ตอนที่ 595 คนสองคนที่ต่างฝ่ายต่างร่วมมือกันดูแลครอบครัว / ตอนที่ 596 สายลมและสายน้ำหมุนเวียนเปลี่ยนทิศได้เสมอ
ตอนที่ 595 คนสองคนที่ต่างฝ่ายต่างร่วมมือกันดูแลครอบครัว
แววตาฮั่วหรงเต็มไปด้วยความจริงจัง ทำให้ซ่งอิงตระหนกตกใจ
นางรู้สึกประทับใจเล็กน้อยหลังได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ อย่างไรเสียหลังมาเยือนในโลกยุคนี้ หลายครั้งที่ได้พูดคุยกับเขา ความจริงแล้วก็มีไมตรีจิตอยู่บ้างเช่นกัน
ทว่า ซ่งอิงเลือกที่จะชักมือกลับอย่างไร้เยื่อใย
“การแต่งหญิงมาเป็นภรรยาให้ความสำคัญในเรื่องความทัดเทียมและคู่ควรกันทางด้านคุณสมบัติแต่ละด้าน ซึ่งท่านล้วนมีดีทุกด้าน แต่ด้วยความที่ฐานะตัวตนสูงส่งเกินไปจึงไม่ค่อยเหมาะสมกันนักเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าว
“ฐานะของอ๋องอู่เฉินน่ะหรือ” ฮั่วหรงหลุดหัวเราะ “ก็แค่นามจอมปลอมเท่านั้นเอง วงศ์ตระกูลฮั่วไม่มีผู้อื่นใดนอกจากข้า จะว่าไปข้าก็แค่เด็กกำพร้าอยู่ตัวคนเดียวเท่านั้นเอง หากเจ้ารู้สึกไม่ชอบ เช่นนั้นข้าไม่เอาฐานะตัวตนของฮั่วเจ้ายวนแล้วก็ได้ ข้าจะเป็นฮั่วหรง เช่นนี้น่าจะคู่ควรได้แล้วกระมัง”
แต่ซ่งอิงได้ยินถ้อยคำนี้กลับรู้สึกน่าขันสิ้นดี
ใช่สิ เป็นฮั่วหรงชั่วครู่ชั่วยามจึงยังดูมีชีวิตชีวาไม่น้อยทีเดียว แม้ให้เขาแสร้งทำตัวเป็นคนต่ำต้อยผู้น่าสงสาร เขาก็ยังทำมันได้
แต่คนผู้นี้เดิมทีก็คือพญาหงส์บนฟากฟ้า แสร้งเป็นนกกระจอกก็ดูไม่เหมือนเช่นกันน่ะสิ!
ตัวตนแท้จริงย่อมต้องเปิดเผยในไม่ช้าก็เร็วอยู่ดี
“ใต้เท้าฮั่ว ฐานะตัวตนที่ข้ากล่าวถึงมิใช่เพียงสิ่งเหล่านี้เจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าว
“เช่นนั้นคืออะไร” ฮั่วหรงสงบเยือกเย็น
“ตัวท่านเองน่าจะรู้ชัดกระจ่างแจ้งเช่นกันกระมัง นักบวชสมณศักดิ์สูงบนโลกนี้หากเจอะเจอท่าน ล้วนต้องเคารพนับถือท่านเป็นแน่ และถึงขั้นกล่าวอีกด้วยว่าท่านเป็นเซียนสวรรค์กลับชาติมาเกิดบนโลกมนุษย์และมีบุญกุศลมากมายล้นพ้น คำพูดนี้…ข้าเชื่ออย่างไร้ข้อสงสัย!” ซ่งอิงกล่าวจริงจัง
“หมายความว่าอันใด!” ฮั่วหรงมุ่นคิ้ว
“ก็คือ เซียนมีความต่างกับมนุษย์เจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าวยิ้มๆ
ฮั่วหรงรู้สึกเพียงเลือดลมพลุ่งพล่านไปทั่วทั้งตัว เขาโมโหถึงขีดสุด ขณะเดียวกันก็รู้สึกน่าขัน
เซียนมีความต่างกับมนุษย์?
เขามีเลือดมีเนื้อ เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง เอาความเป็นเซียนที่ไหนมาเล่า อีกทั้ง เซียนสวรรค์ก็แค่เรื่องเล่าต่อๆ กันจากนิทานปรัมปรา นางก็เอามาเป็นจริงเป็นจังหรือ!
ก็จริง หากเป็นนาง ย่อมคิดเพ้อเจ้อและพูดจาเหลวไหลได้จริงๆ
ดวงตาสองคู่สบมองกัน ที่ฮั่วหรงมองเห็นคือสีหน้าจริงจังเกินเปรียบของซ่งอิง
ไม่นึกเลยว่านางจะใช้เหตุผลที่เหลวไหลเช่นนี้มาปฏิเสธ เกรงว่าไม่เพียงไม่ชอบเขา แต่ยังถึงขั้นรังเกียจเขาอย่างยิ่งด้วยกระมัง!
“ตกลง ข้ารู้แล้ว” ฮั่วหรงสีหน้าแข็งกร้าว เดือดดาลไม่น้อย ก่อนจะเดินจากไปด้วยความโมโห
เพียงแต่ว่ากลับไม่มุ่งหน้าไปบ้านฮั่ว ดูเหมือนเป็นการเดินไปบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านซ่ง
ซ่งอิงดูแล้วก็พอจะเข้าใจได้ คาดวาเพราะถูกยั่วอารมณ์โมโหเข้าแล้ว
“ท่านแม่ ท่านโหดร้ายเหลือเกิน ออกจะเหมือนคนนิสัยไม่ดีที่ใช้ไม้กระบองตีคู่นกยวนยางให้พรากออกจากกันในละครงิ้วนั่นเลย” ฮั่วหลินกล่าวด้วยสีหน้าสงสาร
“ข้าตีนกยวนยางของตัวข้าเองนี่” ซ่งอิงหลุดเสียงหัวเราะออกมา “สิ่งสุดท้ายในการแสวงหาของคนเราจะมีได้เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น อันนี้ก็คิดว่าดี อันนั้นก็อยากจะได้ ท้ายที่สุดล้วนไม่ได้อะไรเลย!”
ฮั่วหรงเป็นคนดี หากเปลี่ยนฝ่ายหญิง เช่นนั้นก็จะเป็นคนสองคนที่ต่างฝ่ายต่างร่วมมือกันดูแลครอบครัว
แต่จะทำอย่างไรได้ นางเป็นผู้อยู่อาศัยที่ไม่เหมือนคนเขาอื่นน่ะสิ!
“เช่นนั้นหากเขาโกรธจนไม่ยอมยกเนื้อให้ท่านแล้วจะทำอย่างไร” ถ้อยคำของภูตโสมราวกับน้ำเย็นเฉียบที่สาดใส่
“เรื่องนั้นข้าลงนามในสัญญากับเขาไว้เรียบร้อยแล้ว ถึงตอนนั้นข้าเก็บเงินได้มากพอแล้ว หากเขาไม่ให้ ข้าก็จะปล้นเอามา ข้าคิดว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ข้าก็น่าจะมีทักษะความสามารถยิ่งใหญ่พอตัวเช่นกัน แล้วมีหรือจะไม่ได้กินแม้แต่คำเดียว ทว่า…ข้าไม่รู้เช่นกันว่าเซียนสวรรค์เป็นลักษณะอย่างไร หากเขาเคียดแค้นกันเช่นนั้นก็ไม่ง่ายต่อการจัดการเป็นแน่…” ซ่งอิงกลัดกลุ้มเช่นกัน
ดังนั้นนอกจากฝากความหวังไว้ที่เนื้อของฮั่วหรง นางก็ต้องพึ่งพาตัวเองด้วยเช่นกัน
ช่องว่างระหว่างมิติเป็นตัวช่วยพิเศษของนาง หากนางขยันๆ เก็บเงินซื้อหมู่บ้านไร่สวนเอาไว้ ซื้อหมู่บ้านเอาไว้เยอะๆ แล้วสาดน้ำผ่านจิตให้ทั่วในพื้นที่ ดูดซับพลังอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้ช่องว่างระหว่างมิติของนางมีชีวิตชีวาขึ้นมา!
ครั้นคิดได้เยี่ยงนี้ ซ่งอิงก็ถอนหายใจ
การใช้ชีวิตนี่ยากเหลือเกิน! ยังจะมีความรักอะไรอีกเล่า! ไม่มีเวลาว่างหรอก!…
ครั้นฮั่วหรงเดินจากไป ปรากฏว่าเป็นไปอย่างที่ซ่งอิงคิดไว้ เขาไม่กลับมา เขากล่าวกับคนในหมู่บ้านว่าเจ้านายคนก่อนเรียกให้เขากลับไป ดังนั้นไม่อาจอยู่ต่อได้ บรรดาชาวบ้านก็เคยชินแล้ว จึงไม่ได้คิดอะไรมากมายหลังผ่านไปสองสามวัน ซ่งสวินกลับมาบ้าน มิหนำซ้ำยังได้เกียรติคุณถงเซิงกลับมาด้วยการสอบระดับสถาบันยังต้องรออีกสามเดือนจึงจะมีการสอบ แต่บรรดาชาวบ้านครั้นได้ยินว่าซ่งสวินที่พักการเรียนไปห้าปีบัดนี้สอบราชการผ่านแล้ว แต่ละคนตกตะลึงยิ่ง พากันกล่าวยกยอปอปั้นซ่งสวินว่าเป็นเทพเหวินฉวี่ซิง[1]ที่ลงมาสู่โลกมนุษย์
ตอนที่ 596 สายลมและสายน้ำหมุนเวียนเปลี่ยนทิศได้เสมอ
ซ่งจินซานและหร่วนซื่อในปัจจุบันมีเงินใช้จ่ายเหลือเฟือ เมื่อรู้ว่าตอนนี้บุตรชายสอบได้เกียรติคุณแล้วก็ซื้อประทัดมาทันที เพียงชั่วขณะหนึ่ง ซ่งสวินก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหมู่บ้าน
ซ่งเหล่าเกินดีใจอย่างยิ่ง เขาที่แก่เฒ่าปูนนี้แล้วถึงกับกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาอีกเล็กน้อย
“ตระกูลซ่งพวกเจ้าจะได้มีคนเป็นขุนนางใหญ่โตจริงๆ แล้วสินะ! ช่างไม่ธรรมเลยจริงๆ เมื่อก่อนข้ายังนึกว่าหลานชายคนโตของตระกูลพวกเจ้าจะเป็นคนสอบได้เสียอีก ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าจู่ๆ หลานชายคนรองกลายเป็นผู้สอบได้!” คนที่เดินเข้ามาแสดงความยินดี กล่าวกับซ่งเหล่าเกิน
ด้วยความดีอกดีใจ เขาจึงไม่ทันระวัง เอ่ยถึงซ่งเสี่ยนขึ้นมา
ผู้เฒ่าซ่งไม่ได้สีหน้าเปลี่ยนไปแต่อย่างใด ทว่าเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ที่ช่วยต้อนรับขับสู้แขกเหรื่อกลับมีสีหน้าห่อเหี่ยวลงเล็กน้อย
วันนี้นางตื่นขึ้นมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเพื่อช่วยทำกับข้าว ผลสุดท้ายยังต้องถูกคนอื่นพูดจาดูถูกว่าบุตรชายในครอบครัวไม่เอาไหนอีกหรือ!
ตระกูลซ่งมีเรื่องน่ายินดีใหญ่โตถึงเพียงนี้ ย่อมต้องเชื้อเชิญบรรดาตระกูลญาติพี่น้องมาเยือนอยู่แล้ว แต่กลับไม่เชิญตระกูลเผย คนในหมู่บ้านที่ช่างสังเกตต่างก็รู้ชัดกระจ่างแจ้งว่าสองตระกูลนี้คงตัดขาดความสัมพันธ์กันแล้ว
เรื่องที่เห็นได้ชัดเจนเพียงนี้ ไม่นึกเลยว่ายังมีคนมองไม่ออก!
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่หงุดหงิดใจ
“ท่านแม่ รอตอนที่ข้าเติบใหญ่เท่าพี่รองแล้ว ข้าก็จะสอบให้ได้เช่นกัน” ซ่งต๋ามองเห็นท่าทีของมารดาเขาที่ทั้งโกรธทั้งเศร้าใจ จึงรีบให้คำมั่น
“เด็กดี เจ้าจะต้องคว้าความสำเร็จมาให้จงได้! ตอนนี้ไม่ว่าอะไรแม่ก็สู้อาสะใภ้รองของเจ้าไม่ได้แล้ว แต่คำโบราณกล่าวไว้อย่างดีว่า สายลมและสายน้ำหมุนเวียนเปลี่ยนทิศได้เสมอ คงต้องมีสักวันที่ครอบครัวเราจะได้มีหน้ามีตาขึ้นมาเช่นกัน!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ดวงตาแดงระเรื่อ เมื่อพูดจบก็ปาดหยาดน้ำตา “ดูเข้าสิ ข้าถูกพี่ชายเจ้าทำให้โมโหจนแทบจะกลายเป็นหญิงเจ้าน้ำตาเช่นอาสะใภ้รองของเจ้าแล้ว”
“ท่านแม่ ท่านอย่าได้โกรธเคืองพี่รองนะขอรับ พี่รองสอบได้นั่นเป็นเพราะความสามารถของตัวเขาเอง” ซ่งต๋ากล่าวขึ้นอีกครั้ง
“โกรธเคืองที่ไหนกันเล่า แม่เป็นคนประเภทนั้นหรือ แม่ก็แค่ไม่ค่อยถูกชะตากับอาสะใภ้รองของเจ้า เรื่องของผู้ใหญ่ไม่เกี่ยวข้องกับเด็กๆ เสียหน่อย อีกอย่าง จะร้ายจะดี พี่ชายคนรองของเจ้าก็เรียกขานข้าว่าป้าสะใภ้ใหญ่ จะเป็นไปได้หรือว่าเขาประสบความสำเร็จแล้วก็จะไม่เคารพข้า เช่นนั้นคงได้ถูกคนติฉินนินทาลับหลังแย่!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่พูดจบก็เชิดหน้าขึ้นอย่างองอาจ
มองเห็นซ่งสวินกำลังฟังคนอื่นพูดคุยอย่างว่านอนสอนง่าย นางก็โบกมือเรียกเขาในทันใด “หลานสวินมานี่หน่อยสิ!”
ซ่งสวินหันหน้าไปตามเสียงที่ได้ยิน จากนั้นก็บอกกล่าวคนที่กำลังพูดคุยอยู่ตรงหน้า ก่อนจะเดินมาหาอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง เมื่อถึงตรงหน้าเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ก็วางตัวนอบน้อมอย่างยิ่ง “ป้าสะใภ้ใหญ่ น้องหก”
“ไม่เลว ตอนนี้ดูโดดเด่นมากความสามารถกว่าเมื่อก่อนแล้ว เพียงแต่แม้ว่าการตั้งหน้าตั้งตาเล่าเรียนเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่อาจมองข้ามสุขภาพร่างกายของตัวเองได้ ปัจจุบันพ่อแม่เจ้าหาเงินได้ไม่น้อยแล้วเช่นกัน เราก็ต้องหัดใช้เสียบ้าง ปกติแต่ละวันพวกไก่ เป็ด เนื้อสัตว์และไข่ไก่ กินได้ก็กินเสียบ้าง เพิ่มเนื้อหนังมังสาสักหน่อยจึงจะดี!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่กล่าวด้วยมาดของผู้อาวุโส
“ป้าสะใภ้ใหญ่พูดถูกขอรับ ท่านพ่อท่านแม่ก็เคยพูดเช่นนี้เช่นกัน อีกทั้งน้องสาวก็ยังเอาของกินไปส่งให้ข้าบ่อยครั้ง ไม่เช่นนั้นมีหรือข้าจะสอบผ่านได้” ซ่งสวินพูดตามความจริง
ร่างกายของเขาหักโหมได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
ตอนแรกที่เพิ่งเริ่มเรียนใหม่ๆ มักรู้สึกว่าไม่ค่อยมีสมาธิ อ่านตำราครู่หนึ่งก็รู้สึกอึดอัดและปวดหัว
เพียงแต่ว่าภายหลังต่อมา อาอิงนำอาหารบำรุงมาให้บ่อยครั้งจึงรู้สึกดีขึ้นมาก
ปัจจุบันต่อให้จ้องหนังสือตลอดวัน เขาก็รู้สึกว่าร่างกายนี้แบกรับไหว
เห็นเขาเคารพนอบน้อมโดยแท้จริง เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก “เจ้าเป็นเด็กรู้ความ เพียงแต่อย่าได้ลืมตัวหลังจากได้รับคำกล่าวชมเชยสรรเสริญ และอย่าลืมไปว่าเมื่อก่อนตนเองเคยยากลำบาก ภายภาคหน้าน่ะ ต้องเห็นคุณค่าในโอกาสที่ได้ร่ำเรียนให้มากๆ เจ้ายังอายุน้อย พยายามสอบเลื่อนขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่แน่ว่าตระกูลเราจะมีขุนนางปรากฏขึ้นมาจริงๆ!”
ถ้อยคำนี้เหยาซื่อพูดด้วยความจริงใจ
บิดาผู้ให้กำเนิดนางเป็นบัณฑิตถงเซิง ซึ่งนั่นก็เพิ่งสอบผ่านได้หลังอายุยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปีแล้ว ตอนนั้นสภาพครอบครัวตระกูลเหยาไม่ค่อยดี ส่งเสียเล่าเรียนไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงให้บิดานางหางานด้านบัญชีทำเพื่อเอามาจุนเจือในครอบครัว
แต่บิดานางกล่าวไว้แล้วว่า หากไม่ใช่เพราะสภาพครอบครัวยากจนแร้นแค้น ต่อให้สอบไปทั้งชีวิต เขาก็จำเป็นต้องลองสอบเลื่อนขั้นขึ้นไปเรื่อยๆ เช่นกัน!
[1] เทพเหวินฉวี่ซิง (文曲星) คือดาวเหวินฉวี่ เป็นดาวมงคลตามความเชื่อของชาวจีนว่าจะส่งผลในเรื่องการศึกษา เอกสาร หนังสือ บทความ ครูอาจารย์ โรงเรียนสถานศึกษา ศิลปะและการดนตรี การรับราชการและการสอบเข้ารับราชการเป็นต้น