ตอนที่ 429 หาเงินหาจนบ้าแล้ว
ในฐานะผู้จัดการร้านชุ่ยเหยียนไจ สายตาของเขายังคงเฉียบขาดมาก มองแวบเดียวก็มองออกว่าของดีเป็นลักษณะเช่นไร ของลักษณะอย่างไรจะได้รับความนิยมชมชอบจากประชาชน ดังนั้นจึงได้ใช้เวลาอันสั้นถึงเพียงนี้ยืนหยัดมั่นคงในอำเภอหลี่ที่ใหญ่โตถึงเพียงนี้ได้
“แต่ก่อนหน้านี้เราหาคนไปกลั่นแกล้งพ่อแม่ของหญิงผู้นั้น เกิดถูกนางรับรู้เข้า…” ผู้ดูแลร้านลังเลใจเล็กน้อย
ขนาดยาสระผมอย่างเดียวยังทำให้ร้านชุ่ยเหยียนไจยุ่งวุ่นวายไปตั้งสองเดือนกว่าๆ หลังคิดค้นอย่างหนักจนทำออกมาได้ในที่สุด ก็ค้นพบว่าที่แท้สิ่งที่ทำให้ยาสระผมเกิดฟองก็คืออู๋ห้วนจื่อที่เมล็ดเล็กๆ!
ในใจผู้จัดการร้านพลันเกิดโทสะ หลังคิดค้นตำรับออกมาได้เกือบสมบูรณ์แล้วก็เลยตั้งใจจะให้บทเรียนสั่งสอนแม่นางสาวน้อยผู้นั้นสักอย่าง
ประจวบกับรู้มาว่าบิดามารดานางเปิดร้านอาหาร จึงทำเรื่องบางอย่างที่ไม่เป็นมงคลในช่วงเวลาที่เชิญเทพแห่งโชคลาภเป็นการเอาคืนพวกเขา
ผู้จัดการร้านคนนี้ไม่เก็บเอาซ่งอิงมาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นแค่ลงมือกลั่นแกล้งในยามที่เชิญเทพเจ้าแห่งโชคลาภเท่านั้น
แต่ไม่คาดคิดเลยว่า หญิงชาวชนบทที่ไม่เห็นอยู่ในสายตาคนหนึ่งนี้จะคิดค้นสบู่ที่เมืองยงขายดิบขายดีออกมาได้!
“เรื่องก่อนหน้านี้แน่นอนว่าจะให้นางรู้ไม่ได้เชียว!” ผู้จัดการร้านรู้สึกว่าในใจมีความหงุดหงิดอัดแน่นไปหมด “ครานี้ไปหานางอีกครั้ง ก็บอกกล่าวไปว่าข้าเชิญนางมาพูดคุยธุระที่ภัตตาคารเย่ว์เฟิง และเกริ่นกับนางไว้หน่อยว่า…หากนางมาทำงานให้พวกเราร้านชุ่ยเหยียนไจ นอกจากเงินค่าวิธีการทำสบู่หอมนี้แล้ว ทุกเดือนยังจะให้เงินค่าแรงนางอีก…ห้าสิบตำลึงเงิน!”
“ค่าวิธีการทำ…เราจะจ่ายเท่าไรหรือขอรับ” ผู้ดูแลร้านเอ่ยถาม
ผู้จัดการร้านลำบากใจเล็กน้อย
จะสูงเกินไปไม่ได้และต่ำเกินไปก็ไม่ได้เช่นกัน
ทางด้านเมืองยงกำหนดราคาสบู่หอมไว้แล้ว ในเมื่อเป็นเจ้าเดียว เช่นนั้นทางด้านเขานี่ก็จะขายสบู่หอมในราคาที่สูงกว่ากันหลายตำลึงเงินก็ไม่ได้…ทำได้เพียงยึดตามราคาตลาดซึ่งก็คือยี่สิบอีแปะ แน่นอนว่าของสิ่งนี้ไม่ได้หอมเท่าจ่าวโต้ว ต่อให้มีเอกลักษณ์เฉพาะเป็นหนึ่งเดียว ก็จะขายในราคาสูงเกินไปไม่ได้
“ห้าร้อยตำลึงเงิน” ผู้จัดการร้านครุ่นคิดแล้วกล่าว
สิ่งของที่ราคาก้อนละแค่ยี่สิบอีแปะ ขายออกไปสองสามหมื่นก้อนจึงจะทำเงินค่าสูตรคืนมาได้ ซึ่งนียังไม่ได้หักลบต้นทุนเลยด้วย!
ราคาของสิ่งนี่ก็ไม่อาจขายในราคาสูงกว่านี้ได้แล้วอย่างแน่นอน!
หากซ่งหม่านซานรู้ว่าผู้จัดการร้านของร้านชุ่ยเหยียนไจคิดเช่นนี้ เกรงว่าจะต้องหัวเราะเยาะจนหน้ามืดเป็นลมแน่
สบู่หอมนี้เขาเพิ่งขายไปได้ไม่กี่วัน แม้ว่าก้อนละยี่สิบอีแปะ แต่กลับค้าขายดีสุดๆ
โดยเฉพาะหลังจากถูกตระกูลคนสูงศักดิ์ร่ำรวยเหล่านั้นหมายตาไว้อย่างน่าประหลาด กิจการของทางด้านเขาก็ไม่เคยซบเซาเลย
ทำอย่างไม่หยุดพัก วันหนึ่งอย่างน้อยๆ ขายสบู่หอมได้สองสามพันก้อน เพียงแต่เพื่อให้สบู่นี้มีชื่อเสียงกว้างขวางมากกว่านี้ จึงได้ป่าวประกาศสู่ภายนอกไปว่าต้องต่อคิวหลังจากสองเดือนนี้
ในความเป็นจริง ทุกตระกูลคนสูงศักดิ์ร่ำรวยที่มาเยือน เขาล้วนพูดเช่นนี้ เมื่อพูดจบแล้ว ค่อยประจบประแจงอีกสักสองสามประโยค จากนั้นค่อยส่งสบู่หอมไปก่อนกำหนด เช่นนี้ย่อมทำให้คนจากตระกูลนั้นรู้สึกได้รับการเห็นความสำคัญ
อีกทั้ง ซ่งหม่านซานได้ตระเตรียมสินค้าสำรองเอาไว้ลับๆ แล้ว
วันนี้อย่างน้อยๆ ก็มีกำไรสุทธิเกือบยี่สิบตำลึงเงิน ร้านชุ่ยเหยียนไจจะให้ห้าร้อยตำลึงเงิน ขณะที่เพียงเวลาครึ่งเดือนซ่งอิงก็ทำเงินนี้ได้แล้ว
ถึงอย่างไรระยะนี้ซ่งหม่านซานก็หาเงินได้จนแทบบ้าแล้ว
ไม่เคยเห็นเงินจำนวนมากมายเพียงนั้นมาก่อน
เมืองยงมีผู้คนจำนวนมาก คนงี่เง่ากลุ่มหนึ่งนึกว่าจะหาซื้อสบู่หอมไม่ได้ จึงเกือบจะแบะหัวเขาเข้าแล้ว
ซ่งหม่านซานคิดไว้เสร็จสรรพแล้วว่า เมื่อกิจการมั่นคง รายรับในร้านคาดว่าจะลดลงไปครึ่งหนึ่ง แต่เขาไม่กลัวหรอก อย่างไรเสียเมื่อเตรียมสินค้าเอาไว้ได้จำนวนมาก ก็จะดำเนินกิจการนอกพื้นที่ได้แล้ว ไม่มีทางอดอยากอย่างแน่นอน
แต่ผู้จัดการร้านกลับไม่อาจทำใจยอมแพ้ได้
จึงให้ผู้ดูแลงานในร้านไปยังหมู่บ้านซิ่งฮวาอีกครั้ง
คราวนี้ ผู้ดูแลงานในร้านไม่ได้หยิ่งผยองเช่นครั้งก่อนแล้ว เขาเริ่มคิดว่า จะทำอย่างไรจึงเกลี้ยกล่อมซ่งอิงผู้นั้นให้พอใจได้…
ก่อนผู้ดูแลร้านออกเดินทาง ซ่งอิงกำลังนับเหรียญทองแดงอยู่
ที่คั่นหนังสือขายได้ไม่เลวทีเดียว เพียงแต่ว่าขาดจุดสำคัญไปอย่าง ซ่งอิงคิดว่า ครั้งหน้ายามที่นางมาอีก กิจการนี้น่าจะดีขึ้นหน่อย
ตอนที่ 430 ซ่งสวินโมโห
วันนี้เพิ่งมาขาย คนเหล่านี้ส่วนใหญ่รู้สึกว่าที่คั่นใบไม้ทำง่าย แม้ว่าชื่นชอบก็รู้สึกว่ายี่สิบอีแปะออกจะแพงไปหน่อยเช่นกัน
ไว้วันพรุ่งนี้ คาดว่าจะมีคนใช้ใบไม้ลองทำด้วยตัวเอง ถึงเวลาย่อมรู้ว่าสิ่งของที่ทำออกมาเทียบกับของที่นางทำต่างกันราวฟ้ากับเหว ซึ่งนี่ก็จะช่วยเป็นเครื่องพิสูจน์ชื่อเสียงให้แก่นางไปโดยปริยาย
ครั้นคิดได้เช่นนี้ ซ่งอิงก็ไม่รีบร้อนขายแล้วเช่นกัน
เห็นเวลาพอประมาณแล้วจึงนำสิ่งของกลับไป
ในสถานศึกษา กลับมีคนไม่ยอมถอดใจ
ลู่ข่ายค่อนข้างหงุดหงิดใจเล็กน้อย พยายามอยู่ตั้งนาน นอกจากไม่ได้มองเห็นอะไรชัดๆ แล้วยังถูกคนพูดจาตะล่อมจนเอาเงินไปได้สองตำลึงเงิน…
หลังเกิดเรื่องราวดังกล่าว เขาตั้งหน้าตั้งตาครุ่นคิด รู้สึกได้เช่นกันว่าสาเหตุเป็นเพราะตนผลีผลามเกินไป คำพูดที่ซ่งสวินและน้องสาวเขาผู้นั้นเอ่ยล้วนแฝงไว้ด้วยการยั่วยุ คล้ายว่าเพราะเห็นชัดในความที่เขารักในศักดิ์ศรีหน้าตา…
ประมาทเลินเล่อไปเสียแล้ว
ลู่ข่ายจ้องซ่งสวินเขม็ง
ขณะนี้เลิกเรียนแล้ว ยังมีคนห้อมล้อมซ่งสวินอยู่ บ้างก็กำลังพินิจพิจารณาเจ้าพื้นผิวลวดลายของที่คั่นหนังสือนี้ บ้างก็กำลังถามซ่งสวินเรื่องการบ้าน…
เห็นๆ อยู่ว่าเขามากความสามารถยิ่งกว่า แต่กลับไม่เคยมีใครถามเขาเลย…
เมื่อคิดอย่างนี้แล้ว ลู่ข่ายรู้สึกทำใจยอมรับไม่ค่อยได้ สรุปแล้วซ่งสวินมีเสน่ห์ตรงไหนกันแน่ จึงทำให้ผู้คนดีต่อเขาเช่นนี้ได้
ยิ่งคิดยิ่งเดือดดาล ท้ายที่สุดลู่ข่ายตัดสินใจบางอย่าง
เขาจำเป็นต้องเป็นสหายกับซ่งสวินผู้นี้ เมื่อคบหากันสนิทสนมแล้ว ก็จะเข้าใจวิธีการคบหาสมาคมกับผู้คนได้มากขึ้นแน่นอน หรือแม้กระทั่งอยากจะพิสูจน์ความอัปลักษณ์ของน้องสาวของอีกฝ่าย ก็จะมีโอกาสหลายครั้งหน่อย
เฝ้าสังเกตซ่งสวินมานานเพียงนี้ ก็รู้สึกได้เช่นกันว่าซ่งสวินถือเป็นคนที่สุภาพนุ่มนวล ไม่ใช่คนที่ปฏิเสธผู้คนด้วยถ้อยคำหยาบคาย ขอเพียงเขาแสดงท่าทีดีๆ หน่อย ซ่งสวินก็จะไม่กีดกันเขาออกห่างเช่นกัน
เพียงแต่…
เขาเป็นถึงคุณชายแห่งตระกูลลู่ผู้สง่าผ่าเผย กลับต้องเป็นสหายกับชาวชนบทต่ำต้อยคนหนึ่ง ดูคล้ายจะค่อนข้าง…
“พี่ซ่ง เมื่อครู่ข้าสร้างความไม่พอใจให้เจ้าอย่างยิ่ง ข้าลู่ข่าย ขออภัยเจ้าไว้ ณ ที่นี้ด้วย” หลังคิดอยู่พักใหญ่ ลู่ข่ายจึงได้เอ่ยปากพูด เพียงแต่เพราะคำพูดของเขาแม้กำลังกล่าวขอโทษ แต่นัยน์ตายังคงยโสโอหังเกินบรรยาย ซ่งสวินขมวดคิ้วในทันที รู้สึกว่าคุณชายผู้นี้ไม่ปกติ
“ไม่จำเป็น” ซ่งสวินเฉยเมยใส่
ต้องอยู่ให้ห่างจากคุณชายประเภทนี้เข้าไว้หน่อย
คุณชายผู้นี้ ทางที่ดีที่สุดรีบๆ สอบ รีบๆ เลื่อนขั้นแล้วรีบๆ ไสหัวไปเสีย
ลู่ข่ายกลับรู้สึกค่อนข้างทำหน้าไม่ถูก เขาเพิ่งเคยขอโทษผู้อื่นเป็นครั้งแรก แต่นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายยังไม่แยแสเขาเสียนี่?
นอกจากความไม่สุขใจแล้ว ยังมีความหงุดหงิดใจอัดแน่นอยู่ด้วย
เขามายังอำเภอหลี่แห่งนี้ นักเรียนในสถานศึกษาแห่งนี้ แม้กระทั่งซิ่วฉายที่มีเกียรติคุณ เมื่อเห็นเขาก็ยังเกรงอกเกรงใจ ถึงขั้นประจบสอพลอก็ยังมีเช่นกัน แต่นี่ซ่งสวินกลับกล้าดี แม้แต่เกียรติคุณขั้นถงเซิงยังไม่มี แต่กลับวางมาดไม่เบา
“ในเมื่อข้าเป็นฝ่ายผิด ก็ต้องให้พี่ซ่งอภัยให้ด้วยจึงจะใช้ได้ หรือไม่เอาเช่นนี้แล้วกัน วันนี้ข้าขอเชิญพี่ซ่งไปสังสรรค์กันที่ภัตตาคาร ขอเลี้ยงอาหารสักมื้อ” บิดาเขาก็ผูกมิตรสัมพันธ์กับผู้อื่นมาเยี่ยงนี้ทั้งนั้น
เลี้ยงอาหาร ดื่มสุรา ต่างฝ่ายต่าง…แนะผู้หญิงให้กัน
“…” ซ่งสวินไม่ค่อยเข้าใจ “เราไม่สนิทสนมกันเสียหน่อย”
“ข้าตั้งใจขอโทษเป็นการเฉพาะ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกันสนิทหรือไม่สนิท ข้าเลี้ยง เจ้ามา ก็เป็นอันใช้ได้” ลู่ข่ายกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ครั้นซ่งสวินได้ยินคำพูดนี้ ก็คลี่ยิ้มออกมาแม้รู้สึกโมโหในใจ “คุณชายลู่ใจกว้างเหลือเกิน จริงอยู่ที่ข้าซ่งสวินผู้นี้ชาติกำเนิดไม่สูงส่ง แต่ก็มีความเคารพในศักดิ์ศรีเช่นกัน บัดนี้เจ้ารังแกน้องสาวข้า ตอนนี้ก็มาวางตัวสูงส่งขอให้ข้าอภัยให้ ไม่มีใครเขาทำกันเช่นนี้หรอก นี่ช่างชวนให้ข้าเลื่อมใสในการอบรมสั่งสอนของตระกูลลู่จริงๆ! เรื่องจะเลี้ยงอาหารข้านั้นไม่ต้องหรอก ขอเพียงจากนี้ตอนที่น้องสาวข้ามา คุณชายลู่อยู่ให้ห่างๆ เข้าไว้หน่อย และอย่าได้เอ่ยวาจาไม่น่าฟังเหล่านั้น ข้าก็รู้สึกซาบซึ้งใจมากแล้ว!”
“…” ลู่ข่ายตะลึงงัน
ซ่งสวินโมโหแล้วจริงๆ
ครั้นนึกถึงว่าลู่ข่ายเอาแต่คิดจะทำให้น้องสาวของตนเผยรูปลักษณ์เพื่อตอบสนองความบันเทิงพวกเขา ซ่งสวินก็รู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง แม้แต่บัดนี้ก็ไม่อยากอยู่ตรงนี้ต่อไปแล้ว “ข้ารู้สึกอารมณ์ไม่ค่อยดี ขอตัวไปก่อนละ ทุกคนมีปัญหาอะไร ไว้วันหลังค่อยว่ากัน!”