ตอนที่ 453 กินคนได้
ซ่งอิงค่อนข้างเลื่อมใสในตัวหนิวต้าลี่ ผ่านมานานขนาดนี้แล้วเพิ่งสังเกตเห็นว่าบ้านนางไม่ปกติเช่นนั้นหรือ!
ภูตโสมหลุดเอ่ยคำพูดประเภทที่ว่าตากแดด กินดินและดูดซับน้ำอะไรทำนองนี้ออกมาเป็นครั้งคราว ได้ยินบ่อยครั้ง แต่หนิวต้าลี่กลับไม่รู้สึกว่าคำพูดนี้แปลกเลยสักนิด!
“พี่สาว! ท่านไม่ต้องกลัวนะ! ข้า ข้าจะไปจับมันเดียวนี้ หากเขาทำร้ายผู้คน ข้า ข้าจะกินมันเสียเลย!” หนิวต้าลี่ลุกขึ้นมาอย่างรีบร้อน แต่ฝีเท้ากลับค่อนข้างลนลานทำอะไรไม่ถูก กล่าวว่าจะไปจับฮั่วหลิน แต่ในความเป็นจริง เดินวนเวียนอยู่ที่เดิมหลายฝีก้าว
จากนั้นหย่อนตัวลงนั่งลงกะทันหัน สองขาสั่นระริก
“เอ่อ นั่นเป็นปีศาจอะไรหรือ…”
“ข้าไม่เคยเห็นปีศาจมาก่อนนี่? มิหนำซ้ำมันยังมุดดินได้ด้วย คงไม่ได้เก่งกาจกว่าข้าหรอกกระมัง แต่เกิดมันเป็นฝ่ายมากินข้าแทนเล่า จะทำอย่างไร”
ขณะพูดก็วางมือจ่อริมปาก ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันเล็กน้อย “เหตุใดที่นี่จึงมีปีศาจเสียได้เล่า…ไม่รู้เช่นกันว่ามีอยู่กี่ตัว…”
“แต่ข้าไปไม่ได้หรอก…”
“พี่สาว น้องหลินเป็นเช่นนี้มาโดยตลอดใช่หรือไม่ หรือว่า หรือว่าปีศาจตนนั้นกินเด็กไปก่อนหน้านี้แล้ว จากนั้นสวมรอยเป็นน้องหลินแล้วมาหลอกเรา เช่นนั้น หากเป็นเช่นนี้ก็คือปีศาจร้ายที่เก่งกาจน่ะสิ! ทำอย่างไรดี…หรือไม่ข้าไปหานักบวชเต๋า…” หนิวต้าลี่ยามนี้ขลาดกลัวจริงๆ
นางมีชีวิตมาจนเติบใหญ่ขนาดนี้แล้ว ยังไม่เคยเห็นปีศาจเลย!
ปีศาจคงกินคนได้กระมัง!
นางยังเยาว์วัยอยู่เลย…
ซ่งอิงถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก นางนึกว่าวัวตัวนี้จะช่วยนางกำจัดปีศาจได้อย่างเด็ดเดี่ยวและองอาจผึ่งผาย ทำให้นางวางใจได้เสียอีก
ใครจะรู้ว่าหนิวต้าลี่พร่ำพูดมาเนิ่นนาน แต่เนื้อตัวสั่นเทาและไม่กล้าลงมือเสียนี่!?
ซ่งอิงเบิกตาเล็กน้อยอย่างเหลือเชื่อ รู้สึกว่าปีศาจอย่างวัวตัวนี้ช่างน่าขายหน้าเกินไปแล้ว!
“เจ้าจะกลัวอะไร เจ้าก็เป็นปีศาจเช่นกันมิใช่หรือ เรี่ยวแรงมหาศาลขนาดนี้ ลูกหลินตัวเล็กแค่นั้น นอกจากวิ่งไวก็ทำอะไรไม่ได้เลยสักนิด” ซ่งอิงทนมองดูต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ
“ไม่เหมือนกันนี่! ข้ากินหญ้า เกิดมันกินเนื้อจะทำอย่างไรเล่า!” หนิวต้าลี่ส่งเสียง มอ ออกมา จากนั้นชะงักไป แล้วถลึงตามองซ่งอิง “พี่สาว…ท่าน เมื่อครู่ท่านพูดอะไรนะ ช่วย…พูดอีกรอบ?”
“เจ้าก็เป็นปีศาจเช่นกัน” ซ่งอิงสีหน้าเรียบเฉย
“ท่านรู้แล้วหรือ” หนิวต้าลี่สะดุ้งโหยงพร้อมกับวางมือแตะหน้าอก สีหน้าซีดเผือด “ข้าไม่กินคน ข้าไม่เคยทำร้ายผู้คนมาก่อนด้วย ครั้งก่อนถูกคนจับได้เพราะคุณหนูผู้นั้นหลอกข้า ข้ายังอุตส่าห์ช่วยชีวิตนางไว้ด้วยนะ! ข้าเป็น…วัว วัวที่ดีตัวหนึ่งจริงๆ นะ!”
“…” ซ่งอิงนวดๆ หว่างคิ้ว
“พี่สาว…ท่าน ท่านจะไม่แจ้งทางการขุนนางใช่หรือไม่” หนิวต้าลี่กล่าวอีกครั้งอย่างหวาดกลัวจนเนื้อตัวสั่นเทา
ซ่งอิงเลิกคิ้วขณะมองนางและถอนหายใจ “หากข้าคิดจะแจ้งทางการขุนนาง ยังจำเป็นต้องรอถึงตอนนี้ด้วยหรือ ป่านนี้ชีวิตน้อยๆ เจ้าก็ไม่อยู่แล้ว”
หนิวต้าลี่นิ่งอึ้งไป
นางไม่เข้าใจ พี่สาวรู้เมื่อใดกัน…
แล้วยังมีฮั่วหลินอีกคน เขาเป็นฮั่วหลินจริงๆ หรือเป็นปีศาจที่ปลอมตัวเป็นฮั่วหลินกันแน่?
“ตอนแรกที่เจ้าขึ้นนั่งบนรถลาของข้า ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าเป็นปีศาจวัวตัวหนี่ง เจ้าลืมไปแล้วหรือ ตอนนั้นข้าก็บอกแล้วว่าต้องการจ้างเจ้ากลับบ้านเพื่อมาไถพรวนที่นา หากมิใช่เพราะรู้ว่าเจ้าเป็นวัว ไฉนจะพูดคำนี้ออกมาได้” ซ่งอิงกล่าวอีกครั้ง
เป็นหนิวต้าลี่เองที่โง่เขลา จึงฟังไม่เข้าใจก็เท่านั้นเอง
“…” หนิวต้าลี่ตกตะลึง “เช่นนั้น…น้องหลิน…”
“เขาก็เหมือนๆ กับเจ้า เพียงแต่เขาเป็นภูตโสมตนหนึ่ง เมื่อก่อนก็อาศัยอยู่บนเขาข้างๆ นี่ละ ได้กลิ่นน้ำผ่านจิตของบ้านข้าจึงได้มา” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“น้ำผ่านจิต? ถังน้ำนั้นที่อยู่ลานหลังบ้านใช่หรือไม่ ที่ข้าต้องเอามาใช้รดหัวไชเท้าทุกวันนั่นน่ะหรือ” หนิวต้าลี่พลันเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว
“อืม สิ่งที่ผ่านการใช้มันรดเจ้าก็ชอบกินเช่นกันนี่?” ซ่งอิงกล่าว
“อื้ม!” ไม่เพียงแค่ชอบกิน นางอยากจะเขมือบกินต้นผลไม้นั่น รวมไปถึงหัวไชเท้าทั้งแปลงไปในคำเดียวเสียด้วยซ้ำ!
“ในบ้านเรานี้นอกจากเจ้าและลูกหลิน ก็ยังมีกบเขียวอีกหนึ่งตัว นามว่าชิงเหลียน ตอนนี้เจ้าคงพอจะรู้จักพวกเขาแล้ว เช่นนั้น…คืนนี้เราสามสี่คนมากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันสักมื้อแล้วกัน การเป็นปีศาจในยุคนี้ไม่ง่ายเลย ได้เจอหน้าค่าตาอยู่ร่วมกันก็ยิ่งไม่ง่ายไปกันใหญ่ นับแต่วันนี้ไปต้องสามัคคีและปรองดองกันเข้าไว้ และต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันด้วยล่ะ” ซ่งอิงปั้นหน้าเจ้านายที่ชี้นำสั่งสอน
ตอนที่ 454 เซียนนอกสวรรค์
หนิวต้าลี่ขณะนี้ยังไม่ทันได้ทำใจให้คุ้นชินสักเท่าไร แต่แล้วซ่งอิงก็พูดเสริมขึ้นมาอีกว่ายังมีปีศาจกบเขียวอีกหนึ่งตัว
ทันใดนั้นก็ตระหนกตกใจเสียยิ่งกว่าอะไรดี
“ไฉนจึงมีปีศาจมากมายขนาดนี้…เมื่อก่อนข้าไม่เคยเห็นเลย…พวกเขาบำเพ็ญเพียรมากี่ปีแล้วหรือ แก่กว่าข้าใช่หรือไม่ เช่นนั้นข้าต้องสู้พวกเขาไม่ได้แน่เลย เกิดเข้ากันไม่ได้ขึ้นมา ข้าจะสูญสิ้นชีวาหรือไม่” หนิวต้าลี่ลนลาน จู่โจมเข้ามากอบกุมมือของซ่งอิงไว้และมองตาปริบๆ
ซ่งอิงรู้เช่นกันว่า นางแตกต่างกับปีศาจตนอื่น
หนิวต้าลี่ลุยน้ำข้ามเขามายังเขตแดนเมืองยง ต่อมาเป็นวัวตัวเดียวท่องไปทั่วท่ามกลางขุนเขา เห็นอะไรมามากมาย นี่จึงได้บ่มเพาะจิตอันมีสติปัญญาขึ้นมาได้ ถึงขั้นพูดคุยได้ จากนั้นนางก็กลายร่างขึ้นมาได้อย่างประหลาดมหัศจรรย์ยากแก่การเข้าใจ
แทนที่จะกล่าวว่านางเป็นปีศาจตนหนึ่ง ไม่สู้บอกว่านางเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่รู้อะไรเลยจะดีเสียกว่า
แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยคลุกคลีกับพวกเดียวกันไม่ว่าชนิดไหนๆ ทั้งนั้น ความรู้เกี่ยวกับปีศาจได้มาจากนิทานปรัมปราทั้งสิ้น
ทว่านิทานปรัมปรา…
ซ่งอิงรู้สึกเหลือเชื่อเมื่อนึกถึงทักษะพื้นฐานและเรื่องราวแปลกประหลาดที่แอบซ่อนเอาไว้ ปีศาจในหนังสือนิทานปรัมปราเหล่านั้น แต่ละเรื่องก็มีเสินทง[1]ทั้งนั้น เห็นแล้วนางอิจฉาจะแย่
“ไว้เจ้าได้เจอก็เข้าใจแล้ว” ซ่งอิงถอนหายใจ “อย่าวิตกกังวลไปเลย ล้วนเป็นปีศาจบ้านเดียวกัน”
หนิวต้าลี่พยักหน้าอย่างระแวดระวัง
จากนั้น…
“พี่สาว…เช่นนั้นท่านเป็นปีศาจอะไรหรือ” หนิวต้าลี่หดคอขณะเอ่ยถาม
“ข้า?” ซ่งอิงคล้ายยิ้มแต่ไม่ใช่รอยยิ้ม “เจ้าลองเดาสิ?”
“อืม…” หนิวต้าลี่ครุ่นคิด พี่สาวผู้นี้จิตใจดีงามเป็นพิเศษ รูปลักษณ์ก็งดงามเช่นกัน มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นปีศาจจิ้งจอก เพียงแต่ได้ยินมาว่าปีศาจจิ้งจอกจะมีกลิ่นประหลาดๆ อย่างหนึ่ง แต่พี่สาวไม่มีเลย ทั้งยังหอมเป็นพิเศษ…
บางทีอาจเป็นนก หากเป็นนก เช่นนั้นก็เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งนก อย่างเช่นพญาหงส์ หรือนกอินทรีอะไรทำนองนี้
ทว่าพญาหงส์เป็นคำเล่าขานสืบทอดต่อกันเรื่อยมา นางไม่เคยเห็นมาก่อน…
“เป็นปีศาจที่บินได้ใช่หรือไม่” หนิวต้าลี่กล่าว
“ไม่ใช่” ซ่งอิงส่ายหน้า “เจ้าลองนึกดูสิว่าข้าถนัดอะไร”
“หาเงิน!?” หนิวต้าลี่ถลึงตาโต “พี่สาว ท่านน่าจะไม่ได้เปลี่ยนร่างมาจากเงินหรอกกระมัง หรือไม่ก็คือมังกรสวรรค์? ได้ยินว่ามังกรซ่อนสิ่งของที่มีสีทองประกายระยิบระยับเอาไว้ นั่นก็เป็นปีศาจที่ชอบหาเงินเช่นกันสินะ…”
ซ่งอิงหรี่ตาลง ก่อนจะหัวเราะร่า
หนิวต้าลี่เห็นดังกล่าว รู้สึกเพียงนางดูลึกลับอย่างยิ่ง ไม่ต่างกับเซียนนอกสวรรค์เลยด้วยซ้ำ!
หนิวต้าลี่ไม่กล้าถามแล้วเช่นกัน
นางมีชีวิตอยู่มาจนเติบใหญ่เพียงนี้ เพิ่งเจอะเจอผู้มีทักษะวิชาล้ำเลิศครั้งแรก ขืนถามมากไปแล้วถูกรำคาญจะทำอย่างไร อีกทั้ง…บางทีตัวตนที่ลึกลับนี้อาจบอกกล่าวสู่คนนอกไม่ได้
ครั้นหนิวต้าลี่คิดได้เยี่ยงนี้ ก็รีบร้อนปิดปากน้อยๆ ของตัวเอง ไม่กล้าหย่อนตัวลงนั่งแล้วเช่นกัน ยืนอยู่ข้างกายซ่งอิงทั้งเช่นนี้ เหมือนข้ารับใช้ยิ่งที่ว่านอนสอนง่ายคนหนึ่ง
ซ่งอิงรู้สึกว่าการหยอกนางเล่นเป็นอะไรที่สนุกเป็นพิเศษ ดูซื่อบื้อไร้เดียงสา ไม่มีความเฉลียวฉลาดเลยสักนิด
แต่ทว่าในเมื่อพูดแล้วว่าต้องการจัด ‘งานเลี้ยงทำความรู้จักญาติ’ ซ่งอิงพูดแล้วก็ทำได้อย่างที่พูด นางบอกปีศาจกบเขียวเอาไว้แล้วว่า ตอนกลางคืนให้เขาอาศัยเวลาที่ปลอดผู้คนแวะเวียนมาที่นี่ นอกจากนั้นวันนี้ก็ให้ซ่งต๋าและซ่งอู่กลับบ้านซ่งไปแล้ว เช่นนี้ก็จะเจอหน้าค่าตากันได้อย่างสบายใจ
อันดับแรกก่อนที่บรรดาปีศาจจะเจอกัน ซ่งอิงกลับถูกสถานการณ์ในช่องว่างระหว่างมิติสร้างความตกตะลึงเข้าแล้ว
ธัญพืชนี้นางตั้งใจว่าจะไม่ขาย จึงเตรียมบางส่วนเอาเก็บในช่องว่างระหว่างมิติเพื่อไว้ใช้ยามจำเป็น แต่เพิ่งเอาของใส่เข้าไป นางก็ค้นพบว่าพื้นที่ในช่องว่างระหว่างมิติแตกต่างไปจากเดิม
เมื่อก่อน ช่องว่างระหว่างมิติมีพื้นที่ประมาณหนึ่งร้อยกว่าตารางเมตร แต่ขณะนี้เมื่อมองไป ดูใหญ่โตขึ้นเป็นสิบเท่า
ที่น่าตระหนกตกใจคือต้นไม้นั่น แตกใบอ่อนออกมาอีกจำนวนมากทีเดียวเชียว…
ระยะนี้ก็ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรที่พิเศษนี่? ก็แค่…ยุ่งอยู่กับงานไร่นา?
ซ่งอิงสงบจิตสงบใจ พยายามใช้สัมผัสรู้ อยู่ในช่องว่างระหว่างมิติประมาณสองเค่อ จากนั้นก็รู้สึกถึงสาเหตุรางๆ แล้ว
เมื่อธัญพืชแก่เต็มที่ได้เวลาเก็บเกี่ยว พลังงานหลิงชี่ส่วนหนึ่งกระจัดกระจายทั่วสารทิศในแปลงนาข้าวนั้น…หลิงชี่ที่ลักษณะเช่นนี้ คล้ายว่ามีประโยชน์ต่อ…การพัฒนาพวกปีศาจ?
ซ่งอิงตกอยู่ในภวังค์ จากนั้นรู้สึกเพียงพละกำลังของตัวเองเพิ่มมากขึ้นเล็กน้อยด้วย
————————————–
[1] เสินทง (神通) การเข้าถึงสภาวธรรมขั้นสูงสุด เป็นการหลุดพ้นทางจิตวิญญาณ มีความสามารถใช้พลังเหนือธรรมชาติ