ตอนที่ 569 ชีวิตแลกด้วยชีวิต
ซ่งเหล่าเกินตกตะลึง เขายังไม่เคยคิดเลยจริงๆ ว่าจะได้พักอยู่ในตัวอำเภอ!
เมื่อก่อนบ้านหลังนั้นเป็นของหลานชายคนโต ตนก็เคยไปดูมาบ้างเช่นกัน แต่ไม่กล้าพักค้างคืนด้วยซ้ำ จึงคิดไม่ถึงเลยว่าสาวน้อยผู้นี้จะยอมให้เขาผู้ชราพักอยู่ด้วยระยะหนึ่งได้…
อีกอย่าง ซ่งสวิน เด็กคนนั้น ตามจริงเขาก็ไม่ได้เห็นหน้าค่าตามาระยะหนึ่งแล้วเช่นกัน ไม่รู้ว่าเรียนเป็นอย่างไรบ้าง เขาผู้นี้ในฐานะปู่ก็สมควรไปพบเจออาจารย์ผู้สอนที่สถานศึกษาและถามไถ่สักบ้างหน่อย ถึงอย่างไรก็จะให้เป็นเหมือนหลายปีก่อนเช่นนั้นไม่ได้ ไม่ถามไถ่ก็เข้าใจหลานชายในทางที่ผิดไปเสียแล้ว
“เช่นนั้นก็ได้ พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าจะอยู่ค้างที่นี่ซักระยะแล้วค่อยกลับไป” ซ่งเหล่าเกินพูดจบก็หันไปกล่าวกับหัวหน้าหมู่บ้าน “ครั้งนี้ลำบากหัวหน้าหมู่บ้านมาไกลถึงที่นี่แล้ว”
หัวหน้าหมู่บ้านซ่งมองซ่งอิงพริบตาหนึ่งแล้วเอ่ยถาม “ข้าสังเกตว่าใต้เท้าฮั่วผู้นั้นดูค่อนข้างคุ้นตา… ดูคล้ายเคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน อีกทั้งเมื่อครู่ได้ยินเขาเรียกแทนตัวเองว่าตัวเรา จึงรู้สึกสับสนในใจไปกันใหญ่…”
“เขาเป็นอ๋องแซ่ต่างจากราชวงศ์ ไม่ใช่คนในตระกูลฮ่องเต้เจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าว ก่อนจะนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ จากนั้นกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ท่านเคยเห็นเขามาก่อนหรือเจ้าคะ”
“ก็ไม่ใช่ว่าเคยเห็นมาก่อน เพียงแค่รู้สึกว่าใต้เท้าผู้นี้รูปลักษณ์ค่อนข้างคล้ายคลึงกับฮั่วหรงเด็กผู้นั้น” หัวหน้าหมู่บ้านซ่งกล่าว
ที่หัวหน้าหมู่บ้านซ่งพูดว่าค่อนข้างดูคล้ายคลึงก็ไม่แปลก เป็นเพราะตอนที่ฮั่วหรงจากไป เขายังอายุน้อยมากจริงๆ มิหนำซ้ำยังไม่ดูเก่งกาจเหมือนเช่นตอนนี้ เรียกว่าด้อยกว่าค่อนข้างมากด้วยซ้ำ
ทว่าซ่งอิงกลับตระหนกตกใจไม่น้อยทีเดียว
นางคิดมาโดยตลอดว่าใต้เท้าฮั่วพูดจาเหลวไหลไร้สาระ อย่างมากสุดฮั่วหรงก็เป็นแค่ผู้ใต้บัญชา เป็นไปไม่ได้ที่จะมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดอย่างการเป็นหลานชาย…
แต่เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านพูดเช่นนี้…
หรือว่าทั้งสองคนนี้เป็นอาหลานกันจริง!
“อาจเป็นความบังเอิญ” ซ่งอิงได้แต่คิดในใจ ไม่สะดวกพูดออกไปว่าตนกลายเป็นหลานสะใภ้ของขุนนางใหญ่ระดับนี้แล้ว
“คงจะเป็นอย่างว่า” หัวหน้าหมู่บ้านซ่งยิ้มเล็กน้อย “พวกเจ้าไปจัดการธุระเถอะ ข้าจะกลับหมู่บ้านไปพร้อมกับเหยาซื่อเป็นอันสิ้นเรื่อง”
ซ่งเหล่าเกินพยักหน้า ต่อจากนั้นซ่งอิงพาผู้เฒ่าซ่งผู้นี้ไปส่งยังสถานที่ที่ซ่งสวินอยู่อาศัยแม้ว่าบ้านในตัวอำเภอหลังเล็ก แต่ก็มีทุกอย่างครบครัน ผู้เฒ่าดีใจมาก ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับซ่งสวิน หลานชายคนนี้ เขารู้สึกได้รับความสุขอย่างคนในครอบครัว
ส่วนซ่งอิง นางเริ่มลงมือแล้ว
นางต้องการต่อกรกับร้านชุ่ยเหยียนไจเป็นทุนเดิม ยิ่งตอนนี้มีโอกาสดีงามเช่นนี้แล้ว จะปล่อยให้หลุดลอยไปได้อย่างไร
นางจ้างคนปล่อยข่าวลือทั่วสารทิศในทันที กล่าวว่าผู้จัดการและผู้ดูแลร้านที่สำคัญที่สุดของร้านชุ่ยเหยียนไจกระทำความผิดอันใหญ่หลวงจึงถูกกักขังไว้
นางต้องล้มร้านชุ่ยเหยียนไจให้ได้ก่อนที่ผู้ดูแลร้านคนใหม่จะถูกโยกย้ายเข้ามาแทน!
ถึงอย่างไรคนที่มีหน้ามีตาก็ล้วนไม่คบหาสมาคมกับผู้ที่กระทำความผิดอยู่แล้ว ดังนั้นร้านชุ่ยเหยียนไจจึงถูกตระกูลคนใหญ่โตเหล่านั้นเมินเฉยในทันที
ถึงกระนั้นก็ยังคงมีครอบครัวเล็กๆ ที่ร่ำรวยบางส่วนไปซื้อของ ในช่วงเวลานี้เอง สี่ร้านเครื่องประทินโฉมที่ร่วมกิจการกับซ่งอิงก็กิจการฟื้นตัวขึ้นมาอีกครั้ง ถนนแต่ละสายครึกครื้นขึ้นมาถ้วนหน้า
พวกเขาตระเตรียมด้วยความเหน็ดหนื่อย ดังนั้นสิ่งของที่ขายแน่นอนว่าไม่ด้อยไปกว่าร้านชุ่ยเหยียนไจเช่นกัน ดังนั้นผลลัพธ์จึงยอดเยี่ยมจริงๆ!
ทางด้านร้านชุ่ยเหยียนไจที่ตอนนี้การจัดการไม่เป็นระเบียบก็เกิดความวุ่นวายขึ้นบ้างแล้ว
นับวันลูกค้าก็ยิ่งลดน้อยลงไป
สี่ห้าวันต่อมา ร้านชุ่ยเหยียนไจไม่มีลูกค้ามาเยือนแม้แต่คนเดียว ไม่เพียงเท่านี้ ทางด้านที่ว่าการอำเภอก็กำหนดผลคดีออกมาแล้วเช่นกัน
ทางการตรวจสอบพบว่าเบื้องหลังพวกเก๋อต้ากระทำเรื่องชั่วช้ามาแล้วหลายสิบเรื่อง ครึ่งหนึ่งในนั้นเป็นคำสั่งจากร้านชุ่ยเหยียนไจแทบทั้งหมด ที่ไม่ค่อยร้ายแรงคือแย่งวิธีการผลิตและใช้กำลังทำร้ายสามสี่ครั้ง ที่ร้ายแรงคือนึกไม่ถึงว่ายังมีเรื่องจำพวกทำร้ายร่างกายหมายเอาชีวิต ตลอดจนการสร้างความอับอายขายหน้าให้แก่สตรีจากตระกูลผู้ร่ำรวยสูงศักดิ์!
มีฮั่วเจ้ายวนคอยจับตาดูอยู่ นายอำเภอจะกล้าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ส่วนตัวได้อย่างไร
ต่อให้สองสามวันมานี้ ร้านชุ่ยเหยียนไจส่งของขวัญมาให้มากมาย เขาก็ไม่กล้ารับไว้เช่นกัน ถึงขั้นยังนำของขวัญที่มอบมาให้นี้ส่งไปยังจวนฮั่วเพื่อแสดงถึงความบริสุทธิ์ใจของตนเอง
เถ้าแก่ของร้านชุ่ยเหยียนไจอยู่ที่เมืองหลวงซึ่งไกลออกไป
จะไปมาสักครั้งอย่างน้อยๆ ก็เป็นเวลาหนึ่งถึงสองเดือน โดยปกติเขาย่อมมีคนที่พึ่งพาได้ช่วยจัดการเรื่องประเภทนี้ให้ แต่ก็ยังคงต้องคอยดูท่าทีจากคนเบื้องบนอยู่ดี หลังจากฮั่วเจ้ายวนได้ผลสรุปคดีนี้แล้วก็ตัดสินโทษให้ประหารชีวิตคนผิดด้วยตนเอง
ในเมื่อเคยทำร้ายคนเสียชีวิต เช่นนั้นก็เอาชีวิตแลกชีวิต ไม่มีอะไรเหมาะสมไปกว่านี้แล้ว!
ตอนที่ 570 โทษประหารชีวิต
จากขั้นตอนการไต่สวนคดีความถึงยามกำหนดบทลงโทษ ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้นเอง โดยปกติแล้วคดีความคดีหนึ่งต้องวิ่งไปมาเพื่อการหาหลักฐาน เกรงว่าจะไม่ใช่เวลาอันสั้นเพียงนี้ หากไม่ใช่เพราะมีคนหนุนหลัง คงเป็นไปไม่ได้ที่จะรวดเร็วเช่นนี้
ส่วนผู้จัดการร้านและผู้ดูแลร้านหยวนของร้านชุ่ยเหยียนไจล้วนรู้สึกเหมือนฝันก็ไม่ปาน รู้สึกราวกับสถานการณ์ทั้งหมดไม่ใช่ความจริงสักเท่าไร
เดิมทีเพียงแค่ไปที่ทำการสักครั้งเท่านั้นเอง ไฉนเพียงชั่วพริบตาเดียวก็ถูกพิพากษาลงโทษเสียแล้วเล่า มิหนำซ้ำยังเป็นโทษประหารอีกด้วย!
“ไม่ได้นะขอรับ ทางด้านเถ้าแก่ร้านข้ายังไม่ถ่ายทอดถ้อยคำมาเลย พวกท่านจะกำหนดโทษให้ข้าทั้งสองคนอย่างนี้มิได้!” หลังผู้จัดการร้านได้ยินประกาศโทษก็เกือบเสียสติไปแล้ว
น่าเสียดาย ไม่มีผู้ใดสนใจเขา จากนั้นเขาก็ถูกลากกลับเข้าคุกทันที
รอกระทั่งหลังจากนี้สามวัน ก็ลงมีดสับ ‘ฉับ’ ณ ลานประหารย่านไช่ซื่อโข่ว
ทางด้านร้านชุ่ยเหยียนไจนั่นก็มีท่อน้ำเลี้ยงเช่นกัน หลังตัดสินคดีความแล้วก็มีคนมาส่งข้าวให้
“สรุปแล้วเป็นอย่างไรบ้าง! พวกเจ้าไม่ได้…เจรจากับท่านนายอำเภอหรือ!” ผู้จัดการร้านเอ่ยถาม
‘เจรจา’ ที่เขาพูด หมายถึงการส่งของขวัญและส่งเงินไปให้
ผู้เป็นลูกน้องรู้สึกลำบากใจมากเช่นกัน “ผู้จัดการร้าน ที่พวกเราพูดได้ก็พูดกับท่านนายอำเภอไปหมดแล้ว แต่เขาไม่ฟังเลย สิ่งของที่พวกเราส่งไป นายอำเภอก็เอาไปส่งต่อให้ทางด้านจวนใต้เท้าฮั่ว…นายอำเภอไม่เพียงกำหนดโทษประหารให้พวกท่าน ตอนนี้ยังตรวจสอบร้านของพวกเราอีกด้วย เพียงแต่ร้านนี้เป็นของเถ้าแก่ ต่อให้จะตรวจสอบก็ต้องติดต่อไปทางนายท่านแน่นอน มิเช่นนั้นเกรงว่าคงถูกยึดทรัพย์สินไปหมดแล้วตั้งแต่วันนั้นที่ท่านเข้าคุก!”
แน่นอนว่าทรัพย์สินส่วนตัวของผู้จัดการร้านและผู้ดูแลร้านหยวนทั้งสองคนถูกยึดไว้แล้ว และถูกนำมาเป็นค่าชดเชยให้แก่ผู้เสียหาย“นอกจากนั้นก็คือ…” เด็กช่วยงานในร้านถูจมูก “ตอนนี้ร้านพวกเรากิจการย่ำแย่มาก ตลอดทั้งวันจะเห็นลูกค้าสักสามถึงห้าคนยังยากเลย มิหนำซ้ำยังมีบางคนโยนขยะใส่หน้าร้านตอนเดินผ่านอีกด้วย…ร้านเครื่องประทินโฉมสี่ห้าร้านนั้นที่อยู่ในตัวอำเภอต่างก็กลับมาเปิดกิจการกันแล้ว ค้าขายดิบดีอย่างน่าประหลาดเกินเทียบได้ บรรดาฮูหยินและแม่นางสาวๆ ที่เมื่อก่อนชอบซื้อของร้านเราก็ไปร้านของพวกมันหมดแล้ว…เกรงว่าจะแบกรับต่อไปได้อีกไม่นานแล้วละขอรับ…”
ยิ่งไปกว่านั้น ร้านค้าเหล่านี้ยังไม่มีความขัดแย้งกันมากนัก แต่ละร้านล้วนค้าขายดีเหลือเกิน!
กลับคืนสู่รูปการณ์อย่างตอนแรกก่อนที่ร้านชุ่ยเหยียนไจยังไม่มาเปิด
เมื่อเอ่ยถ้อยคำนี้ออกไป ผู้จัดการร้านและผู้ดูแลร้านหยวนต่างก็งุนงงจนทำอะไรไม่ถูกไปเล็กน้อย
ยังมีปัญหาที่เงินไม่อาจจัดการแก้ไขได้อีกหรือ!
“พวกเจ้าไม่ได้บอกฐานะของเถ้าแก่ร้านพวกเรากับนายอำเภอใช่หรือไม่! ต่อให้เป็นใต้เท้าฮั่วก็สมควรไว้หน้าเถ้าแก่สักหน่อยเช่นกันสิ!” ผู้จัดการร้านกล่าวขึ้นมาอีกครั้งทันที
“บอกแล้วขอรับ แต่นายอำเภอกล่าวว่าเพราะผู้จัดการร้านอย่างท่านจิตใจละโมบโลภมากไม่รู้จักพอจนกระทำเรื่องชั่วร้าย อย่าได้ดึงเจ้านายมาข้องเกี่ยวเรื่องแย่ๆ เลย” เด็กช่วยงานในร้านเอ่ยอีกครั้ง
เถ้าแก่ร้านอยู่ไกล ต่อให้รู้ว่าร้านค้าของตนกิจการไม่ดีแล้ว แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะแทรกมือเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องเล็กๆ ระดับนี้
ผู้จัดการร้านเนื้อตัวอ่อนยวบไปหมด
“นี่…นี่หมายความว่าจะต้องโทษประหารแล้วหรือ” ผู้จัดการร้านรู้สึกเหลือเชื่อ
เขาเพียงแค่ทำไปเพื่อร้านชุ่ยเหยียนไจเท่านั้นเอง ไฉนจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้เล่า
ทั้งสองคนคิดไม่ตกอยู่ตลอด แต่กระทั่งยามที่ไปถึงลานประหารย่านไช่ซื่อโข่ว พวกเขาก็ตระหนกตกใจขึ้นมาทันที!
ความตายอยู่ตรงหน้าแล้ว จะไม่กลัวได้อย่างไรเล่า! ย่อมต้องส่งเสียงร้องอ้อนวอนเป็นธรรมดา หากเริ่มใหม่ได้อีกครั้ง ต่อให้ถือมีดมาพาดอยู่บนลำคอพวกเขา พวกเขาก็จะไม่ตั้งตนเป็นอริกับซ่งอิง!
ไม่สิ ไม่เพียงแค่ไม่ตั้งตนเป็นคู่ต่อสู้กับซ่งอิง แต่จะทำกิจการไปอย่างซื่อตรง ไม่รังแกชาวบ้านสามัญชนทั่วไปโดยเด็ดขาด!
อย่างไรก็ตาม มานึกเสียใจภายหลังก็เปล่าประโยชน์
เนื่องจากเพราะเก๋อต้าพร้อมพวกสารภาพ ทางการจึงตรวจสอบเจอคนอื่นอีกสองสามคนนอกจากร้านชุ่ยเหยียนไจซึ่งเคยลงมือกระทำความชั่ว หากเป็นเรื่องเล็กๆ ก็ไม่เท่าไร แต่มีเรื่องหนึ่งเกี่ยวข้องกับชีวิตคน ผู้ที่กระทำผิดคนนั้นร่วมมือกับสองคนของร้านชุ่ยเหยียนไจ จึงถูกประหารชีวิตด้วยกัน ณ ตรงนั้น!
คนที่กระทำผิดโดยการฆ่าผู้อื่นในอำเภอหลี่ไม่ถือว่ามากนัก แล้วนับประสาอันใดกับครั้งนี้ลงโทษตัดหัวไปในคราวเดียวถึงสิบกว่าคน
คนในอำเภอตระหนกตกใจกลัวกันจนบางส่วนไม่กล้าออกจากบ้าน โลหิตแดงสดที่เจิ่งนองนั่นใช้เวลาสองสามวันก็ยังล้างไม่สะอาด ทำให้ผู้คนที่มองเห็นรู้สึกสะพรึงกลัวไปตามๆ กัน