ตอนที่ 327 แบกหินและขนถังเก็บน้ำขนาดใหญ่
หร่วนซื่อรู้จักแยะแยกผู้คนผ่านการมองเช่นกัน แม้ป้าใหญ่ดูดำคล้ำไปหน่อย แต่ไม่สกปรก หากอีกฝ่ายเป็นคนที่เล็บดำฟันเหลืองอ๋อย ก็เชิญออกไปได้เลยทันทีโดยไม่ต้องพูดพร่ำอะไรทั้งสิ้น
“ลูกแม่ ข้าคิดว่าพี่สะใภ้ใหญ่ผู้นี้ค่อนข้างดีทีเดียว” หร่วนซื่อชื่นชอบไม่น้อย
คนผู้นี้พูดเก่ง แต่ไม่มีคำพูดไร้สาระ และไม่ใช่คนประเภทยกตนข่มท่าน พูดจาหรือกระทำการใดดูค่อยเป็นค่อยไป แล้วยังมีเหตุมีผลชัดเจนอีกด้วย ดูใจกว้างกว่าเจียวซื่อและดูใจเย็นกว่าเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ ช่างดีเยี่ยมจริงๆ
นางกับสามีต่างก็เป็นพวกนิสัยใจคอในแบบที่มีอะไรไม่สบายใจก็เก็บเอาไว้ในใจ มีใครสักคนที่ลักษณะเช่นนี้อยู่ในร้านด้วยจึงจะเหมาะสมสมบูรณ์แบบ
ต่อให้คนผู้นี้ทำงานไม่นานก็ไม่กลัวเช่นกัน จะอย่างไรนางสองสามีภรรยาก็คงได้เรียนรู้อะไรจากนางมาบ้างสักนิดกระมัง
“ท่านแม่คิดว่าดี เช่นนั้นก็ดีเจ้าค่ะ” ซ่งอิงยิ้มเล็กน้อย
หนิวต้าลี่ที่อยู่ด้านข้างงุนงงสับสนเล็กน้อย
“ข้า…ข้าก็ทำงานคล่องแคล่วว่องไวเช่นกันนะเจ้าคะ จะให้แบกหินหรือขนถังน้ำใบใหญ่ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับข้าเลย!” หนิวต้าลี่รีบเอ่ยปากทันควัน
นางรู้มาโดยตลอดว่าการหาเงินไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อก่อนก็เคยมีประสบการณ์ถูกแย่งงานหนึ่งที่ถูกใจเช่นกัน ดังนั้นขณะนี้รู้สึกเพียงว่าเงินได้หลุดลอยไปแล้ว
หร่วนซื่อตะลึงงันชั่ววูบ “ข้ายังไม่ทันได้ถามไถ่เลยว่านี่คือ…”
“นางเป็นคนที่ข้าชวนมาอยู่บ้านช่วยงานเจ้าค่ะ ท่านแม่ก็รู้ว่าที่ดินเหล่านี้ของข้า ตัวคนเดียวเพาะปลูกอะไรได้ไม่มาก ต้าลี่เรี่ยวแรงเยอะ จึงพอช่วยงานข้าได้หน่อยเจ้าค่ะ” ซ่งอิงยิ้มกล่าว
ยังพอมีเวลาอีกประมาณหนึ่งเดือนก็จะถึงฤดูการเก็บเกี่ยวแล้ว หลังการเก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นยังต้องปลูกพืชที่ทนทานต่อฤดูหนาวไว้ด้วย นางตัวคนเดียวทำไม่ไหว ช่วงฤดูกาลนั้นแต่ละครอบครัวต่างก็ยุ่งตัวเป็นเกลียว คิดจะจ้างคนมาช่วยก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน
“แม่นางสาวน้อยเยี่ยงนี้ จะไหวหรือ” หร่วนซื่อกังวลใจเล็กน้อย
มักคิดว่าบุตรสาวเป็นเช่นนี้ ดูเหมือนเตรียมจะใช้แม่นางสาวน้อยผู้นี้เป็นวัวอย่างไรอย่างนั้น
มองดูแม่นางผู้นี้ก็น่าจะอายุสิบหกสิบเจ็ดปี บุตรสาวนางยังอายุมากกว่าด้วยซ้ำ!
“ท่านป้า! ข้าไหวเจ้าค่ะ!” นิสัยวัวของหนิวต้าลี่เกือบพุ่งพรวดขึ้นมา “ข้าพรวนดินได้ วันหนึ่งสิบหมู่ก็ไม่เป็นปัญหาเจ้าค่ะ”
หร่วนซื่อเกือบสำลัก
“สิบหมู่?!” แม่นางสาวน้อยผู้นี้ช่างไร้เดียงสาเกินไปแล้วกระมัง?
ต่อให้ใช้วัวไถพรวนดิน วันหนึ่งก็พรวนได้หนึ่งถึงสองหมู่เท่านั้นกระมัง พรวนดินมากเกินไปจะเหนื่อยล้าเอาได้!
แม่นางสาวน้อยผู้นี้สมกับเป็นเด็กสาวที่ไร้เดียงสาคนหนึ่งจริงๆ คงประมาณที่ดินหนึ่งหมู่ว่ามากขนาดไหนได้ไม่ชัดเจนกระมัง
“พ่อแม่ของเจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ามาที่นี่” หร่วนซื่อกล่าวด้วยความห่วงใยเล็กน้อย
“ท่านแม่ ข้าพูดคุยกับนางเรียบร้อยแล้ว ท่านวางใจเถิด จะให้นางเหน็ดเหนื่อยเพียงนั้นได้ที่ไหนกันล่ะเจ้าคะ ก็แค่ทำงานจิปาถะ ข้างกายข้าก็ไม่มีสหายสักคน นางอายุรุ่นราวคราวเดียวกับข้า จะได้มีเพื่อนไปไหนมาไหนด้วยกัน” ซ่งอิงกล่าว
หนิวต้าหลี่ผงกศีรษะ
นางจะต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง จะประมาทเลินเล่อจนระเบิดนิสัยวัวขึ้นมาไม่ได้โดยเด็ดขาด เดี๋ยวจะพานให้ผู้มีพระคุณคนนี้ตกใจกลัวแย่
หร่วนซื่อเชื่อในคำพูดของซ่งอิง นางพูดถึงขั้นนี้แล้ว หร่วนซื่อจึงไม่เอ่ยถามให้มากความแล้วเช่นกัน “เช่นนั้นก็ได้ แม่นางหนิว ระมัดระวังไว้อย่าให้เหนื่อยล้าเชียว ปกติก็ช่วยข้าดูแลลูกสาวคนนี้ของข้าด้วย ลำบากเจ้าแล้ว”
“ไม่ลำบาก ไม่ลำบากเจ้าค่ะ ทำงานได้เงินก็เป็นสิ่งที่สมควรแล้วเจ้าค่ะ!” อย่างไรก็ตามเอาเป็นว่านางเหมาที่ดินของครอบครัวผู้มีพระคุณแล้ว!
นางไม่ใช่วัวทั่วๆ ไป!
หร่วนซื่อคิดว่าเด็กสาวผู้นี้ดูดุเล็กน้อย แต่ในขณะเดียวกันก็ดูป้ำๆ เป๋อๆ
แต่คนลักษณะเช่นนี้อยู่กับบุตรสาว นางก็วางใจเช่นกัน ไม่ต้องกังวลว่าบุตรสาวจะถูกคนรังแกและหลอกลวงเอาได้
“เกี่ยวกับเบี้ยรายเดือนของท่านป้าก็เริ่มคำนวณจากวันนี้เป็นต้นไป ท่านแม่ พรุ่งนี้ข้ากับท่านไปดูร้านค้าห้องแถวด้วยกัน หากเจอที่เหมาะสมก็จัดการให้เรียบร้อยเสียเลย หากเงินไม่พอ ทางด้านข้านี้ยังมีอยู่บ้าง ข้าหาเงินจากทางด้านเมืองยงมาได้ตั้งหลายสิบตำลึงเงินเชียวละ” ซ่งอิงกล่าว
หนิวต้าลี่นัยน์ตาลุกวาว หลายสิบตำลึงเงิน นั่นไม่ได้หากันมาได้โดยง่ายเลยนะ ผู้มีพระคุณช่างเก่งกาจจริงๆ ด้วย
เมื่อก่อนนางทำงาน เงินที่ได้มาล้วนเป็นเหรียญทองแดงทั้งสิ้น ไม่เคยเห็นซุ่ยอิ๋นมาก่อน
“ต้องให้เจ้าออกเงินอีกที่ไหนกันเล่า ครั้งก่อนที่ให้ไว้ยังไม่ได้ใช้จ่ายเลย หนึ่งร้อยตำลึงเงินก็ซื้อร้านค้าห้องแถวเล็กๆ ได้แล้ว” หร่วนซื่อรีบกล่าวทันควัน
มีที่ไหนบุตรสาวหาเลี้ยงครอบครัว? บางครั้งนางคิดว่าตัวเองไร้ประโยชน์ ไม่เคยให้บุตรสาวได้ใช้ชีวิตสุขสบายเลย
ตอนที่ 328 แข่งกัน
บิดามารดาผู้ให้กำเนิดซ่งอิงฐานะสูงส่ง ดังนั้นหร่วนซื่อและซ่งจินซานรู้สึกละอายใจต่อบุตรสาวมาโดยตลอด โดยเฉพาะตอนแรกยามที่ซ่งอิงถูกจวนโหวรับตัวไป หร่วนซื่อใจแทบสลาย
ต่อให้เป็นปัจจุบันนี้ นึกถึงซ่งอิงถูกตัดนิ้วเท้าทิ้งแล้วยังหน้าเสียโฉมอีก สองสามีภรรยาก็รู้สึกแค้นเคืองเล็กน้อย หากพวกเขาเป็นครอบครัวใหญ่โตสูงส่งเช่นกัน เช่นนั้นจวนโหวจะได้รังแกคนเขาเยี่ยงนี้ได้อย่างไรเล่า
แน่นอนละ หร่วนซื่อก็รู้เช่นกันว่า หากครอบครัวนางก็สูงส่ง ตอนแรกซ่งอิงก็คงไม่ตกมาถึงมือนางให้ได้เลี้ยงดูหรอก
หร่วนซื่อก็ดี ซ่งจินซานก็ดี ต่างเก็บความละอายใจที่มีต่อซ่งอิงไว้ในใจ ดังนั้นเงินที่ซ่งอิงให้ พวกเขาจึงไม่มีหน้ารับเอาไว้หรอก
ตอนนี้ทำใจยอมใช้เงินก่อนหน้านี้ก้อนนั้นเอามาเปิดร้านค้า ก็เพราะอยากหารายได้บ้าง จะได้ค้ำจุนซ่งอิงกลับคืนไปบ้าง และขณะเดียวกันจะได้เก็บเงินไว้สู่ขอภรรยาให้บุตรชายด้วย
ตอนนี้หร่วนซื่อจ้างป้ากวนแล้ว เช่นนั้นก็ต้องลงนามสัญญาเอาไว้สักฉบับ
การลงนามสัญญาเช่นนี้ก็สะดวกสบายเช่นกัน เพียงหาคนในหมู่บ้านที่มีหน้ามีตาสักคนมาเป็นพยานก็ใช้ได้แล้ว
หลังจัดการเป็นที่เรียบร้อย ก็ต้องบอกกล่าวกับป้ากวนเกี่ยวกับเรื่องที่จำเป็นต้องให้ความสำคัญในการทำงาน
เครื่องปรุงของน้ำแกงรสเนื้อสัตว์อยู่ในการดูแลของซ่งอิงและหร่วนซื่อ ยามที่ใช้มันแค่เอาไปเติมสักหน่อยก็เรียบร้อยแล้ว ส่วนขั้นตอนอื่นๆ ไว้สอนตัวต่อตัว นอกจากนี้ยังต้องตรวจดูฝีไม้ลายมือการห่อซาลาเปาของป้ากวนสักหน่อย
ต้องขอบอกว่า คนที่ซ่งหม่านซานแนะนำให้เป็นคนมากความสามารถผู้หนึ่ง ยอดจีบซาลาเปานั้นสวยงามกว่าที่หร่วนซื่อทำเสียอีก ก็แค่ไม่ค่อยถนัดทางด้านการผัดอาหารเท่านั้น
“หลายปีก่อนตอนที่สามีข้ายังมีชีวิตอยู่ก็เคยกินอาหารประเภทผัดหลายอย่างเช่นกัน ต่อมาสถานการณ์ในครอบครัวไม่เป็นดั่งใจหวัง อาหารประเภทใช้น้ำมันผัดเช่นนี้ก็เลยไม่ค่อยได้กินแล้ว” ป้ากวนค่อนข้างอายเล็กน้อยเช่นกัน
ทักษะการห่อซาลาเปาเป็นสิ่งที่นางเรียนรู้มาจากตอนทำงานหลายปีมานี้ เมื่อนานมาแล้วก็เคยทำงานร้านอาหารเช้ามาก่อนเช่นกัน
แต่การผัดอาหารมีความแตกต่างออกไป
นางทำใจใส่น้ำมันและเกลือลงไปได้ไม่ค่อยมาก จึงดูไม่ถนัดมือเลยจริงๆ
“เช่นนั้นจากนี้งานห่อซาลาเปาก็มอบให้ท่านแล้วกัน ข้ารับผิดชอบเตรียมน้ำแกงรสเนื้อสัตว์ ตอนเที่ยงท่านตระเตรียมผักไว้ เดี๋ยวข้าเป็นคนผัดเอง” หร่วนซื่อไม่คิดมากเช่นกัน
นางผัดได้ก็เป็นพอแล้ว
ยังต้องขอบคุณเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ที่เมื่อก่อนตอนเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่จัดการด้านงานทำอาหารให้ครอบครัวซ่งค่อนข้างใจป้ำ ส่งผลให้พี่น้องสะใภ้แต่ละครอบครัวล้วนทำอาหารได้ดีเยี่ยมทีเดียว แน่นอนละว่า เจียวซื่อจัดอยู่ในข้อยกเว้น
เพราะเจียวซื่อตระหนี่ถี่เหนียว
ระหว่างหร่วนซื่อและป้ากวนจำเป็นต้องปรับตัวเข้าหากันสักหน่อย ดังนั้นซ่งอิงไม่ได้เข้าไปข้องเกี่ยวด้วยสักเท่าไร นางพาหนิวต้าลี่มาทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ
“จากนี้เจ้าก็อยู่อาศัยในห้องฝั่งขวามือนี้ ในบ้านยังมีผ้าอยู่สี่ห้าพับ ไว้ข้ามีเวลาว่างแล้วจะทำเสื้อผ้าให้เจ้าสักสองสามชุด หากเจ้าต้องการอะไรก็บอกกล่าวข้าได้ ตอนข้าไปตัวอำเภอจะได้ซื้อมาให้เจ้า ทว่าเงินนี่ต้องหักจากเงินค่าแรงด้วยเช่นกัน” ซ่งอิงชี้นิ้วไปทางด้านห้องนั้นพลางกล่าว
หนิวต้าลี่เดินเข้ามามองดูในห้อง แวบแรกที่เห็นก็ชื่นชอบยิ่ง
เตียงใหญ่โต!
บริเวณหน้าต่างมีโต๊ะขนาดย่อมอยู่หนึ่งตัว หลังเตียงมีหีบไม้ขนาดใหญ่สองใบ เพียงพอให้นางใส่สิ่งของมากมายเชียวละ
“เจ้า…อีกเดี๋ยวไปขนก้อนหินมาวางไว้ใต้เตียงสักหน่อยก็ได้ เช่นนี้เตียงตัวนี้จะได้มั่นคงหน่อย ไม่ถูกกดทับจนพังลงมาได้” ซ่งอิงขบคิดแล้วกล่าว
“หืม?” หนิวต้าลี่นิ่งอึ้งไปชั่วครู่ จากนั้นก็ไม่ได้คิดมาก “พี่ใหญ่ ท่านพูดถูก ข้าจะไปขนมาเดียวนี้ละ!”
บ้านซ่งอิงก็อยู่ไม่ไกลจากเชิงเขา หาเศษก้อนหินบนเขาได้ไม่น้อยเช่นกัน ซ่งอิงเห็นเพียงหนิวต้าลี่กระตือรือร้นเป็นพิเศษ ฝีเท้าดุจบินก็ไม่ปาน วิ่งมุ่งไปบนเขา ไม่ถึงหนึ่งเค่อก็อุ้มหินก้อนใหญ่สุดๆ กลับมา
แม้ซ่งอิงเตรียมพร้อมไว้แต่เนิ่นๆ แล้ว ทว่าขณะนี้ก็ยังตระหนกตกใจอยู่ดี
พละกำลังนางก็มากมายเช่นกัน แต่…ไม่เคยลองอุ้มก้อนหินมาก่อน
“ต้าลี่ เราสองคนมาแข่งงัดข้อกัน…ดูว่าใครเรี่ยวแรงเยอะ ดีหรือไม่” ซ่งอิงครุ่นคิดแล้วกล่าว
หนิวต้าลี่นึกว่าตัวเองหูฝาดไป ทำทีแคะๆ ดู “พี่ใหญ่ท่านบ้าไปแล้วหรือ พละกำลังข้านี่ต่อให้แบะก้อนหินขนาดใหญ่เป็นเสี่ยงๆ ก็ยังได้ ไม่เหมือนกันกับพวกท่าน คน…คนธรรมดาทั่วไปหรอก ในสายตาข้า ท่านก็แค่มดจิ๋วที่อ่อนแอ ข้ากลัวว่าเกิดไม่ระมัดระวังจะบีบมือท่านแหลกเอาได้!”