ตอนที่ 313 ขายดิบขายดี
หลังมีคนแรกทดลองชิม กิจการของซ่งอิงก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าขึ้นมาทันที
ป้าๆ ทั้งสองคนนั้นที่ยืมมาช่วยงานก็ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ครานี้ นางสอนทั้งสองคนปรุงเครื่องเคียงไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็เป็นคนที่เป็นงานแล้วเช่นกัน จึงคล่องแคล่วว่องไวแน่นอน เพิ่งขายไปได้พักหนึ่ง มือไม้ยังรวดเร็วกว่านางด้วยซ้ำ เครื่องปรุงทุกช้อนที่ตักใส่ล้วนแม่นยำ เป็นมือฉมังก็ว่าได้
ที่อยู่ในวัด ยังเหลือป้าๆ อีกสี่คน
ป้าทั้งสี่คนนั้นก็ไม่ได้ว่างงานเช่นกัน ต่างกำลังล้างแป้ง นึ่งแป้งกันอยู่
เพื่อจะได้มีสินค้าต่อเนื่อง
ขายไม่หมดก็ไม่ต้องกลัว ซ่งอิงคิดไว้เรียบร้อยแล้วว่า เส้นทางที่นางกลับไปไม่ใช่ใกล้ๆ เดินทางไปค้าขายไปด้วยก็ย่อมได้กระมัง ถึงตอนนั้นคิดราคาถูกหน่อยก็เป็นอันใช้ได้
แต่เห็นได้ชัดว่าซ่งอิงประเมินระดับการได้รับความชมชอบในตัวอาหารนี้ต่ำเกินไป
ยามที่อากาศร้อนเช่นนี้ กินเหลียงผีเข้าไปแล้วดื่มน้ำซวนเหมยตามหนึ่งถ้วย ช่วยให้รู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายจริงๆ
อย่าว่าแต่ชาวบ้านธรรมดาเลย ไม่ถึงสองชั่วยาม ในเรือนปีกด้านหลังของวัดก็มีคนจำนวนไม่น้อยได้กินเหลียงผีที่ซ่งอิงทำกันแล้ว
“ถั่วบดในนี้ช่างหอมจริงๆ แล้วยังมีพริกอีกอย่าง ความเผ็ดกำลังดี…ที่อร่อยที่สุดก็คือเมี่ยนจิน กัดในปากให้ความรู้สึกหนึบๆ ด้วยละ หมัวมัวท่านดูสิ เมี่ยนจินนี้มีรูเล็กๆ อยู่เต็มไปหมดด้วย ช่างประหลาดจริงๆ…”
กินเข้าไปอีกหนึ่งคำ
“คุณหนู พริกนี้รสจัดจ้าน กินเสร็จแล้วจะร้อนไปทั่วทั้งปาก ไม่แน่ว่าจะเป็นเริมเอาได้ เดี๋ยวขายหน้าเอานะเจ้าคะ!”
“กลับไปข้าก็ไม่ออกไปไหนแล้ว ถึงอย่างไรข้างนอกก็ไม่มีอะไรน่าเดินเล่น หากมิใช่เพราะท่านแม่ข้ากล่าวว่าต้องการเสริมบุญเสียหน่อย ข้าก็ไม่อยากมาหรอก!”
“อยู่ใต้สายตาพระพุทธเจ้าเพียงนี้ จะพูดเหลวไหลมิได้นะเจ้าคะ ถุยๆๆ!”
คุณหนูผู้นี้กินอย่างสบายใจ แต่นางมาจากภูมิหลังตระกูลใหญ่โต โดยปกติแต่ละวันกินแต่อาหารรสชาติค่อนข้างจืดชืด ครั้นกินเผ็ด เพิ่งกินเสร็จไม่นาน กลีบปากก็แดงก่ำ พออ้าปาก ก็เต็มไปด้วยไอร้อนผ่าว มุมปากก็แดงก่ำเช่นกัน ดูเหมือนจะเกิดเริมขึ้นอย่างไรอย่างนั้น
แต่ในเวลานี้เอง มารดาในตระกูลกล่าวว่าต้องการไปเดินเล่นเรือนข้างๆ
สองตระกูลคบหาสมาคมกันมาหลายชั่วอายุคน บุตรสาวของตระกูลนั้นอายุรุ่นราวคราวเดียวกับนาง คุณหนูผู้นี้จึงรู้สึกอายเล็กน้อยเสียแล้ว แต่ก็คิดหาเหตุผลปฏิเสธไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องคู่ครองที่บิดามารดานางกำหนดให้ก็คือตระกูลนั้น หากนางไม่ไป ภายภาคหน้าน้องสาวสามีจะคิดว่านางจงใจยืดเยื้อเวลาก็เป็นได้
ทำได้เพียงบากหน้าไป
แต่แม่นางที่อยู่ในเรือนข้างๆ ก็คิดเยี่ยงนี้เช่นกัน เกรงว่าว่าที่พี่สะใภ้จะคิดว่าตนเองทระนงตัวถือดี จึงทำได้เพียงใช้ผ้าเช็ดหน้าคอยปิดปากไว้และพบเจอผู้อื่นด้วยความระมัดระวัง
เมื่อต่างฝ่ายต่างเจอหน้ากันก็ไม่อาจพูดคุยอะไรได้สักประโยค
เอาแต่มองกันไปมาอยู่เนิ่นนาน ด้วยความไร้ทางเลือก ทั้งสองคนขยับผ้าเช็ดหน้าลงมาในเวลาพร้อมกัน ครั้นอ้าปาก ปากนี้ก็ทำให้ทั้งสองตะลึงงันไปชั่ววูบ จากนั้นล้วนอดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าก็กินเหลียงผีนั่นแล้วเช่นกันหรือ!”
“ใช่ๆๆ เหลียงผีของแม่นางซ่ง เผ็ดนิดๆ แต่รสชาติไม่เลวจริงๆ!”
“ที่ผ่านมาข้าก็ไม่ชอบอาหารที่รสจัดเหล่านี้ แต่ยามนี้ร้อนเกินไปแล้ว อีกทั้งไม่เหมือนอยู่ในบ้านที่มีน้ำแข็งคอยช่วยสร้างความเย็น พอได้กินอาหารชนิดนี้ก็รู้สึกสบายขึ้นมาก”
“สองวันนี้ข้ารู้สึกเบื่อหน่ายผู้คนเล็กน้อย แต่อาหารที่แม่ครัวทำส่วนใหญ่ก็ร้อนๆ ทั้งนั้น กินไม่อร่อยเลย…”
แม่นางสาวน้อยทั้งสองมีหัวข้อสนทนาเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายต่างไม่มีใครรังเกียจใคร ไม่ทันไรก็เปลี่ยนไปสนิทสนมกันขึ้นมา
อย่างไรเสียป้าทั้งสองที่อยู่กับซ่งอิงก็ไม่ใช่หุ่นไม้ จึงมีความนึกคิดบางอย่างขึ้นมาเช่นกัน
พวกนางรู้สึกประหลาดใจในตัวแม่นางซ่งผู้นี้เล็กน้อย ทว่าไม่กล้าละเมิดข้อปฏิบัติ จึงทำตามความต้องการอย่างว่าง่าย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าอาหารชนิดนี้ค่อนข้างมีเอกลักษณ์พิเศษในการทำ แต่ไม่แน่ว่าจะขายออกได้มากน้อยเท่าใด…
ใครจะรู้ว่าเมื่อขาย กลับยุ่งจนพวกนางปลีกตัวไปไหนไม่ได้
หลังตลาดวาย รู้สึกเพียงวันนี้ผ่านไปอย่างมึนๆ งงๆ มาก
ซ่งอิงจะใช้แรงงานคนมากเกินไปก็ไม่ดีนักเช่นกัน เมื่อคืนบรรดาป้าๆ เหล่านี้ไม่ได้นอนหลับกันสักเท่าไร วันนี้ก็ยุ่งตลอดทั้งวัน ตอนนี้จะให้หามรุ่งหามค่ำอีกไม่ได้อีกโดยเด็ดขาด
ดีที่มีเหลียงผีอยู่ไม่น้อย น่าจะเพียงพอสำหรับขายวันพรุ่งนี้เช่นกัน
ทุกคนจึงไปพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มหนึ่งคืน
แน่นอนว่าก่อนพักผ่อน ซ่งอิงก็คำนวณบัญชีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
วันนี้วันเดียวขายไปประมาณเจ็ดร้อยสามสิบกว่าชุด ช่างเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายจริงๆ
แน่นอนว่าหากเป็นนางตัวคนเดียวคงทำเช่นนี้ไม่ได้ หลักๆ เพราะมีป้าๆ เหล่านั้นคอยช่วยงานอยู่เบื้องหลัง มีพวกนางล้างแป้งและนึ่งแป้งไม่หยุด ทางด้านนางนี้จึงมีวัตถุดิบไม่ขาดมือ
ชุดหนึ่งยี่สิบอีแปะ เจ็ดร้อยกว่าชุดนี้คำนวณแล้วก็เป็นเงินสี่สิบกว่าตำลึงเงินเห็นจะได้
ไม่มีทางน้อยไปกว่านี้แน่!
ตอนที่ 314 ภูเขาสูงสายธารทอดยาว
ซ่งอิงเคยมองสำรวจกิจการของแผงลอยอื่นๆ วันหนึ่งขายได้มากสุดก็หนึ่งตำลึงเงิน ซึ่งถือว่าขายดีมากแล้ว
งานครั้งใหญ่ลักษณะนี้ ปีหนึ่งก็มีแค่ครั้งเดียว และครั้งนี้มากสุดก็ห้าวัน
หากเป็นช่วงเวลาปกติ วันหนึ่งทำเงินได้สักหนึ่งร้อยอีแปะ เกรงว่าก็พึงพอใจมากแล้ว
ทว่าซ่งอิง วันหนึ่งทำเงินได้ประมาณสี่สิบกว่าตำลึงเงิน
แน่นอนว่าต้องหักลบต้นทุนอีก
แป้งสาลีหนึ่งจินทำเหลียงผีออกมาได้ประมาณห้าชุด วันนี้นางใช้แป้งไปทั้งสิ้นหนึ่งร้อยห้าสิบจิน แม้ว่าฝากใต้เท้าฮั่วซื้อแป้ง แต่นางก็ต้องเอาเงินไปจ่ายให้ด้วย
ราคาของแป้งที่ฮั่วซื่อเซี่ยงซื้อมาคือจินละเจ็ดอีแปะ คำนวณดูแล้วทั้งเป็นเงินหนึ่งตำลึงกว่านิดๆ
พริกจินละห้าถึงหกอีแปะ แต่ใช้ไม่มาก เนื่องจากอากาศร้อนและคนจำนวนมากไม่ชอบกินรสชาติจัดจ้าน
หูกวาเป็นผักสด หูกวาของปีนี้…ลักษณะหงิกงอไม่ค่อยน่ามอง ใช้เงินไปประมาณสองร้อยอีแปะ น้ำมันตลอดจนถั่วลิสงบดค่อนข้างแพง แต่ใช้ปริมาณไม่มาก ดังนั้นก็จ่ายไปเกือบๆ หนึ่งตำลึงเงินเห็นจะได้
ส่วนที่เหลือคือซีอิ๊ว รวมไปถึงเครื่องปรุงให้ความหอม คร่าวๆ เจ็ดร้อยอีแปะ
เมื่อคำนวณดูเช่นนี้…
กำไรสุทธิของนางน่าจะอยู่ที่สิบเอ็ดตำลึงเงิน
แน่นอนว่ายังมีค่าแรงคนงานที่สำคัญยิ่งซึ่งยังไม่ได้คำนวณออกมา บรรดาป้าๆ เหน็ดเหนื่อยกันขนาดนี้ ถือว่าเป็น ‘การทำงานล่วงเวลา’ แล้วด้วยซ้ำ ซ่งอิงย่อมไม่ใช้แรงงานคนโดยเปล่าๆ แน่นอน ดังนั้นไว้ขายของเสร็จสิ้น จะต้องจ่ายเงินให้ทุกคนด้วยสักหน่อยเช่นกัน
บรรดาป้าๆ เหล่านี้เป็นคนที่ใต้เท้าฮั่วจัดหาให้ทั้งหมด เกรงว่าจะไม่ชายตามองเงินจำนวนน้อยนิด แต่มากเกินไปนางก็จ่ายไม่ไหวเช่นกัน จึงกำหนดตามราคาค่าแรงตลาดเป็นอันใช้ได้ เห็นแก่สภาพที่พวกนางเหน็ดเหนื่อยจะเพิ่มเติมให้อีกนิด ถือเป็นสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ก็ใช้ได้แล้ว
เช่นนี้จะต้องหักออกไปครึ่งหนึ่งโดยประมาณ
แล้วยังต้องแบ่งให้ใต้เท้าฮั่วสามส่วน
ดังนั้นวันนี้ รายรับของซ่งอิงโดยแท้จริงคือประมาณหกตำลึงเงินกว่าๆ
ซ่งอิงถอนหายใจ
การหาเงินไม่ง่ายดายเลยจริงๆ หากไม่ใช่เพราะมีที่พึ่งพิงผู้ยิ่งใหญ่ เกรงว่าเงินหกตำลึงเงินนี้ก็คงหามาไม่ได้ อย่างไรเสียนางก็ยังไม่ได้คำนวณฮั่วซื่อเซี่ยงที่วิ่งขึ้นวิ่งลงแทนนางผู้นี้รวมเข้าไปด้วยเลยนี่? ซึ่งฮั่วซื่อเซี่ยงคงไม่ได้ไปซื้อของตามลำพังเป็นแน่ หากคำนวณค่าแรงคนอื่นที่วิ่งไปจับจ่ายซื้อของให้เข้าไปด้วยล่ะ?
กระเป๋าเงินนางได้ฉีกกันพอดี
ดังนั้น…
นางตั้งใจว่าจะไม่ให้เงินฮั่วซื่อเซี่ยง อย่างไรเสียนางก็ได้แบ่งให้ใต้เท้าฮั่วแล้วส่วนหนึ่ง
แมลงวันต่อให้ตัวเล็กสักเท่าไรก็ยังมีเนื้อ แม้ซ่งอิงพึ่งพายาสระผมในการหาเงินมาได้จำนวนไม่น้อย แต่เงินจากการขายเหลียงผีนี้ก็ไม่อยากปล่อยให้หลุดมือไปเช่นกัน
เป็นเกียรติอย่างที่สุดในการได้ใช้แรงงาน!
ปรมาจารย์เหล่านี้เทศนาเพียงสามวันเท่านั้น แต่งานในวัดดำเนินไปประมาณห้าวัน ตอนวันสุดท้าย ซ่งอิงค้าขายได้ยอดน้อยลงไปกว่าครึ่ง นางก็รู้ว่าได้เวลาเลิกราแล้ว
ซ่งอิงซื่อสัตย์มากเช่นกัน นางมอบเงินให้ฮั่วเจ้ายวนสิบตำลึงเงิน
“…” ฮั่วเจ้ายวนสับสนมาก “เจ้า…สามสี่วันมานี้ทำเงินได้เพียงยี่สิบกว่าตำลึงเงิน?”
แบ่งกันสามต่อเจ็ดส่วน เขาได้สิบตำลึงเงิน เช่นนั้นซ่งอิงก็น่าจะได้เพียงยี่สิบสี่ยี่สิบห้าตำลึงเงินเท่านั้นกระมัง?
เขารู้ว่าประชาชนธรรมดาหาเงินได้อย่างยากลำบาก แต่ยากเย็นแสนเข็ญถึงขั้นนี้เชียวหรือ เขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไรนัก
หลายวันมานี้ เขาไม่เห็นหน้าซ่งอิงเลยสักนิด เพียงแต่ได้ยินว่านอกจากเวลากลางคืนที่นอนหลับและยามขายของ ซ่งอิงก็ไม่ได้ออกมาจากห้องครัวเลย
“ต้าเหรินคิดว่าข้าทำบัญชีปลอมหรือ เรียกป้าๆ เหล่านั้นมาถามไถ่ดูก็รู้แล้วเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกลับเข้าใจผิดเสียแล้ว
นางดูเป็นคนที่เอาเปรียบผู้อื่นและไม่น่าเชื่อถือขนาดนั้นเชียวหรือ!
“ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น” ฮั่วเจ้ายวนร้อนใจเล็กน้อย เขาเป็นคนที่น่าสงสัยมากขนาดนั้นหรือไร?
“เงินนี้ก็ไม่น้อยแล้ว อย่างไรเสียก็เป็นกิจการเล็กๆ อีกทั้งคำนวณดูจากสี่วันนี้ ค่าแรงข้าก็ได้เป็นเงินพอประมาณกับที่ประชาชนธรรมดาหาได้ตลอดหนึ่งปี แล้วยังจะไม่รู้จักพอได้อีกหรือเจ้าคะ” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง “หลายวันนี้ขอบคุณท่านอาต้าเหรินที่ดูแล หมินฟู่ซาบซึ้งใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ บัดนี้งานทางพระธรรมสิ้นสุดลงแล้ว หมินฟู่ก็ควรกลับได้แล้วเช่นกัน ภูเขาสูงสายธารทอดยาว ภายภาคหน้าหากมีเวลาว่าง หลานคนนี้จะต้องไปเยี่ยมเยียนท่านอาต้าเหรินเป็นแน่เจ้าค่ะ”
ไปเยี่ยมเยียนก็บ้าแล้ว! เมื่อนางจากไปแล้ว มิตรสัมพันธ์ที่ไร้สาระนี้ก็เป็นอันมลายหายไปเช่นกัน!
ไม่ใช่ใต้เท้าฮั่วไม่ดี แต่เพราะ…
นางเป็นคนรักในศักดิ์ศรีตัวเอง ในฐานะที่เป็นแม่นางสาวน้อยเยาว์วัยซึ่งรักในอิสระคนหนึ่ง การต้องเผชิญหน้ากับขุนนางชั้นสูงคนหนึ่งที่ทำหน้าตาราวกับจะเอาชีวิตคนตลอดทั้งวัน จะหายใจหายคอเต็มปอดยังหวาดกลัว ช่างเป็นอะไรที่เหน็ดเหนื่อยจริงๆ!