ตอนที่ 289 คนไร้สำมะโนครัว
เครื่องปรุงของโจ๊กผสมเนื้อสัตว์ไม่ได้เรียบง่ายขนาดนั้น มีสิ่งที่ต้องใส่ลงไปด้วยไม่น้อย
ดีที่ในโลกยุคนี้ยังมีแม้แต่ของประเภทพริกไทยดำที่มาจากต่างถิ่น เมื่อมารดานางจัดการซื้อวัตถุดิบเครื่องปรุงได้ครบครันก็สามารถปรุงสูตรลับได้แล้ว ตอนที่ตุ๋นโจ๊กทุกครั้ง โรยด้านบนนิดหน่อยก็พอ
นอกจากโจ๊กเนื้อสัตว์ยังมีผัดผักอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง ตอนช่วงกลางวันทางร้านก็เปลี่ยนรูปแบบเป็นร้านอาหารจานด่วนได้
รายการอาหารไม่ต้องมากมายหลากหลายเกินไป โลกยุคนี้แม้ไม่มีข้าวโพด แต่ของอย่างมันเทศ มันฝรั่งนั้นมีครบครัน
เพียงแต่สองสิ่งนี้ไม่ได้รับความนิยมเท่าข้าวขาวและข้าวสาลี โดยทั่วไปผู้ที่กินล้วนเป็นครอบครัวยากจน โดยเฉพาะปีที่เกิดภัยพิบัติ คนยากคนจนทำได้เพียงอาศัยสิ่งนี้เพื่อประทังชีวิตต่อไป ของพวกนี้ไม่ได้หายาก
มันเทศและมันฝรั่งปกติจะเอามาต้มกิน น้อยคนนักจะเอามาผัด เพราะสิ้นเปลืองน้ำมัน
แต่ซ่งอิงใช้มันฝรั่งทำออกมาเป็นกับข้าวได้หลายเมนู
ลำพังผัดมันฝรั่งซอยอย่างเดียวก็น่าจะจะพิชิตใจผู้คนได้ไม่น้อยแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีมันฝรั่งผัดเนื้อหมูสับ มันฝรั่งทอด ไก่ตุ๋นมันฝรั่ง ซ่วนเซียง[1] เซียงล่า[2] สุ่ยจู่[3] ล้วนทำออกมาได้ทั้งนั้น
นอกจากนี้ กำลังเข้าสู่ฤดูร้อนก็ควรมีอาหารดับร้อนควบคู่ด้วยเสียหน่อย
ภพชาติก่อนนางเคยกินเต้าหู้หยกทำจากหญ้าฝู่ปี้[4]และขี้เถาจากพืช ต้นทุนในการทำต่ำ แต่กลับเหมือนเต้าหู้ก็ไม่ปาน เอามาผัดหรือทำเครื่องเคียงได้ สีสันก็น่ารับประทาน เอามาใช้ทำอาหารเด็ดประจำร้านเป็นตำรับลับก็ได้เช่นกัน
จะว่าไปแล้ว เพิ่มเหลียงผี[5]มาอีกสักอย่างแล้วกัน…
ต้องใช้เส้นที่ทำจากแป้งข้าวสาลีหรือแป้งข้าวเจ้าเยอะหน่อยจึงค่อนข้างแพง คนยากจนมักเสียดายเกินกว่าจะกินเส้นที่ทำจากแป้งสาลี ดังนั้น…ทำขายในราคาที่สูงแต่มีจำนวนจำกัดก็ย่อมได้
หร่วนซื่อรู้หนังสือแต่ไม่มากนัก ซึ่งทั้งหมดที่พอรู้ล้วนพึ่งซ่งสวินและเจ้าของร่างช่วยสอน ดังนั้นการจดบันทึกของมากขนาดนี้จึงค่อนข้างยากลำบาก
“พรุ่งนี้เจ้าจะไปเมืองยงคนเดียวหรือ ไกลขนาดนั้น…อาสี่เจ้าก็จริงๆ เลย ควรมารับเจ้าไปจึงจะถูก หรือไม่…ให้ท่านพ่อเจ้าไปส่ง?” หร่วนซื่อค่อนข้างเป็นห่วง
“ท่านแม่ ข้าไปพร้อมกับคนของเจ้าของกิจการฮวา ไม่อันตรายหรอกเจ้าค่ะ” ซ่งอิงรีบบอก
ก็แค่ข้ออ้างเท่านั้น
จริงอยู่ที่ไกลไปหน่อย แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องให้บิดานางไปเป็นเพื่อน
หร่วนซื่อรู้ว่าซ่งหม่านซานไปจัดการเรื่องเปิดร้านค้าที่เมืองยง ทว่านางยังคงสงสัยในตัวเขา “อาสี่เจ้า…เชื่อถือได้จริงหรือ เมื่อก่อนตอนอยู่บ้าน วันๆ เขาก็ไม่ทำการทำงานเป็นจริงเป็นจัง หากไม่ใช่ท่านปู่เจ้าใช้เงินเบิกทางเสียหน่อย จะมีความสามารถไปทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ขุนนางควบคุมประตูระบายน้ำได้ที่ไหนกัน ตอนนี้ทำงานได้ไม่ถึงสองปีก็เลิกราแล้ว สิ้นเปลืองเงินนั่นเห็นๆ…”
“อาสี่ก็แค่ช่วยงานข้า อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง รู้แค่ว่าอาสี่ผู้นี้เป็นคนมีความชอบธรรมมากพอ เอาเปรียบผู้อื่นแต่จะไม่เอาเปรียบหลานสาวตระกูลตัวเองเป็นแน่ อาสี่ข้าเป็นคนกลัวขายหน้าเจ้าค่ะ” ซ่งอิงคลี่ยิ้มกล่าว
“นี่ก็จริงอยู่ หญิงภรรยาทั่วทั้งหมู่บ้านล้วนเทียบคนของครอบครัวน้องสี่ไม่ได้ ถูกประคบประหงมเหมือนไข่ในหินอย่างไรอย่างนั้น ดูสุขสบายเสียยิ่งกว่าแม่นางหญิงสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือนด้วยซ้ำไป” หร่วนซื่อเองก็อิจฉาเล็กน้อยเช่นกัน
น้องสี่รู้จักรักและทะนุถนอมภรรยา
ในฐานะผู้หญิง ใครบ้างเล่าไม่อยากได้รับความรักและการทะนุถนอม?
ทว่าสามีนางก็ไม่เลวเช่นกัน แม้ไม่รู้จักเอาอกเอาใจเท่าน้องสี่ แต่ก็ไม่ออกนอกลู่นอกทางและไม่เคยเอาเปรียบนางมาก่อน
หากเจอคนประเภทตบตีผู้หญิง เช่นนั้นคงได้ร้องห่มร้องไห้จนไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว!
“เพียงแต่เรื่องนี้ก็ควรเร่งมือหน่อย…ใกล้จะถึงเทศกาลจงหยวนแล้ว ไม่ควรเที่ยวเตร็ดเตร่ไปทั่ว…” หร่วนซื่อคิดไปเรื่อยเปื่อยพาลให้กระวนกระวายใจ แต่ก็ไม่ได้ห้ามบุตรสาว
นางมองออกว่าบุตรสาวเป็นคนมีความนึกคิดเป็นของตัวเอง นางก็แค่บ่นเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้จู้จี้อะไรมากมาย
หากให้นางพูดตรงๆ ก็คือ บุตรสาวนางได้รับความทุกข์ยากลำบากมาปานนั้นแล้ว จากนี้คิดจะทำอะไรก็ทำ ไม่ว่าใครก็ขัดขวางไม่ได้!
เมืองยงห่างจากที่นี่หนึ่งร้อยลี้ ถือว่าไกลทีเดียว แตกต่างกับการไปตัวอำเภอหลี่ ดังนั้นซ่งอิงยังต้องไปหาหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อดำเนินการตามขั้นตอน
หลังทำตามขั้นตอนเป็นที่เรียบร้อยซ่งอิงจึงได้ใบนำทางมา ส่วนบนกระดาษเขียนข้อมูลตัวตนของนางไว้ชัดเจน ถึงขั้นมีส่วนที่ระบุว่ามาจากไหนไปถึงไหน ไปทำอะไร เอาไว้ใช้เมื่อไปถึงที่พักหรือเจอเจ้าหน้าที่ขุนนางขอตรวจสอบ…
คนยุคโบราณนั้นเป็นสัตว์สังคม อยู่รวมกันเป็นกลุ่มๆ คิดจะจากบ้านเกิดเมืองนอนไปโดยไม่บอกกล่าวสักคำ? เช่นนั้นคงจะได้กลายเป็นคนไร้ถิ่นไร้สำมะโนครัวผู้หนึ่ง
ดังนั้นซ่งอิงจึงได้ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนและชื่อเสียงของนางในหมู่บ้านซิ่งฮวาถึงเพียงนี้ อย่างไรเสียท้ายที่สุดแล้ว…
การจะไปแดนไกลโดยไม่มีเหตุมีผลล้วนเป็นเรื่องยากลำบาก หากไม่เชื่อมสัมพันธ์อันดีงามกับคนในหมู่บ้านก็จะเดินเหินอยู่ในหมู่บ้านอย่างยากลำบากด้วยเช่นกัน
ตอนที่ 290 พกโชคมาด้วย
วันรุ่งขึ้นซ่งอิงจึงถือใบนำทางควบรถเกวียนลาของนางมุ่งหน้าไปเมืองยง
ฮั่วหลินต้องไปเรียนจึงรบกวนมารดานางช่วยดูแล มีของกินของดื่ม เด็กนั่นก็ไม่นึกถึงนางแม้แต่นิดแล้ว
นางไปเมืองยงคราวนี้ มองผิวเผินเป็นการไปเพื่อขายยาสระชิงซือ แต่ความจริงเป็นการไปตามที่ใต้เท้าฮั่วนัดหมายไว้
ใต้เท้าฮั่วผู้นั้นดูมีพิรุธ
คนผู้นั้นมองดูก็รู้ว่าไม่เชื่อเรื่องภูตผีปีศาจ บัดนี้กลับให้นางไปร่วมงานสำคัญที่วัด นางรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวอึดอัดไปหมด ระยะนี้ซ่งอิงครุ่นคิดอะไรหลายอย่างวุ่นวายเหลือเกิน ถึงขั้นคิดว่าไม่แน่ใต้เท้าผู้นี้จะโกรธแค้นที่ถูกนางปฏิเสธ…จึงคิดหาวิธีระบายความโกรธ
ผู้ชายน่ะล้วนหยิ่งในศักดิ์ศรีกันทั้งนั้น
เดิมทีเป็นขุนนางที่จิตใจดีงามมีเมตตา ตอนนี้กลับกลายเป็นคนใจแคบเสียแล้ว
หากใต้เท้าฮั่วผู้นี้แอบสร้างความลำบากใจให้นาง คำนึงถึงชีวิตน้อยๆ ของตนเองแล้ว นางอาจต้องหาวิธีทำให้อีกฝ่ายตายๆ ไปเสีย
ซ่งอิงไม่ได้ชวนผู้อื่นร่วมทางไปเป็นเพื่อน เพราะนางอยากเห็นขนบธรรมเนียมและน้ำใจผู้คนตลอดการเดินทางครั้งนี้ หากมีคนอื่นอยู่ข้างๆ นางจะไม่กล้าทำความชั่วโดยไม่รู้สึกละอายใจ
นางสวมใส่ชุดที่ทำจากผ้าลินิน บนศีรษะเปลี่ยนเป็นหมวกสีดำซึ่งมีผ้าคลุมหน้าบางๆ ห้อยปกลงมา เมื่อผนวกกับรถเกวียนลาต้าไป๋ มองดูแล้ว…ไม่ค่อยเหมือนแม่นางที่เยาว์วัยสักเท่าไร
หากไม่ใช่เพราะแผ่นหลังยืดตรงแน่ว เกรงว่าคนอื่นคงเข้าใจผิดว่านางเป็นหญิงชราคนหนึ่ง
“นี่ท่าน…ป้า ช่วยเหลือหน่อยจะได้หรือไม่ ขอพวกเราร่วมทางไปด้วย” ขณะครุ่นคิด ระหว่างทางก็ถูกคนขวางเอาไว้
ซ่งอิงตวัดสายตาไป เกิดความรู้สึกที่แปลกประหลาดในใจเล็กน้อย
คนที่มาเป็นแม่นางสาวน้อยสองคน คนที่เอ่ยปากสีหน้าดำคลำเล็กน้อย แต่ยังคงดูงดงาม นางรู้สึกพิลึกชอบกล แต่กลับคิดไม่ออกว่าตรงส่วนไหนที่ไม่ชอบมาพากล…
ซ่งอิงพยักหน้า “ส่งที่เมืองยงใช่หรือไม่ คนละสิบอีแปะ”
รถเกวียนนางก็ว่างอยู่พอดี ในเมื่อมีช่องทางให้ทำเงินย่อมไม่ปล่อยให้หลุดลอยไปเปล่าๆ
สองคนนั้นมองมาแวบหนึ่งอย่างลำบากใจ จากนั้นลูบๆ คลำๆ ตามตัว ก่อนจะล้วงเอาสร้อยลูกปัดเส้นหนึ่งออกมาจากซอกอก “ไม่มีเงินหรอก ท่านดูซิว่าใช้สิ่งนี้แทนได้หรือไม่”
ซ่งอิงเม้มปาก
สิ่งนี้คืออะไรกัน…
ขออภัยที่นางมองไม่ออก มองไม่ออกจริงๆ ว่ามันคืออะไร ดูแล้วไม่ใช่ทองคำและไม่ใช่หยก เป็นไม้หรือ
“นี่คือลูกปัดเขาวัว สามารถป้องกันปีศาจร้ายได้” อีกฝ่ายกะพริบตาปริบๆ “จริงๆ แล้วพวกเราสามารถเดินเท้าได้ เพียงแต่โชคไม่ดี ไม่ทันระวังจึงหกล้ม เท้าบาดเจ็บ จึงอยากขอติดรถเกวียนท่านเข้าเมืองไปหาหมอ…”
อีกฝ่ายเลิกชายกระโปรงขึ้นอย่างไม่แยแส
ซ่งอิงมองแล้วขมวดคิ้วนิ่วหน้า ตกใจแทบแย่
สรุปแล้วสองคนนี้ปีนออกมาจากที่ใด?
คนหนึ่งสกปรกมอมแมมก็ไม่เท่าไร แต่อีกคน…ครึ่งขาแทบจะอาบด้วยโลหิต มองดูน่าตระหนกตกใจอย่างมาก
“เช่นนั้นขึ้นมานั่งสิ ลูกปัดเขาวัวอะไรนั่นก็ไม่เอาหรอก” ซ่งอิงกล่าว
“ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ” อีกฝ่ายยัดกลับใส่มือซ่งอิงทันที จากนั้นไม่พูดพร่ำทำเพลงกระโดดขึ้นรถเกวียนของนาง
ถูกต้องแล้ว หญิงที่ได้รับบาดเจ็บผู้นั้นกระโดดขึ้นมา ซ่งอิงรู้สึกเพียงว่ารถเกวียนของตัวเองสั่นไหวชั่วขณะคล้ายกับจะถล่มลงไปก็ไม่ปาน จากนั้นแม่นางอีกคนปีนป่ายตามขึ้นมาอย่างอิดออด แววตาคล้ายรังเกียจรถลาของนางเล็กน้อย?
ซ่งอิงนวดหว่างคิ้วทั้งสอง “ต้าไป๋ เราไปกันเถอะ”
ต้าไป๋เคลื่อนที่
แต่แล้วก็หยุดนิ่งลง
“ต้าไป๋?” ซ่งอิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “หนักเกินไปหรือ”
ไม่น่านี่ ก็แค่หญิงสาวตัวน้อยๆ สามคน อีกทั้งอาการบาดเจ็บของต้าไป๋ก็หายดีตั้งนานแล้ว…
แม่นางสาวน้อยที่ค่อนข้างมีชีวิตชีวาหน่อยคล้ายรู้สึกเกรงใจนิดๆ “ข้าขยับตัวจัดแจงให้เข้าที่สักครู่ คงทำให้ลาตกใจเข้าแล้ว…”
แม่นางผู้นั้นผ่อนลมหายใจออก จากนั้น…ต้าไป๋ก็เคลื่อนที่ต่อไป
ซ่งอิงเลิกคิ้วเล็กน้อย
นาง…
ไม่ค่อยหัดพกพาโชคเอาไว้บ้างเลย
เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะเป็นปีศาจ ไหนว่าปีศาจน้อยมาก นอกจากนี้ปีศาจบ้านใครจะโง่เง่าขนาดออกมาเดินเตร็ดเตร่ทั้งที่เป็นตอนกลางวันแสกๆ? แล้วยังอยากไปหาหมอที่เมืองยงอีก? ปีศาจหาหมอ นางเพิ่งเคยได้ยินครั้งแรกจริงๆ
แต่…
คนผู้นี้ค่อนข้างประหลาดชอบกล
ทันใดนั้นพลันรู้สึกถึงบางอย่าง เมื่อก้มหน้าลงปรายตามองใจกลางฝ่ามือของตัวเอง…
—————————–
[1] ซ่วนเซียง (蒜香) คือกรรมวิธีการทำอาหารอย่างหนึ่งที่เน้นวัตถุดิบหลักอย่างกระเทียมและต้นหอม โดยเป็นการผัดแห้งๆ
[2] เซียงล่า (香辣) คือกรรมวิธีการทำอาหารอย่างหนึ่งที่เน้นใส่พริกแห้ง รสชาติคล้ายผัดพริกเกลือของอาหารไทย
[3] สุ่ยจู่ (水煮) คือกรรมวิธีการทำอาหารอย่างหนึ่งโดยเป็นเมนูน้ำแกงที่ต้องปรุงรส อาจใส่เนื้อปลา หรือเนื้อสัตว์อื่นๆ ตามต้องการแล้วราดด้วยน้ำมันผัด
[4] หญ้าฝู่ปี้ (腐婢草) เป็นชื่อสมุนไพรจีนชนิดหนึ่ง ชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Premna microphylla Turcz ใบของมันมีสรรพคุณในการชะล้างพิษในร่างกายและขับร้อน
[5] เหลียงผีก๋วยเตี๋ยว (凉皮) เป็นรสชาติหนึ่งของก๋วยเตี๋ยวเย็น ชาวจีนนิยมทานกันในหน้าร้อน เพราะช่วยคลายร้อนและขับความชื้นในร่างกาย โดยเส้นก๋วยเตี๋ยวจะได้จากการนึ่งเส้นที่ทำจากแป้งข้าวสาลีหรือแป้งข้าวเจ้า มีพริกผัดน้ำมัน (พริกเผาจีน) กับแตงกวาเป็นเครื่องปรุงรสและส่วนประกอบสำคัญ ซึ่ง “เหลียงผีซอสงา(麻酱凉皮)” เป็นรสชาติยอดนิยมที่สุด เพราะมีการใส่ซอสงา จิ๊กโฉ่ว และซีอิ๊วเล็กน้อย ทำให้มีรสเปรี้ยวหวานเค็มพร้อม