ตอนที่ 405 ยอมอย่างสมบูรณ์แบบ!
ลักษณะการพูดอย่างมีเหตุผลและจริงจังของซ่งต๋าทำให้ผู้เฒ่าพูดในสิ่งที่อยากจะพูดไม่ออก ได้แต่จ้องมองหลานชายผู้นี้ จากนั้นก็มองซ่งอู่อย่างไม่ยอมแพ้
“เมื่อก่อนพี่ใหญ่เจ้าให้ความเอ็นดูพวกเจ้าเช่นกัน หากภายภาคหน้าเขาไม่มีจุดจบที่ดี เจ้าก็จะไม่สบายใจเช่นกันกระมัง” ผู้เฒ่าซ่งกล่าว
ซ่งอิงไม่ได้ห้ามปรามเช่นกัน
นี่คือความดื้อรั้นสุดท้ายของผู้เฒ่าซ่ง
ซ่งอู่ใสซื่อบริสุทธิ์มาก มองดูว่านอนสอนง่ายเหลือล้น “ท่านปู่ พี่ใหญ่ไม่เคยเอ็นดูพวกเรามาก่อนนะขอรับ”
“…” ผู้เฒ่าซ่งตะลึงงัน
“เมื่อก่อนพี่ใหญ่เพียงแค่ให้ข้าและน้องสาวช่วยวิ่งไปซื้อนู่นทำนี่ให้เขา แล้วยังแอบตีซานยาด้วยสองครั้ง ตอนนั้นซานยายังเด็กมาก เกือบส่งเสียงร้องไห้ไม่ออกเลยด้วยซ้ำ…” ซ่งอู่กล่าวตามความจริง
“เรื่องราวตั้งแต่เมื่อใดกัน!” ชายชราตระหนกตกใจ
“ตอนนั้นซานยาสามขวบ ยามนั้นครอบครัวเรามีแขกมาเยือน ท่านยังให้ป้าสะใภ้ใหญ่และแม่ของข้าไปเชือดไก่มาด้วยตัวหนึ่ง ตอนนั้นเห็นซานยาจ้องมองเนื้อไก่ไม่วางตา ท่านก็เลยเอาขาไก่ให้ซานยาหนึ่งน่อง ซานยาเอาขาไก่แบ่งให้ข้าด้วยครึ่งหนึ่ง ต่อมาเราก็ไปเล่นในลานบ้านกัน พี่ใหญ่ก็เตะซานยา และว่าซานยานางตัวล้างผลาญ”
ชายชราฟังจบยังไม่กล้าเชื่อเล็กน้อย “ไยตอนนั้นเจ้าจึงไม่พูด”
“ท่านปู่รักและเอ็นดูพี่ใหญ่ ไม่พูดหรอกขอรับ” ซ่งอู่กล่าวขึ้นอีกครั้ง
ผู้เฒ่าซ่งหัวใจสั่นระรัว นึกถึงหลานสาวของตนผู้นั้นตอนเด็กๆ
เขาจำเรื่องนี้ได้ บรรดาลูกๆ ของครอบครัวบุตรลำดับที่สามล้วนเป็นเด็กซื่อตรง ตั้งแต่เล็กไม่เคยทะเลาะกันและไม่เคยแก่งแย่งของใคร ปีนั้นบุตรชายคนเล็กของเขาหมั้นหมาย จึงเชิญตระกูลดองมารับประทานอาหาร ตุ๋นไก่ไว้หนึ่งตัว ซานยามองตาปริบๆ เขาตอนนั้นคิดว่าเด็กสาวผู้นี้ก็สามขวบแล้ว คาดว่ายังไม่เคยลิ้มรสเนื้อไก่นี่สักกี่ครั้ง และกลัวว่าตระกูลดองจะเห็นเป็นเรื่องขำขัน จึงนำน่องไก่ที่เดิมทีจะให้หลานชายคนโตมอบให้ซานยา
ไม่เคยคิดเลยว่า…
เฮ้อ!
เด็กสองคนนี้ หลายปีมานี้ในใจจะโกรธเคืองเขามากเท่าใด
“ท่านปู่ เรื่องที่ตอนแรกพี่ชายข้าไม่เรียนหนังสือก็เป็นการยุแยงตะแคงรั่วของพี่ใหญ่เช่นกัน ตอนนั้นอาจารย์ที่โรงเรียนเตรียมให้พี่ชายข้าลงสนามลองสอบในปีถัดไป เห็นได้ว่าพี่ชายข้าขยันขันแข็งจริงๆ” ซ่งอิงกล่าวเสริม
“ตั้งแต่เด็กก็รู้จักทำลายพี่น้องแล้ว หากเวลานี้ท่านยังกล้าอดทนอยู่อีก เช่นนั้นภายภาคหน้าไม่แน่ว่าจะทำลายทั้งวงศ์ตระกูลนะเจ้าคะ” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ความคิดชายชราที่อยากให้ซ่งเสี่ยนจำขึ้นใจแล้วปรับปรุงนิสัยให้ดีๆ ถึงกับมลายหายไปเสียแล้ว
แม้แต่ซานยาที่เด็กขนาดนี้ยังลงไม้ลงมือ หลานชายคนโตผู้นี้ก็คือคนที่นิสัยเสียโดยแท้จริง!
ปั่นหัวผู้อาวุโส รังแกเด็กเล็ก…
“ยังจะอดทนอันใดอีกเล่า ไม่มีเงินให้เขากอบโกยเสียหน่อย เขาอยากจะไปเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงนัก เช่นนั้นก็ทำตามที่ว่าเถอะ ข้ารู้ว่าเจ้ากลัวข้าเสียใจภายหลังและกลัวว่าภายภาคหน้าไม่แน่ยังจะชี้นิ้วต่อว่าเจ้าเอาได้ ยามนี้เจ้าวางใจเสียเถอะ ข้าผู้เฒ่าคนนี้ยอมเห็นดีด้วยแล้วเช่นกัน” ผู้เฒ่าถอนหายใจเฮือกใหญ่
ซ่งอิงยิ้มบางๆ
ฮั่วหลินไม่พูดไม่จามาโดยตลอด ยามนี้มองผู้เฒ่าซ่งแล้วกล่าว “ปู่ทวดอย่าได้เสียใจไปเลยขอรับ พวกเราหลานๆ ล้วนกตัญญูต่อท่านทั้งนั้นขอรับ”
ซ่งอิงปรายตามองภูตโสมแวบหนึ่ง
เป็นภูตอะไรเนี่ย ช่างประจบสอพลอเป็นที่สุด ดูปากน้อยๆ กอปรกับท่าทีน่าสงสารนั่นสิ ผู้เฒ่าบ้านไหนเห็นแล้วจะไม่ใจอ่อนบ้าง
ผลปรากฏว่าเป็นไปอย่างที่คาดการณ์ไว้ ผู้เฒ่าเอื้อมมือมาโอบรั้งเขาเข้าไปหา “เจ้าเป็นเด็กดี…เพียงแต่ปู่ทวดทำผิดต่อเจ้าแล้ว ก่อนหน้านี้อุตส่าห์กล่าวไว้ว่าต้องการช่วยเก็บเห็ดหลินจือเอาไว้ให้เจ้า…”
“นั่นเป็นเรื่องเล็กขอรับท่านปู่ทวด อย่าเอามาใส่ใจเลย! ก็แค่เห็ดหลินจือดอกเดียวนี่นา หากท่านปู่ทวดยังต้องการมัน ข้าจะไปเด็ดจากในเขาให้เองขอรับ!” ภูตโสมเผยสีหน้าเอาจริงเอาจัง
“อย่าเชียวนะ!” ผู้เฒ่าซ่งใจหายวูบ “ในเขาอันตราย เจ้ายังเป็นเด็กเป็นเล็กอย่าเที่ยววิ่งไปทั่ว!”
“เช่นนั้นท่านปู่ทวดก็เลิกคิดมากได้แล้วนะขอรับ!” ฮั่วหลินคลี่ยิ้มกล่าว
“ตกลง ตกลง! ไม่คิดแล้ว ไม่คิดแล้ว!” ชายชราแม้ว่าเศร้าเสียใจ แต่ขณะมองดูเด็กทั้งสามคนนี้ก็ไม่ลังเลอีกแล้วเช่นกัน
เดิมทีก็ไม่มีทางเลือกอื่น ขบคิดมากถึงเพียงนั้น เดี๋ยวหมดสติไปอีก ไม่แน่ว่าจะไม่ได้ฟื้นมาอีกแล้ว
เมื่อคิดได้อย่างนี้ ซ่งเหล่าเกินก็สบายใจขึ้นมาก
รอคอยต่อไปแล้วกัน เขาเชื่อว่า หลานชายเขาผู้นี้คงได้เดือดดาลเขา ไม่แน่ว่าจะหอบหนังสือแสดงความจำนงอย่างเป็นทางการกลับมากลางดึกเลยก็เป็นได้!
ตอนที่ 406 แปลกหน้า
เป็นไปอย่างที่ชายชราคิดเอาไว้ทั้งสิ้น ซ่งเสี่ยนตวัดแส้ควบเกวียนวัวกลับไปอย่างรวดเร็ว มุ่งตรงไปหาเผยเหล่าเอ้อร์
“พ่อตา ท่านปู่ข้าไม่เชื่อคำพูดของข้า คิดว่าข้าล้อเล่นกับพวกเขา ดังนั้นข้าคิดว่าให้พ่อตาช่วยเขียนเป็นหนังสืออย่างเป็นทางการให้ข้าสักฉบับ เอาไปขู่เขาดู” ซ่งเสี่ยนตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง
เผยเหล่าเอ้อร์ขมวดคิ้ว “หนังสือทางการอันใดหรือ”
“ท่านปู่ข้าไม่เชื่อว่าตระกูลเผยจะให้ข้าเป็นเขยที่แต่งเข้าตระกูลฝ่ายหญิง…” ซ่งเสี่ยนกล่าวอธิบายเสริม
ต่อให้ตัวเขาเองเอ่ยว่าต้องการไปเป็นเขยที่แต่งเข้าตระกูลฝ่ายหญิง แต่หากพ่อตาไม่รับเช่นนั้นก็เปล่าประโยชน์ อย่างไรเสียลูกเขยผู้นี้ก็ต้องไปลงทะเบียน ณ ที่ว่าการอำเภอ ปู่ของเขาแม้คิดว่าเขาจิตใจละโมบโลภมากจนก่อปัญหาเลอะเทอะไม่เข้าท่า แต่ถึงอย่างไรก็ไม่เชื่อว่าตระกูลเผยจะยอมเล่นด้วยในเรื่องนี้
ดังนั้นเขาจำเป็นต้องให้ตระกูลเผยสนับสนุนเขา
“พ่อตา เมื่อท่านเขียนหนังสือที่ยินยอมรับข้าเข้าสู่ตระกูลแล้ว ท่านปู่ย่อมตอบรับทุกคำขอเป็นแน่ ถึงตอนนั้นก็น่าจะไปยืมเงินจากทางด้านเอ้อร์ยาได้แล้ว” ซ่งเสี่ยนกล่าวขึ้นอีกครั้ง
เขาเชื่อว่า ปู่ของเขาจะไม่มองดูหลานชายของตัวเองเปลี่ยนไปใช้แซ่ของตระกูลอื่นโดยไม่ทำอะไรอย่างแน่นอน!
เผยเหล่าเอ้อร์หัวเราะ “ผู้เฒ่าซ่งค่อนข้างฉลาดไม่น้อย ลูกเสี่ยน เราทำอย่างนี้ไม่ค่อยดีกระมัง อย่างไรเสียเจ้าก็เป็นหลายชายตระกูลซ่ง…”
“แต่จะว่าไปแล้ว ผู้เฒ่าตระกูลเจ้าก็ช่างเลอะเลือนจริงๆ เจ้าเป็นหลานชายคนโตของครอบครัวบุตรคนโต สิ่งของในตระกูลเดิมทีก็ควรเป็นของเจ้า ถึงแม้เจ้าไม่ต้องการก็ควรเป็นฝ่ายเอามามอบให้เจ้าถึงที่จึงจะถูก!” เผยเหล่าเอ้อร์เผยสีหน้าเสียดาย “เฮ้อ ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลดองอย่างนี้ แพร่งพรายออกไปข้าเองก็ทำตัวลำบากเช่นกันน่ะสิ…”
“พ่อตาวางใจเถอะ ข้าจะเก็บหนังสือทางการฉบับนี้เอาไว้ให้ดี เมื่อได้เงินมาแล้วข้าก็จะเอามันไปเผาทิ้งเสีย คนอื่นก็ไม่เห็นแล้ว และข้าก็ไม่อาจเอาเรื่องที่ข้าต้องการเงินป่าวประกาศไปโดยทั่วเช่นกันนี่ขอรับ!” ซ่งเสี่ยนกล่าวขึ้นอีกครั้ง “อีกไม่กี่เดือนเหม่ยเจียวก็ต้องคลอดลูกแล้ว ถึงอย่างไรหากจะให้นางคลอดลูกที่บ้านพ่อตาก็ไม่ดีนัก”
ดังนั้นเขาเองก็ร้อนใจเช่นกัน
หากมีเงินแล้วก็จะซื้อบ้านในทันที
เผยเหล่าเอ้อร์ไม่ได้คิดอะไรมากมายเช่นกัน อย่างไรเสียสองปีมานี้ก็ไปมาหาสู่กับตระกูลซ่งไม่น้อยครั้งเช่นกัน จึงรู้จักนิสัยใจคอของผู้เฒ่าซ่งมากพอตัว
ดังนั้นหลังจากซ่งเสี่ยนเอ่ยปาก เผยเหล่าเอ้อร์ดูคล้ายจะบ่ายเบี่ยงเล็กน้อย แต่ในความเป็นจริง ไม่ทันไรก็ไปเขียนหนังสืออย่างเป็นทางการให้
ถ้อยวจีในหนังสือดังกล่าวก็งดงามเช่นกัน กล่าวชมเชยซ่งเสี่ยนยกใหญ่ แสดงทัศนคติที่ตระกูลเผยมีต่อลูกเขยผู้นี้ว่าชื่นชอบเกินบรรยาย ทั้งยังกล่าวว่าเขามีทายาทไม่เยอะ หวังว่าซ่งเสี่ยนจะตกลงเข้าสู่ตระกูลเผย ขอเพียงยินยอมเข้าสู่ตระกูลเผย ก็จะซาบซึ้งในตระกูลซ่งเป็นอย่างยิ่งแน่นอน อะไรทำนองนี้
หากเป็นซ่งเหล่าเกินอย่างเมื่อก่อนเห็นแล้ว คาดว่าคงได้กระอักเลือดอีกครั้ง
ซ่งเสี่ยนได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการมา ไม่มัวชักช้ารีรอแม้แต่หนึ่งเค่อ
ขณะนี้ท้องนภาเริ่มสลัวแล้วเล็กน้อย แต่เขากลับยังดื้อดึงจะกลับบ้านซ่งให้ได้
เมื่อเห็นซ่งเหล่าเกิน ซ่งเสี่ยนนำหนังสือดังกล่าวกางออก “ท่านปู่ ท่านก็เห็นแล้ว นี่เป็นสิ่งที่พ่อตาข้าเขียนด้วยตัวเอง ไม่ได้หลอกลวงอย่างแน่แท้”
ซ่งเหล่าเกินถอนหายใจ
“เอามาให้ข้าดูหน่อย” ซ่งเหล่าเกินกล่าว
ซ่งเสี่ยนเองก็ไม่มัวอิดออดเช่นกัน นำของสิ่งนั้นวางลงตรงหน้าซ่งเหล่าเกิน ซ่งเหล่าเกินรู้จักตัวอักษรไม่มากนัก แต่อ่านอออกโดยคร่าวๆ เช่นกัน อีกทั้งยามนี้ซ่งต๋าก็อยู่ข้างๆ ด้วย เขาจึงอ่านทีละคำให้ซ่งเหล่าเกินฟัง
หลังฟังจบ ซ่งเหล่าเกินก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง สองมือสั่นระริก พับหนังสือทางการดังกล่าวลงแล้วเอาเก็บไว้ในอก
“ตกลง” ซ่งเหล่าเกินกล่าว
ซ่งเสี่ยนเผยสีหน้าดีใจ “ท่านปู่ ไม่ใช่ข้าตั้งใจทำให้ท่านโกรธ แต่เห็นๆ อยู่ว่าเป็นท่านเองที่คิดไม่ได้ ไม่นับเรื่องที่ว่าซ่งอิงไม่ใช่เด็กผู้หญิงของตระกูลเรา ต่อให้นางเป็น นั่นก็เป็นนางตัวล้างผลาญ ลูกผู้หญิงออกเรือนไปแล้วก็เหมือนน้ำที่สาดออกไป ครอบครัวเราเลี้ยงนางจนเติบใหญ่เพียงนี้ นางก็น่าจะตอบแทนคุณบ้าง ท่านกลับไม่แยกแยะใครญาติใครคนอื่น…”
“หากนางไม่ให้เงินท่าน ท่านก็เอะเอะให้เต็มที่ ท่านมีพระคุณต่อนางนั่นเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ค้ำฟ้า ขืนนางกล้าไม่เชื่อฟังท่านก็คงอยู่หมู่บ้านนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว!” ซ่งเสี่ยนกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ซ่งเหล่าเกินปรายตาขึ้นมองเขา
หลานชายคนนี้ แปลกหน้าไปแล้ว!