ตอนที่ 509 ปีศาจที่ไร้เดียงสา
เม่นแคระตัวนี้จะเติมอักษรอะไรลงไปหน้าชื่อ
“เจ้า…นามว่าอวิ๋นหลิงเป็นเช่นไร” ซ่งอิงพลันเกิดคำหนึ่งผุดขึ้นมาในสมอง
นึกถึงเม่น ซ่งอิงรู้สึกเพียงเบื้องหน้าปรากฏภาพขึ้นมามากมาย ซึ่งก็คือลักษณะของสิ่งเล็กๆ ขนาดเท่าผลแตงที่มีหนามทิ่มอยู่ทั่วทั้งตัวลอบขนของเคลื่อนเข้าสู่ประตูบ้าน
“ตกลง” เม่นใบหน้าแดงระเรื่อและพยักหน้าตอบรับ
เห็นเขาไม่เติมคำลงไปหน้าชื่อ ซ่งอิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
จากนั้นเอ่ยถามเฮยอวิ๋นชิงด้วยความประหลาดใจ “ทำไมเจ้าต้องใส่แซ่ให้ตัวเองว่าเฮยด้วย”
“เพราะข้าเป็นสีดำ และข้าก็ชอบสีดำด้วยเช่นกัน” เฮยยาตอบหน้าตาเฉย
“…” ซ่งอิงไม่รู้จะสรรหาคำใดมาพูด จึงกล่าวกับงูดำอย่างตรงไปตรงมาอีกครั้ง “เจ้าก็เป็นสีดำเช่นกันนี่ เช่นนั้นทำไมไม่แซ่เฮย แต่กลับแซ่จิน”
งูดำตะลึงงันไปชั่วขณะ “สาเหตุที่ข้าเกิดพลังสติปัญญาเป็นเพราะฟ้าผ่าลงมาที่ตัวข้า และยังโชคดีไม่ตายไป…”
“…” ซ่งอิงเบิกตาโตขึ้นเล็กน้อยด้วยความตกใจ
นางเข้าใจแล้ว
ความนึกคิดของปีศาจ…บริสุทธิ์มากจริงๆ…
ปีศาจกบเขียวชอบอยู่บนใบบัว เพลิดเพลินไปกับการชมดอกบัว ดังนั้นตั้งชื่อให้ตัวเองไว้ว่าชิงเหลียน งูดำเพราะถูกแสงทองฟ้าผ่าเข้าแล้ว ส่วนเฮยยา…
นางคิดว่าการที่ตนตั้งชื่อให้เฮยยาออกจะสูญเปล่าเสียแล้ว ควรชื่ออวิ๋นชิงอะไรกัน เชยเกินไปแล้ว น่าจะชื่อว่า ‘ยายา’ ต่างหากเล่า!
ไม่ใช่กล่าวว่าอีกาอยู่กันเป็นฝูงหรอกหรือ! ตอนที่บินไปบินมาก็จะเป็นสีดำแน่นไปหมดมิใช่หรือ!
ซ่งอิงรู้สึกเสียใจภายหลังเล็กน้อย แต่ชื่อที่ตั้งให้แล้วก็เหมือนดั่งน้ำที่สาดออกไป ขืนเปลี่ยนแปลงก็จะดูไม่จริงใจ ทำได้เพียงระงับแรงกระตุ้นที่อยู่ในกายเอาไว้และคลี่ยิ้มให้เฮยยายา จากนั้นหยิบเอาแตงหวานสามลูกใหญ่ๆ ออกมา “เจอกันครั้งแรกไม่มีของขวัญอะไรจะให้พวกเจ้า เช่นนั้นก็ขอเลี้ยงแตงหวานให้พวกเจ้ากินก็แล้วกัน!”
ครั้นหยิบแตงนี้ออกมา พวกงูดำก็นิ่งอึ้งไป
ต่อจากนั้น…
เกือบจะเป็นเวลาในชั่วพริบตาเดียว พวกเขาคว้าเอาแตงไปอยู่ในมือ มองซ้ายแลขวา ท้ายที่สุดก็อ้าปากลิ้มรสอย่างกล้าๆ กลัวๆ
พอได้ลิ้มรสก็หักห้ามไม่ไหวเสียแล้ว แทบจะชั่วพริบตาเดียวจัดการกลืนแตงลงไปเป็นที่เรียบร้อย
“อร่อยเหลือเกิน!” ในสายตาซ่งอิง ร่างเดิมของเฮยยา…เอ่อ…เฮยอวิ๋นชิงเต็มไปด้วยออร่าดำเจือม่วง
เสื้อคลุมของเม่นแคระก็แทบจะฉีกขาดแล้วเช่นกัน
เสื้อคลุมที่เดิมทีมองดูดุจขนอันอ่อนนุ่ม ขณะนี้น่าจะทิ่มแทงคนจนเกิดรูพรุนได้ไม่น้อย
“พี่สาว พวกเขาไม่เอาไหนเสียยิ่งกว่าข้าอีก…” หนิวต้าลี่ลอบมองดู และกระซิบกระซาบข้างใบหูซ่งอิง
ก็แค่แตงหวานเท่านั้นเองมิใช่หรือ…นึกถึงตอนแรกที่นางได้ลิ้มรสเป็นครั้งแรก ต่อให้รู้สึกว่าอร่อยแต่ก็ไม่ได้ตื่นเต้นถึงขั้นกระทืบกีบอยู่กับที่นี่?
ซ่งอิงกลอกตามองบนอยู่ในใจ
หนิวต้าลี่…นางเป็นคนคุ้นเคยแล้ว กินของที่ผ่านการรดด้วยน้ำผ่านจิตก็ไม่รู้สึกแปลกใหม่ รู้สึกเพียงรสชาติดีงามก็เท่านั้น!
แต่ปีศาจสามตัวนี้แตกต่างออกไป
“พวกเขารู้สึกว่าของสิ่งนี้มีประโยชน์ต่อทักษะความสามารถอย่างไรเล่า” ซ่งอิงอ่อนใจ วัวของครอบครัวตนเอง ต้องเคยชินให้ได้สินะ
“ลูกพี่!” เฮยยาคุกเข่าลงเสียดื้อๆ “ของที่ท่านให้ช่างอร่อยกว่าที่พี่ใหญ่ให้มากมายจริงๆ! ทั้งหวานทั้งหอม เมื่อเข้าท้องข้าก็รู้สึกทั้งเนื้อตัวเต็มไปด้วยพละกำลัง! ดีกว่ากินยาสระชิงซือที่ชวนให้น้ำลายฟูมปากเป็นไหนๆ!”
“ข้าก็ชอบ” อวิ๋นหลิงก็ดวงตาเปล่งประกายระยิบระยับเช่นกัน
งูดำรู้สึกตื่นเต้น “แม่นาง…ของสิ่งนี้ล้ำค่าเกินเปรียบ พวกเราไร้สิ่งใดตอบแทนได้…”
ซ่งอิงส่ายหน้า “ล้วนเป็นคนครอบครัวเดียวกัน จากนี้ข้าได้กินคำหนึ่ง ก็จะมีส่วนของพวกเจ้าด้วยเช่นกัน”
การเอ่ยพูดเช่นนี้ เท่ากับว่าจากนี้เป็นไปจะได้กินของประเภทนี้อีกหรือ
ก่อนหน้านี้แม้ว่างูดำเชื่อในตัวซ่งอิง แต่ก็เป็นการอาศัยความรู้สึกที่ดำรงชีวิตมาหลายปีเพียงนี้ล้วนๆ แต่ ณ ตอนนี้แตกต่างไป ในยุคที่แม้แต่โสมก็ยังไม่ค่อยอร่อย แม่นางกลับเอาแตงหวานที่รสชาติดีงามเช่นนี้ออกมาให้ เช่นนั้นเกรงว่าจะ…เป็นดาวนำโชคของชนเผ่าปีศาจพวกเขาแล้วกระมัง
“จริงสิ พวกเจ้าเคยกินยาสระชิงซือด้วยหรือ” ซ่งอิงขมวดคิ้ว
ตอนที่ 510 หนทางข้างหน้าหลังการตาย
ยาสระผมชิงซือเอามาใช้สระผมนี่? เจ้าของสิ่งนั้นเอามากินได้อย่างไรกัน ต้องทั้งขมทั้งฝาดเป็นแน่
“แม่นางไม่รู้อะไร พวกมันสองตนมีทักษะความสามารถตื้นเขินเหลือเกิน หากไม่กินของดีๆ หน่อย ช่วงเวลาที่เปลี่ยนรูปลักษณ์ในแต่ละวันอย่างมากสุดก็จะฝืนอยู่ได้เพียงสองชั่วยามเท่านั้น ซึ่งก็คงไม่ดีหากให้พวกเขาอาศัยรูปลักษณ์เดิมมาพบเจอท่าน…” งูดำกล่าว
ซ่งอิงขมวดคิ้วนิ่วหน้า
ยาสระชิงซือ…เป็นของอร่อยหรือ
ซ่งอิงพยายามหวนคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงกระบวนการทำยาสระชิงซือของตนเอง…
วัตถุดิบบางส่วนเป็นของที่เก็บมาจากบนเขา หรือไม่ก็เป็นของที่ซื้อจากร้านยา สิ่งเดียวที่แตกต่างก็คือน้ำที่ภูตโสมอาบ…
อย่างไรเสียฮั่วหลินก็เป็นลูกชายของนาง ย่อมต้องปฏิบัติต่อเขาดีกว่าปีศาจตนอื่นหน่อยเป็นธรรมดา จึงยกลานหลังบ้านผืนนั้นให้เขาไว้ฝังรากลงไปในดิน แต่ละวันก็จะล้วนรดน้ำผ่านจิตเล็กๆ น้อยๆ ให้มันดูดซับ…
ดังนั้นสรรพคุณทางยาที่หลั่งออกมาจากการอาบน้ำจึงมากเกินไปหน่อยหรือ
และอย่างน้อยก็เป็นภูตโสมพันปี ประสิทธิผลย่อมแตกต่างจากทั่วไปอยู่แล้ว
เพียงแต่แม้ว่าเป็นเช่นนี้ ซ่งอิงก็ยังรู้สึกว่าปีศาจทั้งสามตนนี้ค่อนข้างน่าสงสาร ของที่กินยากขนาดนั้นยังดื่มลงไปได้…
ซ่งอิงเอ่ยถามเรื่องราวปีศาจทั้งสามตนอีกไม่น้อย
“ข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้ท่านเคยเอ่ยว่าท่านยังรู้จักสหายอีกจำนวนหนึ่ง เพียงแต่อยู่ค่อนข้างไกล…พวกเขาก็เป็นชนิดเดียวกันใช่หรือไม่” ซ่งอิงเอ่ยถาม
“ใช่แล้ว แต่ทว่าช่วงเวลานี้เกรงว่าจะหาพวกเขาไม่เจอ ข้าอยากรอให้เฮยยาก้าวหน้าอีกหน่อย แล้วให้นางบินออกไปตามหาดู ภายภาคหน้าเราก็จะติดตามท่านทั้งหมด” งูดำเผยสีหน้าจริงจัง
ซ่งอิงพยักหน้า
หากเป็นยุคปัจจุบัน เกรงว่านางคงได้เปิดสวนสัตว์สักแห่งแล้ว
หรือไม่ก็เป็นครูฝึกสัตว์ก็ได้เช่นกัน นางกำกับดูแลปีศาจเหล่านี้ เหล่าปีศาจดูแลสัตว์เล็กๆ ที่อยู่ใต้อาณัติ ช่างเจ๋งจริงๆ
คิดไปคิดมา ซ่งอิงเกือบเพ้อเจ้อไปหน่อยเสียแล้ว
ดีที่ยังมีสติสัมปชัญญะอยู่ หลังเพ้อฝันจบก็ยังต้องวนเข้าเรื่องสำคัญต่อ
แม้ว่าเป็นปีศาจ แต่ก็ต้องทำงานอย่างมีหลักและตั้งใจ หากอาศัยความสามารถของปีศาจพวกนั้นสร้างเรื่องหลอกเด็ก นางเกรงว่าหลังตนเองตายจะไม่มีศิษย์ได้เกิดใหม่อีก หรือไม่ก็ได้ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ยังไม่ทันบำเพ็ญเพียรกลายเป็นปีศาจก็ถูกคนอื่นจับไปตุ๋นเสียแล้ว
“ตอนที่ข้าอยู่ตระกูลลู่ก็รู้จักคนไม่น้อยเช่นกัน หากท่านอยากจะซื้อห้องแถวร้านค้านี่หาใช่เรื่องยากไม่” งูดำเริ่มแสดงศักยภาพของตนเองขึ้นมา “แม่นางอยากจะได้ร้านค้าที่ราคาและทำเลเป็นอย่างไรหรือ มีเงื่อนไขความต้องการอันใดบ้าง”
ซ่งอิงครุ่นคิด
เงินที่รวมได้จากซ่งหม่านซานตลอดจนค่าสบู่ที่ขายให้โรงอี้จวิน มีเงินประมาณหกร้อยตำลึงเงิน
หกร้อยตำลึงเงินซื้อคฤหาสน์หลังโตที่ไม่เลวในตัวอำเภอได้แห่งหนึ่ง แต่ร้านค้าและเรือนหลังโตแตกต่างกัน ยิ่งทำเลดีก็ยิ่งราคาแพง
“ราคาร้านค้าในอำเภอหลี่แห่งนี้ไม่ถือว่าเกินไป ห้าร้อยตำลึงเงินก็ซื้อได้หนึ่งร้านแล้ว เพียงแต่ทำเลน่าจะอยู่แถวๆ ถนนทิศตะวันตกสายสาม ไม่ถือว่าไกลเกินไป แต่ก็ไม่ใช่ถนนทางหลัก” จินกวนกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ซ่งอิงพยักหน้า
ราคาบ้านเรือน…ยุคอดีตกับปัจจุบันก็พอๆ กันเลยนี่
อำเภอหลี่ไม่ใช่พื้นที่ที่เป็นทำเลทองเสียทีเดียว แต่ตามจริงก็ถือว่าไม่เลว หากไม่พิถีพิถันเรื่องตำแหน่งพื้นที่ สองสามร้อยตำลึงเงินก็ซื้อเอามาได้หนึ่งห้อง แต่การทำกิจการค้าขายจะไม่คำนึงถึงทำเลได้อย่างไรกันเล่า
ยามที่เจ้าของร่างอยู่ในเมืองหลวง ก็เคยตระหนกตกใจกับราคาบ้านเรือนมาก่อนเช่นกัน
ตอนนั้นแม่นางคนหนึ่งในจวนโหวหัวเราะเยาะนางที่ไม่เคยพบเห็นอะไรต่อมิอะไรมามากมาย แล้วยังกล่าวว่าไว้ว่านางแต่งงาน อย่าได้คิดว่าจะมีสินเดิมติดตัวที่อู้ฟู่มากมายเพียงใด ส่วนชุมชนร้านค้าและหมู่บ้านไร่สวนนั่นยิ่งเลิกคิดไปได้เลย
ตอนนั้นเจ้าของร่างได้แอบสืบถามราคาร้านค้าและหมู่บ้านไร่สวนในเมืองหลวงไว้บ้างเช่นกัน
ได้ยินเพียงว่าบ้านเรือนหลังเล็กๆ สี่ห้องที่มีหนึ่งประตูหน้า หนึ่งร้องรับแขก หนึ่งห้องนอน กอปรกับหนึ่งห้องครัว ทำเลค่อนข้างไม่เลวก็ราคาตั้งสามสี่พันตำลึงเงิน…
หากเป็นคฤหาสน์หลังโตที่ทำเลดีๆ ราคาหลายหมื่นตำลึงเงินก็เป็นเรื่องปกติ
นึกถึงประสบการณ์ที่เจ้าของร่างอยู่เมืองหลวง บางครั้งซ่งอิงก็จะเกิดความนึกคิดที่จะใช้ทางลัดขึ้นมาบ้าง
ใช้ประโยชน์จากปีศาจและช่องว่างระหว่างมิติ ย่อมได้ผลกำไรในกิจการอย่างมากมายมหาศาลเป็นแน่
แต่กลับไม่อยากให้เพื่อผลกำไรที่อยู่ตรงหน้า ขัดขวางหนทางข้างหน้าหลังการตายของนางนี่สิ!