ตอนที่ 439 โดนแก้แค้น?
“ผู้ดูแลร้านหยวน ครั้งก่อนยามที่เจ้ามาหาข้าก็เหมือนว่าเคยเอ่ยคำพูดเช่นนี้นี่ ไม่มีความคิดใหม่ๆ โผล่มาบ้างเลยสักนิดจริงๆ ออกไปเถอะ ขืนยังไม่ออกไป…” ซ่งอิงทำทีแคะหู ขณะเอ่ยพูดอยู่นั้น น้ำเสียงก็เย็นเยียบขึ้นมาเล็กน้อย “ข้าก็คงต้องใช้กำลังจริงๆ แล้วละ”
ผู้ดูแลร้านหยวนตระหนกตกใจ ไม่รู้ว่าทำไมจึงกลัวขึ้นมาเล็กน้อย
หลังครุ่นคิด เขาก็รู้สึกว่าวันนี้ดูเหมือนจะคว้าน้ำเหลวกลับไปเสียแล้ว ในใจจึงรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย
ซ่งเหล่าเกินเห็นพวกเขาจะไปกันแล้วก็รีบเดินตามไป จากนั้นนำสิ่งของที่อีกฝ่ายมอบให้ยัดใส่รถม้าของผู้ดูแลร้านหยวนไปด้วย
ผู้ดูแลร้านหยวนมองสมาชิกทั้งครอบครัวที่ไม่ปกตินี้ พลันเดือดดาลจนหายใจหายคอไม่ทั่วท้อง
โดยทั่วไป หากเปลี่ยนเป็นชาวชนบทครอบครัวอื่น วันนี้เขาคงไม่ต้องเผชิญความอับอายถึงเพียงนี้!
ว่ากันตามปกติ ผู้เฒ่าที่ไม่เคยพบเห็นโลกภายนอกมามากมายนักประเภทนี้ เมื่อเห็นสิ่งของเหล่านี้ที่เขาซื้อมาให้ ก็น่าจะจ้องตาเป็นมันแล้วจึงจะถูก รวมไปถึงเด็กๆ เหล่านั้น ยิ่งน่าจะเอาแต่คิดเต็มสมองว่าอยากจะเข้ามาแย่งขนมพวกนี้เอาไปกิน!
ใครจะรู้ว่าคนเขากลับไม่แยแสเลยสักนิด!
ครั้นมองเห็นเนื้อหมูต่างก็พากันสนอกสนใจ แต่เมื่อเห็นขนมของเขากลับไม่เหลียวแลพินิจพิจารณาเลยสักนิด! ช่างประหลาดจริงๆ!
ผู้ดูแลร้านหยวนมองหมู่บ้านแห่งนี้อย่างมาดร้าย ก่อนเดินทางจากไป ก็วนรอบนอกบ้านฮั่วไปหนึ่งรอบ
ไม่รู้เช่นกันว่านึกคิดอะไรอยู่ในใจ
เมื่อเขาไปแล้ว ซ่งเหล่าเกินจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“คนผู้นี้รูปลักษณ์นอบน้อม ใครจะคิดว่ากลับกระทำเรื่องไร้คุณธรรมถึงเพียงนี้ มิหนำซ้ำยังคิดจะคว้าสูตรของเจ้าไปอีก คนในเมืองนี่…ช่างจิตใจไม่ธรรมดาจริงๆ” ซ่งเหล่าเกินถอนหายใจ
มีตระกูลเผยจัดอยู่ในอันดับแรกๆ ที่ให้ความรู้สึกเช่นนั้น ผู้เฒ่าซ่งจึงมีความทรงจำเกี่ยวกับคนในเมืองไม่ดีอย่างยิ่ง
“คนในเมืองก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเช่นนี้หมดหรอกเจ้าค่ะ” ซ่งอิงยังคงค่อนข้างประหลาดใจไม่น้อย “ท่านปู่ ท่านได้ยินว่าห้าร้อยตำลึงเงิน ไม่รู้สึกตกตะลึงบ้างหรือ”
“มีหรือจะไม่” ซ่งเหล่าเกินกลอกตามองบนใส่นางแวบหนึ่ง “ครอบครัวชาวไร่ชาวสวนอย่างเรา ทั้งชั่วชีวิตก็ไม่ได้เห็นเงินที่มากมายเพียงนี้หรอก ทว่าคนผู้นี้ก็ช่างพยายามจริงๆ พูดไปพูดมาเหมือนกับว่าเป็นการนำเงินห้าร้อยตำลึงเงินนั่นมามอบใส่มือข้าก็ไม่ปาน ฟังแล้วรำคาญใจยิ่งนัก”
ซ่งอิงคลี่ยิ้ม
มิน่าล่ะ!
ที่แท้ผู้เฒ่าก็รู้สึกว่าผู้ดูแลร้านหยวนกำลังดูถูกความเป็นคนของเขานี่เอง!
“ครั้งนี้ก็โชคดีเช่นกันที่ท่านไม่ได้ตกปากรับคำ มิเช่นนั้นถึงเวลาท่านรับปากไปแล้ว แต่ข้ายืนกรานไม่ยินยอม เกรงว่าผู้ดูแลร้านหยวนคนนี้ได้ทำลายชื่อเสียงของท่านและบีบบังคับท่านให้ชิงเอาสูตรของข้ามาให้ได้เป็นแน่” ซ่งอิงกล่าว
ซ่งเหล่าเกินตระหนกตกใจ “เช่นนั้น…เมื่อครู่เจ้าจับคนเขาเหวี่ยงหกล้มแล้ว เช่นนั้นจะไม่…โดนแก้แค้นเอาหรือ”
“ร้านค้าแห่งนั้นก็เป็นพวกนิสัยเช่นนี้ ไม่เห็นหัวใครทั้งสิ้น ข้าถูกพวกเขาเกลียดชังมาตั้งนานแล้ว ฉะนั้นครั้งนี้จะเป็นอะไรไป สูตรยาสระผมก่อนหน้านี้พวกเขาคิดค้นออกมาได้ แต่สบู่นี่…พวกเขาอยากได้เพียงใดก็ไม่มีทางคิดค้นวิธีได้หรอกเจ้าค่ะ…” ซ่งอิงพูดมาถึงตรงนี้ ชะงักเสียงไปชั่วขณะ “แต่ทว่า…ก็ยังต้องระมัดระวังไว้หน่อย”
ซ่งอิงขมวดคิ้วขณะครุ่นคิด
หากนางเป็นผู้จัดการร้านที่ไร้คุณธรรมผู้นั้น จะทำอย่างไรเพื่อให้ได้สูตรสบู่หอมมาหรือ
อันดับแรก จะเอาสูตรสบู่จากมือผู้เป็นเจ้าของอย่างนางเลยนั่นคงเป็นไปไม่ได้
ดังนั้นวิธีการที่สะดวกที่สุดน่าจะเป็นการลงมือกับคนในครอบครัวของนาง
นางมีแค่บุตรชายคนเดียว ตลอดทั้งวันอยู่แต่ในหมู่บ้านซิ่งฮวาและอายุยังน้อย จึงไม่น่าจะหันมาลงมือที่เขา เมื่อเป็นเช่นนี้…
เป้าหมายจึงเปลี่ยนไป ความเป็นไปได้มากที่สุดจะตกไปอยู่ที่ตัวลุงใหญ่หรือพี่ชายของนางซึ่งอยู่ในตัวอำเภอ
“ท่านน่าจะพอรู้จักคนที่ทำงานร่วมกับท่านลุงใหญ่ในโรงย้อมสีอยู่บ้างกระมัง ทางที่ดีที่สุดพรุ่งนี้เข้าไปในอำเภอสักหน่อย หาคนช่วยจับตามองไว้ ข้ากลัวว่าคนของร้านชุ่ยเหยียนไจจะหันไปลงมือกับท่านลุงเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าว
ซ่งเหล่าเกินเผยสีหน้าวิตกกังวล “สบู่หอมเจ้านี้จะทำเงินได้ดีเพียงนี้เชียวหรือ คนเหล่านั้นจึงยังต้องหันไปทำอะไรบางอย่างกับลุงใหญ่เจ้า”
“ท่านปู่ สบู่หอมนี่ตอนนี้ท่านก็ได้ใช้มันแล้วเช่นกัน ยังไม่รู้ข้อดีของมันอีกหรือเจ้าคะ เช่นนั้นข้าจะบอกกับท่านตามจริงเลยแล้วกัน บัดนี้ร้านที่อาสี่ช่วยข้ากำกับดูแลอยู่นั้น กิจการไปได้ดียิ่ง ไว้พวกเรามั่นคงแล้ว ภายภาคหน้าก็จะไม่ใช่แค่ร้านนั้นร้านเดียวแล้ว ร้านชุ่ยเหยียนไจจะนึกอิจฉาริษยาก็เป็นเรื่องปกติเช่นกัน…ส่วนท่านลุงใหญ่…ป้องกันไว้ดีกว่าแก้เจ้าค่ะ”
ตอนที่ 440 ผู้ชนะในชีวิตจริงโดยแท้
เมื่อเกี่ยวข้องไปถึงบุตรชายคนโต ซ่งเหล่าเกินก็รู้สึกระแวงขึ้นมา จึงตกลงว่าพรุ่งนี้จะเข้าอำเภอไปหาคนช่วยเหลือทันที
ตอนนี้เขามีเงินอยู่ในมือไม่กี่เหรียญทองแดง แต่ก็น่าจะเพียงพอสำหรับซื้อของกำนัลติดไม้ติดมือไปสักเล็กน้อย
หลังผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง บ้านซ่งก็เริ่มรับประทานอาหารกัน
ซ่งอิงถามไถ่ป้าสะใภ้ใหญ่รวมไปถึงอาสะใภ้สามและอาสะใภ้สี่เกี่ยวกับสถานการณ์ขายส่งเหลียงผี
ซ่งอิงเพียงแค่สอนพวกเขาทำเหลียงผี ไม่ได้ช่วยพวกนางไปหาแนวร่วมในตัวอำเภอแต่อย่างใด ทว่าป้าสะใภ้ใหญ่และเจียวซื่อก็ไม่ถือว่าโง่เขลา หลังไปเดินเตร็ดเตร่ในตัวอำเภอมาสองรอบ ก็นำเหลียงผีของตระกูลซ่งเสนอขายให้ร้านค้าริมทางเหล่านั้นได้แล้ว ราคาที่ขายให้ก็เป็นเช่นที่ซ่งอิงกล่าวไว้ก่อนหน้า ชุดละสองอีแปะ
ตระกูลซ่งมีสมาชิกไม่เยอะ ดังนั้นต่อให้พวกนางขยันขันแข็งสักเพียงใด ปริมาณของเหลียงผีนี้ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการในตัวอำเภอนั่นอยู่ดี ส่วนร้านค้าริมทางเหล่านั้นเพียงเปลี่ยนมือก็ขายของที่ว่านี้ทำเงินได้ชุดละห้าอีแปะ ถือเป็นการทำเงินได้เกินคุ้มทุนจริงๆ
“ระยะนี้ข้าก็ไม่ได้ปักผ้าแล้วเช่นกัน ทุกวันหมดไปกับการนึ่งเหลียงผี วันหนึ่งล้างแป้งได้สามสิบกว่าจิน ทำเหลียงผีออกมาได้หนึ่งร้อยหกสิบเจ็ดสิบชุด” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ยืดตัวตรงด้วยความรู้สึกที่ค่อนข้างภูมิใจเช่นกัน
เงินนี้เป็นการหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงอันเหน็ดเหนื่อยของนาง แม้ว่าอาศัยตำรับของหลานสาว แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกขายหน้า
ซ่งอิงลองคำนวณในใจ ป้าสะใภ้ใหญ่หลายวันมานี้จะได้กำไรสุทธิวันละหนึ่งร้อยยี่สิบสามสิบอีแปะ ซึ่งถือว่าไม่น้อยเลย
เจียวซื่อมองเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่แวบหนึ่ง จากนั้นคลี่ยิ้ม “วันนี้ข้าล้างแป้งได้สี่สิบสามจิน”
ซ่งอิงตกตะลึงเล็กน้อย
นี่ก็จะเป็นรายรับสุทธิหนึ่งร้อยเจ็ดแปดสิบอีแปะสินะ?
“อาสะใภ้สามอย่าได้เหน็ดเหนื่อยเกินไปนะเจ้าคะ เงินยังหาได้เรื่อยๆ” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง “อีกทั้งการเอามือแช่น้ำมากๆ หนังมือจะลอกง่ายมาก เมื่อทำเหลียงผีออกมา…”
“เจ้าวางใจได้ ข้าทำกับอาสามเจ้าสองคน ครั้นรู้สึกว่ามือจะไม่ไหวแล้วก็เปลี่ยนคนทันที เหลียงผีที่ทำออกมาจึงสะอาดเอี่ยมอย่างแน่นอน ใส่ใจเสียยิ่งกว่าของกินในครอบครัวตัวเองอีก!” เจียวซื่อรีบกล่าวทันควัน
“เช่นนั้นข้าก็วางใจแล้วเจ้าค่ะ อาสะใภ้สามจะทำกิจการนี้ได้อย่างยาวนอนแน่นอน” ซ่งอิงยิ้มเล็กน้อย
เมื่อถึงคราวอาสะใภ้สี่ เหยาซื่อสะใภ้เล็กหัวเราะขึ้นมาเบาๆ “ข้าก็แค่ทำๆ ไปตามอำเภอใจ ทุกวันจึงนวดไปแค่ไม่กี่จินหรอกกระมัง อาสี่เจ้ากล่าวไว้แล้วว่า ให้ข้าทำพอฆ่าเวลาไปก็เป็นอันใช้ได้ เงินที่หามาได้ก็เอาไว้ซื้อขนมลูกกวาดให้ลูก ไม่ต้องให้ข้าหาเลี้ยงครอบครัวแต่อย่างใด”
“…” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่รู้สึกถูกแทงใจดำ
“…” เจียวซื่อรู้สึกโดนทิ่มแทงใจไม่ต่างกัน
ซ่งอิงอดเพ่งมองเหยาซื่อสะใภ้เล็กอยู่แวบหนึ่งไม่ได้
นี่สินะคือผู้ชนะในชีวิตจริงโดยแท้!
สำหรับหญิงในยุคสมัยนี้ เป็นอะไรที่เกิดมาอยู่ดีมีสุขไม่สู้แต่งงานแล้วได้อยู่ดีมีสุขจริงๆ ซ่งหม่านซานโดยปกติแล้วต่อให้ดูไม่น่าไว้วางใจเท่าไร แต่ระดับความรักและทะนุถนอมภรรยานั้นอย่าบอกใครเชียว ก็อย่างเช่นที่นางไปเมืองยกสองครั้งนั้น มีครั้งไหนบ้างเล่าที่อาสี่ไม่เลือกหาของดีๆ ให้ภรรยาแล้วฝากนางเอากลับมามอบให้
ก็แม้แต่ซ่งคังลูกชายคนนี้ ยังมีน้ำหนักในใจอาสี่ไม่เท่าเหยาซื่อสะใภ้เล็กด้วยซ้ำไป!
ช่างเป็นรักแท้จริงๆ!
เหยาซื่อสะใภ้เล็กเป็นคนที่มีเล่ห์กลและใจแคบ เมื่อก่อนมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับบรรดาพี่สะใภ้ก็ไม่เคยยอมตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เช่นกัน
แต่ขอเพียงเมื่อใดเอ่ยถึงซ่งหม่านซาน คนทั้งคนก็จะให้ความรู้สึกอย่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสา สีหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อย กลายเป็นลูกสะใภ้ที่น่ารักอ่อนโยนไปโดยปริยายขึ้นมาในทันที
“อาสี่ช่าง…ดีต่อท่านจริงๆ” นอกจากคำนี้ ซ่งอิงยังพูดอะไรได้อีก
เหยาซื่อสะใภ้เล็กยิ้มเล็กยิ้มน้อย “อาสี่เจ้าเป็นผู้ที่อ่อนโยนที่สุดแล้ว นั่นก็เพราะท่านพ่อท่านแม่และบรรดาพี่ชายสั่งสอนไว้อย่างดี”
“…” ซ่งเหล่าเกินผู้เฒ่าคนนี้ถึงกับเผยสีหน้าอับอาย
อ่อนโยน? บุตรชายเขาเนี่ยหรือ
หากกล่าวว่าบุตรชายคนรองและบุตรชายลำดับที่สามอ่อนโยน คำพูดเช่นนี้เขายังพอเชื่อได้ แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นบุตรชายลำดับที่สี่ เขารู้สึกว่าเหยาซื่อสะใภ้เล็กอาจจำผิดคนแล้ว
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่และเจียวซื่อต่างนิ่งเงียบไม่หืออือ ในฐานะพี่น้องสะใภ้ พวกนางได้ยินเหยาซื่อสะใภ้เล็กกล่าวถึงซ่งหม่านซานมาแล้วไม่น้อย ดังนั้น…ไม่อยากพูดถึงหัวข้อสนทนานี้เลยจริงๆ เพราะกลัวว่าเหยาซื่อสะใภ้เล็กจะพร่ำพูดไม่หยุด
“จริงสิ ลูกเสี่ยน…มาขอเงินกับฝูซานด้วย” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ฝูซานไม่มีเงินติดตัว ส่งจดหมายมาหาข้า ถามว่าข้าจะแอบเอาเงิน…ให้เขาสักหน่อยหรือไม่ ซึ่งข้าไม่ได้ตกลงแต่อย่างใด”
นางจะไปเอาเงินมาจากไหนเล่า แร้นแค้นถึงเพียงนี้
ซ่งเหล่าเกินเผยสีหน้าเคร่งขรึมในทันที “คำพูดของข้า เหล่าต้าไม่เก็บเอาใส่ใจเลยสินะ! พรุ่งนี้ข้าเข้าอำเภอไปจะต้องสั่งสอนเขาเสียหน่อย ขืนกล้าขอเงินกับเจ้าอีก จะตีขาเขาให้หักเสียเลย!”