ตอนที่ 353 ตกอยู่ในสถานการณ์ปัญหารูปแบบเดียวกัน
ผู้เฒ่าเหยายิ้มเจื่อน เลือกกัดซาลาเปาเข้าปากสองคำเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเอ่ยปากขานรับ
ตอนนั้นที่เขายกบุตรสาวแต่งเข้าตระกูลซ่ง จริงอยู่ที่เพราะคิดว่าบุตรคนโตตระกูลซ่งได้รับการเห็นความสำคัญ วันข้างหน้าจะต้องไม่ลำบากเป็นแน่ แต่แม้เขาหวังให้บุตรสาวจะได้รับการเห็นความสำคัญ แต่ไม่ใช่หมายความว่าเขาหวังให้พี่น้องคนอื่นๆ ในตะกูลซ่งถูกซ่งเหลาเกินดูถูก โดยเฉพาะต่อหน้าผู้คนมากมายเพียงนี้…
ซ่งจินซานเพิ่งเดินเข้ามาก็ได้ยินคำพูดของบิดาตนเอง ทันใดนั้นรู้สึกเหมือนถูกมีดฟันเข้าที่หัวใจ
“ท่านพ่อ” ซ่งจินซานเอ่ยเรียก “ช่วงหลายวันมานี้ค่อนข้างยุ่งจึงไม่ได้เชิญท่านแวะมา ไว้เดี๋ยวแขกเหรื่อกลับกันแล้วท่านอย่าเพิ่งรีบร้อนกลับนะขอรับ อยู่ดูกิจการครอบครัวเราหน่อย”
ซ่งเหล่าเกินพยักหน้า
คนครอบครัวตัวเองย่อมไม่อาจกลับไปพร้อมแขกเหรื่อได้ อย่างน้อยก็ต้องอยู่จนถึงช่วงบ่ายเพื่อมองดูสถานการณ์ของกิจการในตอนบ่ายสักหน่อย
เขาเป็นผู้อาวุโส หากมีปัญหาอะไรก็จะได้จับสังเกตุแทนเด็กรุ่นหลังและช่วยเสนอความคิดเห็นออกมาได้
“หญิงแซ่กวนที่กำลังยุ่งอยู่ทางด้านนั้นเป็นใครหรือ กลายเป็นว่าเมื่อครู่ได้จัดการสถานการณ์แทนพวกเจ้า และหลังจากนี้ก็จะให้นางอยู่หน้าร้านคอยเก็บเงินน่ะหรือ” ชายชรารู้สึกกังวลใจเล็กน้อย “รู้จักหัวนอนปลายเท้าหรือไม่”
“ประเด็นนี้…ข้าก็ไม่ค่อยรู้เท่าไร เอ้อร์ยากับแม่ของนางเป็นคนจัดหา ได้ยินว่าเป็นมารดาของสหายน้องสี่ หลายวันมานี้ดูแล้วก็ถือว่าขยันขันแข็งทำงานและคล่องแคล่วว่องไวเช่นกัน ที่จ้างนางมาก็เพื่อให้นางเป็นคนจัดการในหลายๆ เรื่อง ท่านก็รู้เช่นกันว่าเราสองสามีภรรยาปากคอไม่เฉียบคม จึงกลัวว่าจะถูกคนอื่นรังแกเอาได้ขอรับ” ซ่งจินซานดูซื่อบื้ออย่างยิ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้เฒ่า
ซ่งอิงรู้สึกค่อนข้างทนมองดูต่อไปไม่ไหว
จะว่าไป ปัจจุบันซ่งจินซานก็ถือว่าเป็นคนที่มีหลานชายแล้ว จะอย่างไรก็ควรทำตัวสง่าผ่าเผยให้น่าเกรงขามเข้าไว้จึงจะถูก
แต่ครั้นเผชิญหน้าผู้เฒ่าซ่ง สีหน้านั้นก็ดูจริงจังฉบับเด็กน้อยไร้เดียงสาเสียยิ่งกว่าอะไรดี นัยน์ตาระแวดระวังราวกับกลัวว่าตนจะทำอะไรไม่ถูกต้อง
ไม่เพียงแค่เขา อาสามก็เช่นกัน สองคนนี้เป็นพี่น้องที่ตกอยู่ในสถานการณ์ปัญหารูปแบบเดียวกันเห็นๆ
“เหล่าซื่อแนะนำ?” ซ่งเหล่าเกินตกตะลึงปนประหลาดใจเล็กน้อย “เหล่าซื่อมองคนได้แม่นยำทีเดียว ไม่กี่ประโยคเมื่อครู่นี้ ดุดันจนหญิงผู้นั้นไม่กล้าหืออือ ไม่เหมือนเมียเจ้า ใจดีเกินไป ในเมื่อออกมาทำกิจการค้าขายก็ควรต้องใจเด็ดขาดซักหน่อย เมื่อครู่หญิงผู้นั้นเห็นได้ชัดว่ามุ่งเป้ามาที่พวกเจ้า ต่อให้น่าสงสารสักเพียงใด แต่นั่นก็เห็นได้ชัดว่าไม่ได้โอบกอดเจตนาดีเอาไว้ ฉะนั้นไล่ออกไปก็ถือว่าเกรงใจแล้ว ไยยังต้องเอาซาลาเปาให้อีกด้วย”
“เมียข้าก็แค่มีน้ำใจเท่านั้น…” ซ่งจินซานรีบกล่าวทันควัน
“รู้ว่านางมีน้ำใจ แต่เจ้าได้คิดบ้างหรือไม่ว่าคนผู้นั้นถือเป็นลูกค้ารายแรก ไม่ซื้อของก็ถือว่าขาดทุนแล้ว แต่นี่ยังเอาเงินไปให้เขาอีก มันเป็นลางไม่ดีหรือไม่ หากพวกเจ้าอยากทำเรื่องดีๆ เช่นนั้นซาลาเปาที่ขายไม่หมดของทุกวันจะเอาไปมอบให้ขอทานก็ไม่เป็นอะไรเช่นกัน…” ผู้เฒ่าซ่งกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ซ่งจินซานรู้สึกสมองอื้ออึงไปหมด รีบพยักหน้าเชื่อฟังคำสั่งสอนอย่างว่าง่าย
ยิ่งถูกอบรมสั่งสอน ยิ่งเงยหน้าไม่ขึ้น
“ตระกูลดอง ข้าคิดว่าลูกสะใภ้ท่านผู้นี้ก็ทำได้ดีทีเดียว ตระกูลที่มีคุณธรรมคู่ความเมตตาย่อมต้องมีโชคดีล้นพ้นเป็นแน่ จิตใจดีงามเช่นนี้ หากเทพเจ้าแห่งโชคลาภมองเห็นก็จะให้การดูแลมากยิ่งขึ้นอีกหน่อยเช่นกัน” ผู้เฒ่าเหยารีบเอ่ยพูดขึ้นมาทันที
“ซาลาเปานั่นน่ะเรื่องเล็ก ข้าว่าลูกชายข้าผู้นี้ไม่ได้เรื่อง เติบใหญ่ขนาดนี้แล้วยังตัดสินใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้ คนเขามารังแกถึงที่ เขากลับทำได้เพียงพึ่งหญิงที่แซ่กวนผู้นั้นถามหาความกระจ่าง เฮ้อ เป็นลูกผู้ชายแท้ๆ นี่ไม่ขายหน้าเห็นๆ หรอกหรือ” ซ่งเหล่าเกินดูถูกบุตรชายตนเอง ไม่คิดว่าจะมีปัญหาใดเลยแม้แต่น้อย
ซ่งจินซานหน้าแดงก่ำขึ้นมา
บิดาเขาพูดถูก เขาไม่ค่อยเอาไหน
ร้านค้าเป็นเงินที่บุตรสาวหามาได้เอามาเช่า ตำรับอาหารก็เป็นของที่บุตรสาวให้ ก็แม้แต่จัดหาคนงานในร้านล้วนเป็นบุตรสาวได้ความช่วยเหลือจากน้องสี่ นี่จึงได้เจอคนหนึ่งที่ขยันขันแข็งอย่างนี้
แล้วเขาทำอะไรบ้างเล่า บุตรสาวให้เขาทำอะไรเขาก็ทำเช่นนั้น ไม่ต่างจากลูกคิด ตราบใดที่ดีดมันจึงจะเคลื่อนที่ได้สักหน่อย
ตอนที่ 354 หนุนหลัง
ซ่งอิงเคยชินกับการที่ปกติแต่ละวันผู้เฒ่าซ่งดูถูกบรรดาลูกชาย แต่วันนี้ในช่วงเวลาเช่นนี้ พ่อเฒ่าพูดเช่นนี้ออกมาซ่งอิงรู้สึกไม่พอใจสักเท่าใด
“ท่านปู่ ท่านมองไม่เห็นข้อดีของท่านพ่อข้าเลยหรือเจ้าคะ” ซ่งอิงยิ้มตาหยีเอ่ยถาม
ชายชรามองค้อนนางแวบหนึ่ง “เจ้าเด็กสาวคนนี้คิดจะพูดอะไรอีก อยากเชยชมพ่อเจ้าหรือ เช่นนั้นก็ต้องดูด้วยว่าพ่อเจ้ามีส่วนใดให้ชื่นชมบ้างหรือไม่”
ชายชราดูดุดันใส่ซ่งอิงขึ้นมาเล็กน้อย แต่สีหน้ากลับอ่อนโยนมาก
ผู้เฒ่าเหยาตระหนกตกใจเล็กน้อย
นี่หากเปลี่ยนเป็น…เด็กคนอื่นในตระกูลซ่ง อย่างเช่นซ่งสวินบ้านสองและเด็กน้อยทั้งหลายของบ้านสามนั่น คาดว่าตระกูลดองน่าจะสีหน้าย่ำแย่ยิ่งกว่านี้ แต่ไฉนกลับยังคงมีสีหน้าโอบอ้อมอารีต่อเอ้อร์ยาอยู่เล็กน้อย
“ท่านปู่ ข้อดีของท่านพ่อข้าเยอะแยะจะตาย ในทางกลับกัน ท่านมีข้อเสียมากมายเชียวละเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
ชายชราซ่งได้ยินดังกล่าว เผยอาการหงุดหงิดเล็กน้อย
“เจ้าพูดอะไรน่ะ” หากไม่ใช่เพราะมีคนอยู่จำนวนมาก เขาก็อยากเขกศีรษะเด็กสาวคนนี้สักทีจริงๆ
ซ่งอิงก็เพราะคิดว่าเวลานี้ ไม่ว่านางพูดอะไรไปซ่งเหล่าเกินก็จะไม่ระเบิดอารมณ์โมโห จึงได้เอ่ยปากพูด
ซ่งเหล่าเกิน คนผู้นี้ ข้อเสียยิบย่อยมากมาย ในเรื่องสำคัญๆ รู้จักพูดหรือแสดงออกให้ชัดเจนได้ แต่ครั้นอยู่ในครอบครัวตัวเองเขาก็จะเป็นแค่คนเลอะเลือนคนหนึ่ง แต่เมื่อใดที่อยู่ต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก เขาก็จะเป็นคนพูดจามีเหตุมีผลขึ้นมาก
อย่างเช่นขณะนี้ที่นางพูดประโยคนี้ออกมา ชายชราโกรธส่วนโกรธ แต่กลับจงใจสะกดเสียงให้แผ่วเบาเข้าไว้ ด้วยกลัวว่าจะเป็นเรื่องวุ่นวายใหญ่โตไปเสียและคนอื่นจะกล่าวว่าซ่งอิงไม่กตัญญูรู้คุณเอาได้
“ท่านปู่ ท่านสงบจิตสงบใจฟังข้าพูดก่อนดีกว่าหรือไม่ ท่านปู่เหยาก็อยู่ด้วย ให้ท่านปู่เหยาวิจารณ์ข้าได้เลย หากข้าพูดไม่ถูกต้อง เช่นนั้นท่านค่อยดุข้า เป็นเช่นไรเจ้าคะ” ซ่งอิงกล่าว
ผู้เฒ่าเหยาพยักหน้ายกใหญ่ “ข้าว่าก็ดีนะ เหล่าชง หลานท่านผู้นี้ค่อนข้างมีเหตุมีผลไม่น้อยเลย”
“ฮึ นางก็อาศัยความที่เจ้าอยู่ด้วย คิดจะหาคนหนุนหลังน่ะสิ!” ผู้เฒ่าซ่งก็ไม่ใช่ว่าโมโหจริงจัง แค่รู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “เช่นนั้นเจ้าก็ลองพูดมาสิว่า พ่อเจ้ามีดีตรงไหน มีลูกก็แค่หลานสวินคนเดียว เมื่อก่อนก็ไม่มีงานการทำเป็นหลักเป็นแหล่ง หลานสวินอายุขนาดนี้แล้วยังไม่ได้หมั้นหมายผู้ใดเลยด้วยซ้ำ…”
“ท่านพ่อข้าดูแลครอบครัวได้ดี เมื่อก่อนทำงานอยู่ท่าเรือ แต่เมื่อใดก็ตามที่มีเวลาว่างก็จะกลับบ้านทันที ประเด็นนี้ลุงใหญ่เทียบไม่ได้เลยสักนิดเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าว
งานที่ซ่งฝูซานทำเทียบกับซ่งจินซาน ตามจริงถือว่าเป็นงานที่เบาสายกว่าเล็กน้อย
เพียงแต่ลุงใหญ่เป็นค่อนข้างยึดตัวเองเป็นใหญ่ เมื่อมีเวลาว่างก็จะอยู่ผ่อนคลายในตัวอำเภอนั่น นอกจากที่บ้านมีธุระอะไร มิเช่นนั้นหลายเดือนไม่กลับบ้านก็ยังมีให้เห็น
ซ่งเหล่าเกินถึงกับรู้สึกจุกอยู่ในลำคอ มองผู้เฒ่าเหยาแวบหนึ่ง ไม่มีหน้าพูดว่าบุตรชายคนโตทำธุระสำคัญอยู่ภายนอก
“ป้าสะใภ้ใหญ่ตัวคนเดียว ปกติแล้วก็ต้องคอยแสดงความกตัญญูต่อท่าน ทั้งยังต้องทำตัวเป็นแบบอย่างให้บรรดาน้องชายและน้องสาวข้า แล้วยังต้องเย็บปะผ้าเอาไว้ใช้กันในเรือน แม้แต่เวลาดูแลควบคุมลูกยังไม่มี” ซ่งอิงไม่แยแสอะไรมากมาย กล่าวต่ออีกครั้ง “ท่านพ่อข้าเป็นคนกตัญญู โดยทั่วไปเมื่อเขาได้รับสิ่งของดีๆ อะไรก็จะนึกถึงผู้อาวุโสก่อนเป็นอันดับแรก พ่อข้ามนุษยสัมพันธ์ดี วันนี้พ่อข้าแม้ไม่ถนัดในการต้อนรับขับสู้แขกเหรื่อ แต่ท่านเห็นว่ามีผู้ใดตำหนิเขาบ้างหรือไม่เจ้าคะ”
“คนอื่นก็รู้ว่าพ่อข้าเป็นคนจริงใจต่อผู้อื่น ไม่สนใจความสามารถด้านฝีปากนั่นเลยสักนิด วันนี้มีเฮ่อจั้งส่งมาให้ตั้งหลายสิบแผ่นแล้ว หากเป็นคนอื่น จะมีถึงจำนวนนี้หรือเจ้าคะ”
“ท่านพ่อข้าแน่วแน่ขยันขันแข็ง ซื่อตรง มั่นคง เรื่องในร้านนี้ ดูเหมือนพ่อข้าไม่ได้แทรกมือเข้ามาทำอะไรสักเท่าไร แต่ในความเป็นจริง ที่พ่อข้าดูแลจัดการล้วนเป็นส่วนที่มองไม่เห็น ท่านปู่ ท่านดูซาลาเปาที่กินและน้ำแกงที่ดื่มสิเจ้าคะ วัตถุดิบอาหารในนั้นดีกว่าที่กินจากร้านอื่นตั้งมากโขใช่หรือไม่ เนื้อหมูที่เขาซื้อทั้งต้องเป็นเนื้อติดมันและสดใหม่ ข้าวที่เลือกสรร ก็ไม่ถูกคนหลอกเอาข้าวผสมมาใส่มั่วได้เช่นกัน แต่ละสิ่งอย่างล้วนดีงามทั้งนั้น ทว่าราคากลับไม่แพงเลย นี่เพราะอันใดหรือ นี่มิใช่เพราะพ่อข้านิสัยดี ทำให้ผู้อื่นอดจริงใจต่อเขามากๆ หน่อยไม่ได้เช่นกันมิใช่หรือ”
ซ่งอิงรินน้ำชาให้ตัวเองหลังพูดจบ “ท่านปู่ ข้ากลับคิดว่า หากท่านจะพูดถึงข้อเสียของพ่อข้าให้จงได้ เช่นนั้นก็มีเพียงข้อเดียวเจ้าค่ะ…”