ตอนที่ 581 ความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น / ตอนที่ 582 ฝึกสัตว์ร้าย
ตอนที่ 581 ความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น
สิ่งก่อสร้างใหม่ทำให้ทั้งหมู่บ้านดูเจริญรุ่งเรืองขึ้นมามาก ส่วนทางด้านตัวอำเภอนั้น ซ่งสวินก็ลงสนามสอบแล้วเช่นกัน
ซ่งอิงในฐานะน้องสาวก็ต้องแสดงไมตรีจิตบ้างสักนิด นางไม่ใช่คนนิสัยช่างพิถีพิถัน จึงไปตัวอำเภอซื้ออาภรณ์เนื้อหนาบุผ้ามาสองสามตัว อีกทั้งยังเลือกพู่กัน หมึก กระดาษและจานฝนหมึกอย่างดีอีกจำนวนหนึ่งส่งไปให้ จากนั้นก็ไม่ได้สนใจเรื่องของเขานักแล้ว
ญาติพี่น้องให้ความสนใจมากเกินไป ในฐานะผู้สอบก็ย่อมรู้สึกกดดันมากเช่นกัน
การสอบระดับอำเภอเรียบง่ายมาก เดิมทีซ่งสวินก็มีความมั่นใจในตัวเองว่าต้องผ่านแน่ เมื่อสอบระดับอำเภอเสร็จก็ยังคงเดินหน้าไม่หยุดยั้ง มุ่งไปยังตัวเมืองยง ต้องเตรียมสอบระดับจังหวัด และต่อด้วยการสอบระดับสถาบันการศึกษา หากผ่านการสอบระดับจังหวัดแล้ว เช่นนั้นก็คือถงเซิง ภายภาคหน้าอย่างน้อยก็กลับหมู่บ้านไปเป็นอาจารย์ที่โรงเรียน สอนหนังสือให้ความรู้ผู้คนได้
การสอบระดับอำเภอประกาศผลรวดเร็ว สามถึงห้าวันก็รู้ผลแล้ว
เพียงแต่ซ่งสวินถ่อมตน หลังสอบผ่านแล้วก็บอกข่าวคราวเพียงบิดามารดารวมไปถึงผู้เฒ่าซ่งและซ่งอิงเท่านั้น คนอื่นๆ ในตระกูลซ่งล้วนยังไม่รู้เรื่องที่ซ่งสวินลงสนามสอบเลยด้วยซ้ำ
ซ่งอิงเคยบอกกล่าวกับผู้เฒ่าซ่งไว้แล้วว่าไม่ต้องป่าวประกาศให้รู้โดยทั่ว ดังนั้นแม้ผู้เฒ่าดีใจเพียงใดก็ทำได้เพียงอดกลั้นไว้
ซ่งสวินเพิ่งสอบผ่านระดับอำเภอเท่านั้นเอง หากสอบไม่ผ่านระดับจังหวัด ภายภาคหน้าเขาจะรู้สึกกดดันเกินไป
นอกจากนี้ซ่งสวินก็ถึงวัยที่ต้องสู่ขอคู่ครองแล้ว
การสอบผ่านระดับอำเภอเป็นเรื่องน่ายินดีอันยิ่งใหญ่สำหรับคนจำนวนมากในชนบท เมื่อใดที่ผู้คนรู้ข่าว เกรงว่าธรณีประตูของบ้านซ่งจะต้องถูกเหยียบจนถล่มเป็นแน่ แม้ว่าเป็นเรื่องดี แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องสู่ขอภรรยา
ในร้านค้ามีงูดำคอยดูแล หมู่บ้านซิ่งฮวามีซ่งเหล่าเกิน แล้วยังมีหนิวต้าลี่รวมไปถึงชิงเหลียนแวะเวียนไปเฝ้าดูเป็นครั้งคราว ซ่งอิงเลยค่อนข้างวางใจ ดังนั้นจึงอยู่ในหมู่บ้านที่ซื้อเอาไว้มาโดยตลอด
ในช่วงเวลาอันสั้น หมู่บ้านไร่สวนแห่งนี้ก็เปลี่ยนไป
ซ่งอิงปูถนนสายเล็กสามสี่สายที่ค่อนข้างสำคัญในหมู่บ้านด้วยก้อนอิฐทั้งหมด ด้านพื้นที่บางส่วนที่ไม่ค่อยสำคัญมากก็ถมเศษหินลงไปจนแน่น
นางสั่งทำกังหันน้ำขึ้นมาใหม่ ตอนที่ช่างสร้าง ซ่งอิงเสนอความคิดเห็นลงไปในบางจุด ให้เปลี่ยนล้อกังหันน้ำไปสองสามส่วน เมื่อใช้งานจะช่วยเบาแรงไปได้มากทีเดียว การปรับเปลี่ยนเล็กๆ นี้ไม่ได้ผิดแปลกแต่อย่างใด ช่างในยุคสมัยนี้มากความสามารถ เกษตรกรรมก็ก้าวหน้าดีเช่นกัน แม้ว่าซ่งอิงพอเข้าใจงานช่างเล็กน้อย แต่นั่นก็มีประโยชน์อยู่บ้างเช่นกัน
สถานที่ทิ้งขยะในหมู่บ้านค่อนข้างกระจัดกระจายมั่วซั่ว ซ่งอิงก็จัดการให้ทั้งหมดมาอยู่จุดเดียวกันด้วยการขุดบ่อให้เป็นเขตทิ้งขยะขึ้นมาใหม่แห่งหนึ่ง
ผู้คนในหมู่บ้านมีน้อย สิ่งปฏิกูลจากคนก็ย่อมน้อยเช่นกัน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะอาศัยวิธีการนี้เพิ่มปุ๋ยให้แปลงนา
ดีที่นาข้าวเยอะ สองร้อยกว่าหมู่เห็นจะได้ หลังจากเลี้ยงเป็ดไก่ชุดแรกผ่านไปหลายวัน ซ่งอิงก็ซื้อมาเพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง
หลังปลูกต้นกล้าข้าวแล้ว นางก็จัดการปล่อยเป็ดทั้งหมดลงไป
เมื่อก่อนอยู่หมู่บ้านซิ่งฮวา นางหาซื้อนาข้าวที่สะดวกแก่การเลี้ยงปลาไม่ได้ แต่ตอนนี้แตกต่างไปแล้ว
นาข้าวที่นี่ระบายน้ำได้เยี่ยมจริงๆ นางจึงเลี้ยงปลาได้อย่างสบายใจ
เพียงเวลาสองเดือน ครอบครัวผู้เช่าที่ในหมู่บ้านก็มีความประทับใจในตัวเจ้าของที่ดินใหม่ผู้นี้กันถ้วนหน้า
นั่นก็เพราะ…นางมีความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น
มีหมู่บ้านตระกูลไหนบ้างจะยอมปลูกผลไม้เรียงรายเป็นแถวๆ บางส่วนยังคงเป็นต้นกล้าผลไม้ ยังไม่เติบโตเต็มที่เลยด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าอีกกี่ปีจึงจะได้เก็บผล!
อีกทั้งมีหมู่บ้านตระกูลใดบ้างเอาที่ดินบางส่วนเว้นไว้สำหรับใช้ปลูกดอกไม้?! สีแดงเอย น้ำเงินเอย เขียวเอย ม่วงเอย กินไม่ได้ดื่มไม่ได้ ปลูกเอาไว้มีประโยชน์หรือดอกไม้ที่ซ่งอิงปลูกด้านหนึ่งเพื่อความสวยงาม อีกด้านหนึ่งเพื่อเอาไปใช้กับสบู่หอม
นอกจากนี้ ที่ดินทรายของซ่งอิงก็ปลูกแตงโมเอาไว้ทั้งหมด แตงโมในยุคสมัยนี้ไม่เรียกว่าแตงโม แต่เรียกว่าแตงฤดูร้อน คนเล่าเรียนหนังสือจะเรียกมันว่าแตงผิวหยก
แตงฤดูร้อนนี้แตกต่างกับแตงหวานดั้งเดิม โดยทั่วไปตระกูลคนร่ำรวยสูงศักดิ์จะปลูกเอาไว้กินกันเอง หาซื้อตามท้องตลาดได้น้อย ที่สำคัญคือชาวสวนที่เชี่ยวชาญการปลูกแตงก็มีไม่มาก
นอกจากนี้ ปลูกเดือนสอง เดือนเจ็ดเดือนแปดจึงจะกินได้ เป็นระยะเวลาที่ค่อนข้างยาวนาน อีกทั้งแตงโมในตอนนี้ สายพันธุ์ก็ยังไม่พัฒนาถึงขั้นภพชาติก่อน ดังนั้นรสชาติของแตงนี้ก็ไม่หวานฉ่ำ แล้วยังมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดเนื้อแตงขาว
ดังนั้นคนทั่วไปต่อให้มีที่ดินประเภทดินทรายก็ปลูกถั่วลิสงเป็นส่วนใหญ่ อย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่เอามาสกัดน้ำมันได้ มีเพียงผู้ที่เงินเหลือเฟือเท่านั้นจึงคิดปลูกของประเภทนี้
ตอนที่ 582 ฝึกสัตว์ร้าย
หัวหน้าหมู่บ้านโน้มน้าวซ่งอิงเช่นกัน แต่ครั้นซ่งอิงนึกถึงภาพฉากที่ได้กัดแตงโมในฤดูร้อนก็ย่อมไม่เชื่อฟังอะไรทั้งสิ้นเป็นธรรมดา
อีกทั้งนางรดด้วยน้ำผ่านจิต ความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะแตงเนื้อขาวก็น่าจะค่อนข้างน้อย แตงโมจำนวนเก้าสิบหมู่ จะขายหรือกินล้วนเพียงพอ!
ซ่งอิงซื้อหมู่บ้านมาด้วยเงินเพียงสองพันกว่าตำลึงเงิน แต่กลับใช้จ่ายด้านการปรับปรุงหมู่บ้านไปมากถึงเจ็ดแปดร้อยตำลึงเงิน
ลำพังต้นผลไม้ที่รายล้อมหมู่บ้านสี่ทิศก็เป็นเงินไม่น้อยแล้ว มิหนำซ้ำนางยังสร้าง ซ่อมและปรับเปลี่ยนบ้านเรือน ช่องทางน้ำ ที่ดิน ถนนหนทาง รวมไปถึงคอกสัตว์…
แรกเริ่มชาวบ้านยังเสียดายเงินแทนนาง แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้า คนเหล่านี้ก็เคยชินแล้วเช่นกัน
ต้องเข้าใจว่ายามที่ซ่งอิงใช้จ่ายเงิน พวกเขาก็มีรายรับเช่นกัน
อย่างเช่นปลูกต้นไม้ หลังจากคนงานขนมาให้ ซ่งอิงก็จ้างพวกเขาช่วยปลูก เด็กๆ ปลูกต้นกล้า ผู้ใหญ่ปลูกต้นใหญ่และแขวนป้ายชื่อไม้เล็กๆ เอาไว้ที่ต้นไม้ผลทุกต้น หลังจากปลูกเสร็จคอยสังเกตเป็นเวลาครึ่งเดือน ขอเพียงต้นไม้ไม่ตายก็จะได้รับเงินต้นละสองอีแปะ
ผู้ที่ปลูกแล้วต้นไม้มีอัตราการรอดสูงสุดยังจะได้รับรางวัลแผ่นทองแดงอีกจำนวนหนึ่งด้วย
ปูถนนและสร้างบ้านก็เช่นเดียวกัน แม้ว่าผู้ชายน้อย แต่ผู้หญิงก็ไม่ธรรมดา สาวชาวบ้านเหล่านี้เรี่ยวแรงไม่ได้น้อยไปกว่าผู้ชายสักเท่าไหร่ ล้วนทำงานกันได้ดีทั้งนั้น อย่างแย่หน่อยก็ยังช่วยยื่นส่งของให้ได้กระมังขอเพียงแค่มีมือมีเท้า ล้วนทำประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ได้ทั้งนั้น เป็นผลให้หลายวันมานี้ แต่ละครอบครัวล้วนได้กินอิ่มท้อง บรรดาเด็กๆ มองดูขาวจ้ำม่ำขึ้นไม่น้อย
แน่นอนว่าหลายวันมานี้ไม่ใช่ว่าไม่มีสัตว์ดุร้ายจากบนเขาบุกรุกลงมา
จิ้งจอกป่า หมูป่าตัวใหญ่ แล้วยังมีหมาป่า นางล้วนเคยเห็นทั้งนั้น
แต่ทั้งหมดล้วนถูกจับได้ไม่เว้นแม้แต่ตัวเดียว
ในลานบ้านของเถ้าแก่เหนียงวางกรงเรียงรายไว้เป็นแถวๆ ในกรงมีอะไรต่อมีอะไรเต็มไปหมด
ตั้งแต่ตัวเล็กๆ อย่างหนู ใหญ่ไปถึงหมูป่า และนึกไม่ถึงว่านางยังเลี้ยงพวกมันเอาไว้อีกด้วย!
ที่แปลกไปกว่านั้นคือในหมู่บ้านมีเพียงพอนเหลืองตัวหนึ่งที่ห้อยกระดิ่งเอาไว้ เพียงพอนเหลืองตัวนั้นใครก็ไม่กล้ายุ่งกับมัน เป็นตัวที่เจ้าของที่ดินเลี้ยงเอาไว้จับหนูนั่นเอง…
พวกเขาต่างก็นึกถึงคำพูดที่เจ้าของหมู่บ้านเอ่ยเอาไว้ก่อนหน้านี้
อยากกินอิ่มท้องก็จำเป็นต้องปิดปากให้สนิท
นึกถึงชีวิตแต่ละวันในปัจจุบัน แล้วนึกย้อนไปถึงอดีตที่ผ่านมา ทุกคนต่างก็ปิดปากเงียบไปโดยปริยาย แสร้งหูหนวกตาบอด แน่นอนว่าสำหรับพวกเขา เจ้าของหมู่บ้านคนใหม่ก็ไม่ใช่ผู้ที่มีภูตผีปีศาจเคียงกายแต่อย่างใด เพียงแค่เป็นคนใจดีฝึกฝนสัตว์ดุร้ายก็เท่านั้น
จับสัตว์ป่าดุร้ายขังไว้ในกรงเป็นการเฉพาะแล้วเอาของกินดีๆ ให้กินให้ดื่มทุกวัน แล้วยังนั่งยองลงพูดจาพึมๆ พำๆ อยู่หน้ากรงสัตว์เหมือนเป็นการสั่งสอนให้เชื่อฟังคำพูดคนก็ไม่ปาน หากนั่นไม่ใช่การฝึกฝนสัตว์ดุร้ายแล้วจะเป็นการทำอะไรเล่า
เห็นนานๆ วันเข้าก็ไม่รู้สึกแปลกแต่อย่างใด
หลายวันนี้ที่ซ่งอิงยุ่งตัวเป็นเกลียว จับของดีมาได้ไม่น้อยเลยจริงๆ
ในหมู่บ้านมีน้ำผ่านจิตเยอะ ดังนั้นจึงดึงดูดพวกที่ค่อนข้างมีสมองมาเป็นส่วนใหญ่
ท่ามกลางสัตว์เหล่านั้น มีกระต่ายป่าหนึ่งตัว ลูกหมาป่าเยาว์วัยที่ได้รับบาดเจ็บหนึ่งตัว ไก่ป่าที่มีขนหลากสีสันหนึ่งตัว งูพิษสองตัว และนกขมิ้นหนึ่งตัว…พวกมันล้วนเกิดสติปัญญาอันเฉียบแหลมแล้วทั้งสิ้นน่าเสียดายที่บรรดาหนูเหล่านั้นไม่มีตัวไหนใช้งานได้เลย
แล้วยังมีหมูป่าตัวใหญ่และหมาป่าวัยโตเต็มวัย พวกนี้โง่เง่าอย่างยิ่ง จึงกลายเป็นอาหารในจานทั้งหมด
แต่สัตว์ที่เกิดสติปัญญาแล้ว ซ่งอิงล้วนใช้แสงสีทองตีตราสัญลักษณ์เอาไว้บนตัวพวกมัน นอกจากนั้นยังห้อยกระดิ่งไว้อีกด้วย คนในหมู่บ้านล้วนไม่ลงมือกับพวกมัน
น่าเสียดาย ภายหลังต่อมาสัตว์เหล่านี้ไม่ฉลาดสู้เพียงพอนเหลือง สอนไปได้สองวันก็เข้าใจเพียงการสื่อสารอย่างง่ายๆ เท่านั้น
แม้จะเห็นว่าเพียงพอนเหลือตัวนั้นหัวเล็กๆ แต่ความสามารถยอดเยี่ยมเชียวละ ยามที่หมูป่าลงมาจากเขา มันก็ปล่อยกลิ่นเหม็นรมหมูป่าให้มึน
แน่นอนว่าไม่เพียงหมูป่าที่ถึงกับมึนงงไป ตอนนั้นแม้แต่พวกซ่งอิงก็เกือบอาเจียน
จะว่าไป โดยทั่วไปแล้วเพียงพอนเหลืองก็มีกลิ่นเหม็นอยู่เล็กน้อย แต่กลับไม่ถึงขั้นนี้ ไม่เหมือนเจ้าตัวนี้ หลังจากกินของดีๆ จากนางมากเพียงนี้ กลิ่นผายลมของมันเรียกว่าเป็นอาวุธชีวภาพก็ยังได้
ซ่งอิงพอจะจินตนาการได้ว่าเมื่อวันที่มันบรรลุ จะเก่งกาจมากเพียงใด