ตอนที่ 349 เปิดการขาย
น่าจะไม่ใช่ฝีมือคนในหมู่บ้าน เพราะระยะนี้…ในหมู่บ้านบรรยากาศกลมเกลียวกันดีเป็นพิเศษ
แต่ละตระกูล แต่ละครอบครัวเ กรงกลัวว่าตนทำเรื่องไร้คุณธรรมอะไรไปแล้วจะส่งผลกระทบต่อเด็กๆ ดังนั้นปกติแต่ละวันแม้แต่ทะเลาะมีปากเสียงยังน้อยครั้งมาก หากเป็นปีก่อนๆ เมื่อใดที่ว่างงาน หญิงปากตลาดตระกูลไหนบ้างจะไม่ด่าทอกันถึงบรรพบุรุษสักสองสามประโยค
ดังนั้นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้ที่จะวางแผนเล่นงานบุตรคนรองตระกูลซ่ง
อีกอย่าง คนอย่างสองสามีภรรยาซ่งเหล่าเอ้อร์ตามจริงนิสัยใจคอไม่เลวเลย
ซ่งจินซานกับซ่งหม่านซานต่างกันตรงที่ เขาเป็นคนซื่อตรงคุณธรรมสูงส่ง เรี่ยวแรงก็เยอะ ครอบครัวใดหากต้องการสร้างบ้านหรือยามที่เป็นงานใช้แรง เขาก็ช่วยเหลืออย่างไม่รีรอ ไม่ว่าจะงานแต่งงานศพต้องการความช่วยเหลือ ก็มีเขาค่อยช่วยทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังอยู่ตลอด
อีกทั้งลองมองในมุมกว้าง เฮ่อจั้งที่ได้จากคนนอกอย่างน้อยๆ ก็มีสามสิบกว่าคู่
หาเรื่องเขา จะมีประโยชน์อะไรเล่า
ซ่งจินซานงุนงงมาก หร่วนซื่อพลันตาแดงระเรื่อขึ้นมาเสียแล้ว
“ไม่เคยนี่…ของที่ซื้อหาในช่วงนี้ก็จ่ายเงินครบถ้วนแล้ว ไม่เคยติดค้างเงินผู้อื่นสักเหรียญทองแดงเดียว ลูกสาวครอบครัวข้าปกติก็ไม่ออกไปไหนมาไหน หากมีคนมาขอความช่วยเหลือถึงที่จากนาง นางก็ไม่เคยบ่ายเบี่ยงเช่นกัน น้อยครั้งมากที่จะปฏิเสธ…” ซ่งจินซานเผยสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจเล็กน้อย
หร่วนซื่อทำงานปักลายได้เช่นกัน ซึ่งเป็นทักษะที่เรียนกับเจ้าของร่างในตอนแรก
หญิงที่ออกเรือนแล้วในหมู่บ้านล้วนทำงานเย็บปักได้เล็กๆ น้อยๆ กันทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้จึงมีคนมาถามหร่วนซื่อเกี่ยวกับวิธีการปักลายอะไรทำนองนี้อยู่บ่อยๆ ซึ่งหร่วนซื่อก็น้อยครั้งมากที่จะปิดบังเอาไว้แค่ตนเอง
“ท่านพ่อ ตอนนี้ถามไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก ไม่สู้เลิกคิดไปก่อนจะดีกว่า ทุกคนมากันไกล ท้องหิวกันแล้วแน่ๆ ข้าว่ากินข้าวกันเถอะ?” ซ่งอิงกล่าว
ซ่งจินซานนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ จากนั้นรีบพยักหน้า “นั่นสิ จะทำให้ทุกคนมาเสียเที่ยวมิได้”
ระหว่างพูดก็รีบหันไปหาทุกคนแล้วกล่าว “อาจมีอะไรเข้าใจผิดกันแล้วก็เป็นได้ ลำบากทุกท่านกังวลใจแย่แล้ว วันนี้เปิดร้านวันแรก จากนี้ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวกับพี่น้องและสหายทุกท่านด้วย!”
ทุกคนพยักหน้าหงึกหงัก หร่วนซื่อมองหญิงผู้นั้นแวบสายตาหนึ่ง ถอนหายใจออกมาแล้วถือกระดาษไขมาห่อซาลาเปาห้าลูกก่อนจะยื่นไปให้ “พวกเราก็ไม่ใช่โรงทาน จากนี้จะไม่เอาของให้โดยไม่คิดเงินอีกเป็นแน่ หากมีคนถามพี่สะใภ้ใหญ่ละก็ รบกวนอธิบายให้ด้วยว่าเราถูกคนอื่นกลั่นแกล้งแล้ว”
ซ่งอิงไม่ได้ห้ามเช่นกัน
ร้านของมารดานาง ก็ให้มารดานางเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตนเอง อีกทั้งคนผู้นี้มองดูค่อนข้างน่าเวทนาจริงๆ มิหนำซ้ำยังเอ่ยว่ามีบุตรอีกสองคน คาดว่ามารดานางกลัวว่าคนในครอบครัวนี้คงอดยากปากแห้งแล้ว ดังนั้นจึงตัดสินใจทำเรื่องดีๆ สักหน่อย
ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตแต่อย่างใด
หญิงผู้นั้นได้รับสิ่งของแล้วย่อมเผยท่าทีสำนึกในบุญคุณอย่างยิ่งเป็นธรรมดา นางโค้งตัวพร้อมคำนับศีรษะให้หร่วนซื่ออยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงรีบวิ่งออกไป
หร่วนซื่อส่ายหน้า จากนั้นเริ่มรับมือกับการขายซาลาเปา
“ตรงนี้เป็นถาดแล้วยังมีจานชามอีกด้วย อยากจะอะไรเลือกหยิบด้วยตนเองได้เลย วันนี้มีซาลาเปาไส้เจ ซาลาเปาไส้ผัก ด้านหลังยังมีเกี๊ยวอบและซาลาเปาทอดน้ำอีกด้วย” ซ่งจินซานกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“ของสองอย่างหลังที่ว่านี้คืออะไรหรือ” ทุกคนอดกล่าวขึ้นมาไม่ได้
“ลูกสาวครอบครัวข้าคิดค้นขึ้นมา เกี๊ยวอบคล้ายๆ กับเกี๊ยวนึ่ง แต่ใช้น้ำมันทอดด้วย ส่วนซาลาเปาทอดน้ำทำจากแป้งสาลีหมักจนมีเนื้อฟูก่อนจะเอามาห่อ แล้วนำลงไปทอดน้ำมันเช่นกัน ทั้งหมดนี้ทำเพียงไส้เนื้อหมูเท่านั้น เกี๊ยวอบราคาชิ้นละหนึ่งอีแปะ เพราะขนาดเล็ก ส่วนซาลาเปาทอดน้ำชิ้นละสองอีแปะ ขนาดใหญ่หน่อย อีกเดี๋ยวยกออกมาทุกคนก็จะได้รู้กันแล้ว” ซ่งจินซานส่งเสียงอธิบาย
ของสิ่งนี้เรียนรู้วิธีทำไม่ยาก แต่พวกเขาเป็นเจ้าแรก หลังจากนี้จึงน่าจะขายดี
ทุกคนชะเง้อรออย่างใจจดจ่อ
ทั้งสองอย่างนั้นกำลังทำอยู่ในหม้อหลังร้าน หลังผ่านไปครู่หนึ่งหร่วนซื่อและป้ากวนก็ถือของเดินมา
ครั้นทุกคนมองเห็นก็รู้ว่าเป็นของดี เพราะมีเงาของน้ำมันวาววับและด้านบนโรยงาเอาไว้เล็กน้อยด้วย มองดูน่ากินชวนน้ำลายสออย่างยิ่ง
แม้ว่าราคาแพงกว่าซาลาเปาทั่วไปเล็กน้อย แต่อย่างไรเสียก็ใช้น้ำมันในการทำด้วยไม่น้อย จึงนับว่าคุ้มค่า และคนที่ฉลาดหน่อยก็ครุ่นคิดได้เช่นกันว่า ร้านซ่งเหล่าเอ้อร์แห่งนี้ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่คนทำงานแถวๆ ท่าเรือเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
บริเวณแถวนี้คือส่วนที่พ่อค้าผ่านไปผ่านมา เกรงว่าก็จะพากันเข้ามาลิ้มชิมรสด้วยเช่นกัน “…”
ตอนที่ 350 ทุ่มทุนกับกิจการโดยแท้จริง
ญาติพี่น้องและสหายที่เชื้อเชิญมาวันนี้ย่อมต้องให้การสนับสนุนกิจการในร้านไม่ให้ดูเงียบเหงา ดังนั้นแม้ต้องจ่ายเงินค่าอาหาร เพียงแต่จะจ่ายมากจ่ายน้อยขึ้นอยู่กับความประสงค์ของเถ้าแก่ร้านอย่างซ่งจินซาน
ซ่งจินซานกำหนดไว้แล้วว่าจะลดราคาให้สามส่วน
ใครบ้างไม่เคยกินซาลาเปา ดังนั้นยามนี้แทบทุกคนล้วนจับจ้องไปที่เกี๊ยวอบและซาลาเปาทอด
เอามาอย่างละนิดหน่อย แล้วก็น้ำแกงรสเนื้อสัตว์อีกหนึ่งถ้วย
คนที่มาจากในหมู่บ้านก็กินกันเช่นนี้ แขกเหรื่อทั่วไปที่มามองดูการเปิดร้านใหม่ก็อดลองลิ้มชิมรสไม่ได้เช่นกัน
บุรุษร่างกำยำคนหนึ่ง กินเต็มที่อย่างน้อยๆ ก็กินซาลาเปาทอดลูกใหญ่ๆ ได้เจ็ดแปดชิ้นคู่กับเกี๊ยวอบสี่ห้าชิ้น
ผู้หญิงกินไม่จุเท่าไร แต่เกี๊ยวอบเพียงห้าชิ้นก็ไม่พอให้อิ่มท้องเช่นกัน ส่วนใหญ่ก็จะลองซาลาเปาทอดเพิ่มกันหนึ่งถึงสองลูก
“น้ำแกงรสเนื้อสัตว์นี้รสชาติยอดเยี่ยม ได้จากการใส่ไก่ลงไปตุ๋นด้วยจริงๆ สินะ? รสชาติสดใหม่ ไม่ได้ใส่ล่าจื่อแต่รสชาติค่อนข้างเข้มข้น เพียงแต่ค่อนข้างเหมาะกับการกินคู่ซาลาเปานึ่งมากกว่า กลายเป็นว่าโจ๊กรวมมิตรธัญพืชกินคู่ซาลาเปาทอดค่อนข้างเข้ากันดี” มีชายคนหนึ่งยิ้มแล้วกล่าวขึ้นมา
อย่างหนึ่งมันเยิ้มอย่างหนึ่งรสชาติอ่อนๆ เข้ากันได้ดี เช่นนี้จึงจะกินได้หลายคำ
“ผักดองนี้ไม่เลวเลยนี่? เมื่อก่อนทางบ้านข้าไยจึงไม่คิดใช้ล่าจื่อเอามาผัดเยี่ยงนี้บ้างนะ? เมล็ดพริกสด เมล็ดพริกหมาล่าทอดกรอบ เอามาผัดกับผักดองเค็มประเภทนี้ยิ่งอร่อยเข้าไปใหญ่!”
“ของที่ใส่น้ำมัน มีอย่างไหนบ้างไม่อร่อย?!”
“จะว่าเช่นนั้นก็มิได้ ผักดองที่บ้านตักขึ้นมาก็กินได้เลย มีที่ไหนเอามาใส่น้ำมันผัด ข้าว่านะซ่งเหล่าเอ้อร์ กิจการของเจ้านี้ทำได้อย่างทุ่มทุนดีจริงๆ เลย!”
“…”
ซ่งจินซานเดิมทีรู้สึกหม่นหมองในจิตใจเล็กน้อย ทว่าบัดนี้พลันรู้สึกเบิกบานใจขึ้นมาก รีบยิ้มแย้มออกมาทันใด
ภรรยาเขาเป็นคนห่อซาลาเปา แต่เมื่อครู่ตอนที่ยุ่งๆ ขึ้นมาเขาก็จำเป็นต้องช่วยอีกแรง ไม่ว่าจะเป็นนึ่งซาลาเปา หั่นผักดอง นี่ล้วนเป็นฝีมือเขาทั้งสิ้น
เมื่อถูกคนเชยชมย่อมรู้สึกสุขใจเป็นธรรมดา
“เป็นเรื่องที่พึงกระทำอยู่แล้วน่า!” ซ่งจินซานยิ้มหน้าบานขึ้นอีกเล็กน้อย
เขาเป็นผู้ชาย วันนี้เลยต้องรับผิดชอบต้อนรับขับสู้ญาติและสหายฝ่ายชาย ดังนั้นยุ่งตัวเป็นเกลียวอยู่ข้างนอก ส่วนป้ากวนรับผิดชอบขายซาลาเปาและเก็บเงิน หร่วนซื่อคอยดูเตาอาหารอยู่หลังร้าน
ยังมีป้าอีกคนเพิ่งจ้างมาไม่กี่วันนี้ เป็นคนใบ้ ไม่ต้องทำเรื่องอื่นใดทั้งนั้นนอกจากขัดล้างทำความสะอาดและยกถาดก็ใช้ได้แล้ว
กระทั่งหลังจากซ่งจินซานไม่ต้องอยู่สนทนาแลกเปลี่ยนข้างหน้าแล้ว ก็วิ่งไปมาระหว่างหน้าร้านและหลังร้านเพื่อยกเข่งนึ่ง อย่างไรเสียนี่ก็เป็นงานที่ต้องใช้แรง
ในร้านนึ่งซาลาเปาไว้มากน้อยเท่าไรล้วนมีจำนวนอยู่ ดังนั้นหร่วนซื่อและซ่งจินซานก็ไม่ต้องกังวลใจว่าป้ากวนจะแอบยักยอกเอาได้
เวลานี้ นอกจากบ้านสองรู้สึกครึ้มอกครึ้มใจเล็กน้อยในใจ เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ที่อยู่เป็นเพื่อนพ่อเฒ่าเหยาก็รู้สึกไม่สบอารมณ์นักเช่นกัน
“ท่านปู่เหยา” ซ่งอิงเดินเข้ามาหา “วันนี้รบกวนท่านปู่เหยามาเชิญเทพเจ้าแห่งโชคลาภ เป็นการลำบากท่านเสียแล้ว ทางด้านท่านแม่ข้าทำเกี๊ยวอบไว้แล้วสองชุด เดี๋ยวท่านเอากลับไปให้เด็กๆ ที่บ้านได้กินกันด้วยนะเจ้าคะ”
ซ่งอิงมองสำรวจแวบหนึ่ง เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ผู้นี้รูปลักษณ์น่าตาไม่เหมือนชายชราผู้นี้เลย
ผู้เฒ่าเหยาท่านนี้ดูมีสง่าราศีเช่นผู้ทรงความรู้จริงๆ ดูลักษณะอย่างผู้ที่ไม่คิดไปแก่งแย่งแข่งขันเพื่อฝักใฝ่ความมีชื่อเสียงเลยสักนิด
“จะได้อย่างไรกัน การเชิญเทพเจ้าแห่งโชคลาภนี้ก็ไม่สำเร็จลุล่วง สิ่งของที่ว่านั่นก็ไม่ต้องหรอก” ผู้เฒ่าเหยากล่าวทันใด
“ป้าผู้นั้นเป็นเหตุการณ์เหนือความคาดหมาย หลังจากนาง ท่านก็เป็นคนที่สองที่เข้าร้านมามิใช่หรือเจ้าคะ วันนี้เป็นวันแรก ร้านเราได้มีนักปราญช์เช่นท่านเข้ามาในร้านอย่างเป็นทางการ ข้าคิดว่าเป็นการบรรลุเป้าหมายแล้วเจ้าค่ะ” ซ่งอิงพูดจาน่าฟังไม่น้อย “ตามจริงหลักๆ ข้าก็อยากขอบคุณท่านป้าสะใภ้ใหญ่ด้วยเช่นกัน ได้ยินว่าท่านป้าสะใภ้ใหญ่ครั้นได้ยินว่าบ้านสองเราต้องการความช่วยเหลือจากท่าน ก็ตอบรับไปเรียนเชิญให้ทันที ป้าสะใภ้ใหญ่ดีต่อพ่อแม่ข้า นั่นเป็นเพราะการสั่งสอนของท่าน ข้าจำเป็นต้องขอบคุณท่านอยู่ดีนี่เจ้าคะ?”
ผู้เฒ่าเหยารู้สึกสบายใจขึ้นมาก
อายุปูนนี้แล้ว เชยชมเขายังไม่สู้เอ่ยชื่นชมลูกสาวของเขา
บุตรสาวผู้นี้เมื่อก่อนทำเรื่องอะไรก็ผลีผลามใจร้อนเป็นที่สุด ครั้งนี้กลับไม่รู้ว่าเป็นอะไรไปแล้วจึงได้ทำเรื่องที่ดีๆ เช่นนี้กับเขาได้!
นี่ต่างหากจึงจะดูมีความเป็นลูกสะใภ้คนโตของตระกูลซ่ง