ตอนที่ 513 สั่งสอน
คำโบราณกล่าวไว้อย่างดีว่า ตอนเด็กขโมยเข็ม เติบใหญ่ไปขโมยทอง เฮยยายาเปลี่ยนร่างเป็นคนที่เพิ่งอายุสิบสามสิบสี่ปีเองก็ขโมยทองเสียแล้ว หากมีชีวิตไปอีกสองสามร้อยปี เช่นนั้นไม่ยิ่งแล้วใหญ่หรอกหรือ
เฮยยายาตระหนกตกใจ สีหน้าตื่นกลัว ดิ้นรนต่อสู้อยู่ครู่หนึ่งจากนั้นหยาดน้ำตาก็เอ่อคลอขึ้นมา
เม่นที่ซุกตัวอยู่มุมหนึ่งของเตียงปรากฏตัวออกมาในทันที มองเฮยยายาอย่างวิตกกังวลมาก จากนั้นกล่าวอย่างระแวดระวัง “ลูกพี่…นางไม่รู้ความ ท่านอย่าโมโหเลยนะขอรับ”
ซ่งอิงไม่ถือว่าโกรธเกรี้ยวเช่นกัน เพียงแต่รู้สึกว่าสาวน้อยตนนี้คล้ายกับนึกว่าตัวเองหาที่พึ่งพิงอันยิ่งใหญ่เจอแล้ว ดังนั้นจึงได้ทำตามอำเภอใจอย่างนี้โดยไม่เกรงกลัวใคร?
นางเป็นที่พึ่งพิงให้ได้ แต่ก็มีบรรทัดฐานเช่นกัน
“รู้จักเรียนรู้ความสามารถในการขโมยเล็กขโมยน้อยด้วยตัวเองแล้วหรือ ข้าอนุญาตให้เจ้าระบายความแค้นแทนได้ แต่ให้เจ้าทำเรื่องอื่นที่มากกว่านั้นด้วยหรือ” ซ่งอิงน้ำเสียงเย็นชา
นางกลับไม่รู้เลยว่า ใบหน้าน่าเกรงขามของนางเวลานี้ช่างน่ากลัวอย่างยิ่ง
น่ากลัวจนเฮยยายาไม่กล้าแม้แต่จะร้องไห้ออกมา ได้แต่เม้มปากและไม่กล้าขยับเขยื้อน
“หากเจ้าอยากร่วมทางกับข้า ก็ต้องเคารพกฎระเบียบของข้า การขโมยของก็คือการทำลายศักดิ์ศรีของข้า” ซ่งอิงพูดอย่างเคร่งขรึมจริงจังเล็กน้อย “คืนนี้เจ้าก็ห้อยอยู่บนกำแพงนี้ไปเรื่อยๆ ก่อน หากรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม พรุ่งนี้ไว้งูดำมาแล้ว ให้เขาพาเจ้าไปเสียก็สิ้นเรื่อง”
“ข้าไม่ไป…ลูกพี่ ข้า ข้าไม่กล้าทำแล้ว…” เฮยยายารีบกล่าวทันควัน
นางรู้สึกเพียงแค่ว่าคุณหนูสวี่ผู้นั้นเป็นคนเลว ดังนั้นอยากเอาสิ่งของของนางผู้นั้นมาชดใช้ให้ลูกพี่…
ลูกพี่ไม่มีเงิน
ซ่งอิงย่อมรู้อยู่แล้วว่าความนึกคิดของอีกาน้อยตัวนี้คือความหวังดีต่อนาง เรื่องสั่งสอนคุณหนูสวี่ซ่งอิงก็ไม่ได้ห้าม แต่นาง คนอย่างซ่งอิง หากจะเอาเงินของผู้อื่น เช่นนั้นก็ต้องเอามาอย่างเปิดเผยและชอบธรรม ให้คนอื่นไม่อาจว่ากล่าวอะไรได้ และเป็นความยินยอมสมัครใจจึงจะได้ จะให้ใช้ของที่ขโมยมาได้อย่างไรกัน
“เดิมทีคุณหนูสวี่ผู้นั้นก็ไม่ใช่คนดีอะไร แต่พอเจ้าทำเช่นนี้ กลับทำให้เราดูเหมือนผู้ร้ายที่อยู่เบื้องหลังไปเสียแล้ว” ซ่งอิงส่งเสียงหัวเราะเยาะ
แม้ว่าเป็นการขโมย ก็ยังแบ่งออกเป็นสองประเภท
ประเภทแรกคือปล้นคนรวยช่วยคนจน อีกประเภทคือครอบครองมันเพื่อตัวเอง
เรื่องการลักขโมยนับว่าเป็นพฤติกรรมที่แย่แล้ว แต่นี่ยังนำสิ่งของมาส่งให้ถึงมือนางอีกด้วย…
“ข้า ข้าจะให้พวกมันเอาสิ่งของไปคืนเดียวนี้…” เฮยยายาในขณะนี้น้ำเสียงเล็กเหมือนยุงก็ไม่ปาน
ซ่งอิงสบถฮึ
เด็กก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ จำเป็นต้องสั่งสอน
หนิวต้าลี่มองอีกาน้อยที่น่าสงสาร รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย “พี่สาว มันทำไปก็เพื่อช่วยข้าทั้งนั้น…”
“ใช่ เช่นนั้นพวกเจ้าทั้งสองก็ขึ้นไปห้อยด้วยกันเลยแล้วกัน” ซ่งอิงขยับมือ จัดการพี่สาวน้องสาวคู่นี้มัดรวมอยู่ด้วยกัน
เมื่อก่อนซ่งอิงตำหนิหนิวต้าลี่ ส่วนมากเป็นเพราะนางกระทำผิดแล้วจริงๆ ครั้งนี้ถูกจับมัดไปด้วยเสียดื้อๆ แต่กลับเป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกกลัวมากที่สุด
แสงสีทองนี้…
น่ากลัวเหลือเกิน!
ซ่งอิงเพียงแค่อยากให้ความทรงจำอันลึกซึ้งแก่เฮยยายาสักอย่างเท่านั้นเอง ดังนั้นยามนี้สีหน้าจึงไม่เป็นมิตรอย่างยิ่ง ส่วนเม่นน้อยที่อยู่ข้างๆ ก็ไม่กล้าพูดจาแล้วจริงๆ
อ้อนวอนไปก็เปล่าประโยชน์ คอยเฝ้าดูก็แล้วกัน ไว้ฟ้าสว่างแล้วก็คงจะเป็นอันสิ้นเรื่อง
แต่ทว่าครั้งนี้เฮยยาโถวก็ทำไม่ถูกจริงๆ
เมื่อก่อนตอนที่ติดตามพี่ใหญ่งูดำ นางค่อนข้างระมัดระวังไม่น้อย แทบไม่กล้าสร้างความไม่พอใจให้งูดำด้วยซ้ำ ตอนนี้ติดตามลูกพี่ นึกไม่ถึงว่าจะกำเริบเสิบสานขึ้นมาเล็กน้อยเสียได้ บัดนี้ถูกสั่งสอนสักยกก็จะได้เข็ดหลาบบ้างเช่นกัน
อีกด้านหนึ่ง คุณหนูสวี่ที่ถูกกักบริเวณในเรือนตระหนกตกใจกลัวไม่เบา
นกอีกาสามตัวบุกรุกเข้ามาในห้องแล้วคาบสิ่งของของนางไป ก่อนจากไปยังถ่ายลงบนหน้าผากของนางด้วย…
นางโกรธจนด่าทอยกใหญ่ หลังด่าว่าเสร็จก็เริ่มรู้สึกหวาดกลัว
บนโลกนี้คงมีปีศาจจริงๆ
หรือว่าปีศาจกำลังตามล้างแค้นนางใช่หรือไม่…
แม้บรรดาสาวใช้อธิบายว่าอีกาชอบสิ่งของที่ทอแสงประกายระยิบระยับ คุณหนูสวี่กลับยังคงตะลีตะลานเล็กน้อย ในคืนวันเดียวกันนั้นก็เป็นไข้ขึ้นมา ในความฝันระหว่างนอนหลับยังอ้อนวอนให้หนิวต้าลี่ไว้ชีวิตไม่หยุดหย่อนอีกด้วย
บิดามารดาตระกูลสวี่เห็นอาการดังกล่าว ได้แต่ถอนหายใจ รู้สึกว่าบุตรสาวผู้นี้ช่างเป็นอะไรที่เลี้ยงเสียเปล่าเกินไปแล้วจริงๆ
วันรุ่งขึ้นจึงตัดสินใจว่าจะส่งตัวนางไปเลี้ยงดูยังครอบครัวผู้เป็นลุง ประการแรกเพื่อเลี่ยงการเป็นที่สนใจจากตระกูลฮั่ว ประการที่สองจะได้ดัดนิสัย เพียงแต่เมื่อไปยังทางด้านครอบครัวผู้เป็นลุงแล้ว หลังจากนี้คิดจะหาลูกเขยจากตระกูลสูงศักดิ์ก็เกรงว่าจะเป็นไปไม่ได้แล้ว…
ตอนที่ 514 อารยธรรมของการเลี้ยงสัตว์แสนรัก
ซ่งอิงพูดจริงทำจริง แขวนเฮยยายาและหนิวต้าลี่ห้อยอยู่กับกำแพงตากลมเป็นเวลาหนึ่งคืนเต็ม
พี่สาวน้องสาวร่วมตกทุกข์ได้ยากสองคนนี้สบมองกัน อารมณ์ความรู้สึกพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะทั้งสองคนยังไม่กล้ารบกวนการนอนของซ่งอิง ก็ทำได้เพียง ‘สบมองถ่ายทอดความรู้สึก’ ท่ามกลางความมืดมิดนี้ หลังจากหนึ่งคืนผ่านพ้นไป ลูกตาถึงขั้นโตขึ้นกว่ายามปกติเล็กน้อย
เช้าตรู่ ตอนที่งูดำกลับเข้ามารายงานความคืบหน้า ก็มองเห็นภาพสถานการณ์ในห้อง
ตระหนกตกใจสะดุ้งโหยง
ซ่งอิงโบกมือหนึ่งที เกิดเสียงดัง ‘ตุบ’ ทั้งสองคนร่วงลงบนพื้น
ในฐานะลูกพี่ ต้องรู้จักเชือดไก่ให้ลิงดูสักหน่อย งูดำเป็นปีศาจที่เก่งกาจตนหนึ่ง แม้อาศัยความรู้สึกโดยตรงของนางที่บ่งบอกว่างูดำพร้อมติดสอยห้อยตามนางด้วยใจจริง แต่ก็ไม่อาจให้งูดำรู้สึกว่านางเป็นเด็กสาวโง่เขลาที่อ่อนหัดคนหนึ่งได้เช่นกัน
เพียงแค่สะบัดมือ แสงสีทองบนตัวหนิวต้าลี่และเฮยยายาก็ถูกดึงกลับ ทั้งสองคนรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก
“นี่…” งูดำนิ่งอึ้งไป แต่เมื่อครุ่นคิดดูก็เปลี่ยนคำกล่าวขึ้นใหม่อีกครั้ง “แม่นาง ข้าหาพ่อค้าคนกลางได้คนหนึ่ง มีเรือนที่ไม่เลวสามถึงห้าแห่ง เชิญท่านไปลองดูหน่อยแล้วเลือกด้วยตัวเองสักที่”
“…” เฮยอวิ๋นชิงมองพี่ใหญ่งูดำอย่างน้อยเนื้อต่ำใจแวบหนึ่ง
เมื่อก่อนพี่ใหญ่เอ็นดูนางมาก ตอนนี้เห็นน้องล้มคะมำ กลับไม่เข้ามาถามไถ่สักนิด
ช่างชวนปวดใจเกินไปแล้ว!
แน่นอนละว่า นางไม่กล้าเอ่ยพูดใดๆ
แม้ว่าถูกแขวนอยู่บนกำแพงไม่เจ็บไม่ปวด แต่เมื่อคืนสายตาของลูกพี่ช่างน่ากลัวเหลือเกิน แล้วยังมีแสงสีทองนี้อีก…นางและหนิวต้าลี่ขบคิดกันตลอดหนึ่งคืนก็ยังไม่รู้ว่าเจ้าสิ่งนี้เป็นอะไรกันแน่!
ห่อหุ้มอยู่บนตัวดุจเชือกมัดเอาไว้ก็ไม่ปาน แต่คล้ายกับไม่อาจจับต้องได้ ราวกับภาพลวงตา ยามที่นางเกิดการต่อต้านขัดขืนในใจสักเล็กน้อย เจ้าสิ่งนี้ก็จะแน่นขึ้นกว่าเดิมอีกนิด ไม่ว่านางดิ้นรนอย่างไรก็ไม่อาจหลุดจากมันได้!
ความสามารถของลูกพี่แตกต่างกับพวกนาง!
ความสามารถของปีศาจอย่างพวกเขาค่อนข้างเกี่ยวโยงกับร่างเดิมเป็นส่วนใหญ่…
ซ่งอิงไม่ได้สนใจสองคนที่อยู่ด้านหลัง หลังขานรับงูดำก็ไปเตรียมตัวชั่วครู่ จากนั้นเริ่มออกเดินทางจากบ้านไป
“ลูกพี่ ข้าไปด้วย! ข้ารับประกันว่าครั้งนี้จะว่านอนสอนง่ายแน่นอน…” เฮยยายาร้ง
อวิ๋นหลิงและหนิวต้าลี่พยักหน้าเชิงเห็นด้วยทันทีเช่นกัน
“ร่างมนุษย์ของเจ้ายังคงอยู่ต่อไปได้อีกนานเท่าใด” ซ่งอิงยิ้มตาหยีแล้วเอ่ยถาม
ครั้นเอ่ยพูดอย่างนี้ เฮยยายาคล้ายกับถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น ดุจลูกหนังที่ลมรั่ว เปลี่ยนร่างเป็นนกอีกาตัวเล็กๆ ที่ดำทมิฬตัวหนึ่ง
เมื่อวานอวิ๋นหลิงดื่มไปอย่างเต็มที่ ดังนั้นยามนี้ยังสีหน้าค่าตากะปรี้กะเปร่า โดยเฉพาะเมื่อวานได้กินแตงหวานที่เต็มไปด้วยพลังอีกด้วย ดังนั้นวันนี้น่าจะยืนหยัดได้ทั้งวันไม่มีปัญหา
เฮยยายาบินพั่บพั่บมาอยู่บนบ่าของซ่งอิง “ข้าติดตามไปแบบนี้ได้หรือไม่…ลูกพี่ ข้า ข้าไม่เคยไปเที่ยวเล่นตามท้องถนนข้างนอกมาก่อนเลย…”
งูดำควบคุมพวกเขาค่อนข้างเข้มงวด กลัวว่าพวกเขาจะบินไปบินมาตามถนนแล้วก่อเรื่องเข้า ดังนั้นทุกครั้งนางจึงรู้สึกอึดอัดใจ งูดำเอาแต่นำมันไปปล่อยกลางเขาเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ตลาดนัดของเหล่ามนุษย์อะไรพวกนี้ นางได้แต่เคยมองเห็นเท่านั้นเอง
“จะไปก็ได้ เพียงแต่ติดตามข้างกายข้าได้เท่านั้น ห้ามบินไปตามสถานที่อื่นมั่วซั่ว” ซ่งอิงไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด หลังครุ่นคิดก็กล่าวขึ้นอีกครั้ง “ข้าจะผูกเชือกเอาไว้ที่ข้อเท้าของเจ้าสักเส้นแล้วกัน”
ซ่งอิงพูดจบ แสงสีทองก็ไหววูบขึ้นมา พันล้อมข้อเท้าของเฮยยายาหนึ่งรอบ
นางเองก็ไม่อยากทำเรื่องที่ใจดำเช่นนี้ แต่เฮยยายาไม่เหมือนกับหนิวต้าลี่
หนิวต้าลี่ซื่อบื้อ ไม่ต้องกังวลว่านางจะหาเรื่องมาให้ แต่เฮยยายาผู้นี้ อายุน้อยและอ่อนต่อโลกภายนอก ไม่กล้าเลี้ยงดูอย่างปล่อยปละจริงๆ
ตอนนี้เฮยยายาไม่อาจแม้แต่จะคงร่างมนุษย์เอาไว้ได้ จะกล่าวว่านางเป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักก็ไม่เกินไป และการพาสัตว์เลี้ยงออกจากบ้าน ก็ยิ่งต้องทำให้มีอารยธรรม จำเป็นต้องล่ามเชือกเอาไว้ด้วย
ถูกจับแขวนมาตลอดหนึ่งคืนแล้ว ยามนี้เฮยยายาไม่ได้รู้สึกขัดขืนแต่อย่างใดเช่นกัน เอาแต่อยู่นิ่งๆ อย่างว่าง่ายบนบ่าของซ่งอิง
สมาชิกครอบครัวหนึ่งจึงออกจากบ้านไปอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย