ตอนที่ 497 มีเมตตาและจริงใจ
ซ่งสวินต้องการเดินจากไปจริงๆ หลังพูดจบก็นำซ่งอิงและหนิวต้าลี่ทั้งสองคนเดินพ้นประตูลานบ้านออกไปโดยไม่แม้แต่จะเปิดโอกาสให้คนอื่นโต้ตอบ
แน่นอนว่า ด้านหลังยังมีข้ารับใช้เด็กหนุ่มที่ช่วยขนย้ายกระถางดอกไม้ติดตามมาด้วย
ซ่งอิงอดกระตุกยิ้มมุมปากไม่ได้
หนังสือเบ็ดเตล็ดที่อยู่ในร้านหนังสือเป็นพวกอะไรบ้างเล่า ที่นางรู้ก็อย่างเช่น…หนังสือเรื่อง ‘ข้าจำเป็นต้องสารภาพบางอย่างกับคุณหนู’
สิ่งที่คนเล่าเรียนหนังสือผู้ไร้ความทะเยอทะยาน บรรลุความปรารถนาของตนไม่สำเร็จส่วนหนึ่งมักชมชอบที่สุดก็คือ การอ่านหนังสือที่อาศัยสตรีชนชั้นสูงเหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจ แล้วจินตนาการว่าตนกลายเป็นพระเอกในหนังสือเล่มนั้น…
นอกจากนี้ อำเภอหลี่แห่งนี้ก็มีพวกข่าว ‘ซุบซิบ’ อยู่บ้างเช่นกัน ในร้านหนังสือมีหนังสือเล่มเล็กๆ ซึ่งเป็นที่นิยม โดยในนั้นจะบันทึกว่าลูกสะใภ้ของตระกูลใครแย่งสามีคนอื่น ชายของตระกูลใดให้กำเนิดบุตรไม่ได้ แล้วยังมีคุณหนูของตระกูลไหนเจ็บไข้ได้ป่วยอีกด้วย
ข่าวคราวเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่ชาวบ้านสามัญชนหรือข้ารับใช้ในเรือนตระกูลคนใหญ่คนโตขายออกไปทั้งสิ้น
ไม่แน่เสมอไปว่าข้อมูลจะเป็นความจริง แต่ขอเพียงมีความน่าสนใจก็จะถูกบันทึกลงในหนังสือเล่มเล็กๆ ดังกล่าว และถูกนำไปเสนอเป็นความบันเทิงแก่ผู้อื่น แน่นอนละ หนังสือประเภทนี้โดยทั่วไปล้วนซื้อขายกันอย่างลับๆ ก็อย่างเช่นบรรดาคุณหนู ณ ที่นี้ คาดว่ามีหลายคนทีเดียวที่ซื้อหนังสือดังกล่าวนี้เอากลับบ้านไปแอบอ่าน
ซ่งสวินทำตัวตามสบาย และไม่ได้คิดมากความในใจให้มากมายจริงๆ เช่นกัน ถึงขั้นว่าเอ่ยพูดออกมาตรงๆ
แต่ก็ด้วยความที่เป็นเช่นนี้ จึงทำให้คนเหล่านั้นอึดอัดใจ แต่ก็ไม่สะดวกปรี่เข้าไปขวางทางของซ่งสวินเพื่อรั้งเขาไว้!
“ใต้เท้าฮั่วท่านนั้นมอบดอกโบตั๋นเขียวกระถางนี้ให้เจ้าเป็นการเฉพาะ ต้องแวะไปกล่าวขอบคุณหน่อยหรือไม่” เพียงชั่วพริบตาเดียว ซ่งสวินก็เผยสีหน้าถ่อมตนและอ่อนโยนขึ้นมาอีกครั้ง
ซ่งอิงขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังหันไปมองผู้คุ้มกันประจำจวนตระกูลลู่ซึ่งประคองกระถางดอกไม้นี้อยู่ในมือ “รบกวนทางจวนผู้สูงศักดิ์ส่งใครสักคนนำดอกไม้นี้ส่งกลับคืน หากผู้ใดถามก็บอกไปว่า…ดอกไม้นี้ จะขายก็น่าเสียดาย หากไม่ขายก็ไร้ประโยชน์ กินก็กินไม่ได้ บ้านข้าไม่มีที่ให้ปลูกสิ่งที่ล้ำค่าเยี่ยงนี้ด้วยเช่นกัน”
“…” ผู้คุ้มกันประจำจวนนิ่งอึ้งไป
ซ่งอิงไม่อยากได้มันจริงๆ
นางเองก็ไม่ใช่ว่าไม่มีปัญญาซื้อดอกไม้
หลังดอกโบตั๋นเขียวกระถางนี้มาอยู่ในมือนาง ไม่ต้องถึงตอนที่กลับไปยังหมู่บ้านซิ่งฮวา เกรงว่าก็จะมีเหล่าคนที่ชื่นชอบดอกไม้พากันเข้ามาขอซื้อ และไม่แน่ว่าจะไม่ใช่คนเพียงกลุ่มเดียวด้วยซ้ำ ถึงเวลาก็จะวุ่นวายจนทุกคนล้วนรู้ว่านางและใต้เท้าฮั่วมีความเกี่ยวข้องกันอย่างแปดราวไม้ไผ่ตีไปไม่ถึง
ของสิ่งนี้ขายในราคาสูง แม้ว่าทำเงินได้บ้าง แต่ความยุ่งวุ่นวายหลังจากนี้จะทวีเพิ่มขึ้น
“ก็พูดไปตามที่ว่านี้แล้วกัน” ซ่งอิงครุ่นคิดแล้วกล่าวเสริมอีกประโยค “หากดื้อดึงไม่รับไว้ก็บอกไปว่าดอกไม้นี้รูปลักษณ์น่าเกลียดเกินไปจริงๆ ข้าไม่อยากได้”
“แม่นาง…ที่อยู่เรือนข้างๆ นั่นเป็นถึงใต้เท้าฮั่วนะขอรับ…” ผู้คุ้นกันประจำจวนลังเลใจ
“ข้ารู้ ใต้เท้าฮั่วเป็นผู้มีเมตตาและจริงใจ จะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับข้าแน่” ซ่งอิงกล่าวอย่างจริงจัง
ก็เกรงว่าอีกฝ่ายมีเมตตาและจริงใจเกินไป จึงมัก ‘คิด’ แทนนางอยู่เรื่อย
ดังนั้นจำเป็นต้องพูดอย่างตรงไปตรงมา จึงจะไม่มีอะไรต้องกังวลในภายหลัง
ผู้คุ้มกันประจำจวนลังเลและรีรออยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อเห็นแม่นางซ่งมีสีหน้าแน่วแน่เด็ดขาดก็ไม่สะดวกพูดอะไรให้มากความอีก จากนั้นจึงไปทำตามด้วยจิตใจกระวนกระวาย
ส่วนซ่งอิงอยู่หน้าลานบ้านคอยอยู่ครู่หนึ่งเพื่อฟังข่าวคราว ในเวลานี้เอง นางกวาดตาไปมองหัวหน้าผู้ดูแลจวนคนหนึ่งซึ่งอยู่ในลานบ้าน
ผู้ดูแลจวนคนนั้นมองดูอายุราวสี่สิบห้าสิบปี รูปลักษณ์ผอมแห้งมาก สีหน้าซีดเผือดอย่างยิ่ง ดูมีแววความดุดันเล็กน้อย คนผู้นี้ในยามนี้กำลังสั่งการผู้คุ้มกันในจวนและเหล่าสาวใช้ให้ขนย้ายดอกไม้
อย่างไรเสียการชมดอกไม้ทางด้านนั้นก็ดำเนินไปพอประมาณแล้ว ยังต้องรับประทานอาหารกันอีก
เมื่อถูกซ่งอิงจับจ้อง ผู้ดูแลจวนคนนั้นก็รู้สึกได้เช่นกันจึงหันหน้ามามอง
ซ่งอิงคลี่ยิ้มเล็กน้อย ในมือปรากฎแสงสีทองหนึ่งเส้นวูบขึ้น
ซ่งสวินมองไม่เห็นอะไรพวกนั้นทั้งสิ้น แต่ผู้ดูแลบ้านคนนั้นกลับมองเห็นชัดเจนแจ่มแจ้ง สีหน้าจึงเปลี่ยนไปทันใด ไม่รู้เหตุไฉนจึงอดเกิดความรู้สึกหวาดกลัวและเคารพขึ้นมาในใจเล็กน้อยไม่ได้
นี่คือแม่นางซ่ง เขารู้ แต่บนตัวแม่นางซ่งผู้นี้ เหตุใดจึงเกิดแสงสีทองวูบวาบอะไรนั่นขึ้นมาได้
“ท่านพี่ ข้าจะอยู่เลือกร้านค้าในตัวอำเภอสักสองสามวัน เพียงแต่จะอยู่ที่บ้านทางด้านตัวอำเภอนี้ก็ไม่สะดวกเช่นกัน ดังนั้นไว้เดี๋ยวจะไปหาโรงเตี๊ยมดีๆ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับบ้านของท่านสักแห่งก็สิ้นเรื่อง หากมีเรื่องอันใด ท่านก็จะได้สะดวกมาหาข้าด้วยเช่นกัน” ซ่งอิงกล่าวกับซ่งสวิน เมื่อพูดจบก็หันหน้าไปมองผู้ดูแลจวนคนนั้นปราดหนึ่ง
ตอนที่ 498 คนที่ใกล้ชิดที่สุด
ซ่งสวินพยักหน้าตอบรับ ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด
ส่วนผู้ดูแลจวนคนนั้น มีท่าทีอย่างครุ่นคิดบางอย่างเช่นกัน
ทางด้านจวนฮั่วแห่งนั้น มีคนพาผู้คุ้มกันประจำจวนตระกูลลู่ไปยังห้องหนังสือของฮั่วเจ้ายวน เมื่อมองเห็นใต้เท้าฮั่วท่านนั้น ผู้คุ้มกันประจำจวนรู้สึกกระกวนกระวายใจยิ่ง แต่ก็ยังยืนหยัดทำใจกล้าเอ่ยคำพูดของซ่งอิง
“ยังหัววันอยู่เลย ไฉนนางจึงออกจากงานเลี้ยงเสียแล้ว” ฮั่วเจ้ายวนเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ
ผู้คุ้มกันประจำจวนลังเล แต่แล้วก็ยังเลือกเอ่ยปาก “คุณชายซ่งและแม่นางซ่ง…เข้ากับคุณหนูตระกูลสวี่ตลอดจนพี่ชายและน้องสาวจากตระกูลกัวที่อยู่ในงานเลี้ยงไม่ได้ มีปากเสียงกันเล็กน้อย คุณชายซ่งจึงเอ่ยว่าไว้ครั้งหน้าค่อยมาเยี่ยมเยียนคุณชายตระกูลข้าใหม่ขอรับ”
ฮั่วเจ้ายวนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง มองดูกระถางโบตั๋นเขียวนั่น
ดอกไม้นี้ เป็นของที่นายอำเภอนำมามอบให้ อย่างไรเสียก็กำลังเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง ย่อมมีคนเกิดความนึกคิดอยากเชิญเขาไปร่วมงานฉลองด้วยสักหน่อย
ฮั่วเจ้าหยวนขบคิด นี่ก็ไม่ได้พบเจอซ่งอิงมาสองสามเดือนแล้วเช่นกัน
“ไปกัน ไปดูนางหน่อยเถิด” ฮั่วเจ้ายวนไม่ได้ลังเลเช่นกัน ลุกพรวดขึ้นมาก็เดินไปทันที
อย่างไรเสียการร่วมงานเลี้ยงนี้ก็เป็นการถูกคนเขาบังคับมา หากแพร่งพรายออกไป สองพี่น้องนั่นเป็นอันได้อับอายขายหน้ากันพอดี
ผู้คุ้มกันประจำจวนตระกูลลู่ถึงกับตะลึงงัน มองคนผู้นี้เดินผ่านหน้าเขาไปหน้าตาเฉย ไม่นานนักเขาก็สาวเท้าย่างก้าวเร่งรีบตามไปติดๆ
ฮั่วเจ้ายวนเดินมาจนถึงหน้าประตูเรือนตระกูลลู่ ทางด้านตระกูลลู่ตระหนกตกใจเช่นกัน คนที่รับหน้ารีบวิ่งแจ้นไปแจ้งผู้เป็นนายในเรือนให้รับทราบทันที
บิดาของลู่ข่ายแม้เป็นขุนนางอยู่เมืองหลวง แต่ในบ้านก็ยังมีนายท่านผู้เฒ่าคนหนึ่ง ยามนี้ก็ถูกดึงออกมาต้อนรับขับสู้แขกด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าลู่ข่ายก็ไม่ยกเว้น ยามนี้เขาถึงกับวิ่งหน้าตั้งมายังลานหน้าบ้าน
นายท่านผู้เฒ่าแห่งตระกูลลู่รู้เช่นกันว่าฮั่วเจ้ายวนเป็นคนติดดิน ดังนั้นเมื่อพ้นประตูออกมาก็ยกสองมือขึ้นคารวะทันใด “คารวะฮั่วต้าเหริน…”
“อย่ามากพิธีไปเลย เพียงแค่ได้ยินว่าคุณชายตระกูลท่านจัดงานเลี้ยงชมดอกเบญจมาศประจำสารทฤดู จึงมามองดูเสียหน่อย” ฮั่วเจ้ายวนบอกกล่าว จากนั้นมองไปเห็นซ่งอิง
แววตานางดูตกตะลึงเช่นกัน
สมกับที่ไม่เจอกันนานแล้วจริงๆ รอยเผยเป็นบนหน้าผากของเด็กสาวคนนี้แทบจะมองไม่ออกแล้ว
ซ่งอิงปรายตามองฮั่วเจ้ายวนเงียบๆ พริบตาหนึ่ง
“งานเลี้ยงนี้คงสนุกดีใช่หรือไม่” ฮั่วเจ้ายวนเอ่ยถามซ่งอิง
คนตระกูลลู่ล้วนตกตะลึง
ซ่งอิงฝืนใจเอ่ยตอบ “เรียนต้าเหริน ก็ค่อนข้างดีเจ้าค่ะ”
“งานเลี้ยงที่บรรดาเด็กๆ จัดจะมีดีไปได้สักเท่าใด ก็แค่เจ้าได้ให้เกียรติและมีน้ำใจดีกับคนอื่นมากพอเท่านั้นเอง” ฮั่วเจ้ายวนกวาดตามองลู่ข่ายผู้นั้นพริบตาหนึ่ง จากนั้นกล่าวขึ้นอีกครั้ง “แต่ทว่า ในเมื่อคนเราได้รับคำเชิญร่วมงานเลี้ยงจากผู้อื่น เมื่อมีโอกาสก็ต้องตอบแทนเช่นกัน ในสวนของข้าทางด้านนั้นยังมีดอกไม้อีกไม่น้อยที่มิรู้ว่าจะจัดการเช่นไร หากเจ้ามีเวลาว่างก็เชิญสหายไปนั่งเล่นในสวนของข้าทางด้านนั้นได้ ชื่นชอบกระถางไหนก็ยกไปได้เลย”
“…” ซ่งอิงเบิกตาชั่ววูบ
เหอๆๆ
นั่นไม่ใช่บ้านนางเสียหน่อย เหตุใดต้องไปนั่งเล่นในสวนของเขาด้วย?!
ท่านอาใต้เท้า ท่านบ้าไปแล้วใช่หรือไม่
“ไม่ทราบว่า…แม่นางซ่งกับฮั่วต้าเหริน…” นายท่านผู้เฒ่าลู่ตกตะลึงเช่นกัน
“นี่คือหลานสะใภ้ที่ไม่เอาไหนของข้า” ฮั่วเจ้ายวนเอ่ยเสียงสบายๆ “ใครๆ ต่างก็รู้ว่าตระกูลฮั่วข้าไร้คนในตระกูลแล้ว ลองๆ ไล่ดู นางก็ถือเป็นคนที่ใกล้ชิดที่สุดบนโลกนี้ของข้า”
ฮั่วซื่อเซี่ยงผู้นั้นเป็นบุตรชายของผู้ใต้บังคับบัญชาคนเก่าแก่ในตระกูล แน่นอนว่าไม่ใช่คนของวงศ์ตระกูลฮั่วซื่อ
ฮั่วหรง…
เขาบอกว่าใช่ก็คือใช่
คนตระกูลลู่ล้วนตระหนกตกใจจนเบิกตาโตหลังได้ยินคำพูดนี้
ตระกูลฮั่วเหลือเพียงท่านผู้นี้ เป็นทายาทหน่อเดียว!
ญาติลำดับใกล้ชิดทั้งหมดของตระกูลฮั่วเสียชีวิตไปหมดเกลี้ยงตั้งนานแล้ว แม้ไม่รู้ว่าหลานชายโผล่มาจากไหนอีกหนึ่ง แต่เมื่อใต้เท้าฮั่วเอ่ยปากแล้ว เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องโกหกเป็นแน่ และไม่แน่ว่าหลานชายผู้นั้นจะเป็นลูกหลานชายตระกูลฮั่วที่พลัดพรากไปอยู่ที่อื่นก็เป็นได้…
ส่วนแม่นางซ่งผู้นี้…
กลายเป็นเด็กรุ่นหลังหนึ่งเดียวของตระกูลฮั่ว!?
ซ่งอิงนิ่งอึ้งไปเช่นกัน นางมองฮั่วเจ้ายวนอย่างไม่รู้จะสรรหาคำใดมาเอื้อนเอ่ย
“เมื่อครู่…ไม่ทราบสถานะตัวตนของแม่นางซ่ง ขออภัยอย่างยิ่งจริงๆ…” นายท่านผู้เฒ่าลู่หาใช่คนโง่เขลาไม่ ใต้เท้าฮั่วผู้นี้เดินมาอย่างสง่าผึ่งผาย นั่นก็เพื่อเชิดหน้าชูตาให้แม่นางซ่งผู้นี้นั่นเองมิใช่หรือ