ตอนที่ 347 แขกคนสำคัญเข้าร้าน
แต่ซ่งอิ๋นซานไม่คิดเช่นนี้
เงินที่หาได้ในปีนี้เรียกได้ว่าไม่น้อยแล้ว อย่างต่ำก็ได้เยอะกว่าเมื่อก่อนมาก ปีนี้หลังแยกครอบครัว ก็อย่างครอบครัวพวกเขาที่ได้ที่ดินมาจำนวนมาก ตราบใดที่ไม่มีภัยพิบัติทางธรรมชาติ ย่อมต้องพอกินแน่นอน
ต่อได้มาห่อบ๊ะจ่าง ขายเมล็ดซิ่ง แล้วยังมีถาดครานี้อีก รวมๆ กันแล้วก็เป็นเงินเก็บกว่าห้าหกตำลึงเงิน
ด้วยเงินเหล่านี้ จะอย่างไรก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงในการทำเสื้อผ้าขึ้นมาสักสี่ห้าชุดกระมัง?
แต่เจียวชื่อทำใจเสียสละไม่ได้ นางมักคิดว่าใช้จ่ายเงินไปแม้เพียงเล็กน้อยก็จะทำให้เงินลดน้อยลงไปอีก และต่อให้ยอมสละเงินไม่กี่เหรียญทองแดง บุตรชายก็สู่ขอภรรยาไม่ได้อยู่ดี ดังนั้นจึงเก็บเอาไว้เรื่อยมา
เขาอายุปานนี้แล้ว ขอเพียงกินอิ่มท้อง จะสวมใส่อะไรก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
แต่นึกถึงลูกๆ ในครอบครัว…
เด็กที่ไร้มารดายังดูดีกว่าหนุ่มน้อยทั้งสามคนในครอบครัวเขาเลย
แต่คำพูดนี้กลับไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกไปได้ เจียวซื่อยากลำบากตรากตรำมาตั้งแต่เด็กจนเคยชิน หากเขาแสดงความไม่พอใจ เจียวซื่อก็จะเอะอะโวยวายรุนแรง ซึ่งนั่นก็เพราะความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
หากเปลี่ยนแปลงได้ก็ดีสิ
แต่กลับไม่กล้าคิด เพราะอย่างไรเสียเจียวซื่อก็ให้กำเนิดบุตรชายสามคนและบุตรสาวอีกหนึ่งคนแก่เขาซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายดายแต่อย่างใด
ปัจจุบันเจียวซื่ออยู่บ้านอย่างซื่อตรง ไม่ก่อปัญหาวุ่นวาย เขาก็พอใจมากแล้ว
ซ่งอิ๋นซานถอนหายใจ ไม่ได้พูดอะไรต่อ
…
ทางด้านซ่งอิงนี้ เพราะเปิดร้านวันแรก ดังนั้นรอกระทั่งยามที่ดวงตะวันขึ้นสูงทอแสงสว่างจ้าจึงได้เปิดประตูร้าน แขกคนสำคัญของวันนี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าเหล่านั้น หากแต่เป็นญาติและสหายที่ดีของตระกูลซ่ง
ขณะนี้ พวกเขามาถึงกันแล้ว
เหยาซื่อประคองผู้เฒ่าเหยาเดินมา ผู้เฒ่าท่านนี้สวมชุดตัวยาว มองดูไม่ค่อยเหมือนผู้ชราทั่วๆ ไป
หร่วนซื่อ ซ่งจินซานตลอดจนป้ากวนนำซาลาเปาที่นึ่งสุกแล้วถือจากห้องครัวด้านหลังเรือนมายังด้านหน้า อาคารแห่งนี้มีโต๊ะตัวหนึ่งที่ทั้งยาวและกว้าง วางของกินของดื่มเอาไว้ด้านบน หลังจากแขกเหรื่อเลือกตามใจชอบเรียบร้อยก็เดินมายังอีกด้านหนึ่งเพื่อชำระเงิน เช่นนี้นอกจากสะดวกสบายแล้วยังเป็นระเบียบเรียบร้อยอีกด้วย
ทุกคนล้วนรอกระทั่งเสียงประทัดหน้าประตูร้านดังขึ้น
ซ่งจินซานยังไม่เริ่มยุ่งตัวเป็นเกลียวก็เหงื่อออกท่วมตัวเสียแล้ว ในที่สุดก็จุดประทัดที่อยู่ข้างนอกเรียบร้อย
เสียงดัง ‘ปัง ปัง ปัง’ ขึ้นมาระยะหนึ่ง หลังประทัดระเบิดจนหมด ผู้เฒ่าเหยาย่างก้าวไปด้านหน้าเป็นคนแรก
อย่างไรก็ตาม ยามที่กำลังจะย่างฝีก้าวพ้นเข้าประตูในวินาทีนั้น กลับมีคนวิ่งเสมือนบินผ่านข้างตัวเขาเข้าไป!
พ่อเฒ่าเหยาตระหนกตกใจ ไม่เพียงแต่เขา ก็แม้แต่ญาติและสหายคนอื่นๆ ต่างก็ตะลึงงันไปชั่วครู่เช่นกัน ในวินาทีถัดมา ซ่งจินซานและหรวนซื่อรวมไปถึงคนอื่นๆ ล้วนสีหน้าเปลี่ยนไป
เพียงเพราะผู้ที่บุกเข้าไปในร้าน เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง
ไม่เพียงเท่านี้ แต่ยังดู…สกปรกมอมแมม มองดูแล้วคล้ายป้าบ้าๆ บอๆ ที่ยากจนและสติไม่สมประกอบ!
ผู้เฒ่าเหยาจะเดินเข้าไปก็ไม่ใช่เรื่อง จะถอยหลังก็ไม่ใช่เรื่อง ได้แต่ยืนอยู่ที่เดิมอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ขณะนั้น ทั้งด้านนอกด้านในล้วนเงียบสงัด
“ท่านพ่อ ท่านแม่ เชิญแขกคนสำคัญเข้าร้านสิเจ้าคะ” ซ่งอิงกล่าวย้ำเตือน
หร่วนซื่อตาแดง ซ่งจินซานมือทั้งสองข้างกำลังสั่นระริกเช่นกัน แต่วันนี้เป็นวันที่ดีจะโมโหไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ทำได้เพียงการกลั้นใจฮึดสู้ปั้นหน้าฉีกยิ้ม “ ลุงเหยาขอรับ หัวหน้าหมู่บ้านขอรับ…เชิญพวกท่านเข้าด้านใน”
ยังจะทำอย่างไรได้อีกเล่า คนผู้นั้นเข้าไปแล้ว ต่อให้ไล่ออกไปก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงเรื่องราวได้!
คนอื่นๆ มองดูสถานการณ์อย่างเลิกลั่ก จากนั้นอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ พากันเดินเรียงรายเข้าไปด้านใน เพียงแต่แม้ว่าเป็นเช่นนี้ก็ยังพยายามอดทนไม่เบนสายตาไปทางหญิงผู้นั้น
ซ่งอิงไม่ค่อยให้ความสนใจกับธรรมเนียมการเชิญเทพเจ้าแห่งโชคลาภที่ว่านี้ แต่บิดามารดานางเชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัย เช่นนั้นนางในฐานะบุตรสาว ย่อมจำเป็นต้องทำให้บิดามารดาวางใจจึงจะถูก
จึงมองหญิงผู้นั้นอย่างสำรวจครู่หนึ่ง
หลังหญิงผู้นั้นเข้าร้านมาคล้ายว่าจะงุนงงเล็กน้อย มองซ้ายมองขวาครู่หนึ่ง ท้ายที่สุดมุ่งไปที่โต๊ะซึ่งวางเข่งนึ่งเอาไว้ “ข้า ข้าต้องการซาลาเปาห้าลูก… ลูกค้าคนแรกของวัน…ไม่คิดเงินใช่หรือไม่…”
ซ่งจินซานเดิมทีก็หงุดหงิดเล็กน้อยอยู่แล้ว ครั้นได้ยินคำพูดนี้จึงไม่อาจอดกลั้นได้อีก “พี่สะใภ้ใหญ่ได้ยินมาจากไหนหรือ วันนี้พวกเราเพิ่งเปิดทำการวันแรก! เป็นตอนที่กำลังเชิญเทพเจ้าแห่งโชคลาภพอดี แล้วจะไม่คิดเงินได้อย่างไรกัน!”
ตอนที่ 348 ใจดีมีเมตตา
หญิงผู้นั้นตกใจกลัวซ่งจินซาน หัวหดทันทีทันใด แววตาเผยความหวาดกลัวเล็กน้อย “คิด…คิดเงินด้วยหรือ”
“ย่อมต้องคิดเงินอยู่แล้ว ซาลาเปาไส้เจลูกละหนึ่งอีแปะ ซาลาเปาไส้เนื้อสัตว์ลูกละสามอีแปะ น้ำแกงรสเนื้อสัตว์ชามละสองอีแปะ!” ซ่งจินซานอดกลั้นโทสะเอ่ย
หญิงผู้นั้นได้ยินดังกล่าวหดมือกลับทันทีทันใด “เช่นนั้น…เช่นนั้นข้าไม่เอาแล้ว…”
ซ่งจินซานชักสีหน้าถมึงทึง
มีหญิงคนหนึ่งเข้ามาก่อนก็ไม่เท่าไร แต่เปิดการขายแรกยังไม่สำเร็จอีก เช่นนี้ช่างเป็นลางไม่ดีเอาเสียเลย แล้วยังจะสุขใจได้อยู่อีกหรือ
แต่คนอยู่มากมายขนาดนี้ เขาก็ไม่อาจบีบบังคับได้เช่นกัน
ซ่งจินซานเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่ชอบหาเรื่องผู้อื่น
ทำได้เพียงมองหญิงผู้นี้หันหลังเตรียมเดินจากไป
“รอเดี๋ยว”
“รอเดี๋ยว” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาในขณะเดียวกัน
ซ่งอิงหันขวับไปมองป้ากวนแวบหนึ่ง ป้ากวนย่างก้าวขึ้นมาเบื้องหน้าแล้วเอ่ยถาม “พี่สะใภ้ใหญ่ เจ้าได้ยินคนอื่นพูดกันว่าวันนี้ผู้เข้าร้านพวกเราคนแรกจะให้กินโดยไม่คิดเงินหรือ”
“อืม” หญิงผู้นี้ตอบกลับหนึ่งคำ
“ผู้ใดพูดกับเจ้าหรือ” ป้ากวนกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ป้ากวนรูปลักษณ์ดูไม่ค่อยใจดี ดวงตาจับจ้องไปที่นางอยู่ตลอด หญิงผู้นั้นสีหน้าซีดเผือด ดูขลาดกลัวเล็กน้อย “ข้าไม่รู้จักเช่นกัน…ก็ได้ยินคนอื่นคุยกัน พวกเขาบอกว่าไม่คิดเงิน…”
หญิงผู้นี้ไม่ใช่คนโง่เขลาเช่นกัน เมื่อครู่ชายผู้นั้นเอ่ยแล้วว่าพวกเขากำลังเชิญเทพเจ้าแห่งโชคลาภกันอยู่
ดังนั้นยามนี้นางจึงกลัวอย่างยิ่งจริงๆ
“โดยทั่วไปร้านค้าเปิดทำการวันแรกล้วนมีธรรมเนียมปฏิบัติเชิญเทพเจ้าแห่งโชคลาภกันทั้งนั้น พี่สะใภ้ใหญ่เจ้าไม่รู้เรื่องหรือ” ป้ากวนกล่าวขึ้นอีกครั้ง
หญิงผู้นั้นตัวสั่นเทาเล็กน้อย “รู้ รู้สิ…แต่ข้าได้ยินคนอื่นพูดกันว่า เถ้าแก่ร้าน…ร้านนี้ใจดี…อยากจะทำทานให้คนยากจนเพื่อเป็นเรื่องดีๆ…”
ซ่งจินซานยิ้มทั้งที่เดือดดาลในใจ
เวลาที่ทำทานให้คนยากจนจะเลือกในช่วงเวลาสำคัญอย่างนี้หรือ!
อีกอย่าง ทำทานให้คนยากจน? เขาก็ยากจนเช่นกันนะ!
“พี่สะใภ้ใหญ่ วันนี้เจ้ามารบกวนการเปิดร้านวันแรกของพวกเรา ดังนั้นเจ้าจำเป็นต้องพูดความจริงกับพวกเรา คนที่คุยกันผู้นั้นเป็นลักษณะเช่นไร พูดคุยกันอยู่ตรงไหน นอกจากเจ้าแล้วยังมีใครได้ยินอีก จำเป็นต้องบอกกับพวกเราให้กระจ่างชัดเจน มิเช่นนั้น…ก็อย่าโทษที่พวกเราขับไล่เจ้าออกไปอย่างไม่ออมมือ” ป้ากวนกล่าวขึ้นอีกครั้ง
นางม้วนแขนเสื้อ มองดูเดือดดาล ต้องการเล่นงานคนจริงจังก็ไม่ปาน
“อย่าตบตีข้าเลยนะ!” หญิงผู้นี้รีบส่งเสียงร้อง “ก็บริเวณใกล้ๆ ท่าเรือนั่น ตอนนั้นมีเพียงข้าและลูกอีกสองคนได้ยิน พวกเขาพูดกับคนอื่นหรือไม่ข้าเองก็ไม่แน่ใจ…คนที่พูดสองคนนั้น…เสียงทุ้มดุดัน มองดูเหมือนคนรับเหมาบนท่าเรือ…ทว่า ทว่าพวกเขาขาวมาก”
“ขาว?” ป้ากวนขมวดคิ้วนิ่วหน้า
ซ่งอิงพอเข้าใจแล้วเช่นกัน
คนที่ทำงานบนท่าเรือมีขาวๆ กันที่ไหนเหล่า ก็อย่างบิดานางซ่งจินซาน ลำคอถูกแดดสาดเผาจนผิวหนังดำคล้ำและหลุดลอกไปหลายชั้นแล้ว
อีกทั้ง ต่อให้เป็นคนครอบครัวชาวไร่ชาวสวนธรรมดาๆ ส่วนใหญ่ผิวพรรณก็ค่อนข้างคล้ำ อย่างไรเสียก็ต้องทำงานอยู่แต่ในท้องทุ่ง บ่อยครั้งที่จำเป็นต้องกำจัดวัชพืชและทำงานในแปลงนาภายใต้แสงตะวันอันร้อนแรง อยากจะขาวก็ไม่มีทางขาวขึ้นมาได้
หลังซ่งอิงข้ามภพมาไม่ค่อยได้ลงแปลงนาสักเท่าไร เพราะที่แปลงนามีเสี่ยวชิงอยู่
กบเขียวกินแมลงพลางเลี้ยงแมลงไปด้วยเช่นกัน น้ำในนาข้าวใช้น้ำผ่านจิต ดังนั้นต่อให้เป็นหญ้าป่าก็เป็นที่ชื่นชอบของพวกแมลงอย่างยิ่ง ฉะนั้นต้นหญ้ายังไม่ทันเติบใหญ่ก็ถูกกินเกลี้ยงแล้ว แต่เมื่อใดที่มีแมลงกินธัญพืช ก็จะกลายเป็นอาหารว่างของเสี่ยวชิงทันที
ตอนนี้ได้ยินหญิงผู้นี้พูดเช่นนี้ก็ยืนยันได้ว่า มีคนจ้องเล่นงานพวกเขาเป็นการเฉพาะ
ทุกคนมองหน้ากันเลิกลั่ก ได้ยินดังกล่าวก็เกิดความกระวนกระวายในใจเช่นกัน
คนวงศ์ตระกูลซ่งก็โกรธเกรี้ยวมากไม่แพ้กัน
“นี่เป็นไอ้พวกไร้คุณธรรมที่ไหนมาก่อเรื่องประเภทนี้ได้ลงคอ! เปิดร้านวันแรกก็ยังก่อกวนกันได้ ช่างใจจืดใจดำเหลือเกิน!”
“ก็นั่นสิ…ซ่งเหล่าเอ้อร์ ระยะนี้เจ้าไปสร้างความบาดหมางให้ผู้ใดแล้วหรือไม่”
“…”