บทที่ 399 มีโอกาสค่อยส่งให้แล้วกัน
ไม่เพียงเพราะเรื่องนี้เรื่องเดียวที่เป็นสาเหตุให้เจ้าของกิจการฮวาจดจำซ่งเสี่ยนในแง่ไม่ดี แต่ยังมีเรื่องอื่นอีกด้วย
เพราะสองสามีภรรยาคู่นั้นอยู่พูดคุยสัพเพเหระไปเรื่อยในร้านนาง
ตอนนั้นฝ่ายหญิงเอ่ยประโยคหนึ่งที่ทำให้เจ้าของกิจการฮวาไม่พอใจอย่างยิ่ง ตอนนั้นฝ่ายหญิงถามว่า เหตุใดพวกหัวหงอกที่บ้านของฝ่ายชายจึงไม่ส่งของขวัญให้ตระกูลนาง…
นางได้ยินถึงกับงุนงงอย่างยิ่ง แต่ก็ฟังออกว่าสตรีนางนั้นกำลังดูหมิ่นญาติผู้ใหญ่ฝ่ายสามี
แต่แล้วฝ่ายชายกลับพูดด้วยความโมโหอย่างยิ่งว่าต้องกลับไปถามดูเสียหน่อย ทั้งยังบอกอีกว่าตอนเขากลับไปจะสวมชุดใหม่ ให้ทางนั้นเห็นว่าบ้านของพ่อตาดีเพียงใด ทำให้ปู่ของตระกูลตนเองนึกละอายใจ…
ช่าง…ช่างเป็นอะไรที่ประหลาดจริงๆ
เจ้าของกิจการฮวาถอนหายใจ แม้คนที่อยู่ตรงหน้าคือซ่งอิง แต่กลับยังคงรู้สึกไม่ดีนักที่นินทาลูกค้า จึงไม่ได้เอ่ยเล่าโดยละเอียด
ใครจะรู้ว่า ซ่งอิงกลับหัวเราะขึ้นมาเล็กน้อย “นั่นคือพี่ใหญ่ของตระกูลท่านแม่ข้าเอง”
เจ้าของกิจการฮวาตกตะลึง “พี่…พี่ชายแท้ๆ ของเจ้าหรือ?”
ไม่เหมือนกันแม้แต่น้อย?!
ยิ่งเรื่องนิสัย ยิ่งต่างกันลิบลับ!
“เป็นญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” ซ่งอิงยิ้มเล็กน้อย ซ่งอิงเองก็กลัวว่าเจ้าของกิจการฮวาจะเข้าใจผิดคิดว่านางมีใจให้ซ่งเสี่ยน จึงเอ่ยอธิบายขึ้นมา ถึงอย่างไรก็ไม่มีอะไรเสียหาย
แต่ในเมื่อเจ้าของกิจการฮวารู้ฐานะของอีกฝ่ายแล้ว เช่นนั้นก็มีบางคำพูดไม่อาจเก็บเอาไว้ได้แล้ว
“เกิด…เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับตระกูลพวกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ เมื่อครู่ข้าได้ยินพี่ใหญ่เจ้าบอกว่าจะกลับบ้านไปถามว่าเหตุใดจึงไม่ส่งของขวัญมา ทั้งยังจะสวมชุดหรูหราไปตอกหน้าพวกเจ้าอีก…” เจ้าของกิจการฮวาอ้าปากอึกอัก คิดๆ ดูยังรู้สึกยากจะเอ่ยออกมา
ในฐานะลูกหลาน ไยจึงเอ่ยคำพูดประเภทนี้ออกมาได้
ซ่งอิงกลับตาเบิกตาลุกวาว “จริงหรือเจ้าคะ”
“…” เจ้าของกิจการฮวาพยักหน้าตอบ
ซ่งอิงคลี่ยิ้ม “เช่นนั้นก็ดีเหลือเกิน! ขอบคุณพี่ฮวามาก เช่นนั้นข้าขอตัวกลับไปรอเขาก่อนละ เผื่ออีกเดี๋ยวพี่ใหญ่กลับไปกะทันหัน พวกเราจะได้เตรียมตัวไว้ให้พร้อม!”
“….” เจ้าของกิจการฮวาตะลึงงันอีกครั้ง
เมื่อพูดจบ ก็เห็นซ่งอิงเดินออกไปด้วยความรีบร้อนอย่างยิ่ง!
เจ้าของกิจการฮวายิ่งฉงนใจ และยิ่งใคร่รู้เรื่องตระกูลซ่งมากขึ้น แต่ด้วยความที่อยู่ไกลกันขนาดนี้ นางจึงไม่รู้เรื่องราวโดยละเอียด ครู่นั้นจึงเอ่ยตำหนิซ่งอิง หาว่าอีกฝ่ายจงใจทำให้อยากรู้แล้วจากไป
ซ่งอิงมุ่งหน้ากลับไปบ้านซ่งโดยไม่หยุดพักเลยสักนิด
เมื่อถึงบ้าน ก็รีบเล่าเรื่องนี้ให้ซ่งเหล่าเกินฟัง ซ่งเหล่าเกินเผยสีหน้าเคร่งขรึม จากนั้นก็เรียกหาบุตรชายลำดับที่สาม ให้เชิญผู้บรรเลงดนตรีมาจำนวนหนึ่งเตรียมตัวไว้ให้พร้อมสำหรับการบรรเลงดนตรีได้ทุกเมื่อ
อีกครู่หนึ่ง เกี้ยวที่นัดหมายไว้แต่เนิ่นๆ เป็นที่เรียบร้อยก็แบกเข้ามาแล้วเช่นกัน
ขาดก็เพียงซ่งเสี่ยน
บ้านซ่งเงียบสงัดอย่างยิ่ง
ผู้เฒ่าซ่งเปลี่ยนไปสวมชุดใหม่ นั่งอยู่ที่ห้องโถงกลาง เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่กัดฟันแน่นตัดสินใจเด็ดขาด เปลี่ยนไปสวมชุดใหม่ที่นางสวมเมื่อครั้งบุตรชายแต่งงานเช่นกัน ที่เหลือก็แค่รอลูกชายตัวดีผู้นั้นกลับมา
ซ่งเสี่ยนเดินดูของในอำเภอหลี่รอบหนึ่ง เขาไม่ได้ซื้อผ้า แต่ซื้อชุดตัดสำเร็จหนึ่งชุดมาสวมใส่ จากนั้นจึงนั่งรถเกวียนวัวลากจูงกลับบ้าน
แต่ครั้นมาถึงในหมู่บ้าน ซ่งเสี่ยนก็รู้สึกถึงบรรยากาศที่แปลกไปเล็กน้อย
เพราะสายตาที่บรรดาชาวบ้านมองเขาดูประหลาดชอบกล
เขาขบคิดอย่างหนัก อาจเป็นเพราะเอ้อร์ยาพูดอะไรกับทุกคนไว้ เขาจึงพยายามสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ กระทั่งก้าวเข้าประตูบ้านตระกูลซ่ง
“ท่านแม่ ในใจท่านยังมีข้าเป็นลูกชายอยู่หรือไม่ เหตุใดจึงไม่ส่งของขวัญตามเทศกาลไปให้ตระกูลเผยเล่า” ซ่งเสี่ยนเจอเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เป็นอันดับแรกจึงเอ่ยปากขึ้น
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ชายตาขึ้นมอง “ข้าลืม ต่อไปหากยังมีโอกาสค่อยส่งไปให้ก็แล้วกัน”
บุตรชายนางแต่งเข้าบ้านภรรยา เช่นนั้นตระกูลเผยก็ต้องกลายเป็นฝ่ายส่งของขวัญมาให้แทน
นางจะรอวันนั้น
ซ่งเสี่ยนขมวดคิ้ว มักรู้สึกว่าสายตาของมารดาเย็นชาจนชวนให้ยำเกรง ด้วยเหตุนี้จึงเอ่ยพูดหยั่งเชิง “ท่านรู้เรื่องที่ข้าหยิบเห็ดหลินจือไปแล้วใช่หรือไม่ ท่านยังกล่าวโทษข้าอยู่อีกหรือ”
“ข้าจะกล้ากล่าวโทษเจ้าได้อย่างไรกันเล่า” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ถอนหายใจ
น้ำเสียงแปลกไปจากปกติ ทำให้ซ่งเสี่ยนไม่ชอบใจ “ก็แค่เห็ดหลิงจือมิใช่รึ! ข้าเอาไปแล้วจะเป็นไรไป ก็ไม่เห็นว่าท่านปู่จะล้มป่วยจนลุกไม่ขึ้นจริงๆ เลยนี่?! วันนั้นเป็นเรื่องเป็นราวจนชวนให้ผู้อื่นตระหนก แต่ตอนนี้ก็ยังอยู่ดีมิใช่หรือ ไม่เช่นนั้นที่นี่ก็คงแขวนผ้าขาวทั่วบ้านแล้ว!”
บทที่ 400 หนังสืออย่างเป็นทางการเล่า
ซ่งเสี่ยนพูดดจบ เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ทนไม่ไหวอีกต่อไป นางยกมือฟาดลงไปที่หน้าบุตรชายหนึ่งฉาด
เสียงตบดัง ‘เพียะ’ จนได้ยินกันโดยทั่ว
นางไม่เคยทำใจตบตีลูกได้มาก่อน
“นั่นเป็นปู่ของเจ้านะ! หากวันนั้นท่านโกรธเจ้าจนอกแตกตายจริง เจ้าก็เป็นหลานอกตัญญู พ่อแม่เจ้า ไหนจะน้องชายเจ้าต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย! ความผิดใหญ่หลวงเพียงนี้ หากหัวหน้าตระกูล หรือหัวหน้าหมู่บ้านรู้เข้า เจ้าจะรับผิดชอบไหวหรือไม่ โทษอย่างน้อยๆ ก็คือตัดออกจากวงศ์ตระกูลเชียวนะ!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันอย่างเดือดดาล
ซ่งเสี่ยนเผยแววตามืดมน ลูบหน้า “ท่านปู่สุขภาพแข็งแรงเพียงนั้น จะเป็นอะไรง่ายๆ ได้อย่างไร!”
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่กลอกตาด้วยความระอา
ผู้สูงวัยอายุถึงหกสิบปีแล้ว จะแข็งแรงได้เเพียงไหนกันเชียว?!
อีกทั้งหากไม่ใช่เพราะใช้เงินมากมายซื้อยารักษา ผู้เฒ่าซ่งจะฟื้นได้หรือ?!
แต่ยามนี้ เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ก็ไม่อยากอธิบายกับบุตรชายเช่นกัน “เจ้ากลับมาก็เพราะเรื่องของขวัญอย่างนั้นหรือ”
“ข้าก็แค่ถามท่านเท่านั้น นี่เดี๋ยวจะไปหาท่านปู่ ข้ายังมีเรื่องอื่นอีก…” ซ่งเสี่ยนเอ่ยทิ้งท้ายอย่างคลุมเครือ เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เดาได้ไม่ยาก เขาคงยังไม่ลืมเรื่องเงินสามร้อยตำลึงเงินอย่างแน่นอน
“ได้ เช่นนั้นเจ้าไปหาท่านปู่ของเจ้าเถอะ เขากำลังรอเจ้าอยู่เช่นกัน!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ยิ้มเย็นชา
หวังว่าบุตรชายนางจะไม่เสียใจภายหลัง!
ซ่งเสี่ยนไม่ได้พาเผยซื่อมาด้วย อย่างไรเสียนางก็กำลังตั้งครรภ์จึงเดินทางไม่สะดวก ในเวลานี้เองิเขาก็เดินไปยังห้องของปู่พร้อมใบหน้าเคร่งขรึม เพิ่งพ้นประตูเข้าไปก็สบเข้ากับสายตาของท่านปู่ที่มองมาจนเขาสะดุ้งด้วยความตระหนกตกใจ
“ท่านปู่” ซ่งเสี่ยนเอ่ยเรียกอย่างเด็กว่านอนสอนง่าย “ช่วงนี้ท่านสบายดีกระมัง”
“ข้าตายไม่ได้หรอก” ซ่งเหล่าเกินตอบด้วยสีหน้าและน้ำเสียงราบเรียบ “ไยจึงทำใจกลับมาจากตระกูลเผยเสียได้เล่า”
“เรื่องที่ข้าพูดครั้งก่อน ท่านปู่ไตร่ตรองไปถึงไหนแล้ว ท่านต้องการหลานชายหรือต้องการเงิน” ซ่งเสี่ยนเอ่ยถามออกไปตรงๆ โดยไม่กระดากอายแต่อย่างใด
ซ่งเหล่าเกินเตรียมใจไว้ล่วงหน้าแล้ว และก่อนที่ซ่งเสี่ยนจะกลับมา ซ่งอิงยังเลียนแบบกริยาอารมณ์ของซ่งเสี่ยน กล่าววาจารุนแรงไม่น่าฟังกับเขาไว้หลายคำเป็นการเฉพาะอีกด้วย
กล่าวได้ว่า ตอนนี้คำพูดทุกคำของซ่งเสี่ยน ล้วนอยู่ในขอบเขตที่ผู้เฒ่าซ่งรับได้เกือบทั้งหมด
“เจ้าช่วยหลอกข้าให้มันน้อยๆ หน่อยเถิด ตระกูลเผยจะยอมให้เจ้าไปเป็นเขยที่แต่งเข้าตระกูลฝ่ายหญิงจริงหรือ ตระกูลเขาเองก็มีลูกชายนี่!” ซ่งเหล่าเกินเอ่ยพูดยิ้มๆ
ซ่งเสี่ยนมุ่นคิ้ว รู้สึกว่าท่าทีของผู้เฒ่าซ่งในวันนี้แปลกไปเล็กน้อย
ซ่งเสี่ยนครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยอีกครั้ง “ท่านปู่วางใจเถิด พ่อตาเคยบอกกับข้าแล้วว่า หากตระกูลซ่งไม่เอาข้าไว้ ประตูบ้านตระกูลเผยก็พร้อมเปิดต้อนรับข้าทุกเมื่อ และพร้อมจะไปย้ายทะเบียนบ้านให้ข้าที่อำเภอทันที จะไม่ให้ข้าต้องลำบากใจแม้แต่น้อยโดยเด็ดขาด”
“แค่ปากพูด ไม่มีหลักฐาน คนเขาก็พูดไปตามมารยาทเท่านั้น หากเป็นเรื่องจริง เจ้าก็ให้เผยเหล่าเอ้อร์เขียนเป็นหนังสืออย่างเป็นทางการระบุมาสิว่าตระกูลเผยยินดีรับซ่งเสี่ยนเข้าตระกูล หากเขาเขียนจริง ข้าจึงจะกล้าเชื่อว่าเรื่องที่เจ้าเอะอะจะเป็นเขยแต่งเข้าบ้านเมียคือเรื่องจริง!” ซ่งเหล่าเกินยังคงเอ่ยอย่างสงบนิ่งมากเช่นเดิม
“ท่านปู่หมายความว่าอย่างไร ท่านคิดว่าข้าหลอกท่านอย่างนั้นหรือ!” ซ่งเสี่ยนรู้สึกว่าซ่งเหล่ากำลังเกินหาเรื่องโดยไม่มีเหตุผล
เขาเป็นถึงหลานชายแท้ๆ เชียวนะ ต่อให้ตระกูลเผยพูดเพ้อเจ้อไปอย่างนั้น แต่ตระกูลซ่งก็น่าจะวิตกกังวลสุดขีดสิ!
“เจ้าแค่อ้างตระกูลเผยเพื่อก่อปัญหาไม่เข้าเรื่อง เป็นแค่เด็กเอาแต่ใจ ไม่รู้ความ” ซ่งเหล่าเกินยังคงแสร้งเผยสีหน้านิ่งเฉยกล่าวเอ่ยต่อไป
จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่า หลังจากที่ลองซ้อมกับเอ้อร์ยาอยู่หลายครั้ง ผลลัพธ์ก็ออกมาไม่เลวเลย หากเป็นเมื่อก่อน เขาคงโกรธจนอยากกระอักเลือดแล้ว
“ได้! ท่านปู่ไม่เชื่อใช่หรือไม่! เช่นนั้นข้าจะกลับไปเอาหนังสืออย่างเป็นทางการมาเดี๋ยวนี้!” ซ่งเสี่ยนกัดฟันแน่น
“รีบไปรีบมาล่ะ” ซ่งเหล่าเกินตอบอย่างไม่นึกใส่ใจ “เด็กอย่างเจ้า เมื่อก่อนไม่ใช่คนพูดโกหกเก่งเพียงนี้ คิดไม่ถึงว่ายิ่งโต ยิ่งหลอกคนอื่นเก่ง แต่ปู่เจ้าอาบน้ำร้อนมาก่อน ตระกูลเผยใช่ว่าจะไม่รักศักดิ์ศรีเพียงนั้น พวกเราแต่งสะใภ้มาอย่างดิบดี เขาจะไร้มโนธรรมขนาดเขียนหนังสืออย่างเป็นทางการเพื่อยืนยันให้เจ้าเชียวหรือ มิหนำซ้ำยังชวนเจ้าเข้าสู่ตระกูลเผยได้ทุกเมื่ออีกหรือ ข้าล่ะตลกเหลือเกิน!”
ซ่งเสี่ยนคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าปู่ของเขาจะคิดว่าเรื่องที่เขาโวยวายไปเป็นเขยแต่งเข้าตระกูลภรรยาคือเรื่องหลอกลวง!
ถึงขั้นสงสัยด้วยว่าตระกูลเผยไม่มีทางรับเขาไว้โดยเด็ดขาด?!
ซ่งเสี่ยนกลับหลังหันเดินจากไปด้วยความโมโหที่อัดอั้นในใจ
เขาต้องกลับไปบอกให้พ่อตาเขียนหนังสืออย่างเป็นทางการให้ ถึงตอนนั้นเขาจะเอาให้ผู้เฒ่าซ่งดูว่า หากเขายังไม่ทะนุถนอมหลานชายคนนี้ เขาก็มีทางไป ใช่ว่าต้องอยู่ที่ตระกูลซ่งเท่านั้น!