ตอนที่ 383 มองคนผิดไปแล้ว
หมอผู้เฒ่าคนนี้ถอนหายใจ ไม่รู้สึกว่าจะเป็นเรื่องประหลาดแต่อย่างใด
สถานการณ์ประเภทนี้เขาไม่ได้เห็นเป็นครั้งแรก อย่างไรเสียเงินกว่าหนึ่งร้อยตำลึงเงินก็ไม่ใช่น้อยๆ มีเด็กรุ่นหลังน้อยคนนักจะยอมเป็นหนี้เงินก้อนนี้เพื่อผู้ชรา เพียงแต่ตระกูลซ่งอยู่ในหมู่บ้านซิ่งฮวาโดยไม่ถือว่ายากจนแร้นแค้น จึงไม่คิดว่าจะยอมเสียเงินก้อนนี้ไม่ได้เช่นกัน…
ซ่งอิ๋นซานหงุดหงิดจนหน้าแดงก่ำ “เรื่องนี้ไม่อาจเชื่อฟังท่านได้ พี่ใหญ่ พี่รอง แล้วยังมีน้องสี่ต่างก็ไม่อยู่บ้าน ตอนนี้ข้าจึงเป็นผู้ตัดสินใจ!”
นี่ก็คือชะตาชีวิตของเขา เขาก็จำเป็นต้องช่วยบิดาสิ?
ถ้าหากว่า หากเขาเป็นไอ้คนสารเลวไม่ยอมช่วยชีวิตคนเช่นนั้นจริง เมื่อน้องสี่กลับมาคงได้เล่นงานเขาแน่? แล้วไหนจะพี่ใหญ่และพี่รองอีก พวกเขาทั้งสองก็ต้องตำหนิโทษเขาเป็นแน่?
หม่าซื่อได้ยินดังกล่าว ถลึงตามองบุตรชายคนที่สาม “ได้ หากเจ้าต้องการซื้อยาก็ได้เช่นกัน เจ้าก็ออกเงินกันเอง เงินส่วนของข้ากับพ่อเฒ่า พวกเจ้าไม่ว่าใครหน้าไหนก็ห้ามแตะต้อง!”
เมื่อเห็นหมอผู้เฒ่าเดินไปแล้ว หม่าซื่อก็จ้องเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เขม็งแล้วกล่าว “ภรรยาบ้านใหญ่ เจ้าตามข้าเข้ามาข้างในหน่อย!”
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่อึ้งไปชั่วครู่ แต่ยังคงกุลีกุจอตามเข้าไป
“ท่านแม่?” เมื่อก่อนเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ไม่รู้สึกว่าแม่สามีคนนี้จะร้ายกาจอันใด แต่บัดนี้ คิดว่าตลอดหลายปีมานี้ตนมองคนตรงหน้าผิดไปแล้ว
“หลานเสี่ยนเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขที่ออกมาจากตัวเจ้า! นอกจากผู้เฒ่าและข้า มีเพียงหลานเสี่ยนตลอดจนเจ้าและหลานต๋าที่รับรู้ว่าเมื่อครู่ทะเลาะอะไรกัน บ้านของเหล่าซานและเหล่าซื่ออยู่ห่างออกไป ต่อให้แอบได้ยินว่าพวกเขาทะเลาะกัน ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าพูดอะไรบ้าง ดังนั้นเจ้าเชื่อฟังข้า จะซื้อยานี้ไม่ได้เป็นอันขาด มิเช่นนั้นเมื่อพ่อเฒ่าฟื้นขึ้นมา หลานเสี่ยนเป็นอันจบสิ้นแน่” หม่าซื่อกล่าวขึ้นอีกครั้ง
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ม่านตาหดตัวชั่ววูบ
จริงอย่างที่นางว่า…
แต่เดี๋ยว… ความหมายของหญิงชราคือ…
ไม่อยากให้พ่อเฒ่าฟื้น?
เวลานี้เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ยิ่งตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูกไปกันใหญ่
“นี่มันไม่ถูกต้อง ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะท่านแม่… ลูกต๋าบอกกล่าวความจริงกับเอ้อร์ยาแล้ว น้องสะใภ้สามก็คาดเดาได้เช่นกันว่าปัญหาเกิดจากลูกเสี่ยน เมื่อครู่ยังไปด่าทออยู่ใต้ชายคาบ้านหน้าห้องลูกเสี่ยนอยู่เลย เรื่องนี้คิดจะปิดบังไม่มีทางปิดได้หรอกเจ้าค่ะ” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ตั้งสติกลับมาสงบเยือกเย็นได้อย่างรวดเร็ว
“หากหลังจากนี้นางกล้าพูดจาเหลวไหลเช่นนั้นข้าก็จะให้เหล่าซานหย่าร้างกับนางเสีย! ข้ายังไม่เอ่ยปากยอมรับเลย พวกนางพูดไปจะมีประโยชน์อันใด! เจ้าเชื่อข้า หากอยากให้หลานเสี่ยนสุขสบายก็อย่าใช้ยาแพงรักษาอาการป่วยนี้!”
“ยาที่ว่านั้นก็ไม่แน่ว่าจะรักษาให้หายดีได้ ถึงเวลาทรัพย์สมบัติหมดสิ้น ชีวิตของพวกเจ้าจะดำเนินต่อไปอย่างไรเล่า เหล่าต้าลำบากมาตั้งหลายปีเพียงนั้นยังเก็บออมเงินได้เพียงเท่านี้ เจ้าก็คิดจะเอาไปถลุงหมดแล้วหรือ!” หม่าซื่อกลายเป็นคนพูดมากขึ้นมาเสียแล้ว
เหยาซื่อตระหนกตกใจและงุนงงสับสน
รู้สึกว่าตนเองน่าจะกำลังฝันร้าย
หม่าซื่อแม่สามีเป็นผู้ที่ใจดีที่สุดแล้ว ไม่เคยสอดมือเข้ามาแทรกแซงเรื่องของเด็กรุ่นหลัง ไม่กดขี่ข่มเหงลูกสะใภ้ ไม่รังเกียจหลานชายหลานสาว ในหมู่บ้านซิ่งฮวา แม่สามีที่ขึ้นชื่อว่าดีงามก็คือนางเพียงผู้เดียว
แต่ไฉนยามนี้จึงเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเล่า
ไม่เพียงแต่แม่สามีเปลี่ยนไป บุตรชายของนางก็เปลี่ยนไปแล้วเช่นกัน
บุตรชายคนโตของนาง แม้แต่คำพูดประเภทที่ว่าจะไปเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงก็ยังหลุดปากพูดออกมาแล้ว จะเห็นได้ว่าในใจของเขาไม่ได้มีนางที่เป็นมารดาผู้นี้อยู่เลย…
“ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เปลี่ยนไป ดูสงบนิ่งเยือกเย็นอย่างยิ่ง “พ่อสามีปฏิบัติต่อข้าและฝูซานอย่างดีขนาดนั้น ประคบประหงมราวกับไข่มุกก็ไม่ปาน หากตอนนี้ข้าเชื่อฟังคำพูดของท่าน ใจของข้าคงได้ละอายใจแย่สิเจ้าคะ อีกทั้งหากมีวันหนึ่งท่านพ่อข้ารับรู้เข้า เกรงว่าจะไม่ให้ข้าเข้าไปเหยียบบ้านมารดาอีกตลอดไป ท่านแม่ เรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ข้าไม่กล้าตอบตกลงจริงๆ เจ้าค่ะ!”
นางไม่โง่ นี่หญิงชราต้องการให้นางเป็นคนชั่ว!
แต่หากผู้เฒ่าหายดีได้เล่า ถึงเวลาหญิงชราก็จะตำหนิมาที่นางว่าไม่รู้จักกตัญญู!
หากผู้เฒ่าจากโลกนี้ไปเพราะเรื่องนี้จริง เช่นนั้นหญิงชราก็จะเอาเรื่องนี้เป็นจุดอ่อนของนาง ภายภาคหน้าไม่เป็นอันได้ลืมตาอ้าปากกันพอดี!
บิดาของนางเป็นนักปรัชญาคนหนึ่ง แม้อุปนิสัยนางตรงกันข้ามกับบิดานางอย่างสิ้นเชิง แต่นางก็ยังพอเข้าใจหลักคุณธรรมพื้นฐานอยู่บ้าง จะทำให้บิดานางขายหน้าไม่ได้โดยเด็ดขาด หากทำเรื่องเช่นที่แม่สามีบอก เมื่อเรื่องแดงขึ้นมา ทางบ้านมารดาคงไม่มีใครให้นางเข้าไปเหยียบเป็นแน่!
ถึงเวลานอกจากจะเข้ากับครอบครัวสามีไม่ได้ ทางครอบครัวมารดาก็เกลียดนางไปด้วย นางคงได้กระโดดน้ำตายเป็นอันสิ้นเรื่อง!
ส่วนบุตรชายคนโตของนาง…
ตอนที่ 384 เงินก็คือหายนะ
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่วางมือไว้บริเวณอก “เมื่อท่านพ่อฟื้นแล้ว เขาคิดจะจัดการอย่างไรก็ให้จัดการไปตามนั้นเถิด ต่อให้ขับไล่ลูกเสี่ยนออกจากบ้านข้าก็จะไม่พูดอะไรเช่นกัน”
หม่าซื่อได้ยินดังกล่าว เผยสีหน้าถมึงทึงในทันใด
ลูกชายและลูกสะใภ้เหล่านี้ ไม่มีใครเข้าข้างนางสักคน
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เดินตัวห่อเหี่ยวออกไป เมื่อสบตาเข้ากับสายตาของซ่งอิงซึ่งแฝงความเย็นเยียบ ก็อดตกใจไม่ได้ “ข้าจะไปเอาเงินมาเดี๋ยวนี้… แล้วไว้จะยืมเพื่อนบ้านก่อนสักหน่อย หลังซื้อยากลับมาแล้วข้าค่อยไปยืมเงินจากทางด้านครอบครัวมารดามาจ่ายส่วนที่ยืมมาจากเพื่อนบ้าน”
เพราะนางรู้เช่นกันว่า สาเหตุที่เกิดเรื่องนี้ขึ้นก็เพราะบุตรชายริษยาที่ซ่งอิงมีเงิน
ซ่งอิงถอนสายตากลับมา “เรื่องซื้อยาก็ให้ข้าและป้าสะใภ้ใหญ่ไปด้วยกันเถิดเจ้าค่ะ อาสามอยู่บ้านคอยเฝ้าไว้ หากเกิดอะไรขึ้นก็เรียกหมอมาโดยทันที หากไม่ไหวจริงๆ ก็ให้หมอมาอยู่ในบ้านเรา จะได้ไม่เกิดเหตุเหนือความคาดหมายขึ้นด้วยเช่นกัน”
ขณะนี้เองหม่าซื่อเดินออกมา เผยสีหน้าอาการเรียบเฉยเช่นแต่ก่อนอีกครั้ง
ดูเหมือนเปลี่ยนไปเช่นลักษณะที่ผ่านๆ มา ไม่พูดไม่จาและเฝ้ามองดูอย่างว่าง่ายเป็นพิเศษ
ซ่งอิงคาดเดา นี่หญิงชราคงพูดคุยจนทะเลาะกับเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เข้าแล้ว
แม้ว่านางไม่ออกเงิน ถึงอย่างไรคนในครอบครัวก็ต้องเอาเงินมาสมทบกันอยู่ดี และร่างกายของผู้เฒ่าซ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะหายดีได้ เมื่อผู้เฒ่าหายดีแล้ว หากนางออกตัวมากเกินไป ถึงเวลาจะต้องได้รับความลำบากเป็นแน่
แต่ต่อให้ตอนนี้นางกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ซ่งอิงก็ไม่กล้ามองข้ามหญิงชราในลักษณะก่อนหน้านี้แล้วเช่นกัน
ถึงขั้นที่ว่า…
ผู้เฒ่าจำเป็นต้องมีอายุยืนยาวกว่าหญิงชราผู้นี้ให้จงได้
เมื่อใดที่ผู้เฒ่าตายจากไปก่อนนาง ตระกูลซ่งยังจะมีใครสยบนางได้อยู่ที่ไหนกัน ตราบใดที่นางอาศัยคำว่า ‘กตัญญู’ ก็จะกุมบรรดาบุตรชายทั้งสี่เอาไว้ใต้อาณัติได้อย่างสบายๆ
ส่วนสาเหตุที่ให้อาสามคอยเฝ้าสถานการณ์ในบ้านเอาไว้…
แน่นอนว่าก็เพื่อป้องกันหญิงชราคิดอะไรมิดีมิร้าย ถึงขั้นลงมือกับชายชราจริงๆ
แน่นอนว่า ความเป็นไปได้นี้ไม่ค่อยมากนัก ยุคสมัยนี้หากมีคนตายก็จำเป็นต้องตรวจสอบศพเช่นกัน คาดว่าหญิงชราจะไม่ใจกล้าถึงเพียงนั้น
แต่การที่อาสามอยู่บ้านก็จะได้สะดวกคอยปรนนิบัติ
ป้าสะใภ้ใหญ่ยามนี้แลคล้ายแก่ลงไปสิบกว่าปี มองดูไม่มีเรี่ยวแรงกระจิตกระใจเลยแม้แต่น้อย รีบร้อนเดินกลับเข้าห้องเอาเงินออกมา ยามที่นำเงินออกมาก็ไม่ลืมมองไปทางห้องของลูกชายเช่นกัน ตอนนี้บานประตูห้องดังกล่าวปิดสนิท ตัวการปัญหาก็ไม่แม้แต่จะโผล่หน้าออกมาด้วยซ้ำไป
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่รู้สึกเดือดดาลจนถึงขั้นไร้เยื่อใยเสียแล้ว
“หากปู่ของเจ้ามีอันเป็นไป เจ้าก็เตรียมคุกเข่าอยู่ในลานบ้านไปจนวันตายแล้วกัน! หากรู้แต่แรกว่าเจ้านิสัยเช่นนี้ ข้าให้กำเนิดเจ้ายังไม่สู้ให้กำเนิดหนูออกมาจะดีเสียกว่า! หนูมันยังรู้จักหาอาหารขนเข้าไปในรูมัน แต่เจ้าเล่า สู้ไม่ได้แม้กระทั่งสัตว์เดียรัจฉานด้วยซ้ำ!”
“ข้าหรือยังจะหวังให้เจ้ากตัญญูต่อข้า เลี้ยงข้ายามแก่เฒ่า!? ถุย! เจ้ามันไอ้ลูกกตัญญูไม่มีหัวใจ ภายภาคหน้าต่อให้ข้าจะตายก็ไม่ต้องการให้เจ้ามาดูแล เก่งนักเจ้าก็อยู่แต่ในห้องไปชั่วชีวิตอย่าได้โผล่หัวออกมาเชียว! ขอให้เจ้าและนางสารเลวผู้นั้นพร้อมเลือดเนื้อเชื้อไขตัวเดียรัจฉานที่อยู่ในท้องของนางอดอยากตายไปเลย!” ในใจเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เดือดดาลอย่างยิ่ง
หากบุตรชายออกมาและกล่าวขอโทษยอมรับผิดกับนาง เช่นนั้นก็ยังถือว่าเป็นลูกของนาง ควรต้องจัดการอย่างไรนางก็จะดำเนินไปอย่างเช่นที่ผ่านมา!
แต่ตอนนี้เล่า?
ช่างน่าขันสิ้นดี มิหนำซ้ำยังเป็นหลานชายคนโตของครอบครัวบุตรคนโตอีกด้วย!
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่น้ำตานองหน้า ลูบคลำเงินที่เก็บหอมรอมริบมาตลอดหลายปีนี้ จากนั้นถุยน้ำลายอีกครั้ง “ถุย! เงินก็คือหายนะ!”
จากนั้นนางก็นำห่อขนาดเล็กนั่นยัดใส่อ้อมอกซ่งอิง “เอ้อร์ยา รับเอาไว้”
ไม่นานนัก เจียวซื่อและเหยาซื่อสะใภ้เล็กต่างคนต่างนำเงินมามอบให้สิบตำลึงเงิน
สายตาเจียวซื่อนั้น…
ซ่งอิงไม่ค่อยอยากมองดูเท่าไรนัก
แต่นี่เป็นเรื่องที่ควรกระทำในฐานะส่วนหนึ่งของตระกูลซ่ง ไม่ว่าเสียดายจนไม่อยากสละให้สักเพียงใด ก็ไม่อาจขัดขวางแต่ละบ้านที่เหลือซึ่งต้องการแสดงความกตัญญูได้เช่นกัน
“รวมของบ้านสองอีกสิบตำลึงเงิน นี่รวมทั้งสิ้นแปดสิบสามตำลึงเงินเจ็ดร้อยกว่าอีแปะ ยังขาดอีกตั้งเยอะ” หลังซ่งอิงนับเสร็จเรียบร้อย กล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ใจอีกครั้ง “ข้าเป็นหลานสาว จะมากจะน้อยก็ควรตอบแทนบุญคุณเสียหน่อย แต่ก็ไม่อาจทำเกินหน้าเกินตาพ่อแม่แล้วก็บรรดาป้าสะใภ้และอาสะใภ้ได้ ดังนั้นข้าก็ขอออกเงินให้ด้วยสิบตำลึงเงิน ส่วนที่เหลือยังขาดอีกเกือบสี่สิบตำลึงเงิน เอาให้ท่านปู่ยืมก่อนก็ย่อมได้เช่นกัน เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะลงลายลักษณ์อักษรเป็นชื่อผู้ใดเอาไว้ดี”