ตอนที่ 385 สั่งการมาเป็นพอ
เจียวซื่อและเหยาซื่อสะใภ้เล็กต่างก็ไม่เอื้อนเอ่ยวาจาใด
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่รู้สึกขมขื่นในปาก “ลูกชายคนโตข้ากระทำเรื่องชั่วช้านี้ เอาเป็นชื่อข้าก็แล้วกัน”
หลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรนี้จำเป็นต้องเขียนเอาไว้ ไม่เพียงเพราะเป็นความต้องการของเอ้อร์ยา มากกว่านั้นคือทำให้ผู้อื่นได้เห็น
ผู้เฒ่าล้มป่วยถือเป็นเรื่องใหญ่โตเพียงนี้ พรุ่งนี้น่าจะมีสหายคนสนิทรับรู้กันแล้ว ถึงเวลาคงต้องถามไถ่ว่ายานี้กินอย่างไรและใช้เงินไปเท่าใดเป็นแน่
หากพวกเขาบอกกล่าวว่าเงินที่เหลือซ่งอิงเป็นคนออกทั้งหมด คนอื่นไม่อิจฉาหรอกที่ซ่งอิงมีเงิน แต่จะกลายเป็นกล่าวตำหนิโทษคนตระกูลซ่งว่าใจแคบ
ผู้เฒ่าตระกูลตนเองก้าวขาข้างหนึ่งไปเหยียบประตูปรโลกแล้วแท้ๆ แม้แต่เงินก้อนนี้ก็ยังเสียสละให้ไม่ได้ ในทางกลับกัน ยังให้หลานสาวที่ออกเรือนไปแล้วเป็นผู้จ่ายเงินให้อีก ไม่มีใครเขาทำกันเช่นนี้หรอก
นอกเสียจากคนตระกูลซ่งตายหมดสิ้นแล้ว มิเช่นนั้นจะตกมาเป็นหน้าที่ซ่งอิงต้องเหมาออกเงินส่วนที่เหลือได้อย่างไรกัน
ดังนั้นจำเป็นต้องเขียนหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรเอาไว้
เมื่อมีหลักฐานยืมเงิน เช่นนั้นก็จะแตกต่างออกไป ซ่งอิงยินยอมให้ยืมเงิน คนอื่นจะกล่าวเชยชมว่านางกตัญญู ตระกูลซ่งยินดีให้เขียนหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรไว้ คนอื่นก็จะกล่าวชื่นชมคนตระกูลซ่งว่าเข้าใจข้อปฏิบัติอันสมควร
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ยังไม่กล้าคิดเลยด้วยซ้ำว่า ชั่วพริบตาเดียวทรัพย์สินทั้งครอบครัวตนก็เป็นอันมลายหายไปแล้ว มิหนำซ้ำยังเป็นหนี้อีกสี่สิบตำลึงเงิน
ยิ่งแย่ไปกว่านั้นคือ ครอบครัวนางมีที่ดินน้อยนิด!
ตอนที่แยกครอบครัว ได้ที่นาดีมาเพียงสามหมู่ ซึ่งเพียงพอสำหรับเอาไว้เพาะปลูกให้คนในครอบครัวตนเองเอาไว้กินอยู่เท่านั้น ไม่คิดจะเอาธัญพืชไปขาย แต่ตอนนั้นยังมีเงินที่ผู้เฒ่าซ่งให้ไว้ รวมไปถึงเงินที่พวกเขาสองสามีภรรยาเก็บหอมรอมริบเอาไว้ในช่วงหลายปีมานี้ จึงได้ที่นาอุดมสมบูรณ์มาอีกสามหมู่และที่ดินแห้งแล้งอีกจำนวนหนึ่งมาเพิ่มเติม
แต่นี่ก็ยังไม่ถือว่ามากมาย
บัดนี้ไม่มีเงินแล้ว จากนี้ไม่รู้จริงๆ ว่าจะดำเนินชีวิตอย่างไร…
แต่ละคนล้วนสีหน้าอึมครึม ทอดถอนใจครั้งแล้วครั้งเล่า ซ่งอิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา จากนั้นจึงมุ่งไปซื้อยาในตัวอำเภอพร้อมป้าสะใภ้ใหญ่แม้มืดค่ำแล้วก็ตาม
เพียงแต่น่าเสียดายที่หลังพวกนางไปถึงตัวอำเภอ จึงได้ค้นพบว่าในร้านยาที่ใหญ่ที่สุดแห่งนี้ไม่มีการบูรขายเช่นกัน
ของสิ่งนี้หายากยิ่ง โดยทั่วไปทันทีที่เข้าร้านยามาก็จะถูกครอบครัวคนใหญ่คนโตและผู้ร่ำรวยในอำเภอซื้อเอาไปใช้เป็นยาสามัญประจำบ้านสำหรับคนเฒ่าคนแก่ในตระกูล และเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ขับขันจะได้ช่วยชีวิตให้รอดได้
“แล้ว แล้วนี่จะทำอย่างไรกันดี มีเงินแล้วแต่ก็หาซื้อไม่ได้ เช่นนั้นผู้เฒ่า…” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่รู้สึกเพียงหน้ามืดตาลายขึ้นมา
ซ่งอิงจนปัญญาอย่างยิ่งเช่นกัน “ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป ในเมื่อไม่มี เช่นนั้นพวกเราก็กลับกันไปก่อน ข้า…รู้จักคนผู้หนึ่ง ไว้เดี๋ยวจะส่งจดหมายไป ลองดูว่าอีกฝ่ายพอส่งยามาให้ได้หรือไม่”
“มีคนที่ดีถึงเพียงนี้เชียวหรือ ของที่มีมูลค่ามาแพงขนาดนั้น เขาจะยินดีช่วยเหลือพวกเราหรือ” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ไม่กล้าเชื่อเท่าไรนัก
“วางใจเถอะเจ้าค่ะ หากอย่างเร็วหน่อย ต้องส่งมาถึงพรุ่งนี้ก่อนเที่ยงเป็นแน่” ซ่งอิงกล่าว
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่รีบพยักหน้า รู้สึกสงบใจขึ้นมาก
คิดจะซื้อตัวยานี้ก็ยังพอมีวิธีอยู่ อย่างแรกคือ ส่งจดหมายไปอย่างที่นางว่า โดยอาศัยนกพิราบบินคาบไปถึงเมืองยง ขอให้ท่านอาใต้เท้าผู้นั้นช่วยซื้อแล้วส่งมาให้ แต่นางยังไม่พร้อมจะใช้วิธีการนี้
นางไม่มีความเชื่อในตัวใต้เท้าฮั่วผู้นั้นถึงเพียงนั้น สถานการณ์ของชายชรายิ่งเวลายืดเยื้อออกไปก็ยิ่งรุนแรง จึงต้องพยายามพึ่งพาตัวเองให้สุดความสามารถจะดีกว่า
ดังนั้นหลังกลับไป ซ่งอิงตรงไปหาเสี่ยวชิงที่แปลงนา
“ท่านอาจารย์?” เสี่ยวชิงกระโดดออกมาจากแปลงนา เผยดวงหน้ากบเขียวที่ใหญ่โตมาตรงหน้าซ่งอิง
ซ่งอิงพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ขณะมองใบหน้ากบเขียวที่ฝังตัวอยู่ในแปลงนา แล้วกล่าว “มีเรื่องต้องการรบกวนเจ้าหน่อย…”
“ท่านอาจารย์สั่งการมาเป็นพอขอรับ!” ชิงเหลียนกระตือรือร้นไม่น้อย
มันรู้สึกละอายใจต่อท่านอาจารย์อาวุโสมาโดยตลอด อย่างไรเสียที่นาก็ดีงามเพียงนี้ แมลงจำนวนมากขนาดนี้ ทำให้มันอ้วนขึ้นไม่น้อย แต่โดยปกตินอกเสียจากเฝ้าที่นาเหล่านี้ กลับไม่มีเรื่องอื่นให้ทำ ได้ยินน้องโสมกล่าวว่า ในบ้านมีปีศาจวัวเพิ่มมาอีกตัวแล้วด้วย ปีศาจวัวตัวนั้นทำงานเก่งมาก ได้รับความชื่นชอบจากท่านอาจารย์เป็นพิเศษ เขาคิดอยู่ว่า หากตนยังขี้เกียจต่อไป ไม่ช้าก็เร็วต้องถูกอาจารย์ทอดทิ้งกันพอดี!
ซ่งอิงนำตำรับยายื่นส่งไป “เจ้าช่วยไปเมืองยงซื้อยาตามตำรับยานี้ให้ข้าทีสิ พยายามเอาไม่ให้เร็วหน่อย ทางที่ดีที่สุดกลับมาพรุ่งนี้ก่อนเที่ยง”
เสี่ยวชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกในทันที และดวงตากบเขียวของมันก็ลุกวาวขึ้นเล็กน้อย “ท่านอาจารย์วางใจได้ ข้าจะไปตามเส้นทางลัดในเขา กลับมาได้ตรงตามเวลาอย่างแน่นอน!”
เขากระโดดคราวเดียวก็ไปไกลถึงสิบกว่าเมตร แม้การเดินทางไกลจะเหนื่อยหน่อย แต่ไม่ใช่ปัญหา
ตอนที่ 386 จะแพร่งพรายเรื่องเสื่อมเสียในบ้านสู่ภายนอกไม่ได้
เมื่อกบเขียวพูดเช่นนี้ ซ่งอิงก็วางใจเช่นกัน เพื่อที่ระหว่างทางกบเขียวจะไม่เหน็ดเหนื่อยเกินไป ซ่งอิงจึงกลับเข้าไปยังลานหลังบ้าน เก็บไส้เดือนที่เลี้ยงไว้ในดินแถวลานหลังบ้านขึ้นมาจำนวนหนึ่ง จากนั้นก็นำแป้งทอดและเนื้อหมูคั่วแห้งที่มีในอยู่บ้านเอาไปมอบให้ด้วยเช่นกัน จะได้ไว้เป็นอาหารแห้งระหว่างเดินทาง
หลังกบเขียวได้กลิ่นของไส้เดือนและเนื้อหมูคั่วแห้งนั่น ก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก และยิ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้น
ที่แท้ก็ยังควรทำงานสินะ!
ทำงานแล้วจึงจะได้กินของดีๆ เพิ่มขึ้น!
เงินที่จะซื้อยาก็อยู่กับนางทั้งหมด และนางก็ได้มอบให้เขาไปแล้วเช่นกัน
ในคืนวันเดียวกัน บ้านซ่งไม่มีใครนอนหลับได้สนิทสักคน
ซ่งอิงกลับนิสัยเสียนอนหลับพักผ่อนเสียเต็มอิ่มได้หน้าตาเฉย เพียงแต่เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ซ่งต๋าวิ่งมาหานางอีกครั้ง คราวนี้สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
“พี่รอง พี่ใหญ่พาเผยซื่อหนีไปแล้ว” ซ่งต๋ากล่าว
ซ่งอิงตะลึงงัน “หนี? เขาโตขนาดนี้แล้ว อยากจะไปไหนก็หนีไปสิ นี่ไม่เห็นจะเป็นอะไรไป?”
“ท่านไม่รู้อะไร ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่ขโมยกุญแจหีบใบนั้นของท่านปู่ไปได้อย่างไร และเห็ดหลินจือด้านในรวมไปถึงเงินยี่สิบตำลึงเงินก็เอาไปด้วย” ซ่งต๋าโกรธจัด “ตอนกลางดึกเมื่อวาน เขายังเอ่ยปากว่าอยากกินข้าวอยู่เลย ผลปรากฏว่าแม่ข้าไม่ยินยอม และเอ่ยว่าจะปล่อยให้เขาหิวตายไปเป็นอันสิ้นเรื่อง จากนั้นกลางดึกกลับดูว่านอนสอนง่าย แม่ข้ายังเอ่ยอีกว่า หากให้หิวไปสักสองสามมื้อแล้วทำให้เขาจำขึ้นใจได้เช่นนั้นก็ไม่เลว… ใครจะรู้ว่าตอนเช้าตรู่ อาสามบอกว่าห้องของท่านปู่ถูกขโมยขึ้นแล้ว… และพี่ใหญ่ก็หายไปแล้วเช่นกัน”
“แล้วท่านย่าไม่ได้พูดอะไรเลยหรือ ห้องที่วางหีบใบนั้น ไม่ได้มีเพียงท่านปู่คนเดียวกระมัง” ซ่งอิงกล่าว
“ท่านย่าบอกว่าท่านปู่ป่วยอยู่ นางจึงย้ายไปงีบพักผ่อนห้องข้างๆ” ซ่งต๋ากล่าวขึ้นอีกครั้ง “ตอนกลางดึกอาสามคอยเฝ้าท่านปู่ แต่พอช่วงดึกครึ่งหลังก็กลับไปนอนพักผ่อนในเรือนตัวเอง ใครจะรู้ว่าตื่นเช้ามากลับพบว่าเกิดเรื่องประเภทนี้ขึ้น”
ตอนนี้ซ่งต๋าถึงขั้นคิดไปว่าครอบครัวตนถูกวิญญาณชั่วร้ายอะไรครอบงำแล้วหรือไม่
ไฉนหลังพี่ใหญ่กลับมา ในบ้านจึงได้วุ่นวายถึงเพียงนี้เล่า
“อาสามไม่เป็นไรกระมัง” อย่าได้รับความกระทบกระเทือนใจจนล้มป่วยไปอีกคนล่ะ
“ร้องไห้ตาแดงอยู่เลย อาสะใภ้สามก็ด่าทอพี่ใหญ่อยู่เช่นกัน แต่ก็ไม่กล้าเอะอะใหญ่โตเกินไป ท่านแม่ข้า… ตอนนี้ท่านแม่ข้านอนอยู่บนเตียง เมื่อครู่ข้าเพิ่งลูบหัวของนาง ดูเหมือนนางจะเป็นไข้แล้ว” ซ่งต๋าร้อนรนใจ
เมื่อวานมืดค่ำแล้วยังต้องรีบไปตัวอำเภอ ตากลมเย็นทั้งยังได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ ก็ไม่แปลกที่จะล้มป่วย
ซ่งอิงนวดคลึงหว่างคิ้ว
เรื่องที่ผู้เฒ่าล้มป่วยเป็นเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ จำเป็นต้องบอกกล่าวคนอื่นๆ ในครอบครัวด้วย
ดังนั้นวันนี้จึงจ้างคนนำข่าวคราวไปบอกกล่าวทางด้านเมืองยง ตัวอำเภอและท่าเรือ เมื่อวานปีศาจกบเขียวเดินทางไปอย่างเร่งรีบ เพื่อประหยัดเวลา จึงไม่ได้ฝากฝังเรื่องนี้ไปกับเขาด้วย
ซ่งอิงจนปัญญา จึงไปเยือนบ้านซ่งอีกครั้ง มองเห็นอาสามและอาสะใภ้สามสี่หน้าตาหมดอาลัยตายอยาก ทำได้เพียงกล่าว “หายไปแล้วก็หายไป ไว้ท่านปู่ฟื้นแล้วค่อยว่ากันอีกทีเถิดเจ้าค่ะ”
“เห็ดหลินจือนั่นท่านปู่เจ้าต้องการเก็บเอาไว้ให้ฮั่วหลิน แม้แต่ของเช่นนี้ข้ายังรักษาเอาไว้ไม่ได้ เมื่อปู่เจ้าฟื้นขึ้นมา เช่นนั้นคงได้ดูถูกว่าข้าไม่เอาไหน!” ซ่งเหล่าซานตบหน้าตัวเองหนึ่งฉาด
เมื่อวานเขาไม่น่ากลับห้องไปพักผ่อนเลย!
“อาสาม สิ่งของไม่สำคัญเท่ากับชีวิตคน ท่านดูสิว่าตอนนี้ป้าสะใภ้ใหญ่ก็ล้มป่วยแล้วเช่นกัน ขืนท่านและอาสะใภ้สามคิดไม่ได้ มัวแต่โมโหจนล้มป่วยไป ส่วนที่ต้องใช้จ่ายเงินทางบ้านนี้ก็จะเพิ่มขึ้นไปอีก ตอนนี้ควรพยามรวบรวมกำลังใจผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้จะดีกว่านะเจ้าคะ” ซ่งอิงกล่าวขึ้นครั้ง
ซ่งเหล่าซานปาดคราบน้ำตาจากความทุกข์ใจ “แม้พี่ใหญ่เจ้าทำเรื่องประเภทนี้ พวกเราก็ไม่กล้าป่าวประกาศสู่ภายนอกเช่นกัน กลัวว่าเมื่อผู้เฒ่ารับรู้ในภายภาคหน้าจะยิ่งโมโห เขาเป็นผู้ที่รักในหน้าตาศักดิ์ศรีเป็นที่สุด จะขายหน้าผู้อื่นไม่ได้”
“เช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่สมควรกระทำเช่นกัน ถึงอย่างไรเรื่องเสื่อมเสียในบ้านก็ไม่ควรแพร่งพรายสู่ภายนอกเจ้าค่ะ” ซ่งอิงเห็นดีด้วยเช่นกัน
เมื่อคนอื่นรับรู้ แม้ว่าซ่งเสี่ยนจะชื่อเสียงเสียหาย แต่ตระกูลซ่งก็จะถูกเอาไปติฉินนินทาด้วยเช่นกัน ฉะนั้นไว้รอทุกคนร่างกายแข็งแรงดีแล้วค่อยว่ากันอีกทีจะดีกว่า
ซ่งอิงเกลี้ยกล่อมไปหลายประโยคทีเดียว จากนั้นจึงไปทำอาหารเช้าอย่างเรียบง่ายกับเจียวซื่อ ให้คนในครอบครัวทั้งผู้ใหญ่และเด็กได้กินกัน
ยังไม่ถึงตอนเที่ยง ปรากฏว่าปีศาจกบก็กลับมาแล้ว และเอาห่อยานั้นกลับมาด้วย