ตอนที่ 343 ให้ทาน
ผลิตถาดออกมาได้ถึงสองร้อยกว่าใบภายในเวลาอันสั้นเพียงนี้ จะเห็นได้ว่าเหน็ดเหนื่อยไม่น้อยเป็นแน่ มือคู่นั้นของอาสามที่ผิวหนังมองดูหนาและด้านเต็มไปด้วยร่องรอยแผลเป็นไม่น้อย เห็นแล้วชวนใจหายอย่างยิ่ง
ซ่งอิงนำเงินที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งส่งให้ซ่งอิ๋นซาน ซ่งอิ๋นซานเผยรอยยิ้มเกรงใจประดับบนใบหน้า ก่อนจะรับเอาไว้ในท้ายที่สุด
“อาสาม ลำบากท่านแล้ว หากมิใช่เพราะครั้งนี้ต้องการโต๊ะเก้าอี้อย่างเร่งด่วน ก็คงต้องรบกวนท่านทั้งหมดด้วยเช่นกัน” ซ่งอิงกล่าวอย่างเกรงใจ
โต๊ะเก้าอี้จำนวนมากขนาดนั้น ไม่อาจทำเสร็จได้ภายในช่วงเวลาอันสั้นแน่ จึงทำได้เพียงไปซื้อของสำเร็จรูปที่คนอื่นทำเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
ซ่งอิ๋นซานได้ยินประโยคนี้กลับรีบโบกไม้โบกมือ “เข้าใจได้ๆ งานนี้หากมอบให้ข้าต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสองเดือนจึงจะทำได้ ร้านค้าเจ้าแห่งนี้เสียเวลาไปวันเดียวก็เป็นเงินเป็นทอง จะมัวรีรอได้ที่ไหนกันเล่า ก็แม้แต่ถาดนี่ ข้าเองยังกลัวเช่นกันว่าจะเอามาส่งช้าไป”
ได้ทำเงินจากถาดนี้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
ไม้บนเขาละแวกนี้ไม่ค่อยมีมูลค่า เดิมทีเขาก็เป็นช่างไม้ ปกติตอนที่ไม่มีงานอะไรก็จะตัดต้นไม้เตรียมเอาไว้ล่วงหน้า มิเช่นนั้นช่วงระยะเวลาสี่ห้าวันนี้ก็คงเตรียมถาดจำนวนมากขนาดนี้ขึ้นมาไม่ได้
ถาดไม่จำเป็นต้องลงงานพิถีพิถันมากนัก อีกทั้งขนาดไม่ถือว่าใหญ่โต ว่ากันตามหลักใบหนึ่งขายในราคาห้าอีแปะไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาเองก็รู้เช่นกัน หลานผู้นี้มีใจช่วยเหลือเขาอีกแรง นี่จึงได้ให้เงินมากขนาดนี้
เมื่อได้รับเงิน ซ่งอิ๋นซานก้มหน้ามองแวบหนึ่ง จากนั้นไม่ทันไรเอ้อร์ยาก็ส่งเงินเหรียญทองแดงมาให้อีกสองสามพวง ทันใดนั้นเขาพลันคิดว่าไม่ถูกต้อง “นี่ให้เกินแล้วหรือไม่”
“ไม่เกินเจ้าค่ะ ยึดตามราคาของจำนวนถาดที่อาสามนำมาให้เจ้าค่ะ” ซ่งอิงยิ้มกล่าว
อาสามไม่ได้ทำเช่นอย่างที่เจียวซื่อพูด ที่จะมอบถาดให้โดยไม่คิดเงินจำนวนสองใบเท่านั้น
เขามอบให้เพิ่มเติมโดยไม่คิดเงินเป็นจำนวนถึงยี่สิบใบ
ยี่สิบใบนี้ก็เป็นเงินหนึ่งร้อยอีแปะ ซึ่งถือเป็นมูลค่าไม่น้อยสำหรับบ้านสาม นี่จึงถือได้ว่าใจกว้างทีเดียวเชียว
ซ่งอิ๋นซานรู้สึกลำบากใจเล็กน้อยไปชั่วขณะ “ส่วนที่เกินมานี้เป็นของที่ข้ามอบให้พวกเจ้า ตอนนี้ยังจะให้รับเงินไว้ได้อย่างไรกันเล่า มิได้หรอก เจ้าเอาเงินนี้กลับไปเถิด ล้วนเป็นคนครอบครัวเดียวกัน จะให้ข้าเอาเปรียบพวกเจ้าเช่นนี้ได้หรือ!”
ซ่งอิงตะลึงงัน
รู้สึกกระดากอายในใจ…อาสามคงไม่ได้คิดว่านางจงใจให้ทานและดูถูกเขาหรอกกระมัง?
“อาสาม ท่านคิดมากเกินไปแล้ว ข้าก็ไม่ใช่ว่ามีเงินเหลือเฟือจนไม่รู้จะเอาไปใช้ทำอะไรเช่นกัน แต่ถาดที่ท่านทำนี้ดีกว่าที่ข้าคิดไว้ ที่ท่านทำให้เพิ่มเหล่านี้ข้าก็ต้องการเช่นกัน แต่นี่จำนวนไม่ใช่น้อยๆ ดังนั้นนี่เป็นเงินที่ข้าสมควรจ่าย หากท่านไม่ยอมรับไว้ ภายภาคหน้าก็เกรงใจเกินกว่าจะไปหาท่านให้ช่วยทำงานให้น่ะสิเจ้าคะ ให้ท่านเหน็ดเหนื่อยโดยเปล่าประโยชน์ แม้แต่เงินที่ควรได้รับก็ไม่ได้รับ เช่นนั้นก็ไม่เหมาะสมเช่นกันนี่เจ้าคะ?” ซ่งอิงรีบกล่าวทันควัน
ซ่งอิ๋นซานร้อนใจเล็กน้อย
เขาทำเพิ่มให้จำนวนมากโดยไม่คิดเงินก็เพราะเห็นเป็นคนครอบครัวกันเอง ไม่ได้คิดเลยจริงๆ ว่าจะเอาเงิน ตอนนี้หากรับเงิน เช่นนั้นไม่ใช่จะทำให้พี่สะใภ้รองคิดไปกันใหญ่หรือ
หร่วนซื่อกลับส่งเสียงหัวเราะ “เอ้อร์ยาพูดถูก น้องสาม ข้าว่าถาดนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ ไว้เดี๋ยวเอาไปใช้เก็บถ้วยชามตะเกียบล้วนสะดวกสบาย เจ้ารีบรับเอาไว้เถอะ!”
“น้องสาม ไยเจ้ามัวบ่ายเบี่ยงเพียงนี้อยู่ได้ นี่หากให้น้องสี่เห็นเข้าจะต้องหัวเราะเยาะเจ้าเป็นแน่” ซ่งจินซานส่งเสียงหัวเราะ ตบๆ บ่าของน้องชาย “หลานสาวเจ้าก็ไม่ได้ให้เกินเสียหน่อย เราพี่น้องเรื่องเงินๆ ทองๆ ก็ว่ากันไปตามบัญชีเถิด”
นี่หากเปลี่ยนเป็นน้องสี่ มีแต่อยากจะให้บรรดาพี่ชายเจียดให้คนละนิด
ก็มีแต่น้องสาม ซื่อสัตย์เสียเหลือเกิน
คะยั้นคะยอขนาดนี้แล้ว ซ่งอิ๋นซานทำได้เพียงรับเงินเอาไว้ “ยังมีงานอะไรต้องจัดการอีกหรือไม่ ข้าจะได้ช่วยอีกแรง”
“ไม่มีแล้วละ พรุ่งนี้ก็เปิดอย่างเป็นทางการแล้ว พรุ่งนี้หากเจ้ามีเวลาว่างก็แวะมาดูแล้วกันนะ!” ซ่งจินซานกล่าว
ซ่งอิ๋นซานครุ่นคิด เปิดร้านวันแรกทั้งที ย่อมต้องมาอยู่แล้ว
“พี่รองได้เชิญเทพเจ้าแห่งโชคลาภแล้วหรือยัง แล้วก็ผู้ที่มีสัมพันธ์อันดีงามต่อกันในหมู่บ้านก็ควรได้รับรู้กันด้วยเสียหน่อย ถึงเวลาคาดว่าจะมีเฮ่อจั้งมากน้อยเพียงใดหรือ หากน้อยเกินไปก็จะดูไม่ดีต่อภาพลักษณ์เอาได้…” ซ่งอิ๋นซานเอ่ยถามด้วยความใส่ใจ
คำพูดเหล่านี้ที่เขาถาม ทำให้ซ่งอิงงุนงงสับสนไปหมด
ตอนที่ 344 เชิญเทพเจ้าแห่งโชคลาภ
เปิดร้านค้าวันแรกถือเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง การบอกกล่าวญาติรวมไปถึงสหายที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันให้ทราบ โดยเฉพาะคนตระกูลตนเองคือสิ่งจำเป็น
แต่การเชิญเทพเจ้าแห่งโชคลาภคืออะไรหรือ แล้วเฮ่อจั้งจะมากจะน้อยมีผลกระทบอะไรหรือ
เฮ่อจั้งที่ว่านี้ก็คือผ้าแพรผืนยาวที่ระบุคำขวัญเอาไว้ ใช้ในการแสดงความยินดี บนนั้นจะเขียนพวกคำที่เป็นมงคลประเภทขอให้ทุกอย่างราบรื่น ทำเงินได้ก้อนโต วัสดุที่ตระกูลคนร่ำรวยและสูงส่งใช้ล้วนค่อนข้างดี ส่วนมากเป็นผ้าแพร แต่ครอบครัวคนธรรมดาทั่วไปก็จะเรียบง่ายกว่ามาก ต่อให้เป็นแค่กระดาษแดงก็ใช้ได้เช่นกัน
“เมื่อวานข้ากลับหมู่บ้านไปจึงเอ่ยกับหัวหน้าหมู่บ้านตลอดจนคนในครอบครัวเราเองแล้ว ข้าไม่รู้เช่นกันว่าจะมีเฮ่อจั้งมากน้อยเพียงใด” ตามจริงซ่งจินซานกังวลใจอยู่เล็กน้อยเช่นกัน อย่างไรเสียก็เป็นเวลาที่ต้องต่อสู้เพื่อชื่อเสียง เกิดผู้มาร่วมแสดงความยินดีน้อยไป ร้านค้าใกล้เคียงหรือแขกเหรื่อที่ผ่านทางไปมาจะต้องหัวเราะเยาะว่าพวกเขาไม่ค่อยรู้จากสานสัมพันธ์กับผู้อื่นเป็นแน่
เฮ่อจั้งยิ่งมากก็ยิ่งดูครึกครื้นสุขสันต์ และแสดงถึงว่าร้านค้าของครอบครัวพวกเขาได้รับการต้อนรับอย่างดี ประชาชนคนทั่วไปก็จะชื่นชอบเข้ามาซื้อของในร้านประเภทนี้เช่นกัน เพราะจะได้ซึมซับโชคเอาไปบ้าง
แต่เฮ่อจั้งสิ่งนี้เป็นของที่คนอื่นมอบให้ ตนจะเอ่ยปากขอก็คงไม่ดีนักเช่นกัน
ซ่งอิ๋นซานมองท่าทีที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้ของพี่ชายเขา คิดว่าอีกเดี๋ยวกลับไปตนจำเป็นต้องไปเตรียมไว้สักหนึ่งคู่
“เชิญเทพเจ้าโชคลาภล่ะ หาใครไว้แล้วหรือ” ซ่งอิ๋นซานกล่าวถามอีกครั้ง
“นักปราชญ์หมู่บ้านเราก็มีไม่กี่คนแค่นั้น เดิมอยากจะเชิญอาจารย์จากโรงเรียนมา แต่อาจารย์ยุ่งมาก เด็กๆ หมู่บ้านเราเรียนหนังสือกันหลายคน เขาไม่มีเวลาว่าง ดังนั้นข้าก็คิดไม่ตกอยู่ ตั้งใจว่าพรุ่งนี้ตอนเปิดร้านแต่เช้าตรู่จะลองหาดูรอบๆ ก่อน หากมีคนที่มองดูเหมือนปัญญาชน ก็จะเชิญเข้ามากินข้าวสักมื้อ” ซ่งจินซานกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“ท่านพ่อ การเชิญเทพเจ้าแห่งโชคลาภ…หมายความว่าอย่างไรหรือ” ซ่งอิงไม่อาจอดกลั้นความสงสัยได้อีกแล้วจริงๆ
ซ่งจินซานมองนางแวบหนึ่งอย่างประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าบุตรสาวจะไม่รู้เรื่องนี้
“เจ้าเด็กบื้อ” หร่วนซื่อปิดปากหัวเราะ “เชิญเทพเจ้าแห่งโชคลาภคือหาแขกคนแรกที่ย่างก้าวเข้ามาในร้าน แขกที่ว่านี้จะเป็นหญิงมิได้ ทางที่ดีที่สุดคือเป็นคนเล่าเรียนหนังสือ ยิ่งเรียนหนังสือมามากเท่าใดยิ่งดี หากไม่มีคนที่เรียนหนังสือ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงหาบุรุษที่มีคุณธรรมและมีโชคดีสักคนก็เป็นอันใช้ได้แล้ว”
“ทำไมหรือ ชายกับหญิงมีอะไรแตกต่างกันด้วยหรือ” ซ่งอิงไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไร
“แน่นอนอยู่แล้ว เจ้ามองดูหญิงที่ซื้อของตามท้องถนนนั่นสิ ผู้ใดบ้างไม่รู้จักต่อรองราคา เจ้าคิดว่าร้านค้าชมชอบลูกค้าเช่นนี้หรือไม่ ดังนั้นสำหรับร้านค้า ลูกค้าคนแรกหากเป็นหญิง เช่นนั้นก็หมายถึงร้านค้านี้ต้องขาดทุนเสียหาย ไม่เป็นมงคล ส่วนผู้ชายซื้อของล้วนไม่เรื่องมาก แสดงถึงความโชคดีและความราบรื่นจะไหลมาเทมา คนที่เล่าเรียนหนังสือก็ยิ่งไม่ธรรมดาไปใหญ่ นั่นเป็นถึงดาวกวี คนระดับนี้เข้าร้าน เช่นนั้นเทพเจ้าแห่งโชคลาภจะต้องส่องแสงสว่างดูแลร้านพวกเราแน่นอนอย่างไรเล่า” หร่วนซื่อยิ้มกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง
ซ่งอิงถึงกับตะลึงงันเล็กน้อยหลังได้ฟัง
เพียงแค่เปิดการขายวันแรก ซื้อประทัดมาจุดสักหน่อยก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ
กับแค่ลูกค้ารายแรกยังต้องพิถีพิถันด้วยหรือ
อีกทั้ง นางก็ไม่คิดว่าหญิงที่รู้จักต่อรองราคาก็คือโชคไม่ดี ก็อย่างเช่นร้านเครื่องประดับ ลูกค้าย่อมต้องเป็นผู้หญิงจำนวนมากกว่าอยู่แล้ว แต่ก็ไม่เห็นสักกี่ร้านที่เพราะลูกค้าผู้หญิงเยอะจึงล้มละลาย…
“พี่รองเปิดร้านทั้งทีถือเป็นเรื่องใหญ่ เอาเช่นนี้ดีกว่าหรือไม่ ไว้ข้ากลับไปให้พี่สะใภ้ใหญ่กลับไปบ้านมารดานางสักหน่อยแล้วเชิญบิดาของนางมา?” ซ่งอิ๋นซานช่วยพี่รองขบคิดจริงจังก่อนจะกล่าวออกมา
“ลุงเหยา?! เช่นนั้นก็ได้ ภูมิหลังเขาเป็นถึงถงเซิง ต่อมาภายหลังแม้ไม่ได้ไปสอบ แต่ความรู้ที่มีอยู่เทียบกับผู้เรียนหนังสือทั่วไปก็ยังมากกว่า อายุมากแล้วเช่นกัน อีกทั้งยังคุณธรรมสูงส่ง หากเขายอมมา ร้านค้าตระกูลเรานี้จะต้องเจริญรุ่งเรืองแน่!” ซ่งจินซานแววตาลุกวาว “เพียงแต่นี่ต้องขอให้ท่านพ่อเราพูดกับพี่สะใภ้ใหญ่สักหน่อย ไม่รู้เช่นกันว่าพี่สะใภ้ใหญ่จะยินยอมหรือไม่”
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่รักในศักดิ์ศรีและใจแข็ง ตลอดที่ผ่านมาชอบกดขี่บ้านสองเป็นที่หนึ่ง ไม่แน่เสมอไปว่าจะช่วยเอ่ยปากแทนบ้านสอง
หากในอนาคตบ้านสองมีทรัพย์สินมากมายขึ้นมาจริง ดีไม่ดีเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่จะรู้สึกไม่ปลื้มด้วยซ้ำ
“ไว้กลับไปข้าจะลองถามดู” ซ่งอิ๋นซานไม่รู้สึกยุ่งยากเลยสักนิด
นี่เป็นเรื่องสำคัญ ถึงอย่างไรก็ไม่อาจหาใครสักคนมาเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าได้หรอก