ตอนที่ 503 อสรพิษที่มีสติปัญญา
นายท่านผู้เฒ่าลู่ไม่รู้สึกแย่แต่อย่างใด ในทางกลับกัน ยังรู้สึกดีใจเล็กน้อยอีกด้วย
ครานี้ หลานชายเขาผู้นี้ก็จะไม่หยิ่งผยองไม่ยอมไปสอบอีกแล้วเสียทีกระมัง
ลู่ข่ายนิ่งเงียบ จมสู่ห้วงแห่งความคิด
“แม่นางซ่งผู้นี้…” ลู่ข่ายชั่งใจครู่หนึ่ง แต่แล้วก็เลือกที่จะเอ่ยออกมา “ตอนแรกก่อนหน้านี้ที่ข้าเห็นนาง นางยังควบรถเกวียนลาซื้อของอยู่เลย มองไม่ออกจริงๆ ว่ามีความเกี่ยวข้องกับ…ตระกูลฮั่วด้วย”
“นั่นก็เพราะแม่นางผู้นี้มีจิตใจที่จริงใจและไม่ยินยอมพึ่งพิงผู้อื่น” นายท่านผู้เฒ่าลู่ถอนหายใจขึ้นมาอีกครั้ง
นั่นเป็นถึงตระกูลฮั่วเชียวนะ แม้ว่าเป็นเพียงหลานสะใภ้คนหนึ่ง นั่นก็คือส่วนหนึ่งของตระกูลฮั่วเช่นกัน ตราบใดที่นางตกลง ใต้เท้าฮั่วผู้นั้นมีหรือจะไม่ยินยอมเลี้ยงดูนาง
สินเดิมอย่างอู้ฟู่ยังรับปากออกมาแล้วเลย แล้วมีหรือจะแยแสกับเงินแค่นั้น
แต่แม่นางผู้นี้ยังคงหาเงินด้วยตนเอง เห็นทีว่าจะมีความทระนงตนเช่นกัน
“เกรงว่าความโชคดีของแม่นางผู้นี้ยังคอยอยู่อีกหลังจากนี้” นายท่านผู้เฒ่าลู่กล่าวขึ้นอีกครั้ง
หากนางไม่แต่งงานใหม่ คนผู้นี้จะถูกใต้เท้าฮั่วปกป้องไปชั่วชีวิต แต่หากนางแต่งงานใหม่ ภายภาคหน้าก็จะมีทองคำและเงินเคียงกาย ใช้ชีวิตอย่างไม่แย่เช่นกัน อีกทั้ง ใต้เท้าฮั่วยังจะช่วยดูแลจัดหาแทนนางด้วย ซึ่งบุรุษที่หามาได้จะต้องไม่แย่เกินไปแน่!
นอกจากนี้ก็คือซ่งสวินพี่ชายนางผู้นั้น
แม้ว่าภูมิหลังชาติกำเนิดไม่ดี แต่มีความถ่อมตนและรู้ประสีประสา มิหนำซ้ำยังมีความขยันขันแข็งมากพอ คนลักษณะเช่นนี้ไม่ช้าก็เร็วจะต้องมีวันที่ได้โดดเด่นขึ้นมา
เมื่อมองไปยังหลานชายผู้นี้อีกครั้ง ยังคงอ่อนต่อโลกกว่ามากกว่าจริงๆ ดีที่บัดนี้เขารู้ความขึ้นมาหน่อยแล้ว และเชื่อมสัมพันธ์สหายกับซ่งสวินแล้ว หากวันนี้เป็นเขาที่จงใจรังแกข่มเหงพี่น้องซ่งสวิน หลังจากนี้ยังจะเจอผลลัพธ์ที่ดีๆ อีกได้หรือ
“ต่อจากนี้กับซ่งสวินผู้นั้น…ไปมาหาสู่กันบ่อยๆ ก็เป็นพอ ส่วนเจ้าไม่จำเป็นต้องมีแรงกดดันมากเกินไปเช่นกัน” นายชราผู้เฒ่ารู้สึกสงสารหลานชาย จึงกล่าวเสริมขึ้นมา
ลู่ข่ายพยักหน้าตอบรับ
เขาเองก็มีความทระนงในศักดิ์ศรีตนเองเช่นกัน แต่ไม่คาดคิดเลยว่าเพราะใต้เท้าฮั่วผู้นั้น ท่านปู่ก็จะสรรเสริญเยินยอสองพี่น้องซ่งคู่นี้
อีกประการ ซ่งสวินก็ไม่ใช่คนต่ำต้อยเช่นนั้น
อีกฟากหนึ่ง พวกซ่งสวินและซ่งอิงสี่คนนั่งกันอยู่บนรถเกวียนลา
ซ่งสวินขบคิดและรู้สึกกังวลในตัวจินเซียนเซิง แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถามให้มากความ เมื่อเห็นน้องสาวมีสีหน้าผ่อนคลาย จึงได้เป็นอันวางใจลงเล็กน้อย
เดิมทีคิดว่าน้องสาวแต่งงานให้กับคนหนึ่งที่ไร้ญาติไร้ศัตรู ใครจะคิดว่าจู่ๆ ก็ปรากฎญาติผู้ใหญ่ขึ้นมาหนึ่งคนเสียดื้อๆ หากเป็นญาติผู้ใหญ่ธรรมดาก็แล้วไป แต่นี่เป็นถึงบุคคลใหญ่โตผู้หนึ่ง…
หวังว่าจะเป็นโชคดีมิใช่หายนะ!
เมื่อส่งซ่งสวินเรียบร้อย ซ่งอิงก็จองห้องพักหนึ่งห้องของโรงเตี๊ยมฟู่ไหล จากนั้นก็ลงมาชั้นล่างแล้วสั่งอาหารขึ้นชื่อเพื่อเลี้ยงอาหารจินเซียนเซิงผู้นี้
จินเซียนเซิงผู้นี้ท่าทีสุขุมเคร่งขรึม ทว่าไม่รู้ว่าเหตุใดจึงลนลานเล็กน้อยในใจ โดยเฉพาะตอนที่แม่นางซ่งนั่งอยู่ตรงข้ามเขา ยามที่จับจ้องเขาอย่างเอาจริงเอาจัง เขาถึงกับเกิดความรู้สึกประหม่าอย่างถูกผู้อาวุโสหรือนักล่าจับจ้อง
“ข้า…นามว่าจินกวง…เป็น เป็น…” จินเซียนเซิงมองซ้ายมองขวา “เป็นงูดำที่บำเพ็ญเพียรมาได้พันปี”
“มีพิษหรือไม่” ซ่งอิงตกตะลึง ก่อนจะกล่าวถามด้วยความประหลาดใจ
จินเซียนเซิงพยักหน้า
ซ่งอิงเนื้อตัวแข็งทื่อไปหมด
หนิวต้าลี่รีบลุกพรวดขึ้นมาทันที แล้วก้าวถอยห่างไปหนึ่งฝีก้าว
งู…มิหนำซ้ำยังมีพิษด้วย…
กินวัวได้สินะ!
พี่สาวอย่าได้พาสหายผู้นี้กลับไปด้วยเชียวนะ ครอบครัวพวกเขาเป็นสัตว์เล็กๆ เชื่องๆ กันทั้งนั้น อีกทั้ง งูจะกินพี่กบเขียว! ภูตโสมก็อาจถูกกัดด้วยเช่นกัน…
ซ่งอิงมองเห็นร่างเดิมของจินเซียนเซิงผู้นี้ได้ กล่าวตามจริง งูยาวๆ ตัวนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ
มองผิวเผินภายนอก เขาก็คือรูปลักษณ์มนุษย์ทั่วไป แต่รูปลักษณ์ที่ในแววตานางมองเห็นกลับเป็นงูตัวหนาที่ยาวถึงห้าหกเมตร! ลำตัวเป็นสีดำ! หัวงูก็มีลักษณะเฉพาะอย่างที่งูมีพิษควรมีอีกด้วย…
ซ่งอิงรู้สึกว่างูค่อนข้างน่ากลัว แต่ก็ไม่รู้เช่นกันว่าเพราะอะไร นางจึงไม่กลัว
อย่างมากก็แค่รู้สึกว่าลักษณะเช่นนี้ค่อนข้าง…น่าขยะแขยงเท่านั้นเอง
นอกจากนั้น ปีศาจงูตนนี้ยังไม่เคยเอาชีวิตมนุษย์มาก่อน น่าจะเป็นอสรพิษตนหนึ่งที่…มีสติปัญญา
ตอนที่ 504 ห่วงโซ่สิ่งมีชีวิต
ซ่งอิงนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง
แต่ช่วงเวลาอันสั้น จินเซียนเซิงกลับกลืนน้ำลายด้วยความประหม่า “หลายปีก่อนข้าอยู่ในเขาลึก แต่แล้วไม่กี่เดือนก่อน จู่ๆ ก็เกิดอาการประหลาดๆ ในจิตใจอดทนไม่ได้ก็เลยออกมามองดู…”
คาดว่าประมานตอนช่วงสามสี่เดือนหลังปีใหม่ ตอนนั้นเขาพลันรู้สึกถึงไออากาศที่แตกต่างวูบผ่านไป หลังจากนั้น ในใจเขาก็มักเกิดอาการกระตือรือร้นขึ้นมากอย่างน่าประหลาด ไม่อาจบำเพ็ญเพียรอย่างสงบจิตสงบใจได้อีก จึงออกมาสืบเสาะดู
และตอนนี้…
มองเห็นแม่นางซ่งผู้นี้ นอกจากเกิดความเคารพเลื่อมใสในใจ ความรู้สึกอย่างตื่นเต้นกระตือรือร้นประเภทนี้ก็ทวีเพิ่มขึ้นอีก!
ซ่งอิงเพียงแค่อยากสดับรับฟังเรื่องมหัศจรรย์ประหลาดๆ ของเหล่าปีศาจที่บรรลุการบำเพ็ญเพียร ดังนั้นมองดูครู่หนึ่งก็เอ่ยถามอย่างนุ่มนวลเป็นพิเศษ “ท่านกลายเป็นปีศาจได้อย่างไรหรือ แล้วรู้จักปีศาจเยอะหรือไม่”
“ยามเยาว์วัยข้าเคยถูกฟ้าผ่ามาก่อน หลังจากนั้นก็เกิดสติปัญญา จึงบำเพ็ญเพียรได้เร็วมากกว่างูธรรมดาทั่วไป และกลายเป็นปีศาจไปโดยปริยาย” จินกวงรีบแย้มยิ้มเล็กน้อย “พวกชนิดเดียวกันก็มีเช่นกัน ข้าดำรงชีวิตมายาวนาน หลายปีก่อนรู้จักงูขาวที่ไม่มีพิษตนหนึ่ง…”
แม่นางงูขาวหรือ! ซ่งอิงตาลุกวาว
“มันโชคไม่ค่อยดีนัก ยามที่ลอกคราบถูกคนจับไปเพื่อเอาดีงู จึงตายไปแล้ว” จินกวนไม่รู้สาเหตุที่ซ่งอิงดูตื่นเต้น เขาจึงจบชีวิตของแม่นางไป๋ลงภายในประโยคเดียว
ซ่งอิงกระตุกมุมปากน้อยๆ
“ต่อมาภายหลัง เคยเห็นโสมซานซีต้นหนึ่งที่มีสติปัญญาขึ้นมาก็ถูกเด็ดไป ข้าเองเคยไปหลายสถานที่ เคยเห็นแมลงตัวเล็กที่อยู่ในหินน้ำแข็งเย็นยะเยือกหนึ่งก้อนใหญ่ๆ บรรลุแล้ว แต่น่าเสียดายที่…มีปีหนึ่งเกิดภัยแล้งครั้งใหญ่ อากาศแห้งแล้งและร้อนจัด มันจึงตายไปแล้ว…ปัจจุบันนี้…”
ซ่งอิงรู้สึกฟังต่อไปไม่ได้สักเท่าไรเสียแล้ว
จุดจบของปีศาจออกจะน่าเวทนาเกินไปหน่อยแล้วหรือไม่!
“ปัจจุบันนี้ข้ากับอีกา รวมไปถึงเม่นอาศัยอยู่ที่เดียวกัน พึ่งพิงซึ่งกันและกันด้วยชีวิต นอกจากนี้ก็มีสหายดีๆ ที่ห่างไปค่อนข้างไกลอีกจำนวนหนึ่ง…”
เมื่อเอ่ยมาถึงครึ่งทางซ่งอิงรู้สึกตระหนกตกใจ
“อีกากับเม่นหรือ ที่กลายเป็นปีศาจแล้วใช่หรือไม่” ซ่งอิงตกตะลึงอย่างยิ่ง
“ใช่ เพียงแต่สายทางของพวกมันไม่ล้ำลึก ถึงขั้นว่าต่างก็ไม่อาจรักษารูปลักษณ์มนุษย์อยู่ตลอดเวลาได้ ข้ากลัวว่าพวกเขาจะเป็นเหมือนงูขาวตัวนั้นที่ถูกจับไป ก็เลยแอบเลี้ยงพวกมันเอาไว้” จินกวงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
เมื่อพูดจบ ตนก็ยังนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ
นี่เป็นถึงความลับใหญ่ของมันเชียวนะ…
ไฉนจึงบอกกล่าวออกไปหมดเปลือกโดยไม่รู้ตัวเสียแล้วเล่า
ที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือ ทั้งที่เขารู้ว่าหลุดปากไปแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้สึกเสียใจภายหลังเลย?
ซ่งอิงเกิดความตกตะลึงปนประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน นางพลันรู้สึกว่าตนเองไร้มนุษยธรรมเกินไปแล้ว ปีศาจมากมายมีประโยชน์อะไรต่อมนุษย์หรือ ไฉนนางจึงเกิดความรู้สึกอย่างตั้งหน้าตั้งตารอคอยการเกิดของปีศาจอย่างแรงกล้าถึงเพียงนี้!
อย่างไรก็ตาม…สุดท้ายการควบคุมอารมณ์ก็ล้มเหลว ซ่งอิงรู้สึกดีใจมาก
“พอจะสะดวกพาข้าไปดูหน่อยหรือไม่” ซ่งอิงกล่าว
“ได้อยู่แล้ว!” จินกวงแทบจะไม่ลังเลเลยสักนิด
ซ่งอิงอดมองเขาแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยถาม “ท่าน…ไม่กลัวว่าข้าจะสังหารพวกเขาหรือ”
“ไม่รู้สิ ข้ามักจะรู้สึกว่า…แม่นางซ่งและพวกเขาเป็นประเภทเดียวกัน หลังข้าเห็นแม่นางซ่งก็รู้สึกสนิทสนมอย่างยิ่ง…” จินกวงถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก
เมื่อก่อนเขาไม่ใช่ลักษณะเช่นนี้ ปฏิบัติต่อผู้คนก็มีความระแวดระวังอย่างแรงกล้า
ซ่งอิงคิดว่า นี่น่าจะเป็นสาเหตุจากแสงสีทองที่นิ้วมือนาง ก็เลยไม่ได้ถามให้มากความอีก
“ท่านทำงานอยู่ที่ตระกูลลู่ดีหรือไม่ ปัจจุบันข้ายังค่อนข้างขาดแคลนกำลังคน ท่านต้องการร่วมงานกับข้าหรือไม่” ซ่งอิงเริ่มชักจูงคนอย่างหน้าไม่อาย “ครอบครัวเรามีพี่น้องหลายคน ท่านดูสิ นี่เป็นวัว ข้ายังมีลูกชายเป็นโสมอีกด้วย นอกจากนี้ครอบครัวเรายังมีกบเขียวตัวหนึ่ง น่ารักเป็นพิเศษ”
“…” หนิวต้าลี่รู้สึกตาลายขึ้นมาชั่ววูบ
พี่สาวพูดผิดแล้วกระมัง พี่กบไม่ได้หน้าตาน่ารักเสียหน่อย…
หนิวต้าลี่มองงูตัวนี้อย่างระมัดระวัง “พี่สาว…งู…กินกบเขียวนะเจ้าคะ…”
ซ่งอิงนิ่งอึ้งไป แล้วมองไปยังงู “ท่านกินหรือไม่”