บทที่ 619 บุกรุกบ้านเรือนประชาชน / บทที่ 620 คนอยู่ใต้บังคับบัญชา
บทที่ 619 บุกรุกบ้านเรือนประชาชน
ทันทีที่ซ่งอิงโผล่หน้าออกไป หัวหน้าของกลุ่มผู้มาเยือนก็กล่าวเป็นคนแรก “ท่านคือสะใภ้ตระกูลฮั่วแห่งหมู่บ้านซิ่งฮวา เจ้าของร้านว่านหลิงใช่หรือไม่”
“ถูกต้อง” ซ่งอิงไม่ได้ก้าวข้ามประตูออกไป เพียงแค่เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ท่านไปกับพวกเราสักหน่อย นายท่านของพวกเราอยากพบท่าน” อีกฝ่ายกล่าว
ซ่งอิงยิ้มเล็กน้อย “เช่นนั้นขอถามหน่อยว่านายของตระกูลเจ้าเป็นใครหรือ”
“นามของนายท่านตระกูลข้าใช่ว่าสตรีสาวชาวบ้านอย่างท่านจะถามได้ อย่ามัวพูดเรื่อยเปื่อยอยู่เลย รีบตามข้าไปก็เป็นพอ!” อีกฝ่ายกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง
ครั้นเอ่ยถ้อยคำนี้ออกมา ซ่งอิงกลับยิ้มร่ายิ่งกว่าเดิม “พี่ชาย ข้าเห็นท่านพกดาบมาด้วย เกรงว่าผู้เป็นนายของท่านคงไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ในเมื่อมาเชิญตัวข้า เช่นนั้นก็ต้องมีหนังสือทางการด้วยกระมัง”
“ไม่เกี่ยวกับทางการ” อีกฝ่ายมุ่นคิ้วตอบ
ก็แค่สาวชาวบ้านคนหนึ่ง ช่างพูดมากเหลือเกิน!
“อ้อ? ข้าคิดว่าทางการมีเรื่องเรียกพบข้าแล้วเสียอีก!” ซ่งอิงเผยรอยยิ้ม “ในเมื่อไม่มีป้ายอาญาสิทธิ์หรือหนังสือเชิญจากทางการ เช่นนั้นก็อย่าได้ถือโทษที่ข้าไม่ทำตามเลย”
“บังอาจ!” ผู้มาเยือนตวาดลั่น! เตรียมจะบุกเข้าไปพาตัวนางออกมา“หากก้าวเข้าประตูนี้มา ข้าจะร้องเรียนว่าพวกเจ้าบุกรุกบ้านเรือนประชาชน เจ้าคิดดีแล้วรึ” ซ่งอิงมิได้มีท่าทีตกใจกลัว ทั้งยังเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ท่านรู้หรือว่านายของพวกเราเป็นใคร! เหตุใดจึงได้กล้าเหิมเกริมเพียงนี้!” องครักษ์ผู้นั้นกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ซ่งอิงได้ยินถ้อยคำเช่นนั้นก็รู้สึกน่าขำขันจริงๆ “พวกเจ้าโง่เขลาหรือไร เมื่อครู่ข้ายังถามอยู่เลยว่าผู้เป็นนายของพวกเจ้าเป็นใคร พวกเจ้าไม่ตอบ ตอนนี้ยังจะมาถามข้าอีก ไม่เท่ากับย้อนแย้งหรอกหรือ”
บรรดาองครักษ์ต่างสบมองหน้ากันปราดหนึ่ง พวกเขาถูกซ่งอิงยั่วโมโหเข้าเสียแล้ว
พวกเขารู้ว่าตนอยู่ในสถานะที่เหนือกว่า แล้วมีหรือจะเกรงหลัวทางการองอำเภอหลี่ ดังนั้นจึงตัดสินใจบุกเข้าไปคว้าตัวคนโดยไม่ลังเล
ซ่งอิงจะยืนเซ่อให้พวกเขามาจับไปง่ายๆ ได้อย่างไร
หลังจากพวกเขาพ้นประตูเข้ามา ซ่งอิงก็ก้าวถอยหลัง แต่แล้วจู่ๆ ก็มีชายชุดดำกระโดดลงมาจากกำแพง ฟาดหมัดเตะต่อยอยู่ครู่หนึ่ง ทำองครักษ์ทั้งหกล้มลงกองบนพื้น
เมื่อจัดการเสร็จสิ้น ร่างดำนั้นก็กระโดดขึ้นบนกำแพง ก่อนจะกระโจนไปยังต้นไม้ใหญ่แล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หลังจากนั้น ซ่งอิงก็สั่งให้ผู้คุ้มกันประจำเรือนไปเอาเชือกมามัดคนเหล่านั้นไว้โดยเร็ว
“ส่งคนไปที่ว่าการอำเภอ คนพวกนี้พกดาบบุกเข้ามาในบ้านข้า! คนข้างนอกเป็นพยานให้ได้!” ซ่งอิงเอ่ยฉะฉาน
ผู้คุ้มกันประจำเรือนล้วนตกตะลึง
คนที่ลงมือเมื่อครู่…เป็นใครกัน
พวกเขายังคิดว่าตนจะต้องสู้รบกับองครักษ์พกดาบเหล่านี้เสียแล้ว คิดไม่ถึงว่า…องครักษ์เหล่านี้จะถูกจัดการเรียบร้อยง่ายๆ เยี่ยงนี้น่ะหรือ!
บางครั้งซ่งอิงก็ต้องแสร้งทำอ่อนแอสักหน่อย ดังนั้นข้างกายจึงจำเป็นต้องมีปีศาจคอยติดตาม นานๆ ครั้งจะได้ลงมือสักที แน่นอนว่าเพียงแค่ใช้กำลังเล็กน้อยเท่านั้น ไม่กระทบถึงคุณธรรมของปีศาจแต่อย่างใด ทว่าเมื่อใดที่ต้องกระทำรุนแรง นางจะเป็นคนออกโรงเอง
ส่วนปีศาจตนนี้ นางย่อมเลือกตัวที่ดุร้ายที่สุดเป็นธรรมดา
เมื่อครู่ผู้ลงมือเป็นแม่เสือตัวหนึ่งที่เปลี่ยนร่างพร้อมกันกับข้ารับใช้ที่มอบให้ซ่งสวินสองคนนั้น นิสัยค่อยข้างดุร้ายและป่าเถื่อน นางจึงเก็บไว้ข้างกายตัวเองแม่เสือตัวนี้เก่งกว่าปีศาจหมาป่าและลูกหม่าป่าที่อยู่ในหมู่บ้านนางเล็กน้อย เหมาะกับการเป็นคู่ประมือ อีกทั้งยังปราดเปรียวอย่างยิ่ง ไม่เพียงทำคนเจ็บตัวได้ แต่ยังวิ่งเร็วอีกด้วย
ผู้คุ้มกันประจำเรือนเหล่านี้ไม่ได้ทำหน้าที่ปกป้องผู้เป็นนายจึงรู้สึกไม่สบายใจ เกรงกลัวว่าตนเองจะตกงาน ดังนั้นตอนนี้ได้ยินซ่งอิงออกคำสั่งก็รีบทำตามทันที เร่งพาตัวคนพวกนั้นไปยังที่ทำการนายอำเภอค่อนข้างคุ้นเคยกับซ่งอิงทีเดียว
ประการแรก เพราะเรื่องคดีฆ่าคนครั้งนั้น ใต้เท้าฮั่วสืบสวนด้วยตนเอง และดูเหมือนจะประทับใจในความงามของซ่งอิงเข้าแล้วอีกด้วย ประการที่สอง…ร้านว่านหลิงเป็นผู้จ่ายภาษีรายใหญ่ และคาดว่าซ่งอิงผู้นี้จะขึ้นเป็นเศรษฐีของอำเภอหลี่ จึงต้องดูแลให้ดีๆ หน่อย แล้วยังมีประการที่สาม สะใภ้ตระกูลฮั่วผู้นี้เป็นน้องสาวของซิ่วฉาย ส่วนซิ่วฉายท่านนั้นก็สอบได้ที่สี่ อนาคตยังไปได้ไกล อีกทั้งยังสนิทกับตระกูลลู่…
สรุปคือ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องให้เกียรตินางด้วย
บทที่ 620 คนอยู่ใต้บังคับบัญชา
นายอำเภอเป็นผู้สอบสวนด้วยตนเอง ทั้งยังหาพยานมาเพิ่มอีกสี่ห้าคน ยืนยันว่าองครักษ์ทั้งหกคนนี้บุกรุกบ้านเรือนประชาชนจริง
เพียงแต่ว่า…
ขณะที่กำลังจะตัดสิน บนโต๊ะก็มีของเพิ่มมาหนึ่งอย่าง
เมื่อเห็นองครักษ์นำป้ายที่เอวออกมา นายอำเภอก็นึกตระหนกตกใจกลัว
“ท่านเหล่านี้เป็นคนของคุณชายรองแห่งจวนไคหยางกงเจ่ว์จริงหรือ” นายอำเภอกลุ้มใจเล็กน้อย “แต่…ทางข้าน้อยไม่ได้รับข่าวคราวอันใดเลยนี่”
โดยปกติ หากคุณชายจากตระกูลผู้บรรดาศักดิ์ใหญ่โตเช่นนี้ออกจากบ้าน ก็จะมีคนคอยห้อมล้อมและดูสะดุดตาอย่างยิ่งมิใช่หรือ
“ครั้งนี้คุณชายรองมาด้วยเรื่องส่วนตัวเท่านั้นเอง” องครักษ์เอ่ยภายใต้สีหน้าเรียบเฉย “ได้ยินว่าก่อนหน้านี้นายอำเภอเพิ่งตัดสินคดีหนึ่งไป สั่งประหารคนไม่น้อยเลยอย่างนั้นหรือ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ นายอำเภอก็เป็นอันเข้าใจได้ทันที
ได้ยินมาตลอดว่าร้านชุ่ยเหยียนไจป็นกิจการของตระกูลเศรษฐีผู้มั่งคั่ง แต่จะเป็นของตระกูลไหนเขาก็ไม่แน่ใจ ตอนหลังที่ตรวจสอบทรัพย์สิน เขายังให้คนส่งจดหมายไปเมืองหลวงอยู่เลย แต่จดหมายก็ไม่ได้ถูกส่งถึงมือเจ้าของที่แท้จริง อย่างมากก็มีผู้ดูแลงานในเรือนมารับไปรายงานอีกทีเท่านั้นเอง…
และจากการที่เขาสั่งตัดหัวผู้จัดการร้านคนนั้น อีกทั้งยังสั่งปิดกิจการแห่งนั้น เขาเองก็ยังนึกหวั่นในใจไม่น้อย เกรงกลัวว่าจะมีคนมาแก้แค้น ใจยังหวังอยู่ลึกๆ ว่าผู้ร่ำรวยสูงศักดิ์คนนั้นคงยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจเรื่องเล็กๆ อย่างนี้
“พวกท่านหมายถึงร้านชุ่ยเหยียนไจหรือ ข้าน้อยจำเป็นต้องทำจริงๆ และเรื่องนี้ใต้เท้าฮั่วเป็นผู้สอบสวนด้วยตัวเอง…” นายอำเภอหัวเราะเจื่อน
“ใต้เท้าฮั่วหรือ” องครักษ์ตกตะลึง
“ก็คือท่านอ๋องอู่เฉิน เขาเป็นผู้ปกครองแถบเมืองยง ดังนั้น…” เขาคือผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา จึงจำต้องคอยก้มหัวให้!
คดีนี้ ไม่ใช่คดีที่เขาจะตัดสินได้!
อีกอย่าง ท่านอ๋องตัดสินคดีความนี้ได้ถูกต้องไร้ที่ติ ผู้ดูแลร้านและผู้จัดการของร้านชุ่ยเหยียนไจนั้นไม่ใช่คนดี ประหารก็ประหารไปแล้ว และไม่มีเรื่องอะไรให้รู้สึกไม่เป็นธรรมแต่อย่างใด ใต้หล้านี้มีขุนนางที่มีความดีความชอบในราชการแผ่นดินแล้วได้รับพระราชทานที่ดินอยู่ไม่น้อย อย่างท่านอ๋องอู่เฉินไม่เพียงได้ถือเงินภาษี ทั้งยังมีอำนาจในการจัดการ อย่าว่าแต่ตัดสินคดีความเลย เขาจะกร่าง วางอำนาจบ้างแล้วจะอย่างไร นายอำเภอตัวเล็กๆ อย่างเขาไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งอะไรทั้งนั้น!
องครักษ์เหล่านั้นก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องไปถึงอ๋องอู่เฉิน
“เหตุใดท่านอ๋องจึงสนใจคดีนี้ถึงเพียงนี้” องครักษ์เอ่ยถาม
นายอำเภอลำบากใจ
จากที่ตอนแรกเขาเป็นคนสอบสวน ตอนนี้กลายเป็นคนอื่นสอบสวนเขาเสียแล้ว!
“ช่วงที่ท่านอ๋องได้รับแต่งตั้งก็ทำงานอย่างแข็งขัน เมื่อไม่มีกิจใดก็มักจะออกตระเวนในอำเภอใกล้ๆ และจะสืบคดีความบ้างเป็นครั้งคราว เมื่อใดก็ตามที่ท่านอ๋องได้ยินเสียงร้องเรียนจากประชาชนก็จะเอาใจใส่ ดังนั้น…คงเป็นเพราะพวกเขาดวงซวยเองกระมัง” นายอำเภอตอบตะกุกตะกัก
เขาย่อมไม่อาจบอกได้ว่าท่านอ๋องถูกใจในรูปโฉมของสตรีนางนั้นเข้าแล้วกระมัง
พูดออกไปก็เกรงว่าคนอื่นจะไม่เชื่อ!
ท่านอ๋องอยู่ในสถานะอันใด อยากได้ผู้หญิงแบบไหนทำไมจะไม่มีให้เลือก จะไปถูกตาต้องใจสาวชาวบ้านได้อย่างไร แล้วนับประสาอะไรกับการที่ตอนนั้นบนใบหน้าของนางยังปรากฏรอยแผลเป็นอีกด้วย แม้ดวงหน้างดงามจริงๆ แต่ก็ค่อนข้างมีตำหนิ…
แน่นอนว่านายอำเภอไม่รู้ว่าแผลเป็นบนใบหน้าซ่งอิงหายไปตั้งนานแล้ว
“หมายความว่าท่านอ๋องเพียงอยากช่วยเหลือผู้อื่น มิได้ตั้งใจจะแก้แค้นแทนสตรีนางนั้นหรอกหรือ” องครักษ์เอ่ยถาม
“เรื่องนี้…ข้าน้อยก็มิทราบเช่นกัน” นายอำเภอเอ่ยอย่างซื่อๆ
องครักษ์สบถฮึ จากนั้นกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ใต้เท้า ตอนนี้พวกเราไปได้หรือยัง นายท่านกำลังรอของพวกเราอยู่!”
“…” นายอำเภอกลืนน้ำลาย จากนั้นก็แย้มยิ้มตอบ “ได้แล้วๆ เชิญพวกท่านเถิด”
สิ้นสุดเสียงนั้น พวกองครักษ์ก็เดินจากไปทันที
รอยยิ้มของนายอำเภอค่อยๆ จางหายไป
“ใต้เท้า พยานพวกนี้…” เจ้าหน้าที่อาวุโสถอนหายใจ
“เชิญกลับเสียเถิด ส่วนแม่นางฮั่วนางนั้น…” นายอำเภอลังเลเล็กน้อย “คดีนี้ข้าไม่อาจตัดสินให้นางได้ แต่การทำเช่นนี้ก็จะขัดกับหน้าที่ของการเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลบ้านเมือง เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าส่งคนไปอธิบายสถานการณ์ให้นางรู้ว่าคนตระกูลไคหยางกงนี้ไม่ควรไปมีเรื่องด้วยเพราะอย่างไร ทางที่ดีให้นางยอมก้มหัวแล้วรับผิดเสียเถิด…”