ตอนที่ 547 มีสิทธิ์อะไร
ฮั่วหลินเผยสีหน้าดุดัน มองดูข่มขู่คนได้ดีทีเดียว
แต่เขาและซ่งอิงประเมินฮั่วผิงต่ำไปแล้วจริงๆ
เห็นเพียง…
ฮั่วผิงนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นกระโจนเข้ามาอย่างเต็มแรงกะทันหัน แรงผลักเดียวก็ทำให้ฮั่วหลินที่ไม่ได้ตั้งตัวล้มลงไปบนพื้น ฮั่วผิงยืนจ้องเขาเขม็งเหมือนลูกหมาป่าตัวหนึ่ง
ฮั่วหลินถึงกับนิ่งอึ้ง
เขาไม่ใช่ว่าสู้เด็กเล็กอย่างฮั่วผิงไม่ได้ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าฮั่วผิงจะกล้าใช้กำลังน่ะสิ!
ขายหน้า! ขายหน้าเกินไปแล้ว!
ฮั่วหลินสีหน้าแดงก่ำ รีบปีนป่ายลุกขึ้นมาจากพื้นทันใด จากนั้นก็เอาคืนฮั่วผิงโดยการเตะหนึ่งทีทำให้คนเขาถลาไปด้านข้าง
ซ่งอิงไม่ได้ยื่นมือเข้าไปยุ่ง
เด็กน้อยครอบครัวนางไม่ใช่ธรรมดาทั่วไป จะคอยพึ่งพามารดาไปเสียทุกเรื่องไม่ได้
หลังจากฮั่วหลินเอาจริงขึ้นมา ฮั่วผิงมีหรือยังจะสู้เขาได้อีก
แม้ว่าฮั่วหลินอายุน้อย แต่เขาได้เปรียบจากความเป็นภูต อย่าว่าแต่ฮั่วผิงคนเดียวเลย ต่อให้สมาชิกทั้งครอบครัวเหมียวซื่อมากันหมด ฮั่วหลินก็ไม่ถึงขั้นเสียเปรียบเช่นกัน
ซ่งอิงสังเกตฮั่วผิงผู้นี้
เห็นเพียงเด็กยังอายุน้อยแต่กลับหน้าตาก้าวร้าว อีกทั้งดูเหมือนรู้เช่นกันว่าจุดอ่อนของคนเราอยู่ตรงส่วนไหน เมื่อลงมือก็มักจะจ้องไปที่ดวงตา ลำคอ ตลอดจนท้องน้อย
ฮั่วหลินรวดเร็ว จึงไม่ถูกเล่นงานแต่อย่างใด
เห็นกลยุทธ์นี้ไม่สำเร็จ จู่ๆ ในมือฮั่วผิงก็ปรากฏกระเบื้องเพิ่มขึ้นมาหนึ่งแผ่น เสียงดัง ‘แคว่ก’ เฉือนเข้าไปที่เสื้อของฮั่วหลิน
ฮั่วเสี่ยวเฉียวเห็นดังกล่าวก็ตกอกตกใจ “อาตี้!”
ชกต่อยกันก็ชกต่อยไป แต่จะเล่นทำร้ายถึงเลือดตกยางออกได้ที่ไหนกันเล่า หากเป็นลักษณะนี้พวกเขาก็จะหมดคำแก้ตัวแล้วน่ะสิ!
“ข้าจะจัดการเจ้าให้ตายไปเลย!” ฮั่วผิงกลับเหมือนไม่ได้ยิน
ซ่งอิงสีหน้าถมึงทึงขึ้นเล็กน้อย สาวเท้าเดินตรงขึ้นไปเบื้องหน้า ไม่พูดไม่จา จับคนหิ้วขึ้นมาแล้วเหวี่ยงไปด้านข้าง
นางแค่อยากจะดูเช่นกันว่าคนครอบครัวนี้นิสัยใจคอเป็นเช่นไร ดังนั้นจึงได้อดกลั้นไม่ระเบิดอารมณ์ออกมา แต่ตอนนี้ดูท่า…เด็กนิสัยเสียอย่างฮั่วผิงผู้นี้จะแตกต่างกับซ่งต๋าอย่างสิ้นเชิง
ตอนแรกซ่งต๋าก็นิสัยเกเรเช่นกัน แต่ก้นบึ้งในจิตใจยังมีส่วนเกรงกลัวอยู่บ้าง พูดอย่างง่ายๆ คือตอนนั้นซ่งต๋าไม่รู้ความโดยแท้จริง
แต่ฮั่วผิงผู้นี้แตกต่างออกไป เขามีความดุร้ายฝังลึกอยู่ไม่น้อย ลักษณะที่มองฮั่วหลินก็เหมือนอยากจะฆ่าคนจริงๆ อย่างไรอย่างนั้น
ฮั่วผิงล้มลงไปอย่างแรง เวลานี้เองจึงได้สงบนิ่งลง
จากนั้นโยนเศษกระเบื้องแผ่นนั้นทิ้งเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น จับจ้องไปที่ซ่งอิงไม่วางตา “พี่สะใภ้ ข้าต้องการกินขนม!”
“หากข้าไม่ให้เจ้าล่ะ” ซ่งอิงแสยะยิ้ม
ครั้นคำพูดนี้หลุดออกไป ฮั่วผิงก็ขมวดคิ้วนิ่วหน้ามาดร้าย “ท่านเป็นพี่สะใภ้ข้า ท่านต้องให้ข้ากิน!”
“เหอะ เจ้าเรียนรู้ตรรกะทำตัวเป็นโจรปล้นของมาจากไหนหรือ เป็นพี่สะใภ้เจ้าก็ต้องดูแลการกินอยู่ของเจ้าหรือ แม่เจ้ายังไม่สนใจเลย แต่กลับให้ข้าสนใจดูแล เราสนิทสนมกันมากหรือไร” ซ่งอิงมองฮั่วผิงแวบหนึ่งอย่างรังเกียจ
นางมีความรู้สึกที่ไม่แย่ต่อเด็กๆ แม้ว่าค่อนข้างเกเรก็ตาม แค่ปรับเปลี่ยนและดัดนิสัยสักหน่อยก็พอช่วยให้ไม่ขัดหูขัดตาได้
แต่เด็กคนนี้…
มองปราดเดียวก็เกินพอ
ฮั่วผิงมองซ่งอิงแวบหนึ่งอย่างสงบนิ่ง แต่แล้วก็พยุงตัวลุกขึ้นมากะทันหันแล้วกลับหลังหันเดินไป
ซ่งอิงขมวดคิ้วนิ่วหน้า
ฮั่วเสี่ยวเฉียวยืนอยู่ตรงนั้นอย่างประหม่า แต่ไม่ทันไรก็กลับคืนสู่สภาวะปกติ “พี่สะใภ้ใหญ่ อาตี้ก็นิสัยแบบนี้ละ ดื้นรั้นนิดหน่อย แต่ว่านะ…พี่สะใภ้ใหญ่ก็ไม่ได้ขาดแคลนเงิน เอาขนมให้กันหน่อยจะเป็นไรไป มิได้จะกินของท่านจนหมดเกลี้ยงเสียหน่อย อีกทั้งตอนนี้ท่านไม่ให้เขา เดี๋ยวอาตี้โกรธ ท่านจะได้เห็นดีไปด้วยอีกคน”
พูดจบ ฮั่วเสี่ยวเฉียวยังคงเชิดหน้าอย่างหยิ่งผยอง
ซ่งอิงประหลาดใจมาก เด็กน้อยขนาดนี้คนหนึ่งจะทำให้นางเห็นดีได้อย่างไร
“ไสหัวออกไปจากบ้านข้า!” ซ่งอิงกล่าวเสียงเย็นชา
ฮั่วเสี่ยวเฉียวสีหน้าชะงักแข็งทื่อ “ท่านเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ข้า! ท่านก็สมควรดูแลพวกเรา! ตอนนี้ลูกชายท่านได้กินดีอยู่ดี คนทั้งครอบครัวเรากลับต้องเผชิญความทุกข์ยากลำบาก มีสิทธิ์อะไร!”
ซ่งอิงเดินเข้าไปหา
ตวัดมือเข้าใส่ เกิดเสียงดัง ‘เพียะ’ “สิทธิ์ที่ ณ ที่นี้เป็นเขตแดนของข้า ให้เจ้าไสหัวไปตั้งนานแล้วเจ้าไม่ไป ต้องให้ข้าใช้กำลังจนได้ หากเจ้าคันไม้คันมือ ข้าหาสหายมาช่วยเกาให้เจ้าได้เช่นกัน!”
ตอนที่ 548 มีปัญหา
ฮั่วเสี่ยวเฉียวกุมหน้าพร้อมความรู้สึกเหลือเชื่อ “เจ้ากล้าตบข้ารึ พวกเราลำบากตรากตรำอย่างยิ่งกว่าจะมาถึงที่นี่ พวกเราเป็นที่พึ่งพิงเดียวของเจ้า เจ้ากล้าตบข้ารึ!”
ซ่งอิงได้ยินก็หัวเราะออกมา
ที่พึ่งพิง?
นางต้องการที่พึ่งพิงตั้งแต่เมื่อใดหรือ
ตอนแรกที่ออกจากบ้านซ่งมา นางไม่ได้พึ่งพาอาศัยใครทั้งนั้น ปัจจุบันมีบ้านและเงินก็มีแล้วเช่นกัน จะต้องการที่พึ่งพิงได้อย่างไรเล่า
ซ่งอิงเลิกคิ้ว มองคนผู้นี้อยู่ห่างจากปากประตูไม่ไกลนักเช่นกัน จึงยกเท้าขึ้นมาถีบเป็นผลให้คนกระเด็นออกไป
จากนั้นก็ผิวปากเกิดเสียงหนึ่งขึ้นมา ก่อนจะเห็นเพียงต้าหวงบิน ‘พั่บๆๆ’ มาจากทางด้านลานหลังบ้าน ดูตระการตาอย่างยิ่ง
“จับตาดูนางไว้ ขืนนางกล้าเข้ามาใกล้แม้เพียงก้าวเดียวก็จิกนางเต็มที่!” ซ่งอิงสบถฮึ
เมื่อก่อนเคยเห็นแต่คนจับไก่ ยังไม่เคยเห็นไก่จับคนมาก่อน ดีเลย จะได้ถือโอกาสนี้เห็นอะไรใหม่ๆ หน่อย
ฮั่วเสี่ยวเฉียวกลัวไก่ตัวหนึ่งเสียที่ไหนกันเล่า
ทันใดนั้นนางก็ปรี่เข้ามา อยากจะฟาดมือตบลงบนใบหน้าเพื่อแก้แค้น
แต่ยังไม่ทันเหยียบเข้ามา ต้าหวงก็พุ่งเข้าใส่เสียแล้ว จากนั้นปากที่แข็งนั่นก็จิกลงบนใบหน้าของฮั่วเสี่ยวเฉียว!
ต๊าก ต๊าก ต๊าก!
ครั้งแล้วครั้งเล่า ประหนึ่งเครื่องตอกเสาเข็มไฟฟ้า!
ซ่งอิงมองภาพฉากนี้ เผยรอยยิ้มมุมปากขึ้นมา
น้องสาวสามี?
อย่าว่าแต่น้องสาวสามีผู้นี้เป็นคนที่มาเจอกันกลางทางเลย ต่อให้เป็นผู้ที่เติบใหญ่มากับนาง นางก็ไม่อาจยอมให้ตัวเองได้รับความไม่เป็นธรรมและปล่อยให้คนอื่นเอาเปรียบได้!
ฮั่วเสี่ยวเฉียวรู้สึกเพียงบนใบหน้าปวดแสบปวดร้อน หันหลังได้ก็วิ่งทันที แต่ขณะที่นางวิ่ง ไก่โต้งก็คอยตามอยู่ด้านหลัง ไล่ตามมาถึงร้อยกว่าเมตรจึงได้กลับไป!
ในบ้านสงบลงแล้ว
ฮั่วหลินถอนหายใจ “คนครอบครัวนี้ล้วนไม่ปกติ ท่านแม่ เราจะทำอย่างไรดีให้พวกนางไสหัวไป!”
“วางใจเถอะ พวกนางรีบร้อนจะเอาเปรียบจึงได้ทำผิดอยู่ตลอด ขอเพียงกระทำผิดมากครั้งพอ ย่อมต้องไสหัวไปไกลๆ แน่นอน” ซ่งอิงยิ้มเล็กน้อย
ว่ากันตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน คนครอบครัวนี้จะไม่ปล่อย…เงินในมือของนางให้หลุดลอยเป็นแน่
แต่กลายเป็นว่านั่นก็คือเรื่องดีอย่างหนึ่ง
เมื่อถึงตอนค่ำ ปีศาจกบเขียวมาจากทางด้านบ้านฮั่วนั่น
“ท่านอาจารย์ พวกเราเห็นฮั่วผิงผู้นั้นถือตะบันไฟออกมาตอนกลางดึกโดยมุ่งหน้ามาทางด้านนี้ ไม่ถึงหนึ่งเค่อก็คงจะมาถึง” ปีศาจกบเอ่ยปาก
สาเหตุทั้งหมดทั้งมวลที่ให้ความสนใจกับตะบันไฟนั่น เป็นเพราะเมื่อตอนกลางวันมันเห็นเด็กน้อยผู้นั้นจุดไฟเผารังมด
เด็กน้อยน่ะ หลายต่อหลายคนล้วนเคยทำเรื่องประเภทนี้ทั้งนั้น ซึ่งก็ไม่แปลกเช่นกัน
เพียงแต่ ฮั่วผิงผู้นี้มองดูค่อนข้างทารุณไปหน่อย
หน้าตาขมึงทึง อยู่บ้านก็พูดน้อย พอเอ่ยปากขึ้นมาทีก็ต้องการกินนู่นดื่มนี่ แม้เป็นเพียงช่วงเวลาอันสั้นในหนึ่งวัน แต่มันไม่เห็นเหมียวซื่อปฏิเสธฮั่วผิงเลย
ปีศาจกบเขียวล้วนบอกกล่าวคำพูดเหล่านี้กับซ่งอิงให้เข้าใจ ก่อนจะกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ตอนแรกข้ายังนึกว่าเป็นเพราะเหมียวซื่อผู้นั้นรักและเอ็นดูลูกชายคนเล็ก แต่พอสังเกตดูกลับพบว่าไม่ใช่ด้วยเรื่องนี้”
“เหมียวซื่อผู้นั้นดูเหมือน…ค่อนข้างกลัวฮั่วผิง ไม่ค่อยจะพูดคุยกับเขาสักเท่าไร” ปีศาจกบเขียวกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ซ่งอิงรู้สึกเช่นกันว่าฮั่วผิงมีปัญหา
ในฐานะเด็กที่อายุสิบกว่าๆ คนหนึ่ง อาการของคนผู้นั้นค่อนข้างรุนแรงอย่างยิ่ง หากอยู่ในภพชาติก่อน จะต้องมีปัญหาทางสภาพจิตอย่างแน่นอน
“เจ้าคิดว่าเขานำตะบันไฟมาก็เพื่อวางเพลิงหรือ” ซ่งอิงนึกถึงตอนกลางวันขึ้นมาได้ นึกถึงแววตาของฮั่วผิงผู้นั้น
“ข้าคิดว่าใช่ ระยะนี้ตอนกลางคืนเต็มไปด้วยอากาศแห้ง กอปรกับวัตถุต่างๆ ก็แห้งกรอบ กำแพงด้านนอกของท่านไม่ต้องกลัวไฟไหม้ แต่ภายในนี้อย่างไรเสียก็ทำจากไม้ แล้วยังมีด้านนอกเรือนอีก ตอนนี้ตามทางก็เต็มไปด้วยกองหญ้าแห้ง แค่จุดไฟขึ้นมาสองสามกอง วันนี้คนในหมู่บ้านก็ไม่ต้องหลับต้องนอนกันแล้ว คนที่ลาดตระเวนไม่แน่ว่าจะสนใจเด็กน้อยคนหนึ่ง อีกทั้งเขาก็ตัวเล็ก ง่ายต่อการไปหลบซ่อนอีกด้วย” ปีศาจกบกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ซ่งอิงรู้สึกว่ามีเหตุผล
แม้ว่าจับคนต้องจับอย่างคาหนังคาเขา แต่ถึงอย่างไรก็ไม่อาจรอให้เขาจุดไฟเผาสิ่งของแล้วค่อยลงมือได้หรอกกระมัง
แต่ทว่านึกถึงภาพฉากตอนกลางวัน ซ่งอิงรู้สึกว่าฮั่วผิงผู้นี้ต่อให้จุดไฟเผาก็น่าจะอยากเผาสิ่งของของนาง…