ตอนที่ 643 ล้วนเป็นความเข้าใจผิดทั้งสิ้น / ตอนที่ 644 มีชีวิตอยู่
ตอนที่ 643 ล้วนเป็นความเข้าใจผิดทั้งสิ้น
นางผู้นี้จดจำผู้ที่เคยกระทำผิดต่อตนได้อย่างชัดเจน
ภายใต้การยุยงส่งเสริมของหลี่จิ้นเป่า หนิวซานซานพาเด็กๆ ในหมู่บ้านไปขว้างปาของใส่เจ้าของร่างเดิม เป็นผลให้เจ้าของร่างบังเอิญหกล้มแล้วเสียชีวิต
เพียงแต่ว่าตอนนั้นหนิวซานซานพร้อมคนอื่นยังเด็ก บิดามารดาไม่รู้จักอบรมสั่งสอน ดังนั้นก่อให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ แม้ว่านางเคยคิดแก้แค้นแทนเจ้าของร่าง แต่ที่นี่ก็ถือเป็นสังคมที่มีกฎหมาย ฟาดฟันใครตามอำเภอใจไม่ได้ อีกทั้งเจ้าของร่างก็มีมิตรภาพกับเด็กๆ ในหมู่บ้าน นางย่อมไม่คิดทำเรื่องลักษณะนั้นเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ ชีวิตที่ผ่านมานี้ หนิวซานซานจึงได้รับผลตอบแทนของการประพฤติตนอย่างไร้มนุษยธรรมแล้ว
การที่มีคนคอยสั่งสอนและจับตาดูเขา ทำให้เขาได้รับการขัดเกลาจิตใจไม่น้อย และถือว่าเป็นการชดใช้ความผิดด้วยเช่นกัน
ปัจจุบันคนผู้นี้เปลี่ยนแปลงแล้ว เช่นนั้นขอเพียงหลังจากนี้เป็นเด็กดี เรื่องราวในอดีตก็เพียงปล่อยให้ผ่านเลยไป นางมีอารมณ์ความรู้สึกเดียวกับเจ้าของร่าง ไม่ได้โกรธเคืองปักใจแค้นไม่เลิก ในทางกลับกัน ยังรู้สึกชื่นใจเล็กน้อยด้วยซ้ำ
ส่วนครั้งนี้ เป็นเพราะนาง จึงทำให้หนิวซานซานพลอยได้รับความตระหนกตกใจไปด้วยครั้งหนึ่ง
นางจึงต้องชดใช้ให้
อีกทั้งก็เพื่อปลอบขวัญคนในหมู่บ้าน
นาง ซ่งอิง ไม่มีทางทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วยเปล่าๆ หากใครถูกรังแกเพราะนาง นางจะจัดการเพื่ออีกฝ่าย เช่นนี้จึงจะไปมาหาสู่กันได้โดยดีต่อไป
“จะ…จะให้เงินก้อนนี้จริงหรือ” เสียงบิดาของหนิวซานซานแทบจะแหบพร่า
“ใช่เจ้าค่ะ ท่านเอาไปสร้างบ้านได้ ภายภาคหน้าสู่ขอภรรยาเก่งๆ ให้หนิวซานซานสักคน เพียงแต่ว่า ลุงหนิว เงินไม่ได้สำคัญไปกว่าเด็ก อย่าว่าแต่หนึ่งพันตำลึงเงินเลย ต่อให้ท่านมีหนึ่งหมื่นหนึ่งแสนตำลึงเงิน ก็สมควรคำนึงถึงเด็กเป็นอันดับแรก อย่าทำให้เด็กรู้สึกว่ามีเงินแล้วก็ควบคุมได้ทุกสิ่งอย่าง ก็อย่างเช่นคุณชายท่านที่อยู่ตรงหน้านี้ มีทั้งอำนาจมีทั้งเงิน ที่สมควรยอมรับผิดก็ต้องยอมรับผิด” ซ่งอิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
นางพยายามเอาหนึ่งพันตำลึงเงินมาให้ครอบครัวหนิว เป็นเพราะค่อนข้างเชื่อมั่นในตัวลุงหนิวผู้นี้
“แน่นอน! เงินนี้ข้ารับเอาไว้ก็รู้สึกลวกมือเช่นกัน ข้า…ข้าว่าเอาออกมาครึ่งหนึ่งมอบให้ท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้านเอาไว้ช่วยเหลือเด็กๆ ในหมู่บ้านจะดีกว่า…” บิดาหนิวซานซานกล่าวทันที
การตบหน้าครั้งเดียวแลกมาซึ่งเงินจำนวนมากขนาดนี้ เขาเองก็ไม่สบายใจเช่นกัน
ทำเรื่องดีๆ สักหน่อยจะดีกว่า เช่นนั้นจึงจะดึงอารมณ์ที่ล่องลอยอยู่ให้สงบลงได้
เงินอีกครึ่งที่เหลือ เอามาสร้างบ้านหลังใหญ่หน่อย จากนั้นเก็บไว้ให้ลูกซื้อหนังสือ จะได้อ่านหนังสือให้ฉลาดๆ จะเอาไปใช้สุรุ่ยสุร่ายมิได้!
“ดีอย่างยิ่งเลยเจ้าค่ะ” ซ่งอิงคลี่ยิ้มกว้าง
จากนั้นคุณชายรองเซว์ก็เขียนสัญญามอบเงินให้ แล้วจึงส่งคนตระกูลหนิวกลับไป
“เอาละ ตอนนี้จัดการเรื่องของตระกูลหนิวเรียบร้อยแล้ว พวกเราพูดคุยเรื่องของเราได้แล้ว ได้ยินว่าเจ้าต้องการจับตัวลูกชายข้า มิหนำซ้ำยังไปก่อเรื่องวุ่นวายที่ร้านว่านหลิงแห่งนั้นอีกด้วยหรือ” ซ่งอิงเอ่ยถาม
“เป็นความเข้าใจผิดน่ะ…” คุณชายรองเซว์เอ่ยปากอย่างยากลำบาก
“ข้ารู้สึกว่าก็จริง ร้านว่านหลิงทางด้านนั้นเจ้าก็ชดใช้เงินให้แล้วเช่นกัน ดังนั้นเรื่องนี้ข้าจะไม่เอาความอะไรกับเจ้า เพียงแต่ว่าคุณชายเซว์ ความจริงข้านับถือเจ้ามาก ครั้งนี้ระหว่างเรามีความเข้าใจผิดกัน ตามจริงไม่ใช่ความผิดของเจ้า และไม่ใช่ความผิดของข้าเช่นกัน” ซ่งอิงกล่าว
“???” คุณชายเซว์นิ่งอึ้ง
เช่นนั้นเป็นความผิดของใคร
“เป็นความผิดของบิดามารดาผู้ให้กำเนิดข้า เมื่อก่อนหน้านี้ตอนที่ข้าอยู่เมืองหลวง พวกเขาด่าว่าบิดาเจ้าไว้ไม่น้อย ดังนั้นข้าจึงไม่มีความรู้สึกดีอันใดต่อครอบครัวพวกเจ้า จงใจหลบไม่เจอเจ้า เพียงแต่บัดนี้หลังจากเห็นการประพฤติตนของเจ้า ข้าก็พบว่าเจ้าเป็นคนที่มีเหตุมีผลอย่างยิ่ง ต้องไม่ใช่คนชั่วร้ายและไร้ยางอายเฉกเช่นที่ท่านพ่อท่านแม่และพี่ชายข้าพูดแน่ หากแต่เป็นเพราะพวกเขาลำเอียงต่างหาก”
“พะ…พ่อแม่และพี่ชายของเจ้าหรือ” คุณชายรองเซว์ตกตะลึง
จากนั้นเขาก็สบมองเข้ากับดวงตาของซ่งอิง ในดวงตาคู่งามและดูคุ้นตานี้ ความทรงจำของเขาค่อยๆ หวนกลับคืน
“เจ้า…เป็น…บุตรสาวคนโตโดยชอบธรรมดาของ…เหยียนผิงโหวหรือ” คุณชายรองเซว์รู้สึกเพียงเหลือเชื่อเล็กน้อย “ไม่ ไม่สิ ข้าได้ยินว่า เจ้าตะ…ตายไปนานแล้ว…”
หลังจากท่านอ๋องเฒ่าสิ้นใจ ก็ได้ยินว่าคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเหยียนผิงโหวตระหนกตกใจอย่างยิ่งไปชั่วขณะ ส่งผลกระทบถึงสุขภาพร่างกายแล้วขอตายตามไป
ตอนนั้นผู้คนไม่น้อยยังสะเทือนใจอยู่เลย!
แต่คนผู้นี้ ไฉนมาอยู่ที่นี่ได้!
ตอนที่ 644 มีชีวิตอยู่
คุณชายรองเซว์รู้สึกตระหนกตกใจเล็กน้อยจริงๆ เพราะตระกูลเขาค่อนข้างคุ้นเคยกับจวนเหยียนผิงโหว ดังนั้นก็พอเข้าใจเกี่ยวกับคุณหนูใหญ่แห่งจวนโหวผู้นี้อยู่บ้าง
ตอนแรกท่านอ๋องมีความตั้งใจแต่งอนุภรรยาเพิ่ม เดิมทีก็ไม่ได้ร้องขอว่าต้องเป็นบุตรสาวของตระกูลจวนโหว อย่างไรเสียจะร้ายจะดีจวนโหวก็เป็นถึงขุนนางที่มีความชอบในราชการแผ่นดิน เด็กๆ ของตระกูลเขาไปเป็นอนุภรรยาก็ออกจะไม่เป็นธรรมเกินไป
เพียงแต่ท่านอ๋องเฒ่าผู้นั้นเป็นพวกไม่แยแสเรื่องใดทั้งสิ้น
ณ ช่วงนั้น บุตรสาวของหลายตระกูลที่มีคุณธรรมดีงามเพรียบพร้อมล้วนถูกหมายตา
และจวนเหยียนผิงโหวมีหญิงสาวที่ออกเรือนไปแล้วชื่อเสียงดีงาม เป็นผลพวงให้บุตรสาวของตระกูลเหยียนผิงโหวล้วนได้รับความนิยมชมชอบอย่างยิ่ง
ท่ามกลางบุตรสาวของเหยียนผิงโหวผู้นี้ ขณะนั้นบุตรสาวคนโตมีความสามารถมากที่สุด นางจัดว่าเป็นลำดับต้นๆ ในหมู่สตรีตระกูลชนชั้นสูงแห่งเมืองหลวง เมื่อก่อนเขาเคยเห็นเช่นกัน เป็นผู้ที่ชาญฉลาดเกินเปรียบเทียบจริงๆ
ส่วนอ๋องเฒ่าผู้นั้นจริงๆ แล้วก็สอบถามเกี่ยวกับบุตรีของจวนโหวมาบ้างแล้วเช่นกัน จึงให้ถ่ายทอดถ้อยคำออกไปว่าอยากจะสู่ขอนาง
ว่ากันตามหลัก หากจวนโหวปฏิเสธการแต่งงานก็ไม่เป็นอันใด แต่ใครๆ ก็คิดไม่ถึงว่าจวนโหวกลับตอบตกลง!
ทว่าเป็นเพียงการหมั้นหมาย โดยกล่าวว่าบุตรสาวยังเด็ก มีความตั้งใจจะรออีกสักสองปี
นับแต่นั้นมา คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลซ่งที่เมื่อก่อนชอบออกมาข้างนอกก็ไม่ค่อยออกจากเรือนอีก มิหนำซ้ำหลังหมั้นหมายแล้วหนึ่งปีกว่า เขาเคยเจอนางที่งานเลี้ยง แต่นางดูผิดแปลกไป!
คุณหนูใหญ่ตระกูลซ่งที่ว่านี้นามว่าซ่งอิง รูปลักษณ์ภายนอกก็ถือว่าขาวผ่องบอบบาง หน้าตาไม่เลวเช่นกัน แต่เหมือนท่อนไม้ก็ไม่ปาน ดูขลาดกลัว ไม่เป็นธรรมชาติ โดยสรุปคือไม่มีบุคลิกอย่างคุณหนูใหญ่ทั่วไป!
ตอนนั้นคนจำนวนไม่น้อยสงสัยว่าจวนโหวหาคนมาแต่งงานแทน แต่รูปลักษณ์ของแม่นางผู้นั้น คล้ายคลึงกับโหวฮูหยินไม่น้อยเลยจริงๆ
ต่อมาคนจวนโหวก็ชี้แจงกับภายนอกว่า ซ่งอิงผู้นี้ต่างหากเป็นบุตรสาวคนโตโดยชอบธรรม เพียงแต่เพราะหลังเกิดมาก็ร่างกายไม่แข็งแรง ไม่สะดวกพบเจอคนภายนอก ดังนั้นจึงรักษาตัวอยู่ที่บ้านสวนชานเมืองมาโดยตลอด ส่วนซ่งฮวน ตามจริงเป็นบุตรสาวที่เกิดจากอนุภรรยา เพราะมารดาผู้ให้กำเนิดเสียชีวิตไปไว ดังนั้นจึงบันทึกอยู่ใต้นามนายหญิงของจวน หวังมาช่วยปรนนิบัติมารดาแทนบุตรสาวคนโต
คนเขากล่าวอีกว่า แม้ว่าจวนโหวมีบรรดาศักดิ์สูงส่ง แต่ก็ไม่สะดวกใจที่จะให้บุตรสาวผู้เกิดจากอนุภรรยาแต่งเข้าไป ตอนนี้บุตรสาวคนโตร่างกายแข็งแรงดีแล้ว นางก็มีฐานะตัวตนคู่ควรกับท่านอ๋องพอดิบพอดีก็เท่านั้นเอง…
ตอนนั้น เขาประหลาดใจเกี่ยวกับตัวซ่งอิงผู้นี้ถึงขีดสุด
เขาคิดเช่นกันว่า จะเป็นเหมือนซ่งฮวนหรือไม่ ที่รูปลักษณ์งดงามก็ว่ายอดเยี่ยมแล้ว มิหนำซ้ำยังนิสัยดีอีกด้วย
แต่หลังจากมองปราดหนึ่ง เขาก็ผิดหวัง
รูปลักษณ์แย่กว่าซ่งฮวนเยอะ บุคลิกก็ไม่เท่าไร ชุดผ้าแพรที่สวมใส่นั่นเหมือนอาภรณ์ที่ขโมยเด็กน้อยมาสวม ไม่ว่าจะมองอย่างไรล้วนรู้สึกไม่พอดีตัวเอาเสียเลย
ดังนั้นเขาจึงจำได้ขึ้นใจ
สะใภ้ตระกูลฮั่วตรงหน้าผู้นี้ ก็คือ…ซ่งอิงจริงๆ!
เพียงแต่…
ดูไม่ค่อยเหมือนตอนนั้นสักเท่าไร
เขาจำได้ว่าเมื่อก่อนยามที่เจอคุณหนูใหญ่ตระกูลซ่ง นัยน์ตานางไร้ประกายสดใส คนทั้งคนให้ความรู้สึกสงบเงียบไปหน่อย ไม่กล้าโต้เถียงคำพูดของผู้คนรอบข้าง ไม่ใช่ลักษณะเช่นปัจจุบันที่เอาแต่ยิ้มกริ่มเช่นนี้อย่างแน่นอน!
“เป็นเจ้า…จริงๆ หรือ” เซว์เส่าคุนรู้สึกว่าความคิดตัวเองยุ่งเหยิงไปหมด “แต่ไฉนเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้เล่า อีกทั้ง…เจ้าแต่งงานแล้วหรือ ไม่น่านี่? ตอนที่เจ้าตาย จวนโหวยังกล่าวอีกว่าเจ้าเศร้าโศกจนล้มป่วย ไยจึงยังมีชีวิตอยู่อีก…”
เพราะการตายของคุณหนูใหญ่ซ่ง ผู้คนจำนวนไม่น้อยยังชื่นชมว่าตระกูลเหยียนผิงโหวรู้จักสั่งสอนบุตรสาว ถึงขั้นสั่งสอนบุตรีให้มีความหนักแน่นในความรัก รู้จักรักเดียวใจเดียวชั่วชีวิต!
แต่นางยังมีชีวิตอยู่!
“ทำไมข้ามีชีวิตอยู่ไม่ได้เล่า บิดามารดาผู้ให้กำเนิดข้า ซึ่งก็ท่านโหวและฮูหยินอย่างที่รู้กันดี ข้าเป็นผู้ที่พวกเขาให้กำเนิด แล้วพวกเขาจะทำใจปล่อยให้ข้าไปตายได้อย่างไร เพียงแต่บุตรสาวของจวนโหวจำเป็นต้องมีชื่อเสียงดีงาม ข้ายังไม่ทันได้แต่งงานว่าที่สามีก็ตายเสียแล้ว เห็นได้ชัดว่าชะตาชีวิตข้าไม่ดี ดังนั้น…” ซ่งอิงกะพริบตาปริบๆ อย่างไร้เดียงสา “ดังนั้นก็ให้ข้าออกมาใช้ชีวิตไปตามยถากรรม”
“เจ้าคงไม่เอาไปพูดสู่ภายนอกเรื่อยเปื่อยกระมัง ตระกูลเซว์พวกเจ้าล้วนไม่ใช่คนดี ได้ยินว่าบิดาเจ้าร้ายกาจน่าดู เดิมทีต้องลดตำแหน่ง แต่เพื่อรักษาตำแหน่งขุนนางเอาไว้ จึงไม่คำนึงถึงองค์หญิงซั่ง ท่านพ่อข้ายังกล่าวอีกว่าแม้มารดาเจ้าเป็นองค์หญิง แต่ในความเป็นจริงก็ไม่ได้รับความโปรดปราน ไม่มีความสามารถอันใดแต่กลับวางมาดใหญ่โตและลอบสังหารอนุภรรยาตายไปตั้งหลายคนแล้วด้วย…”