่ออ้ำอึ้ง จากนั้นมองหลี่จิ้นเป่าแวบหนึ่ง
“เจ้าคิดจะทำอะไร!” หลี่จิ้นเป่าหน้าเปลี่ยนสี
แม่สื่อกัดฟันแน่น ก่อนเอ่ยปากกล่าว “ไอ้หนุ่มคนนี้มาหาข้า ให้เงินข้าห้าร้อยอีแปะเพื่อให้ข้ามาแนะนำผู้ชายให้เจ้า พ่อค้าเร่หลิวผู้นั้นเขาก็เลือกมาเอง ที่เลวร้ายสุดคือไอ้หนุ่มนี่ให้ข้าพูดจาคำแย่ๆ เหล่านั้น…”
สิ้นเสียงของแม่สื่อ นางก็ยื่นมือมารอคว้าเงิน
ซ่งอิงเผยแววตาตะลึงงัน โยนเงินโยนลงไปใจกลางมือนาง จากนั้นมองไปยังต้าหวงที่อยู่บนกำแพงบ้านแวบหนึ่ง