ตอนที่ 275 จุดด่างพร้อย
บรรดาชาวบ้านต่างตระหนกตกใจ
พวกเขาเคยเห็นคนชั่วๆ ในหมู่บ้านมาบ้าง…ตัวอย่างเช่นเปาไล่จื่อ ขโมยไก่ แหย่หมา ข่มขู่เด็กๆ ให้หวาดกลัว ถึงขั้นแอบมองผู้หญิงอาบน้ำก็ทำ…
แต่ต่อให้เป็นเปาไล่จื่อก็ไม่เคยทำเรื่องอย่างการเอาคนไปขายเช่นนี้!
ใครๆ ต่างรู้ว่าการลักพาตัวเด็กไปขายเป็นความผิดสถานหนักเช่นเดียวกับวางเพลิงและขโมยขุดศพออกมาจากสุสาน!
“หลี่จิ้นเป่าเจ้ากล้าทำได้อย่างไร!?” ชายคนหนึ่งอดตะโกนขึ้นมาไม่ได้
หลี่ผัวจื่อและหลิวซื่อแอบมองอยู่ตรงหน้าประตูแต่แรกแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าวจึงรีบวิ่งเข้ามาทันที
“ไม่ใช่นะ หลานชายข้าไม่ได้เอาเด็กไปขาย! และนั่นก็ไม่ใช่ลูกของซ่งเอ้อร์ยาเสียหน่อย!?” หลี่ผัวจื่อรีบกล่าวทันควัน
นางรู้ว่าหลานชายอยากแต่งงานกับซ่งอิง ก่อนหน้านี้ยังขอเงินจากนางไปเป็นทุนด้วย กล่าวว่าแต่งซ่งอิงเข้ามาแล้วก็จะมีเงินมากมาย ต่อมาบุตรของซ่งอิงหายตัวไป นางก็สงสัยเช่นกันว่าเป็นฝีมือของหลานชาย แต่หลานชายนางกลับไม่พูดอะไรทั้งนั้น กล่าวเพียงว่าหาแม่สื่อให้มาช่วยเหลือแล้วเท่านั้นเอง นางก็เลยเชื่อ!
แต่เจ้าหน้าที่ขุนนางตรวจสอบได้ความแล้ว!
หากรู้ว่าหลานชายจะทำเรื่องที่เสี่ยงขนาดนี้ นางคงห้ามไว้เป็นแน่!
หลิวซื่อเสียงสั่นเครือ “ท่านขุนนาง ลูกชายข้าเป็นคนดีนะเจ้าคะ! แม้แต่ไก่ยังทำใจฆ่าไม่ลงคอเลย แล้วจะขโมยเด็กไปขายได้อย่างไรกันล่ะเจ้าคะ การตรวจสอบผิดพลาดหรือไม่!”
“ใช่แล้ว! ต้องเป็นฝีมือนางเด็กสารเลวนี่ที่จงใจใส่ร้ายพวกเราแน่ๆ! นางเห็นครอบครัวเราเป็นศัตรูมาโดยตลอด จะต้องเป็นนางที่นำลูกตัวเองไปแอบไว้แล้วหาขโมยมาลักพาตัวเด็กคนนั้นเพื่อใช้ใส่ร้ายป้ายสีพวกเรา! ท่านขุนนางอา ท่านจะต้องช่วยจัดการให้ข้าด้วยนะเจ้าคะ!” ขณะเอื้อนเอ่ย หลิวซื่อทรุดลงตรงแทบเท้าฮั่วซื่อเซี่ยง ยื่นมือไปหมายกอดต้นขาเขา
ฮั่วซื่อเซี่ยงรีบเตะนางออกไป
เป็นตัวอะไร คิดจะกอดขาเขา? ไม่มีทางเสียหรอก!
หลิวซื่อกระเด็นหงายหลัง จากนั้นก็รีบไปคว้าตัวบุตรชายไว้ “เป่าเอ๋อร์เจ้ารีบบอกท่านขุนนางสิ! เหตุใดพวกเราจึงซวยขนาดนี้นะ ไปหาเรื่องนางตัวซวยผู้นี้! หญิงที่มีชะตากินดวงสามีตัวเองให้ตกต่ำลงเรื่อยๆ ใครคิดจะแต่งงานด้วยผู้นั้นเป็นอันต้องซวย!”
ไม่ใช่เอ่ยว่าฮั่วหรงและซ่งอิงเคยเจอกันตอนอยู่เมืองหลวง อีกทั้งยังกำหนดหมั้นหมายกันไว้แล้วด้วยหรอกหรือ?!
ไม่แน่ว่าเขาก็ถูกนางทำให้ดวงชะตาตกต่ำลงเรื่อยๆ จนเสียชีวิตอย่างไรเล่า!
“หุบปาก!” ฮั่วซื่อเซี่ยงขมวดคิ้วนิ่วหน้า ชี้นิ้วไปที่หลี่จิ้นเป่า “นี่คือหลี่จิ้นเป่าใช่หรือไม่”
หลี่จิ้นเป่าขาสั่นระริกถึงขั้นฉี่เล็ด
เขาเล่าเรียนหนังสือมา ดังนั้นจึงรู้ว่าโทษของการลักพาตัวคนไปขายคืออะไร!
จบแล้ว เขาจบเห่แล้ว
ตาเหลือกขึ้นข้างบนก่อนจะเป็นลมล้มพับไป
“มีปัญญาแค่นี้ยังริอาจเป็นขโมยลักพา! เอาตัวไป!” ฮั่วซื่อเซี่ยงสบถฮึ
“เอาไปไม่ได้นะ! พวกท่านมีสิทธิ์อะไรมาจับตัวลูกชายข้า เป็นฝีมือนางทั้งนั้น! ล้วนเป็นเพราะนางตัวซวยใส่ร้ายลูกข้า!” หลิวซื่อส่งเสียงตะโกนลั่น
ฮั่วซื่อเซี่ยงหันหน้ามามอง ครุ่นคิดชั่วขณะ “พาตัวไปทั้งครอบครัว หากมีส่วนรู้เห็นเป็นใจก็ร่วมรับผิดด้วยกันทั้งหมด!”
สิ้นคำสั่งของฮั่วซื่อเซี่ยง หลิวซื่อปากสั่นระริก หลี่ผัวจื่อตระหนกตกใจเหมือนนกแตกรังไม่ปาน หันหลังขวับคิดวิ่งหนี แต่ก็วิ่งหนีไม่พ้น นางจึงถูกจับตัวเข้าคุกไม้ไผ่ด้วยเช่นกัน
จากนั้นก็ไปค้นบ้านตระกูลหลี่
ในบ้านครอบครัวหลี่ ไม่มีใครอื่นนอกจากบุตรลำดับที่สามของตระกูล หลี่ซานที่ยังนอนป่วยอยู่บนเตียง
เมื่อมั่นใจว่าเป็นคนที่กึ่งเป็นกึ่งตาย ฮั่วซื่อเซี่ยงก็เลยไม่สนใจ
บุตรคนอื่นๆ เดือดดาลยิ่งกว่าอะไรดี
หากหลี่จิ้นเป่าเป็นผู้กระทำผิดคนเดียวก็ช่างปะไร แต่หากแม้แต่หญิงชราก็เข้าไปมีเอี่ยวและติดร่างแหไปด้วย ครอบครัวพวกเขาคงได้กลายเป็นตัวตลกจริงๆ แล้ว!
โบราณกล่าวว่า มารดาเป็นเช่นไรลูกก็เป็นเช่นนั้น หากหญิงชรากระทำความผิด แล้วบรรดาลูกๆ หลานๆ จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!
ประวัติวงศ์ตระกูลก็ด่างพร้อยไปด้วยน่ะสิ!
ในหมู่บ้านผู้ที่มีแซ่หลี่ก็มีอยู่หลายครัวเรือนเช่นกัน แต่ละคนล้วนหวั่นกลัวไปตามๆ กัน ผู้อาวุโสในตระกูลจึงเตรียมไปยังที่ว่าการอำเภอเพื่อจัดการขับไล่หลี่ผัวจื่อออกไปเสียขณะที่ยังไม่ได้แบกรับความผิด!
หากไม่ใช่เพราะหลี่ผัวจื่อรักและให้ท้ายบุตรชายลำดับที่สามและหลี่จิ้นเป่าแล้ว จะเกิดปัญหาจนอยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไร!
ไม่สิ ไม่เพียงแต่หลี่ผัวจื่อ ยังมีครอบครัวบุตรลำดับที่สามของตระกูลหลี่อีก ต้องไสหัวออกไปให้หมด!
หัวขโมยลักพาตัวเด็กเชียวนะ!
ต่อไปภายหน้าตระกูลหลี่ยังจะอยู่ในหมู่บ้านได้อย่างไร เด็กๆ ในหมู่บ้านมองเห็นสมาชิกในตระกูล จะไม่เป็นอันตกใจกลัววิ่งหนีไปไกลหรอกหรือ!
ตอนที่ 276 เป็นไปไม่ได้
ในวันเดียวกัน คนตระกูลหลี่ก็เกิดวิตกกังวลขึ้นมา บรรดาผู้อาวุโสเกาะกลุ่มอยู่ด้วยกัน แล้วยังให้คนแบกหลี่ซานออกมาจากบ้าน จัดการลบหลี่ผัวจื่อรวมไปถึงครอบครัวบุตรลำดับที่สามออกจากเชื้อสายวงศ์ตระกูลไปในคราวเดียวต่อหน้าหลี่ซาน
ครอบครัวบุตรคนอื่นๆ อีกสองครอบครัวเวลานี้ต่างก็วิตกกังวลถึงขีดสุดเช่นกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวบุตรคนโต เมื่อก่อนก็หวาดระแวงน้องชายลำดับที่สามอยู่มากแล้ว กลัวว่าเขาจะทำเรื่องไม่ถูกต้องแล้วพาลให้พวกเขาพี่น้องติดร่างแหไปด้วย ใครจะรู้ว่าหลี่ซานยังไม่ทันได้ก่อเรื่องใหญ่โต หลี่จิ้นเป่าก็ชิงสร้างปัญหาก่อนแล้ว!
สมกับคำกล่าวที่ว่าบิดามารดาเป็นเช่นไร บุตรก็จะเป็นเช่นนั้น!
สองสามเดือนมานี้หลี่ซานใช้ชีวิตอย่างมึนๆ งงๆ
นับแต่วันนั้นที่ตากลมเย็นอยู่ท่ามกลางขุนเขา หลังกลับมาร่างกายก็อ่อนแอ ไข้ขึ้นเป็นครั้งคราว ท่อนล่างใช้การไม่ได้ ทว่าหลี่ผัวจื่อมารดาเขาปฏิบัติต่อเขาอย่างดีเยี่ยม ให้ดื่มยาไม่ขาด ตอนนี้จึงถือว่าอาการดีขึ้นมาก ดูแลรักษาอีกระยะหนึ่งก็น่าจะหายดีได้เช่นกัน
ล้มป่วยไปทีกว่าจะฟื้นตัวได้ต้องใช้เวลานาน เขาเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ
แม้จะนอนอยู่บนเตียง แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมาหลี่ซานก็ได้ขบคิดถึงเรื่องราวบางอย่างเช่นกัน เช่นครอบครัวของซ่งอิง
ชีวิตของซ่งอิงสุขสบายดีจริงๆ
มิหนำซ้ำหลิวซื่อยังกล่าวอีกว่าซ่งอิงทำยาสระผมวางขายในตัวอำเภอ ได้ยินว่ามีส่วนผสมของโสมด้วย…
นั่นเป็นโสมของเขาไม่ผิดแน่ นางเด็กสาวผู้นั้นเอาโสมของเขาไปขายได้เงินมา!
หลี่ซานเคียดแค้นแทบขาดใจมาตั้งนานแล้ว แต่ด้วยสภาพร่างกายจึงทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงอดกลั้น ได้ยินหลี่ผัวจื่อเอ่ยว่าบุตรชายต้องการสู่ขอซ่งอิง เขาครุ่นคิดแล้วก็ไม่ได้ขัดขวางเช่นกัน
หากนางแต่งเข้ามา โสมนั่นก็ต้องเป็นของเขา เมื่อนางเข้ามาอยู่ในบ้าน ตอนนั้นเขาก็คงหายป่วยแล้ว ดูซิว่าเขาจะจัดการนางเด็กสาวกำพร้าผู้นั้นอย่างไร!
หลี่ซานพลันนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นคืนนั้นโดยไม่รู้ตัว
บางครั้งถึงขั้นคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงความฝัน!
ซ่งอิงเป็นหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่ง จะมีความสามารถขนาดนั้นได้อย่างไรกัน ต้องเป็นความฝันแน่…
ไม่กล้าคิดเลย ไม่กล้าคิดเลย!
หลี่ซานเดิมทีค่อนข้างได้ใจ แต่ตอนนี้กลับดีใจไม่ออกแล้ว ผู้อาวุโสทั้งตระกูลมารวมกันหมด และกล่าวว่าต้องการตัดญาติขาดมิตรกับเขา!
“มีสิทธิ์อะไร…” เสียงที่เอ่ยแหบพร่าจนไม่เหมือนเขา
หลี่ต้าเดือดดาลแทบแย่ “หากไม่ใช่เพื่อจิ้นเป่าของครอบครัวเจ้า ท่านแม่คงไม่มีทางทำเรื่องที่ขาดคุณธรรมอย่างนั้นได้หรอก! โชคดีที่แยกครอบครัวกับเจ้าแต่เนิ่นๆ ไม่อย่างนั้นเจ้าได้ทำร้ายข้าและเหล่าเอ้อร์จริงๆ แน่! นับแต่นี้ไป ข้าไม่มีน้องชายอย่างเจ้า เจ้าจะนับญาติหรือไม่ก็ช่าง ไสหัวออกไปเสีย อย่างไรข้าก็ไม่ขอยุ่งเกี่ยวด้วยแล้ว!”
หากไม่ได้แยกครอบครัวตอนนี้ หลี่ต้าคงต้องน้ำตาตกแล้วจริงๆ
บุตรชายเขาเติบใหญ่แล้วเช่นกัน ไว้หลังบุตรสาวออกเรือนแล้ว อีกสักสองปีก็จะสู่ขอภรรยาให้บุตรชาย ภายในห้าปีไม่แน่ว่าจะได้มีหลาน ประมาณสิบปีหลานๆ ก็จะได้เข้าเรียนแล้ว
เด็กๆ ที่เล่าเรียนหนังสือในหมู่บ้านซิ่งฮวามีไม่น้อยทีเดียว เขาก็หวังว่าภายภาคหน้ามีหลานชายแล้วจะได้ส่งหลานชายเข้าเรียนบ้าง ถึงอย่างไรตอนนี้ชีวิตก็ดีกว่าเมื่อก่อนขึ้นมาหน่อยแล้ว
แต่โดยทั่วไปคนที่จะเข้าเรียน ในทะเบียนสำมะโนครัวต้องไม่มีชายที่ประพฤติผิดภายในสามชั่วรุ่นจึงจะได้
หากไม่ได้แยกครอบครัว เรื่องของหลี่จิ้นเป่าจะต้องส่งผลกระทบกับบุตรชายของเขาเป็นแน่! แต่ไม่ได้เกิดออกมาจากท้องเดียวกันก็ยังดีหน่อย
แต่…เป็นครอบครัวเดียวกันกับคนประเภทนี้ น่ากลัวเสียยิ่งกว่าอะไรดี?!
หลี่ซานยังคงตะลึงงันเล็กน้อย
“น้องสามบุตรชายเป็นขโมยลักพาตัวเด็ก ขโมยลูกของซ่งอิงหนีไป ได้ยินว่าเด็กคนนั้นถูกขายไปเป็นทาสด้วย! แม้กระทั่งสัญญาซื้อขายตัวก็ลงชื่อไว้แล้วเสร็จสรรพ สองสามวันนี้ทางการขุนนางจะต้องไต่สวน ถึงเวลาเจ้า…คิดวิธีไปเยี่ยมเยียนเอาแล้วกัน! เฮ้อ ได้เห็นสักแวบหนึ่งก็ยังดี ไม่แน่ว่าจากนี้จะไม่ได้เห็นหน้าลูกชายเจ้าอีกแล้วก็เป็นได้!” บุตรชายลำดับที่สองของตระกูลหลี่กล่าวขึ้นเช่นกัน
หลี่ซานได้ยินดังกล่าว หายใจหอบหนักเกือบกระอักเลือด
บุตรชายเขาเป็นขโมยลักพาตัวเด็ก!? มิหนำซ้ำยังถูกจับตัวแล้ว?! เป็นไปไม่ได้!