ตอนที่ 303 ทางบ้านสบายดีหรือไม่
ฮั่วเจ้ายวนรู้สึกทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย
“ดังนั้น…เหตุการณ์ในวันนั้น มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าแม่นางท่านนี้กำราบวิญญาณร้ายเอาไว้ได้ จึงทำให้ปลาดุกตัวนั้น…ตกใจตาย?” ฮั่วเจ้ายวนรู้สึกเหลือเชื่อ
นักบวชสมณศักดิ์สูงเหล่านั้นมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ
หากจะพูดว่าทำให้ปลาดุกตกใจกลัวจนตายได้ มักรู้สึกว่าต้องเป็นท่านผู้นี้จึงจะถูก
พวกเขาเป็นคน ไม่ใช่เซียน จะรู้ทุกสิ่งอย่างที่ไหนกันเล่า เพียงเพราะอธิบายอย่างเป็นตุเป็นตะ และหน้าตาค่อนข้างน่าเชื่อถือดูมีหลักการก็เท่านั้นเอง แต่ใต้เท้าฮั่วผู้นี้…พวกเขาไม่รู้จะอธิบายยังไง ดูก็รู้ว่าชายผู้นี้เก่งกาจเสียจนกำราบวิญญาณชั่วร้ายได้เสียด้วยซ้ำ แต่ต่อให้พูดไป เขาก็คงไม่เชื่ออยู่ดี
เอาเถอะ ไม่ควรมีเรื่องกับคนผู้นี้ ปล่อยเขาไปตามอำเภอใจเถอะ
ฮั่วเจ้ายวนคิดว่าค่อนข้างเหลวไหลสิ้นดี
แต่ก็หาข้อจับผิดไม่ได้ อย่างไรเสียนักบวชเหล่านี้ก็ได้รับการปกป้องอย่างเข้มงวด ย่อมไม่รู้จักซ่งอิงเป็นแน่ แต่เก้าคนพร้อมใจกันบอกว่าคุณหนูซ่งอิงสามารถสะกดวิญญาณชั่วร้ายได้ ก็ต้องชวนให้ตกใจอยู่แล้ว
ฮั่วเจ้ายวนขมวดคิ้วเล็กน้อย
ดีที่เขาไม่ใช่คนหัวรั้นถึงขั้นนั้นจึงกล่าว “อาจารย์จะพิสูจน์อย่างไรหรือว่าบนโลกนี้มีวิญญาณชั่วร้าย?”
ในมุมมองเขา ทั้งหมดทั้งมวลที่เรียกว่าวิญญาณชั่วร้ายก็แค่คนชั่วก่อเรื่องไม่ดีให้เกิดความยุ่งเหยิงเท่านั้นเอง
เขามีความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา ใช้ชีวิตมาตั้งหลายปีขนาดนี้ สังหารผู้คนก็ไม่น้อย ยังไม่เคยเห็นผีปีศาจมาเอาชีวิตถึงที่ มิเช่นนั้นจะยังมีชีวิตมาถึงทุกวันนี้ได้อย่างไรกันเล่า!
“รอประมาณเที่ยงตรง พวกอาตมาจะท่องบทโปรดสรรพสัตว์ที่ตายไปแล้วให้หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง ถึงตอนนั้นสีท้องฟ้าจะเปลี่ยนไป ใต้เท้าคอยดูก็พอ” นักบวชชราหนึ่งในนั้นเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
ซ่งอิงหัวเราะเจื่อน
ดังนั้น วันนี้เชื้อเชิญนางมาดูผีใช่หรือไม่
ไม่เอาน่า…
“ตกลง! ก็เอาตามที่ท่านอาจารย์ว่า ข้าจะคอยดู” ฮั่วเจ้ายวนกล่าวจริงจัง
ขณะพูด หันหน้าไปมองซ่งอิงแวบหนึ่ง ก่อนจะเชิญซ่งอิงเดินออกไปพร้อมกัน เมื่อครู่เพิ่งสนทนาเรื่องทางการ เขาจึงไม่ทันได้คิดอะไรไปชั่วขณะ เมื่อพูดคุยกับนักบวชเหล่านั้นแล้ว ฮั่วเจ้ายวนก็นึกขึ้นมาได้ว่าซ่งอิงคือภรรยาของ ‘ฮั่วหรง’
สีหน้าเขาจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ฮั่วต้าเหริน ข้ามาแต่เช้าตรู่ ถึงตอนนี้ยังไม่ได้กินข้าวเลย ดังนั้น…”
ปล่อยนางไปเดินเล่นเถอะ!
วันนี้ผู้คนมากมาย ทางวัดจึงอนุญาตให้ประชาชนมาตั้งแผงขายของที่นี่ได้ ขอเพียงเป็นอาหารล้วนขายได้ทั้งนั้น
ฮั่วเจ้ายวนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ “ข้าจะให้คนทำอาหารเจมาให้หนึ่งชุดเดี๋ยวนี้ แม่นางซ่งจะได้รับประทานก่อน”
“ไม่ต้อง ไม่ต้อง เมื่อครู่ขุนนางท่านนั้นให้เงินข้าแล้วห้าตำลึงเงิน ข้าไปซื้อเองได้ ไว้ค่อยเจอกันเจ้าค่ะ!” ซ่งอิงรีบร้อนเตรียมเดินจากไป
“ช้าก่อน!” เดินไปไม่ถึงสองก้าว ฮั่วเจ้ายวนเรียกรั้งนางไว้
ซ่งอิงส่งเสียงฮึ
“ข้ามีเรื่องอยากพูดกับแม่นางซ่ง ไปด้วยกันจะดีกว่ากระมัง ข้าเองก็ยังไม่ได้กินข้าวพอดี” ฮั่วเจ้ายวนดูไม่เหมือนกำลังล้อเล่น
“ที่ข้าอยากกินล้วนเป็นของกินเล็กๆ น้อยๆ ธรรมดา เกรงว่าฮั่วต้าเหรินจะกินไม่เป็นนะเจ้าคะ” ซ่งอิงกล่าว
ฮั่วซื่อเซี่ยงได้ยินดังกล่าว กลอกตาอย่างเอือมระอา
ของกินเล็กๆ น้อยๆ ธรรมดา!? จะเป็นเงินถึงห้าตำลึงเลยหรือ
“ไม่เป็นไร ข้าก็ไม่ใช่คนตะกละตะกลาม ของที่แม่นางซ่งกินได้ ข้าย่อมกินได้เช่นกัน” ฮั่วเจ้ายวนดูจริงจังจริงใจ พูดจบก็เดินไปอยู่ข้างกายนาง มิหนำซ้ำยังกล่าวขึ้นอีก “เชิญแม่นางซ่งมาคราวนี้ อาหารการกินของแม่นางซ่งควรมีข้าเป็นผู้รับผิดชอบจึงจะถูก”
ซ่งอิงพยักหน้า นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว
“ขอบคุณมากเจ้าค่ะฮั่วต้าเหริน” ซ่งอิงกล่าวอย่างอ่อนน้อม
“ไม่ทราบว่าแม่นางซ่ง…ทางบ้านยังสบายดีหรือไม่” ฮั่วเจ้ายวนครุ่นคิดแล้วเอ่ยถาม
ซ่งอิงพยักหน้า “สบายดีเจ้าค่ะ สบายดี มีขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่กล้าหาญชาญชัยอย่างท่านอยู่ทั้งคน ปวงประชาตัวน้อยๆ อย่างพวกเราย่อมใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขอยู่แล้วเจ้าค่ะ”
ฮั่วเจ้ายวนมุ่นคิ้วเล็กน้อย
คำพูดนี้ค่อนข้างคุ้นหูชอบกล
ได้ยินบ่อยครั้งในหมู่ขุนนาง ไม่ใช่ว่านางเรียนรู้มาจากเหยียนผิงโหวบิดานางกระมัง?
“ข้าหมายความว่า แม่นางซ่งเลี้ยงดูบุตรด้วยตนเองตามลำพัง คงมีคนรังแกเจ้าอยู่บ้างสินะ?” ฮั่วเจ้ายวนเอ่ยถามใหม่อีกครั้ง
ตอนที่ 304 ไม่หนีจาก ไม่ทอดทิ้ง
ซ่งอิงหวนคิดอย่างจริงจังเกี่ยวกับชีวิตของตัวเองนับแต่ข้ามภพมา เรียกได้ว่าเป็นวันคืนที่ผ่อนคลายสบายใจ ใครๆ ก็ต้องอิจฉา หากพูดถึงเรื่องถูกคนรังแก? กรณีอย่างหลี่จิ้นเป่านั่นถือว่าจิ๊บจ๊อยมาก
หากทำให้นางกลัดกลุ้มทุกวันและร้องห่มร้องไห้ได้ นั่นต่างหากจึงเป็นการถูกรังแก
“ไม่มีเจ้าค่ะ ต้าเหรินดูแลจัดการอย่างดี ปวงประชาล้วนอยู่เย็นเป็นสุขอย่างยิ่งเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าวตอบ
“เลี้ยงดูลูกตามลำพังไม่ยากลำบากหรอกหรือ” ฮั่วเจ้ายวนกล่าว
ซ่งอิงถอนหายใจ ใต้เท้าฮั่วท่านนี้ช่างเป็นผู้นำที่ขยันรับฟังเสียงชาวบ้านจริงๆ แต่ละประโยคที่เอื้อนเอ่ยมาล้วนไร้สาระทั้งนั้น
“สบายมากเลยเจ้าค่ะ ซึ่งก็ต้องขอบคุณบารมีของต้าเหริน” ซ่งอิงประจบประแจงต่อ
ฮั่วเจ้ายวนอดลูบคางตัวเองไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเขาหน้าตาอัปลักษณ์ถึงขั้นทำให้ไม่อยากชายตามองหรอกกระมัง คุณหนูซ่งจึงไม่เงยหน้าขึ้นมามองเขาเลยแม้แต่น้อย…
แต่ก็ทำให้รู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อย เขาจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดใจ “ข้าอยากถามแม่นางซ่งว่า เหตุใดจึงเลือกแต่งงานให้กับป้ายหลุมศพ?”
ตอนนั้นเองซ่งอิงจึงได้เงยหน้าขึ้นมา สีหน้าจริงจังและตรงไปตรงมา “นั่นย่อมเป็นเพราะข้ากับสามีผู้ล่วงลับถูกตาต้องใจกัน แม้เขาเสียชีวิตไปแล้ว แต่ข้าก็อยากร่วมลงหลุมฝังเดียวกับเขาในภายภาคหน้า ต้าเหริน ข้าเพียงแค่ยึดติดกับความรู้สึกส่วนลึกมากไปหน่อย มีสิ่งใดแปลกประหลาดหรือเจ้าคะ”
“เหอะ” ฮั่วเจ้ายวนแสยะยิ้ม
พูดจาเหลวไหล
ซ่งอิงรู้สึกประหลาดใจ “ต้าเหรินอาจไม่รู้ ยามที่สามีข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้ากับเขาได้ให้คำมั่นสัญญากันไว้ว่าชั่วชีวิตนี้จะไม่จากกันและไม่ทอดทิ้งกัน อีกทั้งต้าเหรินก็เห็นแล้ว ข้าอัปลักษณ์เกินบรรยายเช่นนี้ ยามที่สามีข้ามีชีวิตอยู่ก็ไม่เคยรังเกียจ ถึงขั้นเกลี้ยกล่อมให้ข้าทำใจให้สบาย สำหรับข้าเขาไม่เพียงเป็นคนรักหนุ่มสาว แต่ยังเป็นผู้มีพระคุณที่ได้ช่วยชีวิตข้าเอาไว้ หากไม่ใช่เพราะเขา ข้าก็คงไม่อาจมีชีวิตต่อไปได้ บัดนี้เขาไม่อยู่แล้ว ข้าอยากตามเขาไป แต่นึกถึงคำสั่งเสียครั้งสามียังมีชีวิตอยู่ จึงทำได้เพียงยืนหยัดดำเนินชีวิตต่อไป”
“เช่นนั้นหรือ” น้ำเสียงฮั่วเจ้ายวนค่อนข้างมาดร้ายเล็กน้อย “ยามที่สามีเจ้ายังมีชีวิตอยู่ได้สั่งเสียอันใดไว้ เจ้าลองพูดให้ข้าฟังหน่อยสิ?”
เขาสงสารนางที่เป็นถึงบุตรสาวตระกูลร่ำรวยและมีบรรดาศักดิ์ แต่ต้องตกมาอยู่ชนบท คิดไม่ถึงเลยว่าคุณหนูซ่งผู้นี้จะพูดจาหลอกลวงเป็นตุเป็นตะเช่นนี้
เขารู้เช่นกันว่า นางแค่ทำเพื่อดำรงชีวิตที่ไร้ทางเลือก แต่บัดนี้คนที่เขาปรารถนาดีด้วยกลับพูดจาโกหกหลอกลวง เขาทำใจเป็นสุขไม่ไหวจริงๆ
ซ่งอิงงุนงงสับสน
ไตร่ตรองอย่างรวดเร็วในสมองก่อนจะรีบกล่าวขึ้น “ต้าเหรินไม่รู้อันใด สามีผู้ล่วงลับของข้าเคยเป็นเสาหลักสำคัญในครอบครัว ก่อนจากไปยังไม่ทันได้มีบุตรเลยสักคน ยามที่มีชีวิตอยู่เขาเคยบอกกล่าวข้าไว้ว่า ภายหน้าจะต้องพยายามมีลูกสักแปดถึงสิบคน…ตอนนี้แปดคนสิบคนที่ว่านั่นเป็นไปไม่ได้แล้ว แต่ข้าก็รับเลี้ยงมาได้หนึ่งคนเพื่อเป็นทายาทสืบทอดวงศ์ตระกูลให้เขา ในอนาคตหน้าหลุมศพจะได้ไม่ถึงขั้นเงียบสงัด”
ฮั่วเจ้ายวนเกือบหลุดหัวเราะด้วยความโกรธ
ทั้งหมดนี้มันบ้าบอสิ้นดี!
คุณหนูซ่งภูมิหลังน่าเวทนา ทว่ากำลังพยายามทำตัวเป็นที่พึ่งแห่งตน ฮั่วเจ้ายวนบอกตัวเองให้อดกลั้นไว้
แต่เห็นท่าทีนางราวกับรักใคร่ลึกซึ้งสุดใจ ฮั่วเจ้ายวนพลันเกิดความคิดน่าขันสิ้นดีขึ้นมา ขณะครุ่นคิด ฝีเท้าก็ชะงักลงฉับพลันแล้วก้มหน้ามองนาง “เจ้าคงรู้ว่า…ฮั่วหรงเคยเป็นคนใต้บัญชาของข้า?”
“หะ..หืม?!” ซ่งอิงตะลึงงัน
“ฮั่วหรงเติบใหญ่ในชนบทจนถึงสิบกว่าขวบ จากนั้นก็ถ่อมาหาข้า เขากับข้าแซ่เดียวกัน จะว่าไปแล้วข้ายังเป็นอาห่างๆ ของเขาอีกด้วย ดังนั้นเรื่องของเขาข้ารู้ชัดเจนกระจ่างแจ้ง เจ้าว่าความรักระหว่างเจ้ากับเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าทองค่ำ แต่…”
ฮั่วเจ้ายวนยังไม่ทันพูดจบ ซ่งอิงก็คุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังปึกแล้วดึงชายชุดของเขา “ท่านอา!”
“!!!” ฮั่วเจ้ายวนอึ้ง เขาก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น!
อย่างไรเสียอาศัยความอาวุโสกว่า จะถามไถ่อะไรค่อยสะดวกขึ้นมาหน่อย
“อ่านอาอย่าได้ถือโทษโกรธกันนะเจ้าคะ ผู้คนคอยถามไถ่ข้ามากเหลือเกิน หากข้าบอกว่าข้ากับสามีไม่รู้จักกัน คนอื่นจะเอาไปติฉินนินทาเอาได้ อีกทั้งการที่ข้าพูดว่าข้ากับสามีรักใคร่กันอย่างลึกซึ้งและยึดมั่นในรักเดียวเท่านั้นก็เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงบรรดาแม่สื่อ แม้จู่ๆ ต้องแต่งงานกับป้ายวิญญาณตั้งแต่ยังเยาว์วัย แต่ในใจก็คิดเช่นกันว่าจะอยู่เฝ้าฮั่วหรงไปชั่วชีวิต แต่หากแม่สื่อมาบ่อยๆ เข้า เกรงว่าตัวเองจะหลงเชื่อจนได้ ดังนั้น…สู้ทำให้คนอื่นตายใจไปเสียดีกว่าเจ้าค่ะ!”