ตอนที่ 351 ทำอะไรให้สอดคล้องกับความเป็นจริง!
ขออภัยที่เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่หนังหน้าหนา ตอนนี้ถูกเด็กรุ่นหลังยกยอปอปั้นต่อหน้าบิดาตนเองจึงหน้าแดงขึ้นมานิดหน่อยเท่านั้น
ทว่าภายในใจรู้สึกปลื้มอกปลื้มใจเล็กน้อย
“ท่านพ่อ เอ้อร์ยารู้ความที่สุดแล้ว ท่านคงไม่รู้ว่าลูกต๋าครอบครัวเราถูกนางสั่งสอนอย่างดีเลยเจ้าค่ะ! ข้าทำเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้จะเป็นอันใดไปเล่าเจ้าคะ เป็นสิ่งที่พึงกระทำอยู่แล้ว!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่นึกถึงบุตรชายคนเล็กก็อดเผยสีหน้าภาคภูมิใจไม่ได้
ผู้เฒ่าเหยามองนางแวบหนึ่งอย่างประหลาดใจ รู้สึกว่าบุตรสาวตนเองน่าจะเป็นมารดาอันธพาลที่มองลูกอันธพาลแล้วเข้าใจว่าหล่อเหลามาก
นิสัยใจคอของหลานต๋าผู้นั้นดื้อรั้นซุกซนเกินกว่าจะรับมือได้ด้วยซ้ำ…
พ่อเฒ่าเหยาไม่ชื่นชอบความสามารถในการเลี้ยงลูกของบุตรสาวตนเองเลยสักนิด ช่างโอ๋เกินไป จึงได้เลี้ยงซ่งเสี่ยนให้ถูกจับส่งทางการขุนนางจนได้ เขาก็กังวลอยู่ในใจเช่นกันว่าอนาคตของหลานต๋าจะย่อยยับไม่ต่างกัน คิดอยู่พอดีว่าไว้กลับไปจะต้องพูดคุยกับบุตรสาวสักหน่อย
หากไม่ได้เรื่องจริงๆ ก็จะให้หลานต๋ามาอยู่ที่บ้านเหยาสักระยะ เขาจะเป็นผู้กำกับดูแลเองเป็นการเฉพาะ ให้เด็กคนนั้นสงบเสงี่ยมลงบ้าง
ครอบครัวบุตรคนโตตระกูลซ่งก็มีบุตรชายแค่สองคนนี้ หากออกนอนลู่นอกทางหมด เช่นนั้นตระกูลเหยาพวกเขาไม่มีหน้ามาเจอะเจอตระกูลดองกันพอดี!
ดังนั้นยามนี้ พ่อเฒ่าเหยาเผยสีหน้าอาการบนใบหน้าอย่างไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไร
“ท่านพ่อ เรื่องจริงนะเจ้าคะ! หลานชายท่านตอนนี้พัฒนาขึ้นมากแล้ว หลายวันก่อนท่องหนังสือต่อหน้าข้าด้วย ท่องอย่างคล่องแคล่วเชียวละ! จริงสิ ตัวอักษรก็เขียนสวยกว่าเมื่อก่อนมากทีเดียว เมื่อก่อนอย่างกับหนอนคลาน ตอนนี้ตัวบรรจงเป็นระเบียบ มากความสามารถใช่ย่อยเลยเจ้าค่ะ!” เหยาซื่อคุยโว้ต่อ “ไม่เพียงเท่านี้นะเจ้าคะ ลูกต๋าพวกเราเป็นเด็กกตัญญู เมื่อก่อนก็เคยเอ่ยไว้ว่าภายภาคหน้าจะต้องสอบขุนนางให้จงได้ และต้องการสอบจอหงวนเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ด้วยเช่นกัน!”
“แค่ก แค่ก แค่ก!” ชายชราเกือบสำลักน้ำแกง
หากพูดถึงสอบซิ่วฉายเขาค่อยว่าสมเหตุสมผลหน่อย แต่นี่พูดไปพูดมา ถึงขั้นหวังว่าจะสอบจอหงวนกันเลยทีเดียว!
สองแม่ลูกคู่นี้ฝันหวานเกินไปแล้ว!
“ทำอะไรให้สอดคล้องกับความเป็นจริงหน่อย! จะคิดไปไกลขนาดนั้นทำไม หากหลานต๋าสอบผ่านถงเซิงได้ภายในห้าปีนี้ค่อยมาเอ่ยคำพูดนี้!” พ่อเฒ่าเหยาถลึงตาใส่บุตรสาวแวบหนึ่ง ต่อหน้าเด็กรุ่นหลังไม่รักษาภาพลักษณ์อะไรเพียงนี้นะ ไม่ได้เรื่องเลย
“ท่านพ่อ ท่านไม่เชื่อหรือ เช่นนั้นก็ได้ พรุ่งนี้ข้าจะพาลูกต๋ากลับบ้านไปท่องหนังสือให้ท่านฟังเป็นการเฉพาะ!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่แน่วแน่อย่างยิ่ง
จะต้องแสดงให้เห็นสักหน่อย
เพื่อที่คนครอบครัวมารดาจะได้ไม่คิดว่านางไม่รู้จักสั่งสอนลูก
ใช่ นางสอนได้ไม่ดีเท่าไร แต่นิสัยดั้งเดิมของบุตรชายก็ไม่เลวนี่? ติดตามเอ้อร์ยาเด็กสาวที่ฉลาดเพียงนี้เรียนรู้ไม่กี่วัน นี่ก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้วไม่ใช่หรือ!
ซ่งอิงอดร่วมวงสนุกด้วยไม่ได้ “น้องสี่ปัจจุบันพัฒนาขึ้นมากจริงๆ เจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้แรกๆ เขาก็เพราะถูกหลี่จิ้นเป่าผู้นั้นในหมู่บ้านเป่าหูให้หลงกลเข้าแล้ว ตอนนี้หลี่จิ้นเป่าต้องโทษประหารชีวิตหลังฤดูใบไม้ผลิ เด็กๆ ในหมู่บ้านแต่ละคนก็รู้ความขึ้นมาหน่อย โดยเฉพาะน้องต๋า เข้าใจอะไรต่อมิอะไรขึ้นมาไม่น้อยเลยเจ้าค่ะ”
ที่ซ่งอิงพูดเป็นความจริง
ตอนแรกที่ซ่งต๋ารู้ว่าหลี่จิ้นเป่าไม่อาจรักษาชีวิตน้อยๆ ไว้ได้แล้วยังหดหู่ใจอยู่พักใหญ่ และตกใจกลัวเหมือนนกกะทาตัวหนึ่ง ไม่กล้าเงยหน้าเลยด้วยซ้ำ
ว่านอนสอนง่ายขึ้นอีกเท่าตัว
ทั้งหมดเป็นผลพวงจากความ ‘กลัวตาย’
พอเฒ่าเหยาก็ได้ยินข่าวคราวนี้มาบ้างเช่นกัน “พัฒนาก้าวหน้าได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี”
“อีกไม่กี่วันหลานเสี่ยนก็คงได้กลับมาแล้วกระมัง เจ้าคิดอย่างไรไว้บ้างหรือ” ผู้เฒ่าเหยากระซิบถามบุตรสาว
เหยาซื่อตะลึงงันไปชั่วครู่
นางไม่รู้เช่นกัน
บุตรชายกลับมานางดีใจเป็นพิเศษ แต่เมื่อนึกถึงลูกสะใภ้ที่อกตัญญูผู้นั้น นางก็อยากจะยกเท้าถีบคนเขาออกไปไกลๆ
“ท่านพ่อ ข้าจัดการลูกเสี่ยนมิได้ และเขาก็ไม่เชื่อฟังข้าด้วย” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่กลุ้มใจอย่างยิ่ง
“ข้าไม่สนว่าเจ้าคิดอย่างไร เพียงแค่อย่าลืมไปว่า นั่นเป็นลูกชายเจ้าไม่ใช่ลูกข้า เขาทำผิดแล้ว ก็เป็นเพราะเจ้าสั่งสอนไม่ได้เรื่อง หากเจ้าหวังดีต่อเขาจริง ก็ควรเข้มงวดสักหน่อย จะตามใจเขาไม่ได้ อีกอย่าง เด็กคนนี้หากแย่เกินเยียวยาแล้วจริงๆ ถึงเวลาที่ควรต้องใจดำก็ควรใจดำเสีย เจ้าก็พูดเองว่าหลานต๋ารู้ความแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ควรคำนึงเพื่อลูกชายคนเล็กให้มากๆ เพื่อที่เด็กคนนี้จะได้ไม่เอาพี่ชายเป็นแบบอย่าง มิเช่นนั้นเมื่อเจ้าแก่เฒ่าแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจภายหลัง!”
ตอนที่ 352 หวดนางด้วยไม้ท่อนใหญ่
ผู้เฒ่าเหยาหน้าตาเคร่งขรึม พูดอย่างจริงจังมาก เหยาซื่อจึงขลาดกลัวขึ้นมาไม่น้อย
เรื่องบางเรื่อง หรือบางสิ่งบางอย่างจำเป็นต้องมีอย่างอื่นมาปราม พ่อเฒ่าเหยาเป็นถงเซิง เหยาซื่อเคารพเลื่อมใสในตัวบิดาอย่างยิ่ง แล้วยังกล้าพูดจาเสียงดังโหวกเหวกเช่นเมื่อก่อนนั้นได้เสียที่ไหนเล่า
“แต่ถึงอย่างไรข้าก็เป็นผู้ให้กำเนิดเขา ข้าจะใจร้ายใจดำทำได้ลงคอเสียที่ไหนกันเจ้าคะ” ในใจเหยาซื่อรู้สึกย่ำแย่
“ทั้งลูกชายลูกสาวล้วนไม่เอาไหน!” พ่อเฒ่าเหยาถอนหายใจ “นึกถึงหลานต๋าให้มากๆ เข้าไว้ อีกอย่าง เผยซื่อตั้งท้องก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลซ่งพวกเจ้า บิดาเขาเคยกระทำความผิด เรื่องการลักเล็กขโมยน้อยไม่ใช่เรื่องร้ายแรง ต้องโทษให้ไปทำงานลำบากตรากตรำและถูกทางการขุนนางบันทึกไว้ก็ว่าแย่แล้ว แต่หากเขากระทำความผิดเรื่องที่ใหญ่โตยิ่งกว่านี้ขึ้นมาอีก หลานเจ้าที่เกิดมาผู้นั้นชั่วชีวิตนี้ไม่ต้องมีวันลืมตาอ้าปากกันพอดี!”
หากบิดามีความผิด ลูกก็จะไม่มีสิทธิ์สอบขุนนาง ในใจพ่อเฒ่าเหยาการศึกษาเล่าเรียนมีความสำคัญยิ่ง
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ไม่เห็นความสำคัญสักเท่าใด อย่างไรเสียใต้หล้านี้ก็มีคนที่ไม่เรียนหนังสือและไม่สอบขุนนางถมเถไป
“เจ้าลองคิดดูอีกทีแล้วกัน หากข้าเป็นขโมย ตอนเจ้ายังเด็กจะถูกผู้คนมองค้อนดูถูกเหยียดหยามใส่หรือไม่ หากข้าประพฤติตนไม่ถูกต้อง ชีวิตของเจ้าจะสุขสบายไปได้สักแค่ไหน พี่ชายน้องชายเจ้าเหล่านั้น จะนิสัยใจคอดีไปได้สักแค่ไหนเชียว?” พ่อเฒ่าเหยาร้อนรนใจแทบแย่จริงๆ
บุตรสาวคนนี้หัวรั้น
พูดสิ่งเหล่านี้กับนาง นางไม่อาจเข้าใจได้เลยสักนิด
เห็นว่านางดูแล้วยังคงไม่มีท่าทีเปลี่ยนใจ พ่อเฒ่าเหยาก็คร้านจะเอ่ยปากแล้วเช่นกัน หลังถลึงตาใส่บุตรสาวแวบหนึ่ง จากนั้นก็กล่าวกับเอ้อร์ยา “ป้าสะใภ้ใหญ่เจ้าผู้นี้ไม่ใช่คนชั่วร้ายอันใด ก็แค่คนที่ค่อนข้างโง่เขลา หากทำอะไรขึ้นมาแล้วจริงๆ เจ้าช่วยเกลี้ยกล่อมหน่อย เกลี้ยกล่อมไม่ไหวก็มาหาข้า ข้าจะเอาไม้ท่อนใหญ่ๆ หวดนางเอง”
ไม่กล้าเชื่อเลยว่านี่เป็นคำพูดที่นักปราญช์ผู้เฒ่าเอ่ยออกมา
อย่างไรก็ตาม ซ่งอิงยังคงพยักหน้าตอบรับอย่างว่าง่าย “ตกลงเจ้าค่ะท่านปู่เหยา”
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่แทบกระอักเลือด
นางเด็กสาวคนนี้ อยากจะเขกหัวกะโหลกของนางจริงๆ รู้ว่าตัวนางคิดอย่างไรแล้วยังจะมารังแกนางอีก!
เพิ่งรู้สึกว่านางน่าเอ็นดูไม่ทันไรก็เปลี่ยนเป็นสาวน้อยที่น่ารำคาญคนหนึ่งแล้ว!
พ่อเฒ่าเหยาไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนบุตรสาวนานนัก ก็ไปทักทายพูดคุยกับผู้เฒ่าตระกูลซ่ง
ซ่งอิงคิดว่า พ่อเฒ่าเหยาเข้าใจเรื่องราวและมีเหตุมีผลเช่นนี้ ตระกูลเหยาไม่ช้าก็เร็วต้องปรากฏคนที่มากความสามารถสักคน ส่วนตระกูลซ่ง…
หากผู้เฒ่าตระกูลนางวางตัวเป็นกลางได้ กำจัดข้อเสียความลำเอียงนี้ออกไปได้ ตระกูลซ่งตามจริงก็ไม่เลวเลย
อย่างไรก็ตาม หลากหลายเรื่องราวไม่อาจเหมือนเช่นที่นางคิดไว้ได้ ก็อย่างเช่นตอนนี้ ท่านปู่ตระกูลนางพูดคุยกับพ่อเฒ่าเหยาอยู่ ตอนที่เอ่ยถึงลูกๆ หลานๆ ก็ยังยึดครอบครัวบุตรคนโตเป็นหลัก
แม้ว่าตอนนี้เป็นวันเปิดร้านของครอบครัวบุตรคนรอง แต่ซ่งเหล่าเกินกังวลใจว่าคนอื่นจะคิดว่าครอบครัวบุตรคนโตตระกูลซ่งไม่เอาไหน จึงเอาแต่พูดถึงซ่งฝูซานในแง่ดี
“บุตรชายคนโตข้าผู้นั้นเป็นเด็กที่ยึดติดความเรียบง่ายไปหน่อย ทำงานที่โรงย้อมสีแห่งนั้นได้ไม่เลว แม้ดูเหมือนสู้ร้านอาหารแห่งนี้ไม่ได้ แต่ก็ได้เงินรายเดือนทุกเดือน ไม่ต้องกังวลใจว่าจะขาดทุน เขาทำงานจนเชี่ยวชาญ ทักษะฝีมือยอดเยี่ยม เถ้าแก่เห็นว่าเขาเป็นเครื่องมือที่สำคัญยิ่งเชียวละ ทุกปีก็ให้เงินรางวัลเพิ่มอีกนิดหน่อยด้วย…” ซ่งเหล่าเกินยกยอปอปั้นบุตรชายคนโต
ผู้เฒ่าเหยาหัวเราะเจื่อน “ลูกเขยคนนี้ข้ารู้จักดี เป็นคนหนึ่งที่ไม่เลวเลย ทว่าเหล่าเอ้อร์ตระกูลท่านก็เก่งกาจไม่แพ้กัน ไม่หือไม่อือก็เปิดร้านค้าขึ้นมาได้แห่งหนึ่งแล้ว ได้ยินว่าถาดนี้ก็เป็นฝีมือของเหล่าซานด้วย ดูทักษะฝีมือนี้สิ ยอดเยี่ยมจริงๆ…เหล่าชง ท่านช่างมีบุญวาสนาจริงๆ บุตรชายแต่ละคนล้วนดีเยี่ยมทั้งนั้น!”
ซ่งเหล่าเกินโบกไม้โบกมือ “ไม่หรอก ไม่หรอก วันนี้เพิ่งเปิดร้าน ยังไม่รู้เลยว่าภายภาคหน้าจะเป็นอย่างไร ไม่กล้าพูดอะไรมากไป เหล่าเอ้อร์เป็นคนพาซื่อ นี่ก็เลยจ้างหญิงคนหนึ่งมาคอยช่วยเป็นลูกมืออยู่ส่วนหน้าร้านด้วย มิเช่นนั้นพวกเขาสองคนจะทำกันได้ที่ไหนเล่า”
“…” ผู้เฒ่าเหยาไม่รู้ควรพูดโต้ตอบอย่างไรดีไปชั่วขณะ
แน่นอนว่าเขาเองก็เข้าข้างลูกเขยตระกูลตนเองเช่นกัน
แต่ลูกเขยผู้นี้ไม่ใช่คนนอกนี่? ย่อมไม่อาจชมเชยมากมายเกินไปได้ โดยเฉพาะในวันเช่นวันนี้ ย่อมต้องชื่นชมส่วนอื่นๆ ของตระกูลซ่ง โดยเฉพาะบุตรลำดับที่สองของตระกูลซ่ง
แต่ซ่งเหล่าเกินนี่ก็ช่างถ่อมตนเกินไปแล้ว!