ตอนที่ 593 คนไม่ได้เรื่องในกลุ่ม / ตอนที่ 594 ไร้วาสนาในภพชาตินี้
ตอนที่ 593 คนไม่ได้เรื่องในกลุ่ม
ตามจริงฮั่วหรงคนผู้นี้ก็ไม่เลว แม้ว่าเย็นชาไปหน่อย แต่กลับ…แต่กลับดีงามกว่าบุรุษหลายพันหลายหมื่นคนบนโลกนี้
มิหนำซ้ำเขายังยอมปรับตัว
ผู้ที่เคยโกรธเกรี้ยวและตำหนิตระกูลลู่ได้ บัดนี้กลับยอมวางอำนาจบารมีก้มหัวให้กันและทำเรื่องธรรมดาๆ อย่างที่คนชนบทเขาทำกัน
ถ้าหากเขาไม่ใช่เซียนสวรรค์กลับชาติมาเกิด ไม่แน่ว่าซ่งอิงยังจะพอรับได้
แต่น่าเสียดาย ไม่มีเรื่องอย่างที่ว่านั้น
ซ่งอิงไม่มีทางเอาความฝันสูงสุดของตนมาเดิมพัน ต่อให้นางเคยคุกเข่าและเรียกขานเขาว่าท่านอา แต่ในก้นบึ้งหัวใจ ไม่รู้ว่าเกิดความโอหังขึ้นมาเมื่อใด ความโอหังอย่างที่เชื่อว่าจุดสิ้นสุดของนางจะไม่ยึดติดกับผู้ใดอย่างแน่นอน!
ฮั่วหรงกลับมาหลังจากหลอกลวงว่าเสียชีวิตแล้ว แน่นอนว่านี่ก็คือความเห็นแก่ตัวอย่างหนึ่ง
แต่ตอนนี้เผชิญกับท่าทีที่ไร้หัวใจของซ่งอิงเช่นนั้น จึงเสมือนกับการสาดน้ำร้อนลงบนหินก้อนใหญ่ ทำได้เพียงก่อความร้อนบนผิวนอก ส่วนภายในไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิด
เพียงแต่ว่าแม้ซ่งอิงไม่ชอบเขา แต่บางคนกลับชอบเขา
ตัวอย่างเช่นคนทั้งตระกูลซ่ง มองเห็นฮั่วหรงก็เหมือนกับมองเห็นหมั่นโถวหอมๆ อย่างไรอย่างนั้น
แม้ว่าบนใบหน้ามีรอยแผลเป็น แต่พื้นเพเดิมหล่อเหลา อีกอย่างซ่งอิงก็เคยมีใบหน้าชวนสงสารเช่นนี้เหมือนกัน พวกเขาจึงไม่มีสิทธิ์รังเกียจฮั่วหรง
นอกจากนั้นคนผู้นี้ก็เป็นคนดีเหลือเกิน
พวกเขาสรรหาของกินอร่อยๆ เครื่องดื่มดีๆ มาต้อนรับขับสู้ เป็นกันเองอย่างถึงที่สุด
หร่วนซื่อไม่รั้งรอ ดึงซ่งอิงเข้าไปในเรือน “ยาโถว หลังจากเขากลับมา พวกเจ้า…พวกเจ้าได้มี…”
ซ่งอิงพอจะเข้าใจได้
“ท่านแม่ ท่านคงไม่ทราบว่าเขาร่างกายอ่อนแอเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าวอย่างจริงจัง
“อ่อนแอหรือ” หร่วนซื่อนิ่งอึ้ง จากนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก “เจ้าหมายความว่าเขา เขา…ใช้การไม่ได้แล้วหรือ!”
มิน่าล่ะ! คนอื่นล้วนพูดกันว่าเด็กผู้นี้กลับมาดูแลรักษาร่างกาย แต่มองดูก็ไม่เหมือนคนขี้โรคนี่ มิหนำซ้ำยังเอาหมูป่าตัวใหญ่กลับมาได้ด้วยตัวคนเดียว จะมองอย่างไรก็ไม่เหมือนลักษณะอย่างคนร่างกายไม่แข็งแรงเลยสักนิด!
แท้จริงแล้วปัญหาอยู่ที่ตรงนี้นี่เอง!
จริงๆ แล้วซ่งอิงไม่ได้คิดจะพูดสื่อว่าฮั่วหรงใช้การไม่ได้ แต่ในเมื่อหร่วนซื่อคิดเลยเถิดไปแล้วนางก็จนปัญญาเช่นกัน!
ทำได้เพียงทอดถอนใจ “มีชีวิตอยู่ได้ก็ไม่เลวแล้ว ยังมีความเป็นชายหรือไม่นั้นไม่สำคัญ ใช่หรือไม่เจ้าคะท่านแม่”
หร่วนซื่อตาแดงระเรื่อ เอาแต่พูดว่า ‘ลูกเขยข้าชะตาชีวิตลำบากยิ่งนัก’ แต่ด้วยความที่เห็นซ่งอิงตรงไปตรงมาทั้งยังรู้ความ จึงได้แต่กล่าว “ก็ทำได้เพียงคิดเยี่ยงนี้ ถึงอย่างไรมีสามีก็ย่อมดีกว่าไม่มี แม้ไม่อาจมีทายาทได้แล้ว แต่ก็ยังมีพละกำลัง หลังจากนี้ก็ไม่ถึงขั้นให้ลูกเขยข้าและเจ้าต่างต้องใช้ชีวิตลำบากตัวคนเดียว…”
ซ่งอิงเม้มปากและพยักหน้า
ในขณะเดียวกันนี้ เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่พร้อมน้องสะใภ้ที่เหลือก็อยากมาพูดคุยด้วยเช่นกัน ทุกคนพากันมาอออยู่ตรงหน้าต่าง คอยฟังอย่างเป็นจริงเป็นจัง
หลังจากสบเข้ากับสายตาของหร่วนซื่อ แต่ละคนหัวเราะอย่างเก้อเขิน จากนั้นก็เดินเข้ามาทางประตู
“นี่…พวกเราก็ไม่ได้ตั้งใจแอบฟังหรอกนะ” เจียวซื่อถูไถมือ “พี่สะใภ้รอง ท่านอย่าตำหนิพวกเราเลยนะ”
หร่วนซื่อรู้สึกคับข้องใจ
ผิดที่ตัวนางเอง ไม่ควรพูดถ้อยคำนี้เลย ต่อให้พูดก็ควรมองดูเสียก่อนว่ามีใครฟังอยู่ตามหัวมุมกำแพงหรือไม่!
“เรื่องใหญ่โตที่ไหนกัน! ตอนนี้ก็มิใช่ว่าเอ้อร์ยาไม่มีลูกชายเสียหน่อย เจ้ามองดูหลานหลินสิว่าเขารู้ความเพียงใด ภายภาคหน้าย่อมเป็นผู้เลี้ยงดูนางยามแก่เฒ่าอยู่แล้ว ส่วนฮั่วหรง คนเขาก็รอดชีวิตกลับมาแล้ว จะจับยัดเข้าโลงศพไปอีกก็เป็นไปมิได้! ในอนาคตหากเอ้อร์ยารับไม่ได้และอยากจะอยู่เป็นแม่ม่าย เราก็ยังหย่าร้างได้นี่!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่รีบกล่าว
นางตื่นเต้นขึ้นมาชั่วขณะ จึงไม่ทันได้ปิดบังน้ำเสียงที่ดังชัดเจนนั่น
ด้วยเหตุนี้ ห้องโถงกลางทางด้านนั้นพลันเงียบสงัดลงไป
ลูกเขยมาถึงบ้าน เดิมทียามที่พวกผู้ชายพูดคุยกันก็ค่อนข้างเงียบจนชวนอึดอัดเล็กน้อย ดังนั้นเสียงของเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่จึงได้ดังชัดขึ้นมาเช่นนี้
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่พูดจบก็ตระหนักถึงความผิดปกติ จึงรีบปิดปากทันที
“ข้า…ไอ้หยา! น่าตบหน้าแก่ๆ ของข้าผู้นี้เหลือเกิน! พูดจาเหลวไร้สิ้นดี!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่บ่นขึ้นมาก่อนจะตบหน้าตัวเองหนึ่งที
เหยาซื่อสะใภ้เล็กมองดูคนทั้งห้องนี้
โชคดีที่นางฉลาด ไม่ปริปากขึ้นมาโดยง่าย
“…” ซ่งอิงมองพวกนางตาปริบๆ รับรู้อยากลึกซึ้งแล้วว่า อะไรคือการที่มีคนไม่ได้เรื่องอยู่ในกลุ่ม ทำให้นางขายหน้ารวดเร็วเกินไปแล้ว ไม่ทันให้ได้ตั้งตัวกันเลยด้วยซ้ำ!
ตอนที่ 594 ไร้วาสนาในภพชาตินี้
พูดมาถึงขั้นนี้แล้ว เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ไม่อาจไม่ไปกล่าวขอโทษฮั่วหรงสักหน่อย!
แต่การจะกล่าวขอโทษที่ว่านี้ นางเป็นหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่ง ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไร
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เดินกลับมายังเรือนห้องโถงกลางอย่างโอ้เอ้ บรรดาผู้ชายทั้งห้องพร้อมใจกันจับจ้องมาที่นาง เป็นผลให้นางตระหนกตกใจ โดยเฉพาะผู้เฒ่าซ่ง แววตานั่นเหมือนกับต้องการจะกินนางก็ไม่ปาน ทำให้สติและจิตวิญญาณของนางถึงกับเตลิดเปิดเปิง
“เอ่อ…หลานเขย… เมื่อครู่นี้ข้าเพียงแค่พูดเล่น เจ้าอย่าเก็บเอาไปใส่ใจเลย” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่กัดฟันสู้เอ่ยพูดขึ้นมา
นางต้องปรับปรุงตัว!
หลังจากนี้ยามที่พูดจาจะต้องควบคุมตัวเองให้จงได้ จะตะโกนโหวกเหวกออกมาเช่นนี้ไม่ได้!
ฮั่วหรงสีหน้าเคร่งขรึม
“ป้าสะใภ้ใหญ่ไม่จำเป็นต้องกังวลใจไปขอรับ เหนียงจื่ออาจเข้าใจผิดในตัวข้าเล็กน้อย เพื่อทำให้ทุกท่านวางใจ พวกเราสามีภรรยาทั้งสองจะพยายามสุดความสามารถเพื่อให้กำเนิดลูกน้อยสักคนแน่นอนขอรับ” ฮั่วหรงกล่าว
ซ่งอิงเดินพ้นประตูเข้ามา ปรายตามองเขาแวบหนึ่ง
ฝันไปเถอะ ยังคิดจะมีลูกด้วยหรือ
เชิญไปมีด้วยตัวเองเถอะ ไม่ใช่ว่าเซียนสวรรค์ทำได้ทุกอย่างหรอกหรือ ไม่แน่ว่ายังออกไข่ให้กำเนิดลูกได้ด้วย! ฮึ!
“ใช่ๆๆ เรา เราไม่สบายก็ยังมีหมอมิใช่หรือ จะต้องมีลูกได้อย่างแน่นอน!” ป้าสะใภ้ใหญ่กล่าวพลางถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“…” ฮั่วหรงเบิกตาโตชั่ววูบ “ข้าไม่ได้ป่วยนะขอรับ”
“ใช่ๆๆ ไม่ป่วย! ไม่ป่วย! ข้าปากมากอีกแล้ว!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่รีบกล่าวทันควัน เมื่อพูดจบก็รีบเดินจากไปทันที
ไม่อาจมัวอยู่ได้อีกแล้ว ยิ่งพูดมากเท่าไรยิ่งผิดมากเท่านั้น!
ซ่งเหล่าเกินเห็นหลานเขยผู้นี้ดูสีหน้าไม่ดีเท่าไรนัก แต่กลับไม่สะดวกตำหนิเช่นกัน จึงกล่าว “สตรีในครอบครัวไม่รู้ประสีประสา ไม่เข้าใจธรรมเนียมปฏิบัติอย่างคนในตระกูลร่ำรวยสูงศักดิ์ข้างนอกเหล่านั้น ทำให้เจ้าหัวเราะเยาะเสียแล้ว”
“ไม่เลยขอรับ ป้าสะใภ้ใหญ่เป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมา และเป็นคนหนึ่งที่มีความเป็นกันเองอย่างยิ่งขอรับ” ฮั่วหรงฝืนแย้มยิ้ม
ซ่งอิงกล่าวไว้แล้วว่า ซ่งเหล่าเกินผู้นี้ชอบเด็กที่ร่าเริง
แต่ตอนนี้ ซ่งเหล่าเกินถูกทำให้ตระหนกตกใจแล้วจริงๆ
รอยยิ้มนี้…ไม่ใช่รอยยิ้มที่ดูอบอุ่นเฉกเช่นฤดูใบไม้ผลิเลยจริงๆ หากแต่เหมือนสัญลักษณ์ของการไล่ล่าเอาชีวิตเสียมากกว่า
คนผู้นี้แม้หน้าตาดี แต่กลับไม่มีความพิเศษเลยสักนิด ก็เหมือนกับภูเขาน้ำแข็งลูกใหญ่ แม้ยิ้มจนตาหยี แต่รอยยิ้มนั้นก็ยังไม่แสดงถึงก้นบึ้งหัวใจ มิหนำซ้ำยังชวนให้รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย แล้วนับประสาอะไรกับที่…บนใบหน้าของเขานี้มีรอยแผลเป็นอยู่ด้วยเป็นส่วนใหญ่
ทุกวันนี้ผู้เฒ่าซ่งกลัวว่าโมโหแล้วจะตายเอาได้ ดังนั้นจึงขี้ขลาดตาขาวอยู่เล็กน้อยเช่นกัน เขาถึงกับไม่กล้ามองใบหน้านี้มากเกินไปกระทั่งกินข้าวเสร็จสิ้น ผู้เฒ่าซ่งก็ส่งสามีภรรยาคู่นี้กลับไปราวกับส่งเทพเซียนอย่างไรอย่างนั้น
เพื่อแสดงถึงความรักใคร่ ฮั่วหรงจึงจูงมือของซ่งอิงเดินกลับไป
ซ่งอิงแตะเนื้อต้องตัวกับคนอื่นเช่นนี้น้อยครั้งมาก จึงเกิดความรู้สึกประหลาดชอบกล แต่นางก็ไม่ได้สนใจนัก ก็คิดเสียว่าเป็นกรงเล็บคู่หนึ่ง ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด
“เหนียงจื่อคิดว่าพวกเราจะมีลูกคนรองเมื่อใดจึงจะค่อนข้างดีหน่อย” ฮั่วหรงกล่าวระหว่างเดินไป
ซ่งอิงทำทีขบคิดอย่างจริงจัง “เรื่องนี้…เกรงว่าจะไร้วาสนาในภพชาตินี้เสียแล้ว”
ฮั่วหรงชะงักฝีก้าวแล้วหันหน้ามองนาง “นี่พูดจริงจังหรือ”
“ไม่เคยโกหกอยู่แล้วเจ้าค่ะ” ซ่งอิงเงยหน้ามองเขาอย่างแน่วแน่
“ทำไมหรือ เพราะข้า…รูปลักษณ์หน้าตาไม่ดีหรือ” ฮั่วหรงครุ่นคิด จำได้ว่าซ่งอิงเคยดูถูกว่าเขาอัปลักษณ์มาก่อน
“ท่านก็ค่อนข้างหล่อเหลาทีเดียวเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าว
“เช่นนั้นเพราะข้าไม่รวยพอหรือ” ฮั่วหรงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“ในอนาคตข้าจะหาเงินจนมีทรัพย์สินเป็นพันเป็นหมื่นด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องใช้เงินของผู้อื่นแต่อย่างใด” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เพราะนิสัยใจคอข้าไม่สอดคล้องกับที่เจ้าปรารถนาหรือ” ฮั่วหรงรู้สึกท้อแท้ใจ
หากเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็เป็นปัญหาใหญ่แล้ว
รูปลักษณ์ไม่ดีพอ เขาพยายามปรับปรุงบุคลิกตัวเองได้ ทรัพย์สินไม่มากพอ เขาไปขุดสมบัติล้ำค่าเหล่านั้นที่ตนสะสมเอาไว้ตลอดหลายปีนี้ออกมาได้ แต่หากเป็นเพราะนิสัยใจคอเข้ากันไม่ได้…
ก็ปรับเปลี่ยนได้เช่นกัน
“เจ้าชอบแบบไหน” ฮั่วหรงชะงักไปชั่วครู่ “ข้าอยากให้เจ้ามีความสุข เมื่อได้รู้ว่าเป็นสามีภรรยาในนามกับเจ้าก็รู้สึกดีใจอย่างยิ่ง ข่มเอาไว้มาเนิ่นนาน แต่กลับยังคงอยากจะลองคบหากับเจ้าดูสักครั้ง หากสองใจต่างมีความชอบกันและกัน ชั่วชีวิตนี้ของข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง ภายภาคหน้าภรรยาฮั่วหรงคือเจ้า ภรรยาของฮั่วเจ้ายวนก็คือเจ้าเช่นกัน”
ขอเพียงนางเต็มใจ ต่อให้คนของจวนเหยียนผิงโหวดูถูกนางก็จำเป็นต้องเคารพให้นางตามธรรมเนียมปฏิบัติ และให้นางได้ทวงคืนเกียรติและความชอบธรรมจากการได้รับความคับข้องใจอันเนื่องจากความไม่เป็นธรรมในอดีตด้วยเช่นกัน