ตอนที่ 331 กินหญ้าผสมด้วย
ภูตโสมค่อนข้างซุกซนกวนประสาท บอกกล่าวซ่งอิงโดยยังไม่ถือว่าเสร็จสิ้นเสียทีเดียว ถึงขั้นว่าแม้แต่การบ้านที่อาจารย์มอบหมายให้ก็ไม่ทำแล้ว เอาแต่เดินโฉบไปโฉบมาหน้าหนิวต้าลี่อยู่ตลอด
หนิวต้าลี่รู้สึกเพียงแค่เด็กคนนี้ไม่ค่อยเหมือนเด็กคนอื่น บนเนื้อตัวมีกลิ่นหอมบางอย่าง กลิ่นนั้นหอมถึงขั้นทำให้นางอยากกัดกินสักคำ…
แต่แน่นอนว่านางไม่กล้าทำ ต่อในนางโง่เขลาสักเพียงใดก็รู้ว่ากินมนุษย์ไม่ได้
เพียงแต่ถูกกลิ่นหอมนี้หลอกล่อเข้าจึงหิวขึ้นเรื่อยๆ คนทั้งคนรู้สึกกระสับกระส่ายไปหมด
ซ่งอิงไม่เอาเปรียบหนิวต้าลี่เช่นกัน นางเพิ่มอาหารมื้อเย็นขึ้นมาอีกสองอย่าง ต้าปิ่งขนาดใหญ่ที่หนาเตอะก็ทำเพิ่มขึ้นมาห้าชิ้น กลับเห็นหนิวต้าลี่กัดคำแล้วคำเล่า ปิ่งจื่อหนึ่งชิ้นนั้นไม่ทันไรก็ถูกกลืนกินลงไปแล้ว แม้แต่ซ่งอิงยังงงเป็นไก่ตาแตก…
กินกันขนาดนี้เชียว ขืนนางไม่หาเงินให้ได้มากๆ หน่อยมีหวังเลี้ยงไม่ไหวแน่!?
“ท่านกินเยอะขนาดนี้ แม่ข้าก็ไม่มีเงินเลี้ยงเด็กๆ กันพอดี…เลี้ยงเด็กๆ ไม่ไหว เราทั้งสองก็ต้องถูกเอาไปปล่อยตามเขากันพอดี ท่านกินหญ้าผสมไปด้วยไม่ได้หรือ” ภูตโสมอดกล่าวไม่ได้
หนิวต้าลี่ชะงักมือ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปแล้ว
ในมือยังเหลือปิ่งจื่อขนาดใหญ่หนึ่งชิ้นสุดท้าย
ค่อยๆ วางกลับไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ “อร่อยเกินไปแล้ว…ข้าจึงหักห้ามใจไม่ได้”
นี่คืออาหารที่อร่อยสุดๆ เท่าที่นางเคยกิน ไข่นึ่งนี้ให้สัมผัสลื่นๆ และมีกลิ่นหอม ยำหัวไชเท้านี่ยิ่งอร่อยไปกันใหญ่ สดใหม่กรุบกรอบ กินเข้าไปคำเดียวก็รู้สึกว่าทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยพละกำลัง!
แล้วยังมีน้ำแกงเต้าหู้เห็ดนี้อีก กลิ่นหอมหวนจากด้านในมาถึงด้านนอก ดื่มเข้าไปคำเดียวแล้วยังอยากดื่มอีก ผักผัดเนื้อสัตว์นั่นยิ่งแล้วใหญ่…
นางแทบอยากเปลี่ยนร่างกลายเป็นวัวตัวหนึ่งแล้วอ้าปากกว้างๆ นำสิ่งของเหล่านี้ทั้งหมดยัดใส่ลงไปในท้อง!
“น้องหลิน พี่ต้าลี่ไม่ใช่แกะเสียหน่อย จะกินหญ้าได้อย่างไรเล่า” ซ่งต๋าพูดเชิงติดตลกกับฮั่วหลิน “แต่พี่ต้าลี่กินข้าวเก่งมากจริงๆ คนเดียวกินเยอะกว่าพวกเราสามสี่คนรวมๆ กันเสียอีก”
หนิวต้าลี่มองซ่งอิงด้วยสีหน้าสีแววตาน่าสงสาร “เช่นนั้น…ข้าจะกินให้น้อยๆ หน่อย…”
“บอกไว้แล้วอย่างไรเล่าว่ามีอาหารให้กินและมีที่อยู่ให้ด้วย ดังนั้นแค่กินๆ ไปเถอะ ครั้งหน้าเจ้าก็ช่วยข้าทำปิ่งจื่อให้มากๆ หน่อย แต่ว่าเนื้อสัตว์ราคาค่อนข้างแพงจริงๆ ตอนนี้ครอบครัวเราไม่ถือว่ายากจนแร้นแค้น แต่ก็ไม่ถือว่าร่ำรวยสุขสบาย ดังนั้นก็แบบนี้แล้วกัน ไว้จากนี้ค่อยเพิ่มอาหารจำพวกผักอีกสักสองอย่าง…” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
หนิวต้าลี่ได้ยินดังกล่าว น้ำตาแทบไหลรินนองหน้า
ไม่รังเกียจที่นางกินเก่ง แล้วยังจะเพิ่มกับข้าวให้อีก?!
นี่เป็นการเจอคนดีผู้ยิ่งใหญ่แล้วสินะ!
“เช่นนั้นข้า…จุดไฟได้ และจะเรียนรู้การทำอาหารกับท่าน จากนี้งานทำอาหารก็มอบให้ข้าเลยแล้วกัน!” หนิวต้าลี่เสนอตัวขึ้นทันทีทันใด
ซ่งอิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจมาก
นางก็คิดอยู่ว่าจะฝึกสอนหนิวต้าลี่ให้เป็นผู้ทำอาหารมือฉมังคนหนึ่ง เช่นนี้นางก็จะได้สบายไปอีกอย่าง
ภูตโสมถอนหายใจ มารดาเขาช่างโง่เขลาจริงๆ
ตั้งแต่ก่อนหน้านี้อยู่บ้านซ่งไปหลายวันขนาดนั้น ได้กินซาลาเปามาเป็นเวลานานเพียงนั้น ในที่สุดเขาก็เข้าใจหลักการหนึ่ง
พวกมนุษย์ประหยัดมาก มีเพียงมารดาเขาที่ยอมทำอาหารสี่อย่างและน้ำแกงหนึ่ง อีกทั้งยังมีขนมของว่างควบคู่ด้วย อาหารของครอบครัวอื่นล้วนไม่อร่อยเอาเสียเลย ดังนั้นตอนนี้เขากลัวจริงๆ ว่าจะกินกันจนซ่งอิงยากจนเอาได้!
ตอนนี้ต้องเลี้ยง…วัว มีวัวเพิ่มมาหนึ่งตัว เกิดมารดาเขาไม่มีเงินแล้ว เขาก็ต้องกลับเขาไปกินดินกันพอดี!
จะอดทนไว้ไม่ได้โดยเด็ดขาด!
จำเป็นต้องหาเงิน!
ภูตโสมนัยน์ตาดุดัน “ท่านแม่ เห็ดหลินจือราคาแพงมากใช่หรือไม่”
ซ่งอิงตวัดสายตามองเขาแวบหนึ่ง “ไม่ว่าจะเป็นโสมหรือเห็ดหลินจือครอบครัวเราล้วนไม่มีทั้งนั้น ภายภาคหน้าก็ไม่มีเช่นกัน ไม่ต้องคิดไปเด็ดเห็ดหลินจือมาขายทำเงินเลย มิเช่นนั้นข้าจะเอาเจ้าไปขายก่อนเลยอันดับแรก!”
ฮั่วหลินหัวหด ชักสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจ
“น้องหลินเจ้าโง่หรือไร เจ้าคิดว่าเห็ดหลินจือเป็นหัวไชเท้าภูเขาหรือ หาเก็บกันได้ง่ายๆ ขนาดนั้นเสียที่ไหน! เดี๋ยวเจ้าเข้าไปป่าลึกไม่แน่ว่าจะถูกแมลงยักษ์กินด้วย ไม่เหลือแม้แต่ผมสักเส้นเดียว” ซ่งต๋ากล่าวปลอบใจ “ไว้รอพวกเราเติบใหญ่ก็หาเงินได้แล้ว ถึงเวลาพี่รองก็ไม่เหน็ดเหนื่อยขนาดนี้แล้ว”
ตอนที่ 332 เกาะพ่อเกาะแม่กิน
ซ่งอิงคิดว่า ซ่งต๋าพูดได้ไม่เลว พัฒนาขึ้นมาก
ซ่งอู่รู้สึกหดหู่ใจ แต่ก็รู้เช่นกันว่าจะเที่ยวไปตามป่าลึกบนเขาไม่ได้ “ยามที่พวกเรามีเวลาว่างค่อยไปนอกเขตป่าลึกบนเขาเก็บพวกเห็ด ไม้ฟืนและของอย่างอื่นก็สิ้นเรื่อง ขืนเสี่ยงอันตรายเกินไปจะไม่มีชีวิตรอดเอาได้”
ฮั่วหลินสบถฮึ
มันเป็นภูตโสม เก็บเห็ดหลินจือเป็นเรื่องง่ายดายมาก มีอะไรอันตรายเสียที่ไหนกันเล่า!
ซ่งอิงไม่ใช่ไม่อยากได้ของดีๆ อย่างเห็ดหลินจือและโสมประเภทนี้ เพียงแต่การหาเห็ดหลินจือเจอครั้งหนึ่งถือเป็นความบังเอิญและโชคช่วย แต่หากมีเห็ดหลินจือขายได้อยู่เรื่อยๆ จะไม่เป็นการดึงดูดสายตาผู้คนหรอกหรือ
พูดอย่างง่ายๆ คือ แม้เห็นว่าผู้คนหมู่บ้านซิ่งฮวาใช้ชีวิตโดยยึดถือการปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมพื้นบ้าน แต่หากเมื่อก่อนนางไม่เคยไปเมืองหลวง ในสายตาคนอื่นก็เป็นเพียงหญิงชาวบ้านธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น แต่แล้วกลับร่ำรวยขึ้นมากะทันหัน เช่นนั้นย่อมเป็นที่อิจฉาตาร้อนของผู้คนแน่นอน และคิดว่านางทำได้คนอื่นก็ทำได้เช่นกัน
หัวหน้าหมู่บ้านซ่งเป็นคนดีซื่อตรงที่มีความรับผิดชอบ คนในหมู่บ้านที่ซื่อสัตย์จริงใจก็มีไม่น้อยเช่นกัน แต่จิตใจคนเราเป็นสิ่งที่ไม่อาจล่วงรู้ได้
ปัจจุบันนี้นางอาศัยความสามารถของตัวเองหาเงินเล็กๆ น้อยๆ ก่อน แล้วค่อยขยับขยายไปทีละนิด สำหรับชาวชนบทก็ถือว่าเป็นลำดับขั้นตอนที่เหมาะสม
หากระหว่างนั้นจู่ๆ ก็อาศัยการขายโสมและเห็ดหลินจือจำนวนมากมายทำเงินได้ก้อนเบ้อเร่อ เช่นนั้นผลลัพธ์ก็จะน่ากลัวมาก
บัดนี้คนอื่นรู้เช่นกันว่านางหาเงินมาได้อย่างยากลำบาก ดังนั้นไม่มีคำพูดติฉินนินทาเสียหายอะไร แม้แต่คนที่มายืมเงินถึงที่บ้านก็น้อยมาก
ที่กล่าวว่ามีน้อย ก็เพราะมีคนบางส่วนมาขอยืมจริงๆ
ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่ได้ถูกหัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยนามถึงและกล่าวเชยชม ยามที่อยู่ในหมู่บ้านไม่ค่อยมีชื่อเสียงมีหน้ามีตานัก คนที่อยากยืมเงินล้วนมาหาซ่งเหล่าเกิน ซ่งเหล่าเกินรู้ว่านางตัวคนเดียวเลี้ยงดูลูกไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นไม่ได้นำเรื่องราวนี้บอกกล่าวมาทางด้านนาง
แต่นางก็ไม่ใช่คนโง่เขลา จะมากจะน้อยก็พอคาดเดาได้บ้าง
“น้องต๋าและน้องอู่พูดมีเหตุผลอย่างยิ่ง เป็นคนจะละโมบโลภมากมิได้ ทีเจ้ายังอยากจะตัวสูงขึ้นและเติบใหญ่ขึ้นเลย แต่กินแค่คำเดียวจะกลายเป็นคนอ้วนตุตะได้หรือ เรื่องหาเงินเจ้าก็ไม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจไปหรอก ชีวิตแต่ละวันของครอบครัวเราจะต้องสุขสบายยิ่งๆ ขึ้นแน่นอน อย่าว่าแต่เลี้ยงพี่หนิวของพวกเจ้าคนเดียวเลย ต่อให้เลี้ยงเป็นฝูง…ก็ได้เช่นกัน!” ซ่งอิงเปี่ยมไปด้วยความมั่นอกมั่นใจในตัวเอง
ฮั่วหลินคิดว่านางคุยโว “ท่านยายบอกว่าท่านไม่มีเงิน ท่านและอาสี่เปิดร้านค้าร่วมกัน ยังไม่โด่งดังเลย ท่านยายบอกอีกว่า ไม่แน่เสมอไปว่าอาสี่จะทำเงินได้ หากเขาทำขาดทุน…”
“ช้าก่อน คำพูดนี้เป็น…ยายเจ้าพูด?” ซ่งอิงรู้สึกเหนือความคาดหมาย
มารดานางไม่เหมือนคนที่จะพูดจาติฉินนินทาลับหลังคนอื่นได้เลย
“ท่านยายไม่เชื่อในตัวอาสี่ กล่าวว่าหลายปีก่อนเขาหลอกเอาเงินท่านปู่ทวดไปด้วย กลัวว่าท่านจะถูกหลอก แต่นางก็พูดอีกว่าท่านมั่นใจในตัวเองเกินไปแล้ว พูดสิ่งเหล่านี้กับท่าน ท่านก็ไม่เชื่อฟัง ดังนั้นให้ข้ามาเกลี้ยกล่อมท่านสักหน่อย ให้ท่านเหลือเงินเก็บเอาไว้ข้างกายบ้าง” ฮั่วหลินกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“แม่ข้าก็พูดเช่นกัน เงินของท่านไม่ช้าก็เร็วจะถูกอาสี่หลอกเอาไปหมดเกลี้ยง” ซ่งต๋าก็ตรงไปตรงมามากไม่แพ้กัน
“บังเอิญจัง ท่านแม่ข้าก็บอกว่าท่านโง่เขลา ไปหาอาสี่ไม่สู้มาหาพ่อข้า พ่อข้าซื่อสัตย์” ซ่งอู่ก็กล่าวตามขึ้นมาเช่นกัน จากนั้นก็เอ่ยเสริมอีกประโยค “แต่พ่อข้าโง่ ข้าคิดว่าอาสี่ฉลาดจริงๆ”
จำเป็นต้องบอกว่า คำวิจารณ์จากผู้อื่นที่มีถึงซ่งหม่านซานเป็นไปในทิศทางที่ยอดแย่จริงๆ
“อาสี่หลอกเอาเงินของท่านปู่ นั่นเป็นเพราะ…นั่นเป็นบิดาของเขา เขาคิดว่าลูกชายใช้เงินพ่อก็ไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด อย่างกรณีข้าจะแตกต่างไป อาสี่เป็นคนรักในศักดิ์ศรี เขาไม่มีหน้าเอาเงินของหลานสาวหรอก” ซ่งอิงกล่าวแจกแจงอย่างกระจ่างชัดแจง
ซ่งอิงพูดได้ถูกต้องมาก หากซ่งหม่านซานอยู่ด้วย เกรงว่าจะคิดว่าซ่งอิงและนางไม่ใช่อาหลาน แต่เป็นฝาแฝดที่เกิดออกมาจากท้องเดียวกัน
ซ่งหม่านซานไม่เคยคิดว่าตัวเองหลอกเอาเงินมาก่อน ที่เขาทำนั่นเป็นการพึ่งพาชายชราอย่างโจ่งแจ้งต่างหากเล่า!
“มิน่าล่ะ ท่านยายเจ้าจึงเห็นด้วยในการเปิดร้านค้าสักแห่งโดยง่ายดายเพียงนี้ คาดว่าเพราะคิดว่า เมื่ออาสี่พวกเจ้าใช้เงินของข้าหมดเกลี้ยงแล้ว นางจะได้ค้ำจุนข้าได้สักนิด” ซ่งอิงอดแอบหัวเราะไม่ได้
จะว่าไป เช่นนี้เท่ากับอาสี่ช่วยได้มากเลยทีเดียว