ตอนที่ 537 คนใจดำ
ฮั่วหลินรู้สึกว่าที่เหมียวซื่อพูดนี้ต่างหากค่อยฟังดูเป็นภาษาคนหน่อย เขาจึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
เพียงแต่ยังไม่ทันได้ดีใจก็ได้ยินเพียงเหมียวซื่อกล่าวกับเขาอีกครั้ง “หลานหลินอา เจ้าอย่าตำหนิโทษแม่เจ้าเชียวนะ จากนี้ย่าค่อยๆ สอนนางก็สิ้นเรื่อง วันข้างหน้ายังอีกยาวไกล…”
“หมายความว่าอันใด” ฮั่วหลินมุ่นคิ้ว “ท่านไม่พอใจในตัวท่านแม่ข้าหรือ”
“พอใจสิ จะไม่พอใจได้ที่ไหนกันเล่า” เหมียวซื่อรีบบอกกล่าวทันที
“พวกท่านต้องพอใจอยู่แล้ว ท่านแม่ข้าดีเป็นที่หนึ่งในใต้หล้า” ฮั่วหลินส่งเสียงฮึขึ้นมา
ฮั่วเสี่ยวเฉียวสบถฮึผ่านรูจมูก เหมียวซื่อไม่แสดงท่าทีใด เพียงแค่กวาดตามองตะกร้าไม้ไผ่ที่อยู่ในมือเขา “หลานหลินมาทำอะไรแต่เช้าตรู่เพียงนี้หรือ”
ขณะนี้ฮั่วหลินแม้รู้สึกไม่พอใจ แต่ก็ไม่อยากเก็บมาเป็นอารมณ์โมโหเพราะเรื่องเล็กแค่นี้
ดังนั้นนำตะกร้าที่ขนาดกะทัดรัดวางลง จางนั้นกล่าว “ข้าเอาของกินเล็กๆ น้อยๆ มาส่งให้พวกท่าน ในนี้มีไข่ไก่สามฟองและ…”
“ไข่ไก่แค่สามฟองเองหรือ” ฮั่วเฉียงขมวดคิ้วนิ่วหน้า
“ไข่ไก่สามฟองก็ไม่น้อยแล้ว เพียงพอสำหรับพวกท่านกินกันหนึ่งวันแล้วนะ!” ฮั่วหลินยังไม่ทันได้ดึงผ้าลูกไม้ผืนนั้นที่คลุมตะกร้าไม้ไผ่ไว้เปิดออก
ไข่ไก่ที่เขาให้นั้นหนึ่งฟองเทียบได้กับไข่สองฟอง ไข่เป็ดก็เช่นกัน คำนวณดูแล้วก็แทบจะเท่ากับไข่ไก่ธรรมดาเกือบสิบฟองเชียวนะ ครอบครัวคนทั่วไปวันหนึ่งกินฟองสองฟองก็ไม่น้อยแล้ว ไฉนยังไม่พอใจอีก
ฮั่วเฉียงมองฮั่วหลินแวบหนึ่ง
เด็กคนนี้น่าจะเพิ่งหกขวบกระมัง อายุไม่มาก น่าจะยังไม่รู้ความ
ไร้เดียงสา ไร้พิษสง คงข่มขู่ได้ง่าย
ฮั่วเฉียงชักสีหน้าขมึงทึง “หลานหลิน เจ้ามานี้”
“อือ” ฮั่วหลินย่างก้าวขึ้นไปเบื้องหน้า
ทันใดนั้นฮั่วเฉียงก็บีบคางของฮั่วหลินเอาไว้ “เจ้าบอกข้ามาสิว่าแม่เจ้ามีเงินอยู่เท่าไร หากเจ้าบอกมาแต่โดยดี ข้าก็จะไม่ตีเจ้า หากเจ้าไม่บอก ข้าจะจับเจ้าไปโยนในเขาให้หมาป่ากินเสียเลย!”
“…” ฮั่วหลินถลึงตาเขม็ง “ไยท่านจึงเป็นเช่นนี้เสียได้!”
เสียแรงที่เขาอุตส่าห์มีน้ำใจ!
“ตอนกลับไปอย่าฟ้องแม่เจ้าเชียว มิเช่นนั้น…ครอบครัวพวกข้าคนตั้งมากมายขนาดนี้ เจ้าและแม่เจ้าที่เป็นเพียงแม่ม่ายกับเด็กกำพร้าพ่อ ย่อมสู้พวกเราไม่ได้แน่ หากเจ้าบอกแม่เจ้า ชีวิตแม่เจ้าก็จะไม่สงบสุขอีกแล้วเช่นกัน หากทำให้พวกข้าโมโห ก็จะเอาแม่เจ้าไปขายเสียเลย ให้เจ้าไม่ได้เจอนางอีกต่อไป” ฮั่วเฉียงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
เหมียวซื่อและฮั่วเสี่ยวเฉียวต่างก็ไม่ได้ห้าม
ก็แค่เด็กน้อยห้าหกขวบเองนี่ ข่มขู่ให้กลัวสักหน่อย จากนั้นต้องเป็นเหมือนนกกระทาตัวหนึ่ง ไม่กล้าพูดจาเหลวไหลไปเรื่อยแน่นอน
เด็กน้อยจะรู้ความอะไรได้ รู้เพียงแค่ใครกำปั้นแข็งกว่าก็ต้องเชื่อฟังผู้นั้น
ฮั่วหลินถูกบีบคางจนแดงก่ำ ในแววตาเจือความโกรธเกรี้ยวเอาไว้แล้วเช่นกัน
“ไอ้เด็กน้อยโกรธแล้วรึ” ฮั่วเฉียงตบๆ ดวงหน้าเล็กๆ ของฮั่วหลิน “ข้าจะบอกเจ้าให้ แม่เจ้ายังต้องยอมพวกเราเลย เห็นหรือไม่ นี่เป็นแม่สามีของแม่เจ้า ข้าเป็นอาของแม่เจ้า หากพวกเราอยากจะขายแม่เจ้า นั่นก็เป็นเรื่องของการเอ่ยพูดเพียงประโยคเดียว ดังนั้นเจ้าต้องเชื่อฟังพวกเรา เชื่อฟังแล้วก็จะให้เจ้าและแม่เจ้าได้อยู่ที่นี่ต่อไป มิเช่นนั้น…”
ฮั่วเฉียงเผยแววตาข่มขู่
คำพูดเหล่านี้ก็เป็นแค่การหลอกเด็กเท่านั้นเช่นกัน
แม้ว่าพวกเขามาแสดงตนเป็นญาติแล้ว แต่ในทะเบียนสำมะโนครัวไม่มีฮั่วหรง ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่มีซ่งอิงผู้เป็นลูกสะใภ้คนนี้ด้วย
ไม่ใช่หัวหน้าครอบครัวของซ่งอิง ต่อให้ยกให้พ่อค้าคนกลางโดยไม่คิดเงิน พ่อค้าคนกลางก็ไม่กล้ารับเช่นกัน มิฉะนั้นจุดจบก็จะไม่ต่างจากการลักพาตัวคนไปขายน่ะสิ!
“ที่แท้พวกท่านเป็นพวกจิตใจชั่วร้ายนี่เอง!” ฮั่วหลินเดือดดาล จากนั้นหันหลังขวับวิ่งไปตรงหน้าตะกร้าไม้ไผ่ของตนเอง “ของเหล่านี้ไม่ให้พวกท่านกินแล้ว!”
พูดจบ ฮั่วหลินก็เปิดผ้าลูกไม้ขึ้น หยิบเอาผลท้อและผลซิ่งที่ใหญ่โตวางไว้อีกด้านหนึ่ง จากนั้นนำตะกร้าโยนลงไปอย่างแรง “ทิ้งไปเสียดีกว่าให้พวกท่านกิน!”
ตอนที่ 538 เกลียดพวกท่าน
เมื่อไข่เหล่านั้นแตก เหมียวซื่อพร้อมคนอื่นๆ เบิกตาโตด้วยความตระหนกตกใจ
“เจ้าไอ้เด็กเกเร สิ้นเปลืองของกินหมดแล้ว!” เหมียวซื่ออดว่ากล่าวไม่ได้ ทันใดนั้นก็อยากไปมองดูไข่ไก่ที่แตกเหล่านั้น ของเหลวในไข่นองอยู่บนพื้นปะปนไปกับส่วนดินโคลน
นอกจากนั้น ฮั่วหลินก็ยังเดินเข้าไปกระทืบมันหลายที
หลังเหยียบย่ำเสร็จ ฮั่วหลินก็สบถฮึ จากนั้นคว้าผลท้อและผลซิ่งขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนสองสามผล มือซ้ายและขวาถือเอาไว้ข้างละผล กัดกินคำแล้วคำเล่า ส่งเสียงแจ๊บๆ ดูเอร็ดอร่อยอย่างยิ่ง
“เจ้าไอ้เด็กเวร! หาเรื่องถูกตีใช่หรือไม่!” ฮั่วเฉียงเตรียมเดินปรี่เข้ามาเฆี่ยนตี
แต่ฮั่วหลินเป็นใครกันเล่า เมื่อครู่ถูกฮั่วเฉียงจับเอาไว้ได้นั่นเป็นเพราะเขาไม่คิดหนี
แต่ขณะนี้แตกต่างออกไป เมื่อฮั่วเฉียงเตรียมก้าวขึ้นมา ฮั่วหลินก็โกยแนบวิ่งหนีไป จากนั้นเอ่ยปากส่งเสียงตะโกนลั่น “มีคนจะตีข้า! มีคนจะตีข้า! คนชั่วจะเฆี่ยนตีเด็กแล้ว!”
พื้นที่บริเวณนี้มองเห็นได้ชัดเจน คนตระกูลฮั่วที่มาใหม่เหล่านี้เดิมทีก็ได้รับการให้ความสนใจเป็นทุนเดิม
นับแต่ต้าหวงของซ่งอิงรู้จักส่งเสียงขันก้องกังวาน ผู้คนในหมู่บ้านก็เคยชินกับการตื่นนอนแต่เช้าตรู่
ทุกวันท้องนภาเพิ่งสว่าง เด็กๆ ในหมู่บ้านที่จะต้องไปโรงเรียนก็ต้องตื่นขึ้นมาวิ่ง วิ่งไปอย่างเหยาะๆ แล้วยังต้องท่องบทกวีไปพลางๆ อีกด้วย เสียงนั่นชัดเจน ผนวกกับควันฟืนลอยคลุ้งทั่วหนแห่ง ในหมู่บ้านเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ชื่นมื่น
เพราะทุกคนล้วนตื่นกันแต่เช้า ดังนั้นจึงยิ่งอดไม่ได้ที่จะให้ความสนใจครอบครัวที่มาใหม่
ไม่รู้เช่นกันว่าอีกฝ่ายจะคุ้นชินกับชีวิตในชนบทพวกเขาได้หรือไม่
แต่เฝ้าสังเกตมานานเพียงนี้แล้ว กลับไม่เห็นควันไฟในบ้านจะคลุ้งขึ้นมาเลย ไม่ต้องคาดเดาก็รู้ได้ว่าคนพวกนี้ยังไม่ตื่นนอนเป็นแน่
ครอบครัวนี้แม้เป็นผู้มาใหม่ แต่หัวหน้าหมู่บ้านและทุกคนเห็นแก่ฮั่วหรง เช่นนั้นต่างก็มอบของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้ ซ่งอิงยิ่งแล้วใหญ่ มอบธัญพืชให้พวกเขาไปไม่น้อย ดังนั้นแม้ว่าเป็นการมาเยือนวันแรก แต่ครอบครัวนี้ก็ไม่ถึงขั้นไม่มีหม้อไม่มีธัญพืช ในเมื่อมีธัญพืชแต่ไม่เห็นจุดไฟ เช่นนั้นก็คือ…ขี้เกียจ
อย่างไรเสียก็เป็นวันแรก คนครอบครัวนี้เดินทางมาจึงเหน็ดเหนื่อยเกินไปก็เป็นเรื่องปกติ ดังนั้นคนครอบครัวใกล้เคียงจึงไม่ได้พูดติฉินนินทาอะไร
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนร้องไห้ตะโกนลั่นมาจากทางบ้านคนเหล่านั้น
เมื่อทอดสายตามองไป เห็นเพียงหลังคาบ้านนั้นไม่รู้ว่าเด็กคนหนึ่งขึ้นไปอยู่ตั้งแต่เมื่อใด!
“ไอ้หยา! นั่นใช่ฮั่วต้าหลางหรือไม่!” ผู้ที่สายตาดีมองเห็นก็ตระหนกตกใจขึ้นมาทันใด
“ไปๆๆ! ไปดูกันหน่อย!”
ไม่ทันไร ผู้คนจำนวนไม่น้อยก็ปรี่ไปทางด้านบ้านฮั่วอย่างบันดาลโทสะ
ฮั่วหลินตอนนี้ชาญฉลาดไม่เบา หลังจากเขาวิ่งวนในลานบ้านสองรอบก็ขึ้นไปอยู่บนหลังคาบ้านเสียแล้ว!
ฮั่วเฉียงตามไม่ทัน ทำได้เพียงมองจากข้างล่าง หน้าตาขมึงทึงและค่อนข้างร้อนรนใจ
เหมียวซื่อมีปฏิกิริยาโต้ตอบไว รู้ว่าตอนนี้เป็นเรื่องใหญ่แล้ว อีกเดี๋ยวจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ จึงรีบพูดเกลี้ยกล่อมอย่างคนมีเจตนาดีทันที “ไอ้หยา แก้วตาดวงใจของข้า นี่สูงเกินไปแล้ว รีบๆ ลงมาเร็วเข้า เดี๋ยวย่าต้มไข่ให้เจ้ากิน…”
ฮั่วต้าหู่ที่มองดูเหมือนคนซื่อตรงตลอดที่ผ่านมาก็กล่าวขึ้นเช่นกัน “เดี๋ยวปู่ทำดาบไม้เล็กๆ ให้เจ้าสักอันดีหรือไม่ เจ้ารีบลงมาเร็วเข้า…”
ฮั่วเฉียงแม้รู้สึกไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ไม่ใช่ไม่รู้ประสีประสา
พวกเขามากันวันแรก หากรังแกฮั่วหลินแล้วถูกจับได้ เช่นนั้นชีวิตแต่ละวันหลังจากนี้จะต้องลำบากแน่
“หลานหลิน เมื่อครู่ข้าแค่ล้อเจ้าเล่น เจ้าเป็นหลานชายคนโตของข้า เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขคนเดียวของพี่ใหญ่ข้า ข้าเอ็นดูเจ้าจะแย่…” ฮั่วเฉียงใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้หนวดเครา แม้ดุดัน แต่กลับมีบุคลิกอย่างผู้หญิง การแสร้งทำเป็นซื่อเช่นนี้ ชวนให้ฮั่วหลินรู้สึกจะอาเจียนในใจ
ฮั่วหลินครุ่นคิด ก่อนจะลงมือทำผมเผ้าในร่างมนุษย์ที่น่ารักน่าเอ็นดูของตนให้กระเซอะกระเซิงเล็กน้อย
จากนั้นแผดเสียงตะโกน ทันใดนั้นบนใบหน้าก็ปรากฎหยาดน้ำตาขึ้นมาไม่ขาดสาย
“แง้! พวกท่านเหล่านี้เป็นคนเลว! พวกท่านข่มเหงข้า! ข้าเกลียดพวกท่าน!”
เมื่อทุกคนบุกเข้ามาก็ได้ยินเสียงที่ร้องไห้ด้วยความเศร้าเสียใจของฮั่วหลิน ดวงใจนี้ถึงกับเจ็บปวดขึ้นมาทันใด
เด็กที่ผู้คนทั่วหมู่บ้านชื่นชอบที่สุดคือใคร แน่นอนว่าก็คือฮั่วหลินอย่างไรเล่า!
เด็กคนนี้น่ารักดุจเซียนวัยเยาว์ที่อยู่บนฟากฟ้าก็ไม่ปาน อีกทั้งยังปากหวาน ขอเพียงเป็นคนที่ดีต่อเขา เขาล้วนยิ้มแย้มให้ ชวนให้ผู้คนอดอ่อนโยนกับเขาไม่ได้จริงๆ!
แต่ขณะนี้กลับร้องไห้เสียใจเช่นนี้!