เมื่อซ่งเหล่าเกินดุดันขึ้นมา เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ก็ได้แต่ลอบถอนหายใจและพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเช่นกัน
ลูกชายคนนี้กลายเป็นคนของผู้อื่นไปแล้ว แต่ยังไม่ลืมมาหาสามีนางเพื่อขอเงิน นางรู้สึก…ไม่พอใจเท่าไรจริงๆ
ก่อนที่จะขายเหลียงผี นางกลับไปบ้านมารดามาแล้วครั้งหนึ่ง บิดาผู้ให้กำเนิดนางพูดเกี่ยวกับเรื่องของลูกเสี่ยนไว้ว่า พวกเขาสามีภรรยาทั้งสองคนจะใจอ่อนไม่ได้โดยเด็ดขาด หากใจอ่อน เช่นนั้นก็จะเป็นการทำร้ายลูกทั้งสองคน อีกทั้งตอนนี้ซ่งเสี่ยนเป็นคนของตระกูลเผยแล้ว ขืนนางยังให้เงินอีก เช่นนั้นเมื่อมีครั้งหนึ่งแล้วก็จะต้องมีครั้งสอง ไม่แน่ว่าเผยเหล่าเอ้อร์ผู้นั้นจะอาศัยประเด็นนี้ ทำตามอำเภอใจโดยไม่เกรงกลัวใดๆ ทั้งสิ้น
นางรู้สึกว่ามีเหตุมีผลเช่นกัน ดังนั้นต่อให้ในยามนี้รู้สึกเหมือนหัวใจถูกมีดกรีดเฉือน แต่ไม่ว่าผู้เฒ่าซ่งพูดอะไรนางล้วนเห็นดีเห็นงามด้วยทั้งนั้น
วันรุ่งขึ้น ท้องฟ้ายังไม่ทันสว่าง ผู้เฒ่าซ่งก็รีบออกเดินทางเข้าอำเภอแล้ว
ยามที่เขาไปถึง โรงย้อมสียังไม่เปิดทำการ ดังนั้นผู้เฒ่าซ่งจึงไปหาคนทำงานในโรงย้อมสีที่มีความสัมพันธ์อันดีกับซ่งฝูซานเป็นอันดับแรก เขาจำได้ว่าคนผู้นั้นอยู่อาศัยที่ใด เมื่อเคาะประตูบอกกล่าวสถานะตนเอง ไม่ทันไรก็ได้รับเชิญเข้าไปด้านใน
ผู้เฒ่าซ่งตั้งใจนำของกำนัลเล็กๆ น้อยๆ ติดมือมา แล้วยังมีแม่ไก่แก่ที่ออกไข่ได้ด้วยอีกสองตัวมอบให้เป็นการเฉพาะอีกด้วย ขณะนี้เมื่อเข้าไปด้านใน คนผู้นี้ถึงกับรู้สึกงุนงงสับสนอย่างยิ่ง
ซ่งฝูซานพักอาศัยอยู่ด้านในโรงย้อมสี ผู้เฒ่าท่านนี้ไม่ได้มาหาผิดคนแล้วกระมัง
ซ่งเหล่าเกินเผยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลใจ “หลานชาย วันนี้มาหาเพราะมีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือจากเจ้า…”
“คำพูดนี้ออกจะเห็นข้าเป็นคนอื่นคนไกลไปแล้วขอรับ ท่านลุงมีเรื่องอันใดแค่กล่าวมาก็พอ ความรู้สึกที่ข้ามีต่อซ่งฝูซานนั้นก็พอๆ กับพี่ชายน้องชาย ขอเพียงเป็นสิ่งที่ข้าช่วยเหลือได้ ย่อมไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอนขอรับ!” คนผู้นี้รีบบอกกล่าวทันที
เขาได้ยินมาแล้วเช่นกันว่าบุตรชายของสหายฝูซานถูกส่งไปเข้าตระกูลฝ่ายหญิงแล้ว
แม้ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอะไร แต่เรื่องใหญ่โตถึงเพียงนี้ ในตระกูลต้องวุ่นวายน่าดูเป็นแน่
“คือเช่นนี้นะ ระยะนี้… ในครอบครัวได้รับความไม่พอใจจากคนอื่นเขา จึงกลัวว่าจะถูกคนเขาแก้แค้น ฝูซานอยู่ในตัวอำเภอนี้ห่างไกลจากบ้าน ข้าเองก็เลยรู้สึกไม่สบายใจ ดังนั้นอยากให้หลานชายอย่างเจ้าช่วยจับตาดูเอาไว้หน่อย หากมีส่วนไหนดูไม่ชอบมาพากล ขอให้เจ้าช่วยหาคนส่งข่าวไปบอกข้าที…” ซ่งเหล่าเกินกล่าว
“เรื่องแค่นี้เองหรือขอรับ” คุณผู้นั้นรู้สึกเพียงผิดจากที่คิดไว้
ถูกคนจ้องแก้แค้น? นั่นไม่น่าเป็นไปได้กระมัง ที่ทำการขุนนางก็ไม่ใช่ว่ามีตั้งไว้เฉยๆ เสียหน่อย
เพียงแต่ในเมื่อผู้เฒ่าซ่งเอ่ยปากถึงขั้นนี้แล้ว เขาก็ต้องเห็นใจผู้เฒ่าที่เป็นคนจิตใจดีงามผู้นี้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้จึงพยักหน้าตอบตกลง “ท่านลุงวางใจได้ ไว้เดี๋ยวข้าจะบอกกล่าวคนในโรงย้อมสีเอาไว้ด้วยสักหน่อย ให้ทุกคนคอยคอยจับตาสังเกตไว้ จะไม่ปล่อยให้ซ่งฝูซานถูกรังแกแน่ขอรับ”
“เช่นนั้นก็เป็นอันใช้ได้แล้ว ขอบใจเจ้ามาก” ผู้เฒ่าซ่งส่งเสียงถอนหายใจ “ข้ากลัวเช่นกันว่าเจ้าลูกคนนั้นจะจิตใจว้าวุ่นไม่เป็นสุข เรื่องนี้ก็อย่าบอกลูกชายข้าเลยแล้วกัน”
“ได้เลย ได้เลยขอรับ” อีกฝ่ายรีบพยักหน้าทันที
ซ่งเหล่าเกินรู้สึกวางใจขึ้นไม่น้อย จากนั้นเขาไม่ได้รีบร้อนกลับไปแต่อย่างใด กลับมุ่งหน้าไปโรงย้อมสีอีกครั้งเพื่อหาซ่งฝูซาน
เมื่อซ่งฝูซานเห็นบิดาก็ตระหนกตกใจ เผยสีหน้าร้อนตัวเล็กน้อย
โดยเฉพาะตอนที่บิดาเขาผู้นี้ชักสีหน้าเย็นชา มองดูแล้วชวนหวาดกลัวอย่างยิ่งจริงๆ
“ท่านพ่อ ท่านมาได้อย่างไรหรือ” ซ่งฝูซานรู้สึกว่าตนอายุไม่ใช่น้อยๆ แล้ว นี่ก็เป็นคนที่อายุสี่สิบต้นๆ เข้าไปแล้ว หากผู้เฒ่าซ่งมาดุด่าเขาต่อหน้าผู้คนมากมายในลานกว้างของโรงงาน เช่นนั้นเป็นอันได้อับอายขายหน้ากันพอดี
ซ่งเหล่าเกินน้ำเสียงเยือกเย็น “หลานเสี่ยนมาหาเจ้าเพื่อขอเงินแล้วหรือ”
ซ่งฝูซานเบิกตาเล็กน้อย “ใช่ขอรับ…”
“แล้วเจ้าได้ให้ไปหรือไม่” ซ่งเหล่าเกินกล่าวอีกครั้ง
“ข้า ข้าไม่มีเงิน กำลังเตรียมว่า…”
ยังไม่ทันพูดจบ ซ่งเหล่าเกินก็กล่าวขึ้นมาอีกครั้ง “เตรียมจะหาคนยืมเงินเสียหน่อยใช่หรือไม่”
“…” ซ่งฝูซานหัวเราะเจื่อน ก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย
ไฉนบิดาเขาจึงรู้แม้กระทั่งเรื่องนี้ เขากำลังเตรียมจะหายืมเงินจากคนอื่นจริงๆ เพียงแต่ยังลังเลอยู่ว่าจะยืมมากน้อยเท่าไหร่ อย่างไรเสียตอนนี้เงินค่าแรงในทุกๆ เดือนก็ต้องเอาให้ซ่งอิงสองตำลึงเงิน เงินที่เหลือยังต้องให้ภรรยาอีก หากเขาคิดจะเก็บหอมรอมริบเอาไว้หน่อยจึงเป็นเรื่องยากเหลือเกินจริงๆ…
ตอนที่ 422 เจ้าหนี้ที่ทวงแล้วทวงอีก
ซ่งเหล่าเกินรู้สึกไม่ชอบใจอย่างยิ่งขณะมองบุตรชายนิสัยเสียผู้นี้
ลูกชายของตัวเขาเอง เพียงมองหน้าก็รู้แล้วว่าต้องการทำเรื่องเหลวไหลอะไร!
“เจ้าบอกกับซ่งเสี่ยนไปแล้วใช่หรือไม่ ตกลงไว้วันไหน และจะให้เงินเขาเท่าไหร่” ซ่งเหล่าเกินยิงคำถามอย่างต่อเนื่อง
ซ่งฝูซานใจเต้นแรงดุจกลองใหญ่ถูกระดมตี ไม่กล้าแม้แต่จะพรูลมหายใจแรงออกมา “ตกลงกันไว้ว่าจะให้พรุ่งนี้…ห้าตำลึงเงินขอรับ…”
“ห้าตำลึงเงิน? เจ้าใจกว้างไม่น้อยเลยนี่? เมียเจ้าอยู่บ้านเหน็ดเหนื่อยจะแย่ เดือนหนึ่งๆ ไม่แน่ว่ายังจะได้เงินมากขนาดนี้ด้วยซ้ำ เจ้ากลับกล้าดี บทจะให้ก็ให้กันง่ายๆ เยี่ยงนี้น่ะหรือ เงินที่ติดค้างเอ้อร์ยานั่นเจ้าลืมไปแล้วหรือ ข้าว่าสมองเจ้านี่เคยถูกลาถีบเข้าแล้วสินะ จึงได้กลายเป็นโคลนเละเทะตามพื้นดินเช่นนั้นไปหมดแล้ว! ในเมื่อสมองใช้งานไม่ได้ก็ควักเอามาให้หมามันกินเสีย จะได้เบาแรงข้า ไม่ต้องคอยเดือดเนื้อร้อนใจ!”
“…” ซ่งฝูซานเบิกตากว้างด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อในทันที
“วันนี้เจ้าไปหาเขาเสีย หลังเจอตัวเขาแล้วก็บอกกล่าวเขาให้เข้าใจ! ต้องการเงินน่ะไม่มีหรอก ถ้าจะเอาก็มาเอาชีวิตไป หากตระกูลเผยพวกเขารู้สึกว่าคนช่วยงานยังไม่เพียงพอ ข้าแต่งหลานชายยกให้โดยแถมพ่อเขาไปให้ด้วยก็ได้เช่นกัน! ไสหัวไปอยู่ตระกูลเขาเสียด้วยกันเลยสิ้นเรื่อง!” ซ่งเหล่าเกินนับวันยิ่งรู้สึกว่าบุตรชายผู้นี้ช่างไม่เอาไหนเลย
เมื่อก่อนไม่ใช่เช่นนี้
เมื่อก่อนเขามองบุตรชายด้วยความสบายตาสบายใจเสียยิ่งกว่าอะไรดี ระยะนี้ไม่รู้เช่นกันว่าเป็นอะไรไปแล้ว รู้สึกว่าลูกชายผู้นี้ช่างไม่เอาไหนเลย
พูดอย่างง่ายๆ คือ เขาพูดตั้งหลายครั้งแล้ว ตอนนี้ยังจะรีบเอาเงินไปส่งให้อีก หรือว่าลูกชายเป็นพวกโง่เง่าจริงๆ ใช่หรือไม่
ไฉนจึงไม่เหมือนเขาเลยสักนิด
ซ่งฝูซานกลัดกลุ้มใจจะแย่อยู่แล้ว เขามีชีวิตอยู่มาขนาดนี้ บิดาเขาไม่เคยพูดจากับเขาเยี่ยงนี้มาก่อน!
แต่ติดที่หลายวันก่อนบิดาเขาเพิ่งล้มป่วยไป ตอนนี้เขาจึงไม่กล้าต่อปากต่อคำ เกรงกลัวว่าจะทำให้ผู้เฒ่าเดือดดาลจนเป็นอะไรไปอีก!
“ท่านพ่อ…จะร้ายจะดีนั่นก็เป็นหลานชายท่านเช่นกันนะขอรับ…”
“เหลวไหล! พวกเราตระกูลซ่งไม่มีคนไม่เอาไหนประเภทนั้น ขืนเจ้าเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมาอีก ก็เลิกทำงานที่นี่ แล้วตามข้ากลับบ้านไปนั่งคุกเข่าเสีย! ปัจจุบันเมียเจ้าก็ทำงานได้แล้วเช่นกัน จะให้หาเลี้ยงเจ้าก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด ภายภาคหน้าเจ้าก็แค่อยู่บ้านอย่างว่าง่ายไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น จะได้ไม่ต้องอยู่ข้างนอกแล้วหาเรื่องให้ข้าอีก!” ซ่งเหล่าเกินกล่าวอย่างดุดัน
ลูกตาของซ่งฝูงซานแทบจะถลนออกมาแล้วก็ว่าได้
กลับบ้านไปให้ภรรยาเลี้ยง? นั่นไม่กลายเป็นคนไม่เอาไหนแล้วหรอกหรือ
ทั่วทั้งหมู่บ้านใครบ้างไม่อิจฉาเขาที่มีงานการมั่นคง หากไม่ทำงานนี้แล้ว เขาก็ไม่มีหน้าพบเจอผู้คนกันพอดี!
“ท่านพ่อ ข้าเชื่อฟังท่านก็สิ้นเรื่องแล้ว…” ซ่งฝูซานร้อนใจ
“เช่นนั้นเดี๋ยวเจ้าบอกเถ้าแก่เอาไว้หน่อยว่าจะไปตระกูลเผยหาซ่งเสี่ยนเพื่อบอกกล่าวให้ชัดเจนด้วยตัวเอง แล้วก็สามตำลึงเงินที่จะเอาให้ทางบ้านในทุกเดือน ไม่ต้องมอบให้เมียเจ้าแล้วเช่นกัน ข้าจะช่วยเจ้าเก็บเอาไว้เอง โดยเงินนี้เอาไว้ใช้หนี้สินทั้งหมด! เจ้าจะได้ไม่เอาไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายและพานให้เจ้าหนี้ต้องมาทวงแล้วทวงอีก!” ซ่งเหล่าเกินกล่าวขึ้นอีกครั้ง
สองตำลึงเงินสำหรับการใช้หนี้สินยังไม่พอ จำเป็นต้องให้ไอ้ลูกคนนี้ไม่เหลือเงินสำหรับใช้จ่ายเรื่อยเปื่อยเลยสักนิด
ตนเองจะกินจะดื่มยังต้องประหยัดสุดๆ แล้วยังจะมีปัญญาเจียดไปให้ซ่งเสี่ยนอยู่อีกหรือ
ซ่งเหล่าเกินรู้ว่าตนใจร้ายใจดำ แต่ตอนนี้เขาแยกแยะได้กระจ่างชัดแจ้งมาก ซ่งเสี่ยนไม่ใช่หลานชายคนโตของเขา ซ่งเสี่ยนเป็นลูกเขยของตระกูลเผยต่างหากเล่า!
การเจียดเงินให้ซ่งเสี่ยน เช่นนั้นก็คือการเอาเงินมอบให้ตระกูลเผย!
“สามตำลึงเงิน…เช่นนั้นข้าก็เหลือไม่เท่าไรแล้ว…” ซ่งฝูซานลนลานอย่างยิ่ง
“ยามที่พ่อแท้ๆ ของเจ้าล้มหมอนนอนเสื่อ ก็ยังเป็นเงินที่ยืมเอ้อร์ยาเอามารักษาอาการป่วยพ่อเจ้า ทำไม เจ้าไม่รู้สึกขายหน้าบ้างหรือไร ตัวเองเป็นถึงบุตรชายคนโตตระกูลซ่ง ความสามารถในการเลี้ยงพ่อเจ้ายังไม่มีเลย แล้วยังต้องการเงินไว้ใช้จ่ายอีกหรือ” ซ่งเหล่าเกินดูถูก
“…” ซ่งฝูซานขณะนี้รู้สึกใจห่อเหี่ยว
ผู้เฒ่าซ่งบ่นไปเรื่อยอีกพักหนึ่ง จากนั้นนำทรัพย์สินส่วนตัวอันน้อยนิดที่ซ่งฝูซานลอบเก็บหอบรอมริบเอาไว้ถือไปด้วยเช่นกัน
ยังไม่เพียงเท่านี้ เขาต้องการเห็นซ่งฝูซานไปหาซ่งเสี่ยนกับตาตัวเองให้จงได้
ผู้เฒ่าไม่ไปไหนทั้งนั้น รอกระทั่งซ่งฝูซานทำงานเสร็จเรียบร้อย ยามที่พักกลางวันก็ไปบ้านตระกูลเผยด้วยกัน ผู้เฒ่าซ่งจ้องมองเขม็งไม่วางตา ซ่งฝูซานกลั้นใจฮึดสู้แล้วเคาะประตู
หลังผ่านไปพักใหญ่ ซ่งเสี่ยนก็ออกมา
ผู้เฒ่าซ่งมองเห็นซ่งเสี่ยนแล้วเช่นกัน ตอนนี้ซ่งเสี่ยนหน้าตาเปรอะเปื้อนขี้เถ้า นี่ช่างรู้จักแสร้งทำไม่น้อยเลยทีเดียวเชียว