ตอนที่ 305 คนดีผู้ยิ่งใหญ่
ซ่งอิงไม่กลัวขายหน้ามาแต่ไหนแต่ไร และคนอย่างนางก็ถนัดพูดจาพลิกแพลงไปตามสถานการณ์
ที่ว่าควรมีศักดิ์ศรีและไม่ควรก้มหัวให้ใครสุ่มสี่สุ่มห้า นางไม่แยแสทั้งนั้น จะคุกเข่าให้ฟ้าดินหรือคุกเข่าให้บิดามารดานางก็ไม่แยแสทั้งสิ้น อย่างไรการมีอาเพิ่มขึ้นมาอีกคนก็ดีกว่ามีศัตรู
ฮั่วเจ้ายวนงงเป็นไก่ตาแตกเข้าจริงๆ
เขาเอ่ยถึงฐานะตัวตนของฮั่วหรงก็เพราะว่าหงุดหงิดที่นางพูดโกหก จึงเอาคืนด้วยคำพูดไม่กี่ประโยคดังกล่าว ใครจะรู้ว่านางไม่ทันพูดก็คุกเข่าลงหน้าตาเฉยเสียแล้ว!
เขารีบฉุดนางขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “ข้าไม่ตำหนิโทษเจ้าหรอก!”
ซ่งอิงลุกขึ้นตามแรงดึง มองดูน่าสงสารเสียยิ่งกว่าอะไรดี “ท่านอา แม้ข้ากับสามีไม่รู้จักกัน แต่หลายปีมานี้ก็เคยได้ยินกิตติศัพท์ของสามีเช่นกัน เขาจิตใจดีมีเมตตา ทุกปีจะส่งเงินจำนวนหนึ่งมาให้หมู่บ้านเพื่อทำเรื่องดีๆ ต่อให้เป็นเด็กที่ไร้พ่อขาดแม่ก็ไม่ถึงขั้นต้องอดอยากปากแห้ง ดังนั้นข้าจึงศรัทธาในตัวเขาโดยแท้จริง”
“ข้าชื่นชมในตัวสามี ไม่เกี่ยวข้องกับรูปลักษณ์ ภูมิหลังชาติตระกูลและประสบการณ์ที่เผชิญมา เขาเป็นคนไม่ลืมถิ่นฐานบ้านเกิด เป็นคนจิตใจดีและมีความซื่อสัตย์จริงใจ จะต้องเป็นคนดีผู้ยิ่งใหญ่ในใต้หล้านี้เป็นแน่ ชั่วชีวิตนี้ได้แต่งกับเขา ถือเป็นวาสนาที่ข้าสั่งสมมาหลายภพชาติ ดังนั้นท่านอา…”
ฮั่วเจ้ายวนถูกนางเชยชมถึงขั้นขมวดคิ้วนิ่วหน้า
ที่พูดนั่นคือเขาหรือ ไม่ลืมถิ่นฐานบ้านเกิด? เป็นคนจิตใจดีซื่อสัตย์จริงใจ? เป็นคนดีผู้ยิ่งใหญ่!?
เพียงแต่ยังไม่ทันได้ปลื้มปริ่มก็ได้ยินซ่งอิงกล่าวต่อ “ท่านอา ความรักที่ท่านมีให้ ข้าขอขอบคุณ แต่ต่อให้ท่านเป็นคนอื่น ข้าก็ไม่ยินยอมตกลงเช่นกัน นับประสาอะไรกับท่านที่เป็นท่านอาข้าแล้วด้วย!”
“…” ฮั่วเจ้ายวนหนังตากระตุก
ลืมต้นตอปัญหานี้ไปเสียแล้ว
นิ่งอึ้งมองซ่งอิง ฮั่วเจ้ายวนพลันรู้สึกร้อนผ่าวในใจราวมีไฟลุกโหม รู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย
ในสายตาซ่งอิง นอกจากเขาจะไม่หล่อเหลาแล้ว ยังต้องเพิ่มข้อครหาว่าขาดจริยธรรมอันดีเพิ่มไปอีกไม่ใช่หรือ ทั้งที่รู้ว่าเป็นหลานสะใภ้ แต่ยังแสดงออกว่ามีใจรักใคร่ ไม่เท่ากับเป็นคนเหลวไหลที่สุดในใต้หล้าแล้วหรอกหรือ!?
ฮั่วเจ้ายวนพลันรู้สึกเสียใจภายหลังเล็กน้อยที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้อธิบายสิ่งที่เรียกว่าความรักใคร่นั่นให้ชัดเจน…
เป็นเพราะปากตัวเองแท้ๆ ไม่น่าพลั้งปากเรียกตัวเองเป็นอาไปเสียได้…
เขาค่อนข้างกลัดกลุ้ม ต่อให้ปกติเขามั่นคงเด็ดเดี่ยวดั่งเขาไท่ซาน ตอนนี้กลับรู้สึกคล้ายใบหน้าถูกเผาจนปวดแสบปวดร้อน
“เจ้าวางใจได้ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็น…หลานสะใภ้มาตั้งแต่แรกๆ แล้ว ดังนั้นจึงได้ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างใจกว้างไม่น้อย ไม่…ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งอื่นแต่อย่างใด” เห็นได้ชัดว่าฮั่วเจ้ายวนกำลังกัดฟันพูด
ถึงอย่างไรก็ไม่ดีนักหากจะสารภาพออกมาทันทีว่าตนแต่งเรื่องขึ้น จะกลายเป็นการตบหน้าตัวเองไปเปล่าๆ
ซ่งอิงคลี่ยิ้ม “ข้าก็รู้อยู่แล้วว่าท่านอาเป็นขุนนางที่ดีมีคุณธรรม จะเกิดความนึกคิดไร้ศีลธรรมเช่นนั้นได้อย่างไรกันล่ะเจ้าคะ! แท้จริงแล้วเป็นเด็กรุ่นหลังผู้นี้ที่เพ้อเจอ คิดเลยเถิดไปเองเสียแล้ว!”
พูดจบซ่งอิงยังหัวเราะร่าอีกด้วย
ฮั่วเจ้ายวนนิ่งเงียบด้วยความขุ่นเคือง
ฮั่วซื่อเซี่ยงยืนอยู่ด้านข้าง ทั้งอยากหัวเราะทั้งรู้สึกว่านายท่านช่างน่าสงสารยิ่งนัก ความรักนี่ช่างเปลี่ยนแปลงอะไรได้มากมายจริงๆ
ส่วนซ่งอิงรู้สึกโล่งใจขึ้นมากแล้ว
โชคดีที่ใบหน้านางเสียโฉม มิอย่างนั้นต้องเนื้อหอมยิ่งกว่านี้เป็นแน่ โดยเฉพาะคนระดับนี้ เข้ามาให้น้อยๆ หน่อยจะเป็นการดี!
ไม่เสียแรงเลยที่คุกเข่าคราวนี้…
“ท่านขุนนางก็แซ่ฮั่วเช่นกัน มีความสัมพันธ์อันใดกับตระกูลสามีข้าหรือ ก่อนหน้านี้หลานชายท่านอาหายตัวไป ขอบคุณท่านขุนนางมากที่ช่วยเหลือ เพิ่งไม่กี่วันเองก็ตามตัวกลับมาได้แล้ว ข้ายังไม่ได้ขอบคุณเลยเจ้าค่ะ!” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ฮั่วซื่อเซี่ยงชั่งใจชั่วครู่ “ฮั่วหรง…เป็น…พี่ชายในวงศ์ตระกูลเดียวกับข้า…”
ถึงอย่างไรใต้เท้าก็กุฐานะอาชายนี่ขึ้นมาแล้ว เขาจึงพูดเรื่อยเปื่อยไปด้วย น่าจะไม่เป็นไรกระมัง?
ซ่งอิงไม่สนว่าเรื่องที่ว่านี้เป็นความจริงหรือไม่ ขอเพียงนางทำความรู้จักไว้ก็เป็นพอ
“อ้อ? เช่นนั้นก็เป็นน้องชายของสามีข้า? จากนี้พี่สะใภ้ต้องดูแลเจ้าให้มากๆ หน่อยแล้ว!” ซ่งอิงยิ้มร่า จากนั้นมองไปที่ฮั่วเจ้ายวนอีกครั้ง “ท่านอาวางใจได้เจ้าค่ะ มีข้าอยู่ทั้งคน หน้าสุสานสามีข้าก็จะมีคนคอยปัดกวาดเช็ดถูเสมอ ลูกหลินก็ฉลาดเฉลียวรู้ความมาก ภายภาคหน้าจะรู้จักกตัญญูตอบแทนคุณท่านอาผู้เป็นปู่ของเขาแน่นอนเจ้าค่ะ”
ฮั่วเจ้ายวนได้ยินคำว่าท่านอาก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่น ไม่อยากพูดจากับซ่งอิงอีกแม้แต่นิดเดียว
ตอนที่ 306 ร่วมมือกัน
เห็นฮั่วเจ้ายวนนิ่งเงียบ ซ่งอิงถึงได้รู้สึกร่าเริงใจขึ้นมา
เห็นแก่ความเป็นญาติผู้ใหญ่ นางยิ่งไม่เกรงใจ ซื้อของกินจำนวนไม่น้อย เติมท้องให้อิ่มให้ได้มากที่สุด เพียงแต่หลังกวาดตามองรอบๆ ซ่งอิงพลันรู้สึกเสียดายขึ้นมา
เมื่อวานลืมไปเสียสนิท หากทำเหลียงผี[1]มาขาย จะต้องขายดีเป็นแน่
ดีที่เทศกาลจงหยวนเป็นเทศกาลสำคัญจึงไม่ได้ครึกครื้นเพียงวันนี้วันเดียว
“ท่านอา อาจารย์จะสวดมนต์กี่วันหรือ” ซ่องอิงเอ่ยถาม
นางทำตัวเคารพนอบน้อมเป็นผู้น้อยที่รู้ความและว่านอนสอนง่ายคนหนึ่ง
ฮั่วเจ้ายวนแอบขบฟันเล็กน้อย รู้สึกอึดอัดใจอย่างน่าประหลาด “สิบห้าวันกระมัง”
นักบวชสมณศักดิ์สูงที่เชิญมาจากถิ่นที่ห่างไกลย่อมไม่เทศนาเพียงแค่วันเดียวแล้วกลับเป็นแน่ พิธีกรรมทางพุทธศาสนานี้ดูเหมือนไม่มีอะไรพิเศษ แต่การเทศนานานๆ หน่อยก็เป็นประโยชน์แก่ชาวประชาเช่นกัน
ฮั่วเจ้ายวนคิดว่าซ่งอิงอยากให้คนในครอบครัวมาเที่ยวชมงานนี้ด้วยจึงกล่าวว่า “เหล่านักบวชสมณศักดิ์สูงล้วนมาจากที่ห่างไกล งานนี้นานๆ ทีจะจัดสักครั้ง จึงจัดหลายวันหน่อย ทั้งบนเขาและที่ตีนเขามีหมอคอยตรวจรักษาการกุศล นอกจากเหล่านักบวชจะมาเผยแผ่ศาสนาแล้ว ยังช่วยปัดเคราะห์และทำนายดวงชะตาให้แก่ประชาชนด้วย หากเจ้ามีญาติที่อยากมาร่วมงานด้วยก็ให้รีบมาหน่อย”
“ขอบคุณท่านอามากที่ช่วยคลายความสงสัย” ซ่งอิงพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านอารู้หรือไม่ว่าจะเช่าแผงขายของในวัดนี้ได้อย่างไร”
หาถามไถ่จากคนอื่นดูก็ย่อมได้ แต่น่าจะเปลืองแรงสักหน่อย
มีญาติผู้ใหญ่อยู่ทั้งคน อย่าปล่อยให้เสียเปล่า
“เจ้าต้องการขายของหรือ” ฮั่วเจ้ายวนมองนางอย่างประหลาดใจ “เงินที่เจ้ามีติดตัวไม่พอใช้จ่ายหรือ”
“พอเจ้าค่ะ แต่ใครจะไม่อยากได้เงินเยอะๆ กันล่ะเจ้าคะ ข้าเห็นว่าที่นี่ค่อนข้างครึกครื้น หากข้าขายพวกของกินบ้าง น่าจะหาเงินได้ไม่น้อย” ซ่งอิงยิ้มแล้วเอ่ย
ฮั่วเจ้ายวนครุ่นคิดก่อนจะกล่าวขึ้น “ข้าหาคนจัดการเรื่องแผงขายให้เจ้าได้ ส่วนเงินค่าเช่าก็ช่างเถอะ… เจ้าต้องการขายของกินอะไรหรือ ต้องจัดเตรียมอะไรบ้าง”
“เรื่องนี้บอกไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ ความลับ” ซ่งอิงยิ้มกว้าง
“…” เขายังถือเป็นคนนอกอีกหรือ ไม่ใช่ว่าเอะอะก็เรียกท่านอาๆ อย่างสนิทสนมหรือไร?
ฮั่วเจ้ายวนทำหน้าจริงจัง ฮั่วซื่อเซี่ยงเม้มปากแอบยิ้ม
“หรือไม่… ท่านอาร่วมลงทุนกับข้า? เงินที่หามาได้ข้าจะแบ่งให้ท่านอาสามส่วน เพียงแค่ท่านอาให้ข้ายืมคนสักสี่ห้าคน ต้องเป็นคนที่เชื่อใจได้ไม่เอาตำรับของข้าไปขายด้วย… ดีหรือไม่” ซ่งอิงครุ่นคิดแล้วเสนอ
หากนางลงมือทำทุกอย่างเองก็จำเป็นต้องลงเขาไปจับจ่ายซื้อของ ไปกลับเหนื่อยแย่ ทั้งยังต้องล้างเมี่ยนจิน[2]ด้วยตัวเอง เปลืองแรงเปลืองเวลาแล้วยังทำออกมาได้ไม่มากอีกด้วย
สองวันนี้คนตั้งมากมายขนาดนี้ อาหารการกินบนเขาไม่อร่อย เหลียงผีที่นางทำต้องขายดีเป็นแน่ แต่หากวัตถุดิบน้อยเกินไปก็ทำเงินได้ไม่มากเท่าไรน่ะสิ..
“ก็ได้” ฮั่วเจ้ายวนพยักหน้า “ต้องการของสิ่งใดให้ซื่อเซี่ยงไปซื้อ รับประกันได้ว่าตำรับเจ้าจะไม่รั่วไหล”
ซ่งอิงเชื่อในคำพูดของเขาเช่นกัน
ใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่และทรงเกียรติ คงเป็นไปไม่ได้ที่จะโลภมากอยากได้สูตรของนาง
ส่วนบ่าวไพร่ของตระกูลใต้เท้า หากมีความคิดไม่ซื่อเช่นนั้นจริง เกรงว่าจะถูกเฆี่ยนตีจนตายเลยกระมัง
ของที่ใช้ทำเหลียงผีนั้นเป็นของทั่วไป หลักๆ คือแป้งสาลี ซึ่งเอามาทำเป็นเหลียงผีและเมี่ยนจินได้ วัตถุดิบประกอบใช้หูกวา หูกวาของที่นี่ก็คือแตงกวาของภพชาติก่อน กรุบกรอบให้รสสดชื่น เหมาะกับอากาศร้อนในตอนนี้เป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังมีเครื่องเคียงเพิ่มเติมอย่างพวกถั่วงอก ถั่วป่น ซึ่งก็คือการเอาถั่วลิสงคั่วมาบดละเอียด และยังมีเครื่องปรุง
เครื่องปรุงก็หาง่ายมากเช่นกัน ซีอิ๊ว จิ๊กโฉ่ว น้ำตาลทราย เกลือ พริก
แต่ต่อให้มีผู้ช่วยหลายคนก็คงทำไม่เสร็จภายในวันนี้เหมือนกัน อย่างไรเสียก็จำเป็นต้องพักน้ำแป้งทิ้งเอาไว้ก่อน ดังนั้นต้องหาห้องพักในวัดสักห้อง…
แต่ห้องพักในวัดต้องใช้เงิน นอกจากนั้น… มีคนจากตระกูลใหญ่โตอยู่ที่นี่ตั้งมากมายขนาดนี้ ไม่แน่ว่าจะถูกจองเต็มหมดแล้วก็เป็นได้
ซ่งอิงหันหน้าไปมองใต้เท้าฮั่ว
เดิมทีเห็นอีกฝ่ายมีน้ำใจ นางก็อยากเอ่ยเรียกด้วยความเคารพเสียหน่อยว่าต้าเหริน แต่…
“ท่านอา ข้าเช่าห้องพักสักสิบห้าวันได้หรือไม่” ซ่งอิงพูด พลางหยิบเงินที่หลอกเอามาจากฮั่วซื่อเซี่ยงออกมา
———————-
[1] เหลียงผี (凉皮) เป็นอาหารฤทธิ์เย็น นิยมทานกันในหน้าร้อนเพื่อคลายความร้อน วัตถุดิบหลักประกอบด้วย เส้นก๋วยเตี๋ยว (ที่ทำจากแป้งข้าวเจ้าหรือแป้งสาลี)(面皮)แตงกวา(黄瓜) ถั่วงอก(豆芽)เมี่ยนจิน (面筋)และเครื่องปรุงอย่างน้ำมันพริก(辣椒油)ซอสงา(芝麻酱)ซอสถั่วลิสง(花生酱)ซีอิ๊ว(花生油)จิ๊กโฉ่ว(醋) น้ำกระเทียม(蒜汁นำกระเทียมมามาบดหรือโขลกหยาบๆ เติมเกลือ 1 ช้อนชา และใส่น้ำต้มสุก 3 ช้อนโต๊ะ)และน้ำตาลทราย(白糖)
[2] เมี่ยนจิน (面筋) หรือ หมี่กึงคือแป้งหมี่ที่นำมาทำอาหารเจ เนื่องจากหมี่กึงจะมีความเหนียวหนึบคล้ายเอ็น แต่อย่างไรก็ตามเมี่ยนจินมีหลายแบบ ทั้งแบบเป็นก้อนแป้ง หรือที่ทำเป็นแผ่นหนา