ตอนที่ 611 ลั่นกลองรบเพื่อปลุกใจ / ตอนที่ 612 ปัญหาในการศึกษา
ตอนที่ 611 ลั่นกลองรบเพื่อปลุกใจ
ต่อให้ซ่งหม่านซานเอาตัวรอดไปวันๆ โดยไม่คิดมากสักเพียงใด แต่เขาก็รู้เช่นกันว่าซิ่วฉายคนหนึ่งมีความหมายต่อตระกูลพวกเขาอย่างไร!
ภายภาคหน้า หลานชายคนอื่นๆ ของเขา และแม้กระทั่งลูกชายเขา ล้วนเอาซ่งสวินเป็นแบบอย่างได้!
ปัจจุบันในครอบครัวก็ไม่ได้ยากจน แล้วยังมีผู้มากความสามารถเป็นแบบอย่างอยู่ตรงหน้าอีก เช่นนั้นไม่ช้าก็เร็ว เด็กๆ ในตระกูลซ่งย่อมประสบความสำเร็จโดดเด่นกว่าผู้อื่นเป็นแน่!
ซ่งหม่านซานสาวเท้ายาวเดินกลับไป ส่วนไข่มุกเม็ดนั้นก็ไม่ได้เอาเก็บซ่อนไว้อีกต่อไป “สอบผ่านแล้ว! มิหนำซ้ำยังเป็นที่สี่เสียด้วย ช่างเก่งกาจจริงๆ หลานสวิน เจ้าเชิดหน้าชูตาให้ข้าแล้ว วันนี้ข้ายังได้เจอคนคุ้นเคยเก่าๆ หลายคนด้วย คนเขารู้ว่าหลานชายข้าสอบผ่านแล้วก็พากันชมเชยไม่น้อย! อ้อ นี่เป็นของขวัญที่น้องสาวเจ้ามอบให้เจ้า นางกล่าวว่าหากเจ้าไม่ยินดีรับไว้ก็ยกให้ข้า! นานๆ ทีข้าจะได้เห็น เมื่อคืนก็เลยเอาไปนอนกอดมาหนึ่งคืนด้วยละ!”
ครั้นเอ่ยถ้อยคำเช่นนี้ออกมา ซ่งสวินก็มองตลับนี้อย่างรังเกียจเล็กน้อย
หากไม่ใช่ของที่ซ่งอิงมอบให้เขา เขาก็อยากจะโยนทิ้งเสียตรงนี้เลยจริงๆ…
เพียงแต่ว่า จะอย่างไรก็เปิดดูเสียหน่อยแล้วกัน หลังเห็นมันแล้วก็นิ่งเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นเก็บเอาไว้อย่างดี
“เจ้าเด็กคนนี้ ไยจึงไม่แสดงความรู้สึกอะไรเลย ข้ายังอยากเห็นท่าทีตระหนกตกใจของเจ้าเสียด้วยซ้ำ!” ซ่งหม่านซานรู้สึกผิดปกติ “นี่มิใช่ไม่รู้ว่าสิ่งนี้มีมูลค่าเท่าไรหรอกกระมัง!”
“น่าจะเป็นเงินจำนวนไม่น้อย ทว่าอาอิงให้ ข้าก็ไม่เกรงใจแล้วกันขอรับ” ซ่งสวินกล่าวอย่างตรงๆ
ก่อนหน้านี้ ยามที่เขาเรียนหนังสืออยู่ตัวอำเภอ ซ่งอิงก็นำสิ่งของมาส่งให้เขาไม่น้อย
โดยเฉพาะยาต้มที่ใช้บำรุงร่างกาย
ยามที่สอบระดับจังหวัดเสร็จสิ้น เขาก็รู้สึกเหมือนร่างกายของตัวเองแข็งแรงดีจนน่าประหลาด จึงไปหาหลางจง[1]ผู้หนึ่งเพื่อดูว่าน้ำแกงที่เอามาต้มไก่คืออะไร
หลางจงกล่าวว่าในนั้นน่าจะเป็นโสม มิหนำซ้ำประสิทธิผลของตัวยาก็ดีเยี่ยมไม่น้อย
เขาเรียนมาเป็นเวลานานขนาดนี้แล้ว เช่นนี้ก็หมายความว่า…ซ่งอิงแทบจะส่งน้ำโสมหนึ่งถังใหญ่ๆ มาให้กัน…
น้องสาวฆ่าโสมไปกี่ต้นกันแน่ คาดว่าคงนับไม่ถ้วนเลยกระมัง
หมายความว่า เงินมากมายถูกเอามากองถมอยู่กับร่างกายนี้ของเขา
อย่างน้อยเขาก็ถือเป็นชีวิตเล็กๆ ที่ค่อนข้างมีมูลค่า แล้วมีหรือจะตื่นตกใจกับการมองเห็นไข่มุกเม็ดเดียว
ซ่งหม่านซานรู้สึกว่าเด็กคนนี้น่าเบื่อจริงๆ ไม่มีชีวิตชีวาเลยสักนิด
“เช่นนั้นก็เอาเถอะ เจ้าเก็บไว้ให้ดีๆ อย่าให้คนอื่นขโมยไปได้เชียว” ซ่งหม่านซานบอกอย่างเสียดาย “เจ้าวางแผนอะไรไว้บ้าง”
การสอบระดับสถาบันของปีนี้เป็นการสอบคัดเลือกขุนนางเพื่อบรรจุเข้าข้าราชการ โดยทางราชสำนักจัดให้เป็นการสอบส่วนกลาง มิใช่การสอบประเมินผลประจำปีเพื่อเลื่อนขั้นเกียรติคุณ ดังนั้นปีหน้าเดือนแปดก็จะมีการสอบระดับท้องถิ่นหนึ่งรอบ เพียงแต่หากสอบระดับท้องถิ่นในปีหน้าไม่ผ่าน การสอบระดับท้องถิ่นในครั้งถัดไปก็จำเป็นต้องรออีกสามปี
หากปีหน้าสอบระดับท้องถิ่นผ่าน ทว่าช่วงเวลาของการสอบระดับประเทศก็ค่อนข้างกระชั้นชิดอีก การสอบจะจัดขึ้นในปีหน้าเดือนสองหลังการสอบระดับท้องถิ่น
หลักการเดียวกัน หากสอบระดับประเทศไม่ผ่าน ก็จำเป็นต้องคอยอีกสามปีจึงจะได้สอบ
“เจ้าก็ไม่ต้องกดดันตัวเองมากเกินไป คนเล่าเรียนหนังสือทั่วทั้งใต้หล้านี้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นปู่เจ้าได้แล้วก็ยังสอบกันอยู่เลย เจ้าอยากจะสอบผ่านในครั้งเดียวทุกการสอบนั่นคงเป็นไปมิได้” ซ่งหม่านซานสบโอกาสเข้าหน่อยก็พูดจาโจมตีหมายเป็นแรงกระตุ้นขึ้นมาทันที “บัดนี้มีเกียรติคุณซิ่วฉายก็เพียงพอแก่การใช้งานแล้วเช่นกัน การสอบระดับท้องถิ่นในปีหน้าเจ้าก็ลองดูหน่อย หากสอบไม่ผ่านต้องรออีกสามปีก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด”
เพียงแต่ว่าหากสอบระดับท้องถิ่นไม่ผ่านก็จะไม่มีสิทธิ์สอบระดับประเทศ ทำให้จำเป็นต้องล่าช้าออกไปอีก
สูญเสียโอกาสไปครั้งหนึ่ง ต่อให้ครั้งหน้าสอบผ่านแล้ว ซ่งสวินก็อายุยี่สิบสี่ปีแล้ว ล่าช้าไปสามปีแล้วสามปีเล่า…มีโอกาสให้มากมายเช่นนี้เสียที่ไหนเล่า
อีกทั้งตอนที่อายุยังน้อยย่อมเปี่ยมไปด้วยพลัง ยังพอฮึดสู้ได้ แต่เมื่อกาลผ่านเลยไปเรื่อยๆ ความทะเยอทะยานก็จะค่อยๆ เลือนหายไปเช่นกัน
ซ่งหม่านซานเองก็รู้สึกเสียดายมากเช่นกัน
หลานชายผู้นี้พักการเรียนไปห้าปีก็ยังสอบซิ่วฉายผ่านได้ หากได้รับการสอนชี้นำอย่างดีแต่เล็ก ไม่แน่ว่าตอนนี้จะได้เป็นจวี่เหรินเหล่าเหยียแล้ว!
เฮ้อ ต้องโทษที่บิดาเขามองผิดไป
ตอนที่ 612 ปัญหาในการศึกษา
ตัวซ่งสวินเองก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเช่นกัน
“ข้าอยากลองดูขอรับ” สุดท้ายเขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เรื่องที่สอบซิ่วฉายผ่าน ท่านหรือน้องสาวข้าช่วยบอกกับท่านปู่สักหน่อยนะขอรับ ข้าจะยังไม่กลับไป สถานศึกษาของทางด้านตัวอำเภอนั่นแม้ว่าไม่เลว แต่เทียบกับเมืองยงทางด้านนี้ก็ยังนับว่าด้อยกว่ามาก ข้าตั้งใจว่าจะขอมาเรียนในสถานศึกษาทางด้านนี้ขอรับ”
“…” ซ่งหม่านซานอ้าปากพะงาบๆ คล้ายอยากพูดบางอย่าง
“นอกจากนั้นยังต้องรบกวนท่านอาส่งคนไปที่บ้านทางด้านตัวอำเภอนั่นหน่อย ข้ามีหนังสืออีกไม่น้อยที่ไม่ได้นำติดมาด้วยขอรับ” ซ่งสวินกล่าวขึ้นอีกครั้ว
“….” ไอ้เด็กหนุ่มนี่ เรียกใช้เขาแล้วหรือ
“เช่นนั้นเจ้าจะพักอยู่ที่ไหน ทางด้านข้านี้…” ซ่งหม่านซานขยับปากเล็กน้อยหมายพูดบางอย่าง เพียงแต่พูดไม่ออกเสียนี่ ทางด้านเขาก็มีที่ให้อาศัยอยู่หรอก เพียงแต่ค่อนข้างวุ่นวาย ปกติแต่ละวันมีลูกค้าเข้าออก แล้วยังมีเหล่าพี่ๆ น้องๆ ที่ทำงานด้วยกันอีก พูดคุยล้วนโหวกเหวกเสียงดังกันทั้งนั้น ไม่ค่อยเหมาะแก่การอ่านตำราเลยจริงๆ
“ไข่มุกเม็ดนี้ที่น้องสาวข้าให้คงขายได้เงินจำนวนไม่น้อย ข้าจะรบกวนสหายเอาไปช่วยขายทิ้งเสีย จากนั้นเช่าเรือนข้างๆ สถานศึกษาสักหลัง แล้วยังต้องรบกวนท่านอาช่วยหาเด็กรับใช้ที่ดีๆ ให้หน่อยสักคนด้วยขอรับ” ซ่งสวินกล่าวอย่างไม่เกรงใจเช่นกัน
เมื่อก่อนเขาไม่อยากใช้สิ่งของที่น้องสาวให้ แต่ตอนนี้คิดๆ ดูก็ไม่ใช่เด็กๆ กันแล้วสิ่งเหล่านี้ที่น้องสาวให้ ทำให้เขาเล่าเรียนได้อย่างสบายใจ มีเพียงเขาขยันเล่าเรียน ภายภาคหน้าจึงจะมีสักวันที่ตอบแทนได้ หากมัวแต่กังวลใจก็ไม่รู้ว่าต้องสิ้นเปลืองเวลาไปอีกมากน้อยเท่าไร
ณ ตอนนี้ เขามีเวลาที่ใช้ได้เพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้น การสอบระดับท้องถิ่นในปีหน้า และแม้กระทั่งการสอบระดับประเทศในปีถัดจากปีหน้า เขาจำเป็นต้องสอบให้ผ่าน!
เมื่อก่อนเขามักมีความมั่นใจไม่มากพอ แต่เมื่อคิดใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วน ตลอดหนึ่งปีมานี้ เขาสมองโลดแล่นกว่าเมื่อก่อนอย่างเทียบไม่ได้ น่าจะเป็นเพราะประสิทธิผลของการที่น้องสาวให้เขาดื่มน้ำโสม สิ้นเปลืองของบำรุงชั้นดีมากมายเช่นนี้แล้ว หากไม่มีแม้แต่ความมั่นใจก็จะไม่เอาไหนเกินไปแล้วกระมัง!
ซ่งหม่านซานอ้าปากพะงาบๆ แต่แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“บ้านที่ตัวอำเภอนั่น…” เห็นซ่งสวินต้องการกลับเรือน เขาก็นึกอีกอย่างขึ้นได้กะทันหัน
“ให้น้องสาวข้าจัดการแล้วกันขอรับ เพียงแต่ข้าคาดว่าด้วยอุปนิสัยของนาง น่าจะให้ซ่งต๋าและซ่งอู่พวกเขาพักอยู่ที่นั่น โรงเรียนของหมู่บ้านเราแม้ว่าไม่เลว แต่ความสามารถของท่านอาจารย์ผู้สอนก็ยังด้อยกว่าทางตัวอำเภออยู่บ้างขอรับ” ซ่งสวินกล่าวขึ้นอีกครั้ง
เมื่อกล่าวจบ ซ่งสวินก็เดินกลับเข้าเรือนไปอ่านหนังสือต่อโดยไม่สนใจอื่นใดแล้ว
ไม่นานนัก ซ่งหม่านซานก็ได้ยินเสียงคำพูดที่ดังจอแจไปหมด และฟังไม่รู้เรื่องเลยสักประโยค
ต่อจากนั้นไม่นาน เขาก็มุ่งหน้าไปหาซ่งอิงเพื่อรายงานข่าวดี
ปรากฏว่าซ่งอิงไม่มีความรู้สึกตื่นเต้นดีใจเลยสักนิด มิหนำซ้ำยังหน้าตาเฉย ดูมั่นใจในตัวเองอย่างยิ่ง
จู่ๆ ซ่งหม่านซานก็รู้สึกว่าลักษณะที่สงบเยือกเย็นของสองพี่น้องคู่นี้กลายเป็นความอวดดีอย่างถึงที่สุด
“พี่ชายเจ้าต้องการเด็กรับใช้เอาไว้ใช้งานระหว่างเล่าเรียน ข้าตาไม่ถึงก็ไม่ขอเลือกแทนเขาแล้วกัน เกรงว่าเขาจะไม่ถูกใจ” ซ่งหม่านซานสบถฮึ
เขาชอบคนที่กิริยาหยาบๆ ตรงไปตรงมา แต่เห็นได้ชัดว่าซ่งสวินผู้นั้นต่างออกไป
“เจ้าค่ะ ให้พี่ชายข้ารอหน่อยแล้วกัน ข้าจะไปเลือกสองสามคนจากในหมู่บ้านสวนที่ซื้อไว้แล้วค่อยให้เขาเลือกอีกครั้ง” ซ่งอิงกล่าว
“แล้วบ้านที่ตัวอำเภอ…” ซ่งหม่านซานเอ่ยปากอีกครั้ง
“ข้าตั้งใจว่าจะขายเจ้าค่ะ” ซ่งอิงตอบตรงๆ เป็นผลให้ซ่งหม่านซานถึงกับตระหนกตกใจ แต่แล้วกลับได้ยินนางเอ่ยปากอีกครั้ง “จากนั้นค่อยซื้อเรือนหลังใหม่ข้างๆ สถานศึกษาที่ใหญ่โตกว้างขวางขึ้นหน่อย รุ่นหลานๆ ในตระกูลซ่งล้วนต้องไปพักอาศัยที่นั่น ถึงตอนนั้นข้าจะจ้างผู้ดูแลงานในเรือนสักคนมาคอยดูพวกเขาเป็นการเฉพาะ ทุกสัปดาห์กลับไปพักสองวัน ส่วนปกติแต่ละวันก็ตั้งใจเล่าเรียนอยู่ที่ตัวอำเภอ อาสี่ท่านว่าอย่างไรล่ะเจ้าคะ”
“…” ซ่งหม่านซานเดาะลิ้น
“ให้บรรดาเด็กๆ ย้ายไปกันหมด ไม่แน่เสมอไปว่าคนทางบ้านจะวางใจ…” ซ่งหม่านซานกล่าว
“ปกติท่านปู่อยู่บ้านก็ไม่มีเรื่องอันใดต้องทำ ก็ให้เขาไปเฝ้าดูแล้วกันเจ้าค่ะ เขาเองก็อายุปูนนี้แล้ว ถึงอย่างไรก็คงไม่ดีนักกระมังหากวันๆ จะให้เข้าไร่ลงนาทำงานหนัก การอบรมสั่งสอนหลานๆ ก็ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญเช่นกัน” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“จะให้พ่อเฒ่าอยู่นั่นคนเดียวน่ะหรือ แล้วท่านย่าเจ้าไม่ต้องไปด้วยหรือไร” ซ่งหม่านซานกล่าวขึ้นอีกครั้ง
[1] หลางจง (郎中) แพทย์แผนจีนซึ่งรับผิดชอบในส่วนการออกใบจ่ายยา