ตอนที่ 525 สถานะสั่นคลอน
ไม่เอาไหนจริงๆ
ขณะซ่งอิงมองเปาไล่จื่อผู้นี้ ยังแอบเห็นเงาอาสี่อยู่รางๆ
นึกถึงตอนนั้น…ซ่งหม่านซานก็พอๆ กับเปาไล่จื่อ
รู้จักแต่แบมือ เห็นใครก็เป็นอันต้องขอเงิน บ้างก็โกหกใหญ่โต บ้างก็เกลี้ยกล่อม เป็นอันธพาลคนหนึ่งก็ว่าได้ โชคดีที่ยังมีคุณธรรมอยู่เล็กน้อย ต่อมาได้แต่งภรรยาที่อ่อนโยนมาคนหนึ่งและมีบุตรชาย มิเช่นนั้นปัจจุบันคงเป็นลักษณะเดียวกับเปาไล่จื่อ!
ซ่งอิงเม้มปาก สุดท้ายหัวเราะขึ้นมาเล็กน้อย “ระยะนี้ข้าเองก็ขัดสนเช่นกัน ดังนั้นเงินน่ะไม่มีหรอก ทว่า…มีสบู่หอมอยู่หน่อย ข้าจะหยิบมาให้อาเปาสักสองก้อนแล้วกัน”
“สบู่หอม? ข้าจะเอาของสิ่งนั้นมาทำไม” เปาไล่จื่อขมวดคิ้วนิ่วหน้า แต่ไม่ทันไรก็กล่าวขึ้นอีกครั้ง “เอาไปขายเป็นเงินได้กระมัง”
“ได้สิ?” ซ่งอิงไม่ปฏิเสธเช่นกัน
นางกลับหลังหันกลับเข้าไปในบ้าน หยิบสบู่หอมที่ลักษณะประหลาดๆ ออกมาสิบกว่าก้อน
สบู่เหล่านี้ล้วนเป็นของที่ลักษณะไม่สวย ดูท่าจะขายยาก ในบ้านยังมีอีกเยอะแยะ และซ่งหม่านซานก็ยังส่งมาให้บางส่วนเป็นระยะๆ กองรวมกันจนแทบกลายเป็นภูเขาได้แล้ว
เปาไล่จื่อก็ไม่ได้รังเกียจแต่อย่างใด
เขารู้ว่าสบู่หอมนี้ราคาค่อนข้างแพง ก้อนละยี่สิบอีแปะ ที่อยู่ในมือเขาเหล่านี้…ก้อนละสิบอีแปะจะต้องขายออกแน่นอน หากเป็นเช่นนี้…
จะได้หนึ่งร้อยอีแปะ? นั่นก็ไม่น้อยแล้ว
“หลานสาวค่อนข้างมีคุณธรรมและน้ำใจงามไม่น้อยเลยนี่! หม่านซานไม่อยู่บ้าน ข้าดูแลเจ้าก็เป็นสิ่งที่พึงกระทำเช่นกัน ทว่าในเมื่อเจ้ารู้ความเพียงนี้ ข้าก็จะรับน้ำใจนี้เอาไว้แล้วกัน!” เปาไล่จื่ออวดดียกใหญ่ ช่างดูเป็นอะไรที่ขัดตาจริงๆ
“อาสี่ข้าจะต้องขอบคุณท่านแน่นอน” ซ่งอิงยิ้มเล็กน้อย “อาเปาก็ไม่ได้เจออาสี่ของข้ามานานแล้วเช่นกันกระมัง”
“เขา? ก็นานแล้วละ” เปาไล่จื่อกล่าว
ช่วงเวลาที่ไม่มีซ่งหม่านซาน ช่างเป็นอะไรที่สุขสบายจริงๆ
เพียงแต่ว่า…
ได้ยินว่าไอ้หมอนั่นพาสหายที่มีความสัมพันธ์ดีงามต่อกันไปกินดีอยู่ดีด้วยกัน เป็นผลให้คนในหมู่บ้านที่เมื่อก่อนดีกับเขาต่างก็อิจฉาอย่างยิ่ง
เพียงแต่น่าเสียที่เหล่าสหายในหมู่บ้าน มีสี่ห้าคนแปรพรรคมาอยู่กับเขา บัดนี้นึกอยากไปทางด้านซ่งหม่านซานนั่นอีกก็ไม่ได้เสียแล้ว ดังนั้นตอนนี้ล้วนยังคงบ่นโกรธเคืองในใจอยู่เลย
นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเขาก็เดือดดาลเช่นกัน
“อาสี่ของข้าน่ะ…ตอนนี้อยู่เมืองยง ขายสบู่หอมนี่แทนข้า ปัจจุบัน…” ซ่งอิงคลี่ยิ้ม “คงออกไปเที่ยวเล่นกับท่านไม่ได้แล้วเป็นแน่”
“หมายความว่าอันใด” เปาไล่จื่อไม่ชอบฟังคำพูดนี้เอาเสียเลย
“ท่านก็รู้จักอาสี่ของข้าผู้นี้ดีนี่ กังวลเกี่ยวภาพลักษณ์ของตัวเองยิ่งชีพ เพื่อภาพลักษณ์จึงยอมทนทุกข์ได้ เมื่อก่อนไม่มีเงินก็ยังชอบทำให้ตัวเองดูสะอาดสะอ้าน บัดนี้…แม้ไม่ได้สวมอาภรณ์สวยหรูและกินแต่อาหารรสเลิศ แต่ก็ไม่เลวเช่นกัน พาเหล่าสหายกลุ่มหนึ่งไปกินดีอยู่ดี ก็อย่างสบู่หอมเหล่านี้ ล้วนเป็นของเหลือที่เขาไม่ต้องการ หากอาเปาเจอเขา จะต้องไม่รู้จักแล้วเป็นแน่”
“…” เปาไล่จื่อรู้สึกแทงใจดำ
ซ่งหม่านซาน ไอ้สารเลวนั่นอายุน้อยกว่าเขาสองสามปีด้วยซ้ำ ได้ใช้ชีวิตดีเพียงนี้เชียวหรือ!
“ก็เพราะอาสี่มีความสามารถ” ซ่งอิงเอ่ยเสริมขึ้นมาอีกประโยค “ไว้อาสี่ข้ากลับมาบ้าน หากมองเห็นท่าน เห็นเนื้อตัวท่าน…สกปรกเช่นนี้ ไม่แน่ว่ายังจะหยิ่งยโสและภูมิใจในตัวเองเล็กน้อยอีกด้วย พูดอย่างน่าเกลียดหน่อย ถึงเวลานั้น…ก็ขออภัยอาเปาด้วยนะเจ้าคะ”
เปาไล่จื่อยิ้มไม่ออกเสียแล้ว
เมื่อก่อนสหายเหล่านั้นก็รู้สึกว่าซ่งหม่านซานมีความกล้าหาญและชาญฉลาดเช่นกัน หลังจากนี้หากเห็นเข้าใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอีกละก็ เช่นนั้น…
เปาไล่จื่อพลันรู้สึกถึงสถานะสั่นคลอน
แต่จะทำอย่างไรได้หรือ
เขามองสบู่หอมเหล่านั้น
คนตรงหน้าเป็นผู้มากความสามารถ ทั้งหมู่บ้านล้วนรู้ดีว่าซ่งอิงรู้ความ มีน้ำใจและหาเงินเก่ง
“หลานสาว…”
“เฮ้อ ข้าก็ไม่สะดวกพูดอะไรกับท่านมากมาย มิเช่นนั้นเดี๋ยวแพร่งพรายไปเข้าหูอาสี่ เช่นนั้นข้าต้องถูกดุยกใหญ่แน่ และนึกว่าข้าทรยศเขาแล้วอีกด้วย! อาเปา ตามใจท่านแล้วกัน ข้ายังมีธุระต้องจัดการอีก” พูดจบ ซ่งอิงก็ปิดประตูทันที
หากตอนนี้เปาไล่จื่อยังไปขายสบู่หอมที่ซ่งหม่านซานเหลือใช้ เช่นนั้นเขาก็เกินเยียวยาแล้วจริงๆ
ผู้ชายที่มีศักดิ์ศรีล้วนไม่ทำเยี่ยงนี้กันทั้งนั้น
ตอนที่ 526 ไม่ใช่ความฝัน
แต่สบู่หอมที่นางมอบให้หากไม่เอาไปขาย เช่นนั้นจะเอามาใช้ทำอะไรเล่า
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ก็เอาไปใช้เองอย่างไรเล่า
เปาไล่จื่อเดินเตร็ดเตร่ทั่วหมู่บ้าน แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยแต่งเนื้อแต่งตัวให้ดูดี เสื้อผ้าที่สวมใส่มองดูซ้ำซากสกปรกมาโดยตลอด ผมเผ้าก็มีกลิ่นด้วยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นตัวคนก็ลักษณะดูไม่ดีเอาเสียเลย พูดให้น่าฟังหน่อยคือพวกนักเลง พูดอย่างน่าเกลียดหน่อยก็คือ คนว่างงานที่อดมื้อกินมื้อไปวันๆ ไม่ต่างกับขอทานมากนัก ก็แค่ดีกว่าขอทานหน่อยเท่านั้นเอง
ซ่งอิงไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงเปาไล่จื่อ แต่จะร้ายจะดีก็ถือเสียว่าช่วยให้เหล่าชาวบ้านสบายตาขึ้นหน่อย!
ตอนเย็น ยามที่พวกฮั่วหลินกลับมา ซ่งอิงไม่ลืมบอกกล่าวเอาไว้สักหน่อยอีกด้วย
“จากนี้หากเห็นเปาไล่จื่อก็เกรงใจเขาหน่อย” ซ่งอิงกล่าว
ฮั่วหลินไม่เท่าไร อันเนื่องจากเขารูปลักษณ์หน้าตาดี ขนาดเปาไล่จื่อเห็นเขาก็อดจะบีบแก้มเขาสักทีสองทีและเอาลูกกวาดให้สองสามเม็ดไม่ได้
ซ่งต๋าแตกต่างออกไป ครั้นได้ยินคำพูดนี้ก็ตระหนกตกใจจนวิญญาณแทบลอยออกจากร่าง “พี่รอง…นั่นคือเปาไล่จื่อนะขอรับ!”
“ก็ใช่อย่างไรละ จากนี้อย่าเรียกคนเขาว่าเปาไล่จื่ออีก ต่อให้เป็นคนจิตใจดีคนหนึ่ง ได้ยินคำพูดนี้มากๆ เข้า เกรงว่าก็จะรู้สึกแย่ในใจเช่นกัน น้องต๋า เจ้าเรียกว่าท่านอาก็ได้ เป็นคนในบ้านเกิดเดียวกันทั้งนั้น” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“…” ซ่งต๋าและซ่งอู่ล้วนรู้สึกว่าซ่งอิงเสียสติไปแล้ว
ซ่งซานยาค่อนข้างว่าง่าย แต่ได้ยินคำพูดนี้ก็ตระหนกตกใจเช่นกัน “พี่รองถูกเขา…ข่มขู่แล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ”
มิเช่นนั้นจะเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ไฉนอยู่ดีๆ จึงให้พวกเขาเกรงใจหน่อยเล่า
“ไม่ใช่ วันนี้เปาไล่จื่อเตือนเรื่องหนึ่งแก่ข้า แม้ว่ามีจุดประสงค์แฝง แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขาก็มีความปรารถนาดีอยู่ด้วยเช่นกัน จึงต้องนำน้ำใจนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ นับแต่นี้ไปพวกเจ้าเห็นเขาแล้ว ต้องเรียกขานอย่างเกรงอกเกรงใจ หากมีเหล่าสหายถามขึ้นมาก็บอกว่าเขามีน้ำใจช่วยเหลือสิ่งหนึ่งแก่ข้า ช่วยเปลี่ยนทัศนคติของคนอื่นที่มีต่อเขาสักหน่อย บางทีคนผู้นี้อาจจะดีขึ้นได้บ้างเช่นกัน” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
แต่ไหนแต่ไรมานางเป็นคนที่คนอื่นทำเพื่อนางมากเท่าไร นางจะตอบแทนคืนมากยิ่งกว่านั้น
เปาไล่จื่อผู้นี้ จะกล่าวว่าเขาร้ายกาจนักหนา ก็ไม่ถึงขั้นนั้น
ก็แค่ปากเสีย ทำแต่เรื่องที่ผิดๆ และลักเล็กขโมยน้อย
นับว่ายังให้ความรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งในหมู่บ้านด้วยเช่นกัน มิหนำซ้ำยังเชื่อฟังคำพูดของหัวหน้าหมู่บ้านซ่งอย่างยิ่ง
ครั้งนี้ เปาไล่จื่อน่าจะพูดเรื่องของนางสู่ภายนอกไปไม่น้อย แต่ทว่าเรื่องเหล่านี้ล้วนไม่ถือเป็นความลับ ดังนั้นซ่งอิงก็ไม่แยแสแต่อย่างใด
เทียบกับการให้เปาไล่จื่อคุกเข่าร้องโอดครวญว่านึกเสียใจภายหลังแล้ว นางรู้สึกว่ามองดูคนผู้นี้ถูกทั่วทั้งหมู่บ้านชมเชยจะน่าสนใจยิ่งกว่า
เรื่องที่ซ่งอิงกำชับซ่งต๋าและเหล่าสหายสองสามคน พวกเขาล้วนฟังแล้วนำไปปฏิบัติ
เปาไล่จื่อมาปรากฏตัวต่อหน้าเด็กๆ ในหมู่บ้านบ่อยครั้ง ดังนั้นเพิ่งวันถัดมา พวกซ่งต๋าก็ได้เจอตัวคนเขาแล้ว
ในขณะนี้ เปาไล่จื่อกำลังข่มขู่เด็กคนหนึ่งที่อายุประมาณสิบปีเห็นจะได้เพื่อขอเงิน
พวกฮั่วหลินทั้งสามคนต่างสบมองกันแวบหนึ่ง จากนั้นเดินเข้าไปอย่างกล้าหาญ
“อาเปา!” ซ่งต๋ารีบส่งเสียงตะโกน “วันนี้ท่านดูดีกว่าอาสี่ข้าอีกนะเนี่ย!”
“…” เปาไล่จื่อเบิกตาโตอย่างเหลือเชื่อ
อะไรกัน…
เปาไล่จื่อรู้สึกละอายในใจ เมื่อวานกลับไปเขาใช้สบู่หอมแล้ว จุ๊ๆ ช่างใช้ดีจริงๆ แม้ว่าอากาศค่อนข้างเย็น แต่นั่นไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อคนอย่างเขาที่ขัดถูขี้ไคลออกมาได้มหาศาล
วันนี้แต่เช้าตรู่ถึงขั้นรู้สึกเนื้อตัวเบาสบายดุจนกนางนวล เรือนผมปลิวไสวพร้อมกลิ่นหอม!
สหายตัวน้อยคนอื่นๆ เห็นดังกล่าวต่างก็ตกตะลึง
ไฉนเรียกเขาว่าอาเปาล่ะ…
“ท่านปู่เปา!” ฮั่วหลินคลี่ยิ้ม “ท่านกำลังทำอะไรอยู่หรือ ท่านแม่ข้าบอกว่าเมื่อวานท่านช่วยงานใหญ่นาง ดังนั้นให้ข้ามาขอบคุณท่านด้วยละ! ท่านปู่เปา คิดไม่ถึงว่าท่านจะเป็นคนดีถึงเพียงนี้!”
“…” เปาไล่จื่อเบิกตาโตขึ้นเล็กน้อย
ไม่จริง ภาพนี้ดูน่ากลัวเล็กน้อย มิใช่ว่าฝันอยู่กระมัง
เปาไล่จือหยิกตัวเองตามสัญชาตญาณ จากนั้น…
เจ็บ!